รถม้าจวนแม่ทัพวิ่งผ่านทางเข้าตลาดผู้คนต่างก็พากันวิ่งหลบหลีกกันวุ่นวาย จนหลี่เยี่ยนฟางแปลกใจว่าพวกเขาเ่าั้วิ่งหนีอะไรกัน
“เจียลี่ พวกเขาวิ่งหนีสิ่งใดกัน”
“พวกเขามิได้วิ่งหนีสิ่งใด แต่รถม้าจวนแม่ทัพหลี่ใครเห็นย่อมรู้ได้พวกเขาเพียงรีบหลบให้เ้าคะ”
“หลบรถม้าข้า?”
“ใช่เ้าค่ะ เพราะตลาดมีผู้คนมากมายคุณหนูจึงมิได้ลงจากรถม้าเลยเ้าคะ”
‘ไม่ได้ลงรถม้า...แล้วจะชมตลาดได้ยังไง’
“งั้นก็จอดตรงนี้แหละ ลู่เฟินเ้าเอารถม้าไปไว้ท้ายตลาดข้าจะเดินชมตลาดซะหน่อย” ว่าแล้วร่างระหงส์ก็ก้าวะโลงจากรถม้าทันทีที่หยุด สายตามากมายต่างก็หันมาจับจ้องมองนาง แน่นอนว่าแม้หลี่เยี่ยนฟางจะเป็สาวงามปานล่มเมืองแต่วาจานางก็ร้ายกันไม่น้อยกับใบหน้างาม ๆ ของนางเลย
“คุณหนูหลี่...วันนี้ท่านจะรับผ้าเนื้อดีจากร้านข้ากี่พับดี ข้ามีผ้าเนื้อดีมาจากต่างเมืองหลายพับเลยนะเ้าคะ” เสียงเจ๊เ้าของร้านดังมาแต่ไกล หลี่เยี่ยนฟางจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าในความจำนางเคยซื้อผ้ากับเจ๊แกไปกี่พับกัน นางถึงดูดีอกดีใจราวกับเห็นเหมืองทอง
“วันนี้ข้าเพียงมาเดินชมตลาด ส่วนผ้าไว้คราวหน้าข้าจะมาดูแน่นอน” วาจาหลบเลี่ยงคือหนทางเดียวที่นางพอจะทำได้ในตอนนี้ หลี่เยี่ยนฟางเดินออกห่างจากร้านผ้านั่น ใบหน้าเจ๊เ้าของร้านดูบูดเบี้ยวบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“เจียลี่ เจียลู่ ข้าอยากชิมอาหารชั้นเลิศเมืองนี้ พวกเ้าพอจะพาข้าไปกินได้หรือไม่” หลี่เยี่ยนฟางเอ่ยถึงร้านอาหารที่คนยุคสมัยนางชอบไปนั่งกินกัน แต่ในยุคนี้ไม่รู้จะมีหรือไม่
“งั้นต้องไปภัตตาคารสิบสำนักเลยเ้าคะ ที่นั้นมีอาหารเหลามากมายทั้งอร่อยและยังเป็สถานที่สำหรับขุนนางด้วยเ้าคะ” เจียลู่แนะนำด้วยท่าทางตื่นเต้นไม่น้อย
“เ้าเคยไปกินที่นั้นมาแล้วงั้นรึ”
“ยังเ้าคะ” กล่าวจบใบหน้าที่ดูตื่นเต้นดูเศร้าลง
“อ้าว!!”
“บ่าวจะเคยได้อย่างไรเ้าคะ ในเมื่อคุณหนู....” เจียลี่พยายามจะบอกว่าพวกนางไม่เคยเข้าไปนั่งทานก็เพราะ หลี่เยี่ยนฟางเอาแต่นั้งอยู่ในรถม้าตลอด ชมเสร็จก็เข้าวังทุกครั้ง
“ได้...งั้นครั้งนี้พวกเ้าจะได้ชิมอาหารเหลาอย่างจุใจไปเลยละกัน” ทั้งสามพากันกึ่งเดินกึ่งวิ่งราวกับเด็ก ๆ ที่เห็นของเล่น หลี่เยี่ยนฟางแหนหน้ามองอาคารไม้หลังใหญ่ตรงหน้านับชั้นได้สามชั้นพอดี มีเชิงชายชั้นสองได้นั่งมองลงมาชมตลาดมุมสูง
ทั้งนายและบ่าวต่างก็เข้ามานั่งอยู่ในภัตตาคารหลังใหญ่ที่ชื่อว่าภัตตาคารสิบสำนัก แม้จะไม่รู้ที่มาที่ไปของชื่อภัตตาคารนี้แต่นางก็ไม่ได้สนใจเพราะรายการอาหารที่เสี่ยวเอ้อร์ส่งให้มีเป็หางว่าวจนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว
“เอาอาหารที่ขึ้นชื่อของภัตตาคารเ้ามาให้หมด” หลี่เยี่ยนฟางบอกเสี่ยวเอ้อร์ก่อนจะแอบกระซิบให้เตรียมเหล้าท้อชั้นดีมาให้อีกไห สาวใช้ทั้งสองได้ยิน ก็รู้สึกดีอกดีใจ
อาหารต่าง ๆ ถูกทยอยเลียงกันออกมาหน้าตาดูหรูหราน่าทาน หญิงสาวสามนางที่สั่งอาหารมากมายรวมถึงไหเหล้าชั้นดีที่มีป้ายกำกับย่อมเป็จุดสนใจ บุรุษผู้หนึ่งลุกเดินเข้ามาราวกับรู้จัก
“ฟางเอ๋อร์...เ้ามาทานอาหารที่ภัตตาคารนี้ทำไมไม่บอกข้า” เสียงหนึ่งเอ่ยทักขึ้นข้างโต๊ะ หลี่เยี่ยนฟางหันมองเ้าของเสียง ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าบุรุษนั่นร่างของหลี่เยี่ยนฟางก็ดูจะไร้เรียวแรง
“คาราวะคุณชายเฉิง” สาวใช้สองนางลุกยอบกายลงให้กับคนตรงหน้า หลี่เยี่ยนฟางได้ยินแซ่ก็รู้ทันทีว่าเขาคือ เฉิงจางิ่ บุตรชายอัครเสนาบดี เฉิงเซินโยว สำนักเหมินเซี่ยเสิง ตัวร้ายที่เป็ผู้วางแผนคิดก่อฏเขาคือตัวร้ายที่ยอมร่วมมือกับหลี่เยี่ยนฟางเพียงเพราะรูปลักษณ์ของนางถูกใจเขาเท่านั้น เฉิงจางิ่เ้าเล่ห์วางแผนผสมยาปลุกกำหนัดให้กับนางกินจนได้ร่วมหอกับนางร้ายหลี่เยี่ยนฟาง และเขาก็ใช้ข้อนั้นมาข่มขู่นางหากไม่ร่วมมือจะนำเื่ที่นางได้เสียกับเขาไปบอกกู่อี้เฉิน หลี่เยี่ยนฟางไม่มีทางเลือกต้องยอมให้เฉิงจางิ่เอาเปรียบ และยังต้องรับสัญญาชั่วที่ว่าทุกคืนเดือนมืดนางจะต้องเปิดหน้าต่างเรือนไว้รอเขา หลี่เยี่ยนฟางไม่แปลกใจเลยว่าทำไม
“ข้าไม่คิดว่าคุณชายเฉิงจะมาที่ภัตตาคารนี่พอดี ไม่เช่นนั้นข้าคงเข้าไปหาท่านแล้ว” หลี่เยี่ยนฟางตอบเลี่ยง ๆ รอบกลืนก้อนจุก ๆ ที่ตีขึ้นมากลางลำคออย่างยากเย็น แม้นางจะไม่เข้าใจความหวาดกลัวของหลี่เยี่ยนฟางแต่ร่างกายนางย่อมจดจำได้
“เช่นนั้นเรามาดื่มด้วยกันดีหรือไม่” เฉิงจางิ่กระแซะนั่งข้างนาง ร่างบางขยับออกแต่ก็ไม่พ้นวงแขนแกร่งนั่นที่รัดเข้ามาที่ไหล่นาง
“ดูเหมือนคุณชายจะมากับผู้ที่สำคัญกว่าข้านะเ้าคะ” นางเอ่ยพร้อมหันไปมองทางโต๊ะของเขา ซึ่งมันก็ได้ผลทำให้สีหน้าเฉิงจางิ่ดูเสียดาย
“สัญญาของข้าหวังว่าเ้าคงไม่ลืม คืนนี้เดือนมืดพอดีข้าหวังว่าเ้าจะรอข้า” คำกล่าวของเขาช่างทำให้ขนทั่วร่างของนางในตอนนี้ดูลุกชัน
ทันทีที่เฉิงจากิ่ลุกไปหลี่เยี่ยนฟางก็บอกให้สาวใช้ทั้งสองลุกออกจากภัตตาคารนี้ ก่อนจะเร่งเดินไปทั่วตลาดราวกับมองหาสิ่งใดรอบ ๆ นั่น
“คุณหนูหาสิ่งใดเ้าคะ” หลี่เยี่ยนฟางกวักมือเรียกให้สาวใช้นางเอียงหูมาใกล้ ๆ
“ข้าหาหอบุปผาที่เหล่าบุรุษมักมาปลดปล่อยกัน เ้ารู้หรือไม่”
“คุณหนู!!!” เจียลี่ยกมือทาบอกใบหน้าแดงชาด ก่อนจะหันซ้ายมองขวากระซิบตอบ
“ที่หอแดงหมื่นบุปผา ที่นั้นเหล่าบุรุษมักไปเที่ยวยามค่ำคืนเ้าคะ”
“หึ หึ หึ “หลี่เยี่ยนฟางหัวเราะในลำคอ ‘แม้นางจะดูไร้เดียงสาแต่ก็ถือว่าฉลาดพอตัว’ หลี่เยี่ยนฟางแอบชมในความรอบรู้ของสาวใช้นางก่อนจะมุ่งตรงไปยังหอบุปผาที่สาวใช้แนะนำ
“ต๊าย..!!ตายแล้วคุณหนูจวนแม่ทัพหลี่เหตุใดท่านถึงมาถึงหอแดงหมื่น บุปผาข้าได้” เสียงแม่เล้านางหนึ่งเอ่ยเสียงดัง จนนางต้องรีบดึงแขนพร้อมชูนิ้วทาบริมฝีปากแดง ๆ ของนางเพื่อให้เงียบเสียง
“ข้ามาวันนี้ก็อยากได้สาวสวยที่พอใกล้เคียงกับข้า เ้ามาหรือไม่ ถ้าเ้าหามาได้ข้าจะมอบของรางวัลให้เ้าอย่างงาม” แม่เล้ายกยิ้มอย่างดีใจ เพราะชื่อเสียงความร่ำรวยคุณหนูจวนแม่ทัพนั้นเป็ที่รู้กันไปทั่วเมือง
“เด็กนี่เพิ่งมาได้ไม่นาน รับแขกไม่กี่ครั้งใบหน้าอาจสวยสู้คุณหนูไม่ได้แต่รูปร่างข้าว่าไม่ต่างกับท่านนัก”
“ดี..คืนนี้ส่งเด็กนี่มาที่จวนข้า ห้ามให้ผู้ใดรู้ หากผู้ใดรู้เ้าคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหอแดงหมื่นบุปผาเ้า” หลี่เยี่ยนฟางทำเสียงข่ม ก่อนจะโยนถุงเงินที่มีราวสามสิบตำลึงทอง
หลี่เยี่ยนฟางรอเวลาที่เฉิงจางิ่นัด ก็สั่งให้สาวใช้เปิดหน้าต่างเรือนตน ก่อนจะนัดแนะกับหญิงสาวที่ถูกส่งมาแม้แผนการดูจะเสี่ยงไปหน่อยแต่นางก็ต้องลองดูดีกว่ายอมให้ตัวร้ายอย่างเฉิงจางิ่เอาเปรียบตน ทันทีที่เฉิงจางิ่เข้ามาในห้องนอนนางก็ตรงมาที่เตียงทันที ด้านข้างเตียงใช้ความมืดปิดบังตัวเองส่วนเฉิงจางิ่ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเริ่มบรรเลงเพลงรัก เสียงครางของหญิงสาวที่ร้องออกมาเป็จังหวะ ทำให้นางรู้สึกสยิวไปทั่วร่างแม้ไม่ได้ััแค่ฟังเสียงก็รับรู้ได้ เฉิงจางิ่บรรเลงเพลงรักไปหลายรอบก่อนจะกระซิบบอกให้นางไปพบเขาที่ศาลาเต๋อหนานในอีกสามวันข้างหน้า เพราะเขามีสิ่งหนึ่งอยากให้นางช่วย หญิงสาว พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เฉิงจางิ่เห็นว่าเป็เวลานานแล้วจึงรีบแต่งตัวก่อนจะกลับไป หลี่เยี่ยนฟางลุกออกจากที่ซ่อนก่อนจะมอบถุงเงินห้าสิบตำลึงทองให้ และสั่งให้หญิงสาวนั่นปิดปากให้เงียบที่สุดซึ่งนางก็รับปากเป็อย่างดี
