ทุกคนตกตะลึงกันมาก กระบวนท่าของอู๋ทงเมื่อครู่เป็ทักษะการต่อสู้หลิงระดับกลางที่แข็งแกร่งมาก แต่ิอวี่กลับใช้แค่มือคู่หนึ่งรับพลังการโจมตีอันบ้าคลั่งนั้นได้ เขาใช่คนแน่หรือเปล่า?
โจวไคขยี้ตาตัวเอง ภาพหลอน มันต้องเป็ภาพหลอนแน่!
ไม่มีใครรู้ว่า ิอวี่นั้นมีกายเหล็กสุริยัน มีชีพจรัสีทอง มีกระดูกดังทองแท่ง มีพลังเืลมที่มหาศาลมาก
เมื่อร่างกายได้รับการเปลี่ยนแปลงมาจากเคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูง ต่อให้ฝึกแค่กระบวนท่าที่สี่เท่านั้น ิอวี่ก็เหมือนเทพาร่างเหล็ก คนในระดับทั่วไปจะเป็คู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไรกัน?
ความตกตะลึงของทุกคนยังไม่ทันหายไป ิอวี่ก็เริ่มการเคลื่อนไหวต่อทันที
เขายื่นแขนทั้งสองข้างออกไปแล้วพลิกข้อมือ ดึงเอาค้อนดาวตกที่หนาและหนักนั่นมาไว้ในมือ จากนั้นก็กระชากตัวของอู๋ทงมาทางเขา
ในใจของอู๋ทงเองก็ตกตะลึงถึงพลังการป้องกันอันแข็งแกร่งของิอวี่มากเหมือนกัน แต่ในเวลานี้ิอวี่กระชากตัวเขาเข้าไปใกล้แล้ว อู๋ทงจึงปล่อยเลยตามเลย แล้วะเิพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่ห้าที่มีพลังเทียบเท่าราชสีห์สามร้อยตัวออกมา แล้วพุ่งไปที่หน้าอกของิอวี่!
“ฮึ! รนหาที่ตายเองนะเ้าหนู”
“งั้นหรือเ้าหัวโล้น?”
ิอวี่ยื่นมือซ้ายออกไป ล็อกกำปั้นขวาที่มีพลังเทียบเท่าราชสีห์สามร้อยตัวเอาไว้ แล้วดันตัวเองไปข้างหน้า อู๋ทงเก็บพลังที่ปล่อยโจมตีิอวี่ไม่ทัน
หลังจากนั้น ิอวี่ก็เหวี่ยงหมัดของเขาไปที่แก้มซ้ายของอู๋ทง แล้วพลิกตัวซัดหมัดขวาไปที่ใบหน้าที่ผิดรูปไปแล้วของอู๋ทง จนเขากระแทกล้มลงไปกับพื้น
“ตึ่ง!”
เมื่อสิ้นเสียงที่ดังขึ้น หมัดของิอวี่ก็ซัดหัวของอู๋ทงฝังเข้าไปที่พื้นหิน เขาตาเหลือก กระอักเืออกมา และเสียพลังการต่อสู้ไปในทันที
ทั่วทั้งลานประลองเงียบกริบ
ทุกคนที่ชมการประลองอ้าปากค้าง ดวงตาแทบจะหลุดและหล่นลงมาที่พื้น สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันเหนือความคาดหมายของพวกเขามาก
อู๋ทงได้รับการนับถือและยกย่องในเมืองใต้ดินหวังเฉิงอย่างมาก เพราะเขาแข็งแกร่งมาก ในหมู่คนหนุ่ม การรับมือเขาได้สิบกระบวนท่าถือเป็เกียรติอันสูงสุด แต่ในตอนนี้ ิอวี่กลับใช้แค่กระบวนท่าเดียวเล่นงานอู๋ทงจนย่อยยับ
ชายหนุ่มลึกลับคนนี้ไม่แม้แต่จะให้ผู้ชมได้เตรียมตัวเตรียมใจ ก็ทำให้ผู้ชมหัวใจแทบวายกันหมด
โจวไคที่เจ็บหนักอยู่ด้านล่างลานประลองในเวลานี้ มองไปที่ิอวี่อย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาฝืนรับมืออู๋ทงมาได้สิบกระบวนท่าอย่างทุลักทุเล แต่ิอวี่กลับใช้กระบวนท่าเดียวก็เอาชนะอู๋ทงได้แล้ว มันทำให้ความภูมิใจที่ได้มาของเขานั้นะเิหายไปจนหมด!
“พรืด!” โจวไคคุมความอัดอั้นไว้ไม่ไหว เืกระฉูดออกมาจากปากแล้วล้มลงกับพื้น
“ยิน ... ยินดีกับท่านผู้ท้าประลองิอวี่ที่เป็ผู้ชนะด้วย”
พิธีกรเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก เขาเดินขึ้นมาบนลานประลองอีกครั้ง มองไปที่ิอวี่แล้วพูดว่า “อือ ... เพราะว่าท่านได้เอาชนะอู๋ทงที่ผ่านรับคำท้ามาแล้วเก้าครั้งได้ ตอนนี้ถือว่าเท่ากับเป็ผู้ท้าชิงสิบครั้งแล้ว ไม่ทราบว่าท่านจะประลองต่อไหม ... ผู้ท้าประลองคนที่สิบเอ็ด จะเป็คนจากเมืองใต้ดินของเราเอง”
ิอวี่ถามว่า “แล้วการประลองรอบต่อไปข้าจะได้เงินเท่าไร?”
พิธีกรตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมาว่า “หากท่านชนะในรอบที่สิบเอ็ด เงินรางวัลจะเพิ่มอีกสองแสนเหรียญหยกดำ หรือก็คือ ท่านจะได้รับเจ็ดแสนเหรียญหยกดำ”
เจ็ดแสนเหรียญหยกดำบวกกับเงินก่อนหน้านี้ที่ิอวี่ได้ไปหนึ่งล้านห้าแสนเหรียญหยกดำ ก็เท่ากับเงินสองล้านสองแสนเหรียญหยกดำ ถ้าอย่างนั้นก็มากพอที่จะซื้อหลิงจือโลหิตแดงได้แล้ว!
“ได้ งั้นข้าประลองต่อเลย” ิอวี่ตอบอย่างแทบไม่คิดเลย
“...”
ด้านล่างลานประลองไม่มีใครพูดอะไรเลย ทำไมพูดเหมือนกำลังเล่นสนุกอยู่ เหมือนเขารู้สึกว่าอย่างไรเขาก็ชนะการประลองรอบที่สิบเอ็ดแน่ๆ อย่างนั้นแหละ
ผู้ท้าทายของเมืองใต้ดินหวังเฉิงหรือที่เรียกว่าผู้ยุติการท้าชิง แต่ละคนล้วนแต่มีพลังความสามารถที่สูงมากและเชื่อว่าจะสามารถคุมสถานการณ์ได้ พวกเขาเป็คนใหญ่คนโตที่ติดอันดับนักรบที่แข็งแกร่งของราชวงศ์ต้าิทั้งนั้น คิดว่าิอวี่น่าจะไม่รู้รายละเอียดตรงนี้
“เฮ้อ เ้าว่า เ้าหนูนี่จะผ่านได้สักกี่รอบกัน เขาเพิ่งจะอายุสิบหก จะทำลายสถิติคนอายุสิบหกได้ไหมนะ?”
“เ้าหมายถึง เยี่ยซีลูกสาวท่านเสนาบดีของราชวงศ์ต้าิ ที่เอาชนะต่อเนื่องได้สิบแปดรอบน่ะหรือ?” คนนั้นหัวเราะแล้วพูดว่า “เ้าหนูนี่มาจากหมู่บ้านยากจนจะไปเทียบกับเทพธิดาเยี่ยซีของเราได้อย่างไรกันล่ะ?”
“เหอะๆ ข้าก็ว่าอย่างนั้น แต่จะว่าไป เ้าว่าเขาจะผ่านได้สักกี่รอบกันเชียว?”
“ข้าว่า รอบแรกก็ไม่น่าจะไหวแล้วล่ะ”
มีผู้ชมหลายคนอดไม่ได้ที่จะเริ่มซุบซิบกัน ในเมืองใต้ดินโบราณหวังเฉิง ตอนเยี่ยซีอายุสิบห้าก็มีอาณาจักรพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หก นางอาศัยกำลังของนางคนเดียว เอาชนะผู้ยุติการท้าชิงได้ถึงแปดคนในคราวเดียวก็เลยโด่งดังมาั้แ่ตอนนั้น!
แค่ครั้งนั้นครั้งเดียว เยี่ยซีก็ติดอันดับที่เก้าร้อยยี่สิบหกของราชวงศ์ต้าิ แต่หากภายภาคหน้าเยี่ยซีเติบโตก้าวหน้าไปได้มากกว่านี้ อันดับพลังของนางก็น่าจะทำให้คนนับถือได้มากขึ้นกว่านี้อีก
ส่วนอู๋ทง ถึงแม้จะมีพลังความสามารถเหนือคนอื่นๆ ถึงขั้นติดหนึ่งในห้าหมื่นอันดับแรกตามอันดับนักรบของราชวงศ์ต้าิ แต่เมื่อเทียบกับดาวดวงใหม่อย่างเยี่ยซีแล้ว เขาก็เป็แค่แมลงเม่าตัวหนึ่งเท่านั้นเอง
“นี่หนุ่มน้อยที่จะประลองต่อใช่ไหม? ข้าจะเป็คนมาประลองกับเ้าเอง”
ทันใดนั้นเอง เสียงหวานๆ ของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลัง จากนั้นก็ทุกคนก็ได้เห็นหญิงหน้าตางดงามคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนลานประลอง
หญิงคนนี้สวมชุดกระโปรงสีเขียวและแดง เปิดไหล่ให้เห็นกระดูกไหปลาร้าที่น่าหลงใหล กระโปรงด้านซ้ายผ่าจนเห็นขาอันเรียวขาวยาว
“นั่นโหยวอู่เยวี่ยนี่!”
ผู้ชมด้านล่างต่างร้องะโออกมาด้วยความตื่นเต้น สายตาของคนที่เหลือต่างจับจ้องไปที่โหยวอู่เยวี่ยอย่างละสายตาไม่ได้เลย
เหตุนี้จึงทำให้มีกลุ่มผู้ชมอีกจำนวนมาก เข้ามากระจุกอยู่ที่หน้าลานประลองเพื่อที่จะได้ชมสาวงามผู้นี้
โหยวอู่เยวี่ยเป็ผู้กล้าที่ติดอันดับที่สามหมื่นของตารางอันดับราชวงศ์ต้าิ มีอาณาจักรพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หกระดับกระชากิญญา นางกับอู๋ทงไม่ใช่คนในระดับเดียวกันเลย
อีกทั้งนางยังมีรูปร่างที่ยั่วยวนใจสำหรับชายส่วนใหญ่ด้วย ดูแล้วช่างน่าตื่นตาตื่นใจ
“พะ ... พยุงข้าหน่อยสิ”
โจวไคที่กระอักเืไปก่อนหน้านี้ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหน ลุกขึ้นมาจากพื้นเหมือนกับคนบ้า ทุกคนเห็นดวงตาอันแดงก่ำของเขาก็เข้าใจถึงความรู้สึกของโจวไคได้ดีเลย
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความแข็งแกร่งของิอวี่ทำให้มงกุฎหัวโขนความสามารถของเขานั้นถูกทุบทำลายลงไป โจวไคอารมณ์ไม่ดีสุดๆ เลยในเวลานี้
โจวไคเอามือกุมไปที่ขมับทั้งสองข้าง แล้วส่ายหน้าบ่นพึมพำกับตัวเองว่า “เป็ไปไม่ได้ เป็ไปไม่ได้ ... มันเป็แค่เื่บังเอิญ เมื่อครู่เ้าคนไม่เอาไหนนั่นมันแค่โชคดีเท่านั้นเอง!”
ครั้งนี้ โหยวอู่เยวี่ยขึ้นประลอง ิอวี่จะไม่มีทางโชคดีแบบนั้นแน่
พริบตาเดียว หลายต่อหลายคนก็เริ่มวางเดิมพันกัน ทุกคนวางเดิมพันไปที่โหยวอู่เยวี่ยกันหมด มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่ลงให้กับิอวี่ ซึ่งคนที่เป็ผู้ยุติการท้าชิงมีขึ้นเพื่อให้ผู้ชมได้วางเดิมพันอยู่แล้วเพราะได้กำไรมาก
“หนุ่มน้อย ข้าจะเต้นรำให้เ้าดูสักเพลงดีไหม?”
โหยวอู่เยวี่ยยิ้มหวาน เมื่อนางหมุนตัว ผ้าสีเขียวผืนหนึ่งก็โผล่ออกมาพันรอบตัวของนาง เพียงสะบัดข้อมือเบาๆ ผ้าบางๆ ผืนนั้นก็พุ่งไปหาิอวี่ในทันที
วินาทีต่อมา ผ้าสีเขียวบางผืนนั้นก็กลายเป็ใบมีดที่แหลมคม พุ่งแทงเข้าใส่ิอวี่ราวกับอสรพิษ
“คิดไว้แล้วเชียว”
ิอวี่หัวเราะเบาๆ เขาชักกระบี่ออกมาแล้วตวัดปัดไปที่ผ้าสีเขียวบาง ทันใดก็เกิดเสียงะเิดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว
แต่ในวินาทีต่อมา ผ้าสีเขียวบางผืนนั้นก็กลับมาอ่อนนุ่มเหมือนเดิม แล้วพันไปที่กระบี่ในมือของิอวี่
“หนุ่มน้อย ระบำของข้าสวยหรือเปล่า?”
พูดจบ ผ้าสีเขียวบางในมือของโหยวอู่เยวี่ยก็เพิ่มมาอีกสองผืน รวมเป็ผ้าสามผืนที่พุ่งโจมตีออกไปทั้งหมด ผ้าแต่ละผืนนั้นแฝงไปด้วยพลังลมปราณที่แข็งกล้าของนาง!
โหยวอู่เยวี่ยสามารถควบคุมผ้าสีเขียวบางได้ทีเดียวทั้งสามผืน อีกทั้งยังสามารถสลับความอ่อนโยนและความคมคายได้ตามใจสั่ง มันเป็พลังการควบคุมที่แข็งแกร่งของผู้กล้าในขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หกระดับกระชากิญญา
อีกทั้ง ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกระชากิญญาจะมีประสาทััและปฏิกิริยาที่แข็งแกร่งหลายเท่าตัว เมื่อพลังจิตและสมาธิไปรวมกันอยู่ที่จุดเซินถิงบริเวณหน้าผากเมื่อไหร่ ประสาทััและปฏิกิริยาจะแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า!
มันเป็พลังที่มีเฉพาะผู้ฝึกยุทธ์ระดับกระชากิญญาเท่านั้น ดวงตาหยั่งรู้!
ก่อนหน้านี้ิเฟิงเพิ่งจะไปถึงระดับกระชากิญญาได้ไม่นาน ยังใช้ดวงตาหยั่งรู้ไม่ได้ แต่โหยวอู่เยวี่ยสามารถใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว
“ฟึ่บ!”
ผ้าสีเขียวบางหลายผืนพุ่งเข้าใส่ิอวี่ในคราวเดียว ส่วนกระบี่ในมือของิอวี่ก็ถูกผ้าพันเอาไว้อยู่ ในสายตาของทุกคน คิดว่าโหยวอู่เยวี่ยยังเริงระบำไม่ทันจบเพลง ิอวี่ก็คงถูกฉีกออกเป็แปดชิ้นไปแล้วแน่นอน
แต่ในทันทีทันใด ิอวี่ก็รู้สึกตัวแล้วว่าเขามีปัญหาใหญ่เกี่ยวกับการใช้กระบี่ของเขาจากหลายครั้งที่ผ่านมา
เดิมทีิอวี่คิดว่า กระบี่เป็อาวุธประเภทแข็ง เวลาที่เขาฝึกกระบี่จึงเน้นไปที่ความแข็งแกร่ง แต่ในเวลานี้พอได้เห็นความอ่อนและคมคายของผ้าสีเขียวบาง ิอวี่ก็เหมือนจะเข้าใจแล้วว่า จะต้องมีความนุ่มนวลในความแข็งแกร่ง และความแข็งแกร่งในความนุ่มนวลเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้าถึงจิติญญาที่แท้จริงของกระบี่ได้!
ิอวี่ไม่ได้ถอยแต่ยังรุกเข้าใส่ เขาพุ่งกระบี่เฟิงโหวของเขาไปตามวิถีของผ้าสีเขียวบาง แล้วกระชากกระบี่กลับมาอย่างรุนแรง การเคลื่อนไหวแบบนี้ทำให้กระบี่เฟิงโหวหลุดออกจากพันธนาการของผ้าสีเขียวบาง แล้วไปปะทะกับผ้าผืนอื่น
กระบี่ในมือของิอวี่มีทั้งความนุ่มนวลและความแข็งแกร่ง ระหว่างที่ปะทะกับผ้าสีเขียวบาง เขายังเข้าถึงแก่นแท้ของเพลงกระบี่ด้วย ยิ่งสู้ยิ่งดุดัน การรับมือก็ยิ่งได้ดั่งใจมากขึ้น
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเขาไม่ได้กำลังต่อสู้อยู่เลย แต่เหมือนกำลังฝึกกระบี่มากกว่า?” มีหลายคนพูด
“นั่น ... สินะ”
โหยวอู่เยวี่ยเองทำไมจะดูไม่ออก ิอวี่อาศัยการโจมตีของนางในการฝึกกระบี่ของเขา ทำให้นางหน้าเริ่มนิ่ง ในใจก็แอบคิดว่า “กล้าเอาข้ามาฝึกกระบี่อย่างนั้นหรือ ข้าจะให้เ้าชดใช้มันด้วยชีวิต!”
จากนั้นนางก็พุ่งแทงผ้าสีเขียวบางของนางใส่ิอวี่ แต่ละกระบวนท่าเล่นไปที่จุดตายทั้งนั้น ดุดันโเี้ แต่ว่าิอวี่ก็สามารถรับมือพลิกแพลงไปได้อย่างง่ายดาย
“จบแล้ว”
ในการประลอง กระบี่เฟิงโหวในมือของิอวี่ตัดผ้าสีเขียวบางออกไปสองท่อน แล้วบีบเข้าใส่โหยวอู่เยวี่ย แต่ละก้าวที่เขาตวัดกระบี่ออกไปทำให้ผ้าสีเขียวบางขาดละเอียด โหยวอู่เยวี่ยยังคิดจะหลบ แต่ปลายกระบี่กลับพุ่งทะลุเศษผ้าเ่าั้มา
ต่อให้โหยวอู่เยวี่ยจะมีดวงตาหยั่งรู้ ก็ไม่สามารถจะหลบกระบี่ที่รวดเร็วดั่งสายตานี้ได้ แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ิอวี่ก็แทงกระบี่พุ่งมาจ่อที่คอขาวๆ ของโหยวอู่เยวี่ยแล้ว
ขอแค่ิอวี่ขยับขึ้นหน้าอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น โหยวอู่เยวี่ยก็หมดโอกาสรอดแน่นอน
โหยวอู่เยวี่ยที่ไม่มีผ้าสีเขียวบางปกปิด ได้เผยเรือนร่างอันขาวเรียบเนียน ดวงตาอันงดงามจ้องมาที่ิอวี่ด้วยความขุ่นเคือง “หนุ่มน้อยลงมือเหี้ยมโหดจังเลย? ไม่เป็สุภาพบุรุษเลยนะ”
ท่าทางอันน่าสงสารเช่นนี้ ไม่ว่าใครที่ได้เห็นก็ต้องใจอ่อน
ิอวี่ไม่ได้พูดอะไร เขาเก็บกระบี่เฟิงโหวกลับมา การประลองในครั้งนี้ได้ผลแพ้ชนะแล้ว แต่ว่า ...
วินาทีที่ิอวี่เก็บกระบี่ โหยวอู่เยวี่ยกลับยื่นมือออกมา นิ้วมือที่เต็มไปด้วยพลังลมปราณพุ่งแทงมาที่คอของิอวี่
การลงมือในครั้งนี้ คือตั้งใจคิดจะฆ่าิอวี่ให้ตายเลย!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้