“โหดมาก!” ผู้คนได้ยินคำพูดของตู๋กูหลงต่างก็ใและอดสั่นสะท้านไม่ได้ ตู๋กูหลงให้เย่เฟิงขึ้นเวทีประลอง เงื่อนไขคือเย่เฟิงต้องเก็บคะแนนให้ได้ 50,000 แต้มขึ้นไป มิเช่นนั้นเย่เฟิงจะต้องตายคามือของตู๋กูหลง
บนเวทีประลองเต็มไปด้วยผู้ฝึกยุทธ์ พวกเขาต่างอยากได้รางวัลเ่าั้ที่วางบนแท่นบูชา โดยเฉพาะกระดูกปีศาจั มันเย้ายวนพวกเขาเป็อย่างมาก
แต่ด้วยเงื่อนไขนี้ เย่เฟิงที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 อาจจะทนได้สักสองสามสนาม แต่คงเป็ไปไม่ได้ที่เก็บคะแนนถึง 50,000 แต้ม ต้องรู้ก่อนว่าซื่อหุนที่มีอัตราการเอาชนะมากที่สุดก็เก็บคะแนนได้เพียง 58,000 แต้ม แต่ซื่อหุนอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 2 ไม่เพียงแต่มีพลังต่อสู้อันแกร่งกล้า แต่ยังมีประสบการณ์ด้านการต่อสู้ที่โชกโชน ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาอย่างเย่เฟิงจะทัดเทียมได้ ในที่แห่งนี้นอกจากซื่อหุนแล้วก็ยังไม่มีใครเก็บคะแนนได้ถึง 50,000 แต้ม จินตนาการได้เลยว่าระดับการเก็บคะแนน 50,000 แต้มมันยากลำบากมากเพียงใด แต่ตู๋กูหลงให้เย่เฟิงเก็บคะแนนให้ได้ 50,000 แต้ม ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็เป็หนทางสู่ความตายของเย่เฟิงชัด ๆ
“พี่เย่ เ้ามีปัญหาแล้ว ข้าว่าพวกเราออกไปจากที่นี่ดีกว่า หากข้าพูดตามตรง บางทีตระกูลตู๋กูอาจจะไว้หน้า” เซี่ยจวิ้นหลงส่งเสียงผ่านจิตไปหาเย่เฟิง แต่เย่เฟิงตบบ่าเซี่ยจวิ้นหลงแล้วส่งเสียงผ่านจิตกลับไปว่า “ไยพี่เซี่ยต้องสนใจอีกฝ่ายด้วยเล่า เราสองคนมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประลองไม่ใช่หรือ ก็ฉวยโอกาสนี้สนุกไปกับการประลองสิ”
เซี่ยจวิ้นหลงได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าเย่เฟิงจะยังนิ่งเฉยในสถานการณ์เช่นนี้ได้ เห็นชัดว่าชอบหาเื่ใส่ตัว
“เ้าพูดถูก งั้นข้าจะขึ้นประลองด้วย” เซี่ยจวิ้นหลงส่งเสียงผ่านจิตตอบกลับมา
“หวังว่าเ้าจะไม่ผิดคำพูด!” เย่เฟิงหันไปมองตู๋กูหลง จากนั้นเขากับเซี่ยจวิ้นหลงะโลงจากอัฒจันทร์และเลือกเวทีประลองโดยไม่สนใจสายตาของผู้คน
“ชายผู้นั้นขึ้นเวทีประลองแล้ว ไม่รู้ว่าเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน อย่าพูดถึงเก็บคะแนน 50,000 แต้มเลย ต่อให้เขาเอาชนะสามสนามได้ก็ถือว่าสุดความสามารถแล้วกระมัง” มีคนหนึ่งกล่าว คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย เย่เฟิงอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ยังถือว่าอยู่ระดับล่าง แต่บนเวทีประลองโหดร้ายมาก ด้วยระดับการบ่มเพาะเช่นนี้ยังอีกยาวไกล
ขณะนั้นพวกโจวมู่เจี๋ยตาเผยประกายเยือกเย็น ในที่สุดเย่เฟิงก็ขึ้นเวทีประลอง เช่นนั้นเขาโจวมู่เจี๋ยต้องฆ่าอีกฝ่ายให้จงได้ เพื่อล้างแค้นให้ศิษย์ร่วมสำนักและลบล้างความอับอายที่เย่เฟิงมอบให้พวกเขาก่อนหน้านี้
เย่เฟิงยืนตระหง่านบนเวทีประลองแห่งหนึ่ง แม้แต่ตู๋กูหลง เย่เฟิงก็ไม่สนใจ เป้าหมายเดียวของเขาในการมาครั้งนี้ก็คือกระดูกปีศาจั แต่เขาต้องเก็บคะแนนโดยการเอาชนะการประลอง หาก้ากระดูกปีศาจัก็ต้องมีคะแนน 300,000 แต้ม เย่เฟิงอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ความคิดเช่นนี้เป็อะไรที่บ้าระห่ำมาก ซึ่งการกระทำของเย่เฟิงก่อนหน้านี้น่าทึ่งมาก ทำให้ผู้คนมองเขาอย่างไม่วางตา
“เมื่อขึ้นเวทีประลองจะมีแต่ความเป็และความตาย ตัวเ้าจะมีคะแนนแรกเริ่มอยู่ 1,000 แต้ม หากเอาชนะอีกฝ่าย คะแนนของอีกฝ่ายจะตกเป็ของเ้า จำไว้ว่าอย่าเริ่มท้าคนที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำกว่าเ้า หากเ้าเชื่อมั่นในพลังของตัวเอง ก็จงท้าคนที่อยู่เหนือกว่า” ชายชราคุมกฎที่ด้านล่างเวทีประลองแนะนำกฎให้กับเย่เฟิง เย่เฟิงก็ผงกศีรษะขึ้นลง เมื่อขึ้นเวทีประลองจะมีแต่ความเป็และความตาย กฎนี้ช่างโเี้ยิ่งนัก
“เ้าเลือกท้าดวลกับข้างั้นหรือ?” ขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหูของเย่เฟิง จากนั้นเย่เฟิงหันไปมอง ก่อนจะเห็นคู่ต่อสู้คนแรกของเขา
“เ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า จงยอมแพ้ซะ!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเฉยชาด้วยแววตามั่นใจ
“ชายผู้นี้โอหังมาก!” ผู้คนได้ยินเช่นนั้นก็คิดในใจ เมื่อมาถึงก็ให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้ นี่เป็การดูถูกคู่ต่อสู้ชัด ๆ
แต่เย่เฟิงกลับไม่คิดเช่นนั้น ตอนนี้พลังแห่งอำนาจของเขาบรรลุขั้นผันแปร เคล็ดวิชาหอกเงินประกายระดับหก มีทักษะหล่อิญญา ได้ขัดเกลาร่างกายจากคัมภีร์หล่อกายาเทพา การจะฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 1 ก็เป็เื่เล็กน้อย แล้วนับประสาอะไรกับคนที่อยู่จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายา
“คุยโวโอ้อวด!” ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นกล่าวพลางกวาดตามองเย่เฟิงด้วยท่าทีเ็า จากนั้นก็กล่าวต่อ “อยู่เพียงขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ข้าไม่เชื่อว่าเ้าจะเอาชนะข้าได้ ข้าจะแสดงให้เ้าเห็นว่าการที่ท้าทายข้าจะต้องเจอจุดจบแบบไหน!”
เมื่อสิ้นเสียง ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นปลดปล่อยพลัง พลังแห่งจุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาส่งเสียงคำราม จากนั้นเขาปล่อยหมัดโจมตีเย่เฟิง ห้วงอากาศสั่นไหว คลื่นทำลายล้างแกร่งกล้า หมายปลิดชีวิตเย่เฟิงในหมัดเดียว
เย่เฟิงเผยสีหน้าเ็า เขาปล่อยหมัดออกไปโดยไม่ขยับเขยื้อนตัว มีทั้งคัมภีร์หล่อกายาเทพาและทักษะหล่อิญญา ดูไปแล้วเป็การโจมตีทั่ว ๆ ไป แต่กลับมีพลังมหาศาล ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น จากนั้นอีกฝ่ายถูกหมัดของเย่เฟิงโจมตีจนกระเด็นตกเวทีประลอง พร้อมกระอักเืและใบหน้าต้องขาวซีด
“ข้าให้โอกาสเ้าแล้ว แต่เ้าไม่รับเอง เพราะงั้นเ้าก็ต้องรับผลที่ตามมา” เย่เฟิงกล่าวพลางเชิดหน้ามองอีกฝ่าย แม้ขึ้นเวทีประลองเป็ตาย เขาเย่เฟิงก็ไม่มีทางฆ่าใครสุ่มสี่สุ่มห้า ตราบใดที่อีกฝ่ายยอมแพ้ เขาก็จะไม่สร้างความลำบากให้อีกฝ่าย
“แกร่งมาก! พลังของชายผู้นี้ไม่ใช่เล่น ๆ เลย แค่กระบวนท่าเดียวก็เอาชนะผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาแบบขาดลอย” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ตะลึงงัน ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาแม้แต่หมัดของเย่เฟิงก็รับมือไม่ได้ เห็นชัดว่าสาเหตุที่เย่เฟิงผู้นี้ทำตัวโอหัง นั่นเพราะมีพลังอันแกร่งกล้า ทุกคนได้แต่คิดในใจ พวกเขารู้ว่าแม้เย่เฟิงจะเอาชนะในสนามแรกได้ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงอะไร อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เพิ่งได้รับชัยชนะแค่สนามเดียวเท่านั้น คะแนนจึงมี 2,000 แต้ม ดังนั้นคะแนน 2,000 แต้มของอีกฝ่ายจึงตกเป็ของเย่เฟิง ทำให้แสงที่ด้านหลังของเย่เฟิงสว่างขึ้นสองสามส่วน
“3,000 แต้มงั้นหรือ? กว่าจะถึง 50,000 แต้มอีกตั้งไกลโข ข้าอยากดูว่าเ้าจะรอดพ้นจากเงื้อมมือของข้าไปได้ยังไง” บนอัฒจันทร์หลัก ตู๋กูหลงกล่าวเสียงเรียบขณะมองเย่เฟิงบนเวทีประลอง ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา รวมทั้งชะตากรรมของเย่เฟิง
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยจวิ้นหลงเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 2 ภายในสามกระบวนท่า พลังแกร่งกล้า ทักษะทรงพลัง
“ตุบ!” ขณะนั้นเห็นเงาร่างหนึ่งมาเยือนเวทีประลองที่เย่เฟิงอยู่ ก่อนจะมองเย่เฟิงด้วยสายตาเ็าแฝงไว้ด้วยความดูถูก
“ชนะได้แค่คนเดียวก็ทำตัวอวดดี ข้าอยากเห็นนักว่าเ้าจะทำตัวอวดดีได้นานแค่ไหน?” ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นกล่าว เขาเห็นเย่เฟิงทำตัวอวดดีมาตลอดจึงรู้สึกไม่ชอบใจ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ที่เย่เฟิงดูิ่เทพธิดาเซี่ยเชียนชิวในดวงใจของเขา จึงยิ่งทำให้เขาโกรธมากกว่าเดิม
“เ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า จงยอมแพ้ซะ!” เย่เฟิงยังคงกล่าวเสียงเย็น ราวกับมีความมั่นใจมาั้แ่เกิด
“ฮ่า ๆ ๆ!” ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นแค่นเสียงหัวเราะ และกล่าวว่า “ช่างน่าขัน ด้วยพลังแค่นั้นเ้าก็กล้าสั่งให้ข้ายอมแพ้เนี่ยนะ? คุกเข่าขอโทษข้า ไสหัวไปจากเวทีประลอง แล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้า หาไม่แล้วเ้าก็น่าจะรู้ผลที่จะตามมาว่าเป็ยังไง”
ชายผู้นั้นเป็ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายา ผู้ปลุกิญญาาขั้นเหลือง ดังนั้นจึงมีความมั่นใจมากถึงเพียงนี้และกล้าตัดสินว่าเย่เฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตน
“สวะมักจะชอบพูดจาอวดดี ไม่รู้ว่าเ้าจะใช่คนประเภทนั้นหรือไม่?” เย่เฟิงเย้ยหยันพลางแสยะยิ้ม
“เ้ากล้าดูถูกข้าว่าเป็สวะงั้นหรือ งั้นเ้าก็จงรับเพลิงพิโรธของข้าซะ!” ชายผู้นั้นถูกเย่เฟิงยั่วโมโห พลันหอกเล่มหนึ่งปรากฏในมือเขาพร้อมเรืองรองแสงชั่วร้าย ก่อนจะแทงหอกโจมตีเย่เฟิง ไอสังหารพวยพุ่ง ราวกับกลายเป็เถาวัลย์นับหมื่นหมายพันธนาการร่างเย่เฟิง เย่เฟิงเดินออกมาพร้อมพลังดาราโคจรรอบกาย ก่อนจะหลบหลีกหอกของอีกฝ่ายในชั่วพริบตา
“ไม่นึกว่าจะหลบได้ เช่นนั้นหอกนี้จะเป็หอกพรากชีวิตไปจากเ้า!” แววตาของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นเผยประกายเยือกเย็น จากนั้นแทงหอกออกไปอีกครั้ง
“วูบ!” เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อพร้อมพลังดาราปกคลุมกาย ทุกย่างก้าวของเขาล้วนแฝงด้วยท่วงทำนองพิเศษ สอดคล้องกับพลังแห่งฟ้าดิน
“ฟิ้ว!” หอกของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นแม้แต่ร่างเย่เฟิงก็ััไม่ได้
“ถ้าเ้ามีพลังแค่นี้ งั้นเ้าก็จงไสหัวออกไปซะ!” พลันมีเสียงเยือกเย็นดังขึ้นที่ข้างหลังผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น ทำให้เขาหน้าถอดสีพร้อมหมุนตัวไปอย่างรวดเร็ว แต่ทุกอย่างก็สายไปแล้ว ฝ่ามือของเย่เฟิงประทับเข้าที่หน้าอกของเขาในวินาทีที่เขาหันมา พลันพลังทำลายล้างแผ่ซ่านไปทั่วร่างของคนนั้น ก่อนจะส่งเสียงกรีดร้อง ร่างกระเด็นจนตกเวทีประลอง
“สวะจริง ๆ ด้วย อ่อนหัดนัก!” เย่เฟิงกล่าว ขณะยืนตระหง่านบนเวทีประลอง เสื้อคลุมโบกสะบัดตามแรงลม เงื่อนไขของตู๋กูหลงคือให้เขาเก็บคะแนน 50,000 แต้ม แต่ว่าเป้าหมายของเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น
“ท่าร่างที่หมอนี่ใช้เมื่อครู่ ไม่นึกว่าข้าจะมองไม่ออกว่านั่นเป็เคล็ดวิชาอะไร” มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว เขาไม่เคยเห็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาคนใดฝึกเคล็ดวิชาท่าร่างที่น่าอัศจรรย์มากถึงเพียงนี้
คนที่ถูกเย่เฟิงซัดกระเด็นตกเวทีประลองเมื่อครู่นี้แกร่งกว่าคนแรกอย่างเห็นได้ชัด แต่เย่เฟิงก็ยังคงเอาชนะอีกฝ่ายได้ในหนึ่งกระบวนท่า กระทั่งซัดอีกฝ่ายตกเวทีประลองโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้แสดงพลังใด ๆ นี่พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังของเย่เฟิงว่าแกร่งกล้าเพียงใด
“เด็กคนนี้ไม่เพียงแต่มีท่าร่างที่แปลกพิลึก แต่พลังโจมตีถือว่าแข็งแกร่งมาก ๆ ในขั้นบ่มเพาะกายา ในระดับเดียวกันเกรงว่ามีน้อยคนที่จะเอาชนะเขาได้” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินค่าเย่เฟิงสูงมาก ถึงอย่างไรเขาก็เพิ่งผ่านการประลองมาแค่สองสนามเท่านั้น
“เอาชนะได้แค่สองคน ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูด รอดูต่อไปเถอะ!” ผู้ฝึกยุทธ์ข้าง ๆ ให้ความเห็นตรงกันข้าม ไม่ว่าอย่างไรการบ่มเพาะของเย่เฟิงก็ถือว่าต่ำมาก หลังจากชนะอีกฝ่าย คะแนนของเย่เฟิงเพิ่มขึ้นเป็ 4,000 แต้ม แต่ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อที่เย่เฟิงเพิ่งใช้มันน่าทึ่งมาก
เวทีประลองอื่น ๆ มีผู้ฝึกยุทธ์อยู่ไม่น้อย ซึ่งพวกเขาเริ่มสังเกตเห็นเย่เฟิงแล้ว รวมทั้งซื่อหุนและชายร่างสูงใหญ่ที่ทำคะแนนได้อันดับที่ 2 เพียงแต่สองคนนี้เหลือบมองเย่เฟิงแค่แวบเดียวและไม่สนใจต่อ ด้วยพลังของเย่เฟิงยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองคนสนใจได้
ผู้ฝึกยุทธ์แขนเดียวคนนั้นยังคงมีท่าทีเฉยชา ตอนไม่มีใครท้าดวลด้วยเขาก็จะนั่งขัดสมาธิรอบนเวทีประลอง ราวกับว่าทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับเขา รวมทั้งการปรากฏตัวของเย่เฟิง เขาไม่มองั้แ่เริ่มจนจบ
“ไป กลับไปที่บ้านแล้วระดมผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายา ข้าอยากเห็นนักว่าสวะนี่จะทนได้สักกี่น้ำ!” บนอัฒจันทร์หลัก ตู๋กูหลงกล่าวกับลูกน้องพร้อมไอเย็นแผ่ออกจากร่าง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้