ต้วนเหลยถิงเอ่ยเกลี้ยกล่อม “โยวหราน เื่หาเงินไม่จำเป็ต้องรีบร้อนแต่อย่างใด อย่าเพิ่งเริ่มเปิดโรงงานเป็การชั่วคราว รอกระทั่งข้ากับพี่รองจัดการเื่ทางฝั่งหุบเขากับบ้านสวนเรียบร้อยแล้ว ข้าจะออกไปสำรวจดูกับเ้า ดีหรือไม่?”
มารดาสกุลต้วนเอ่ยด้วยความเป็ห่วงเช่นกัน “โยวหราน ใต้หล้านี้ไม่สงบสุข เ้าเป็สตรี ต้องออกจากเรือนเพียงลำพังเช่นนี้ทุกคนต่างไม่วางใจ ควรจะรอให้ซานหลางจัดแจงธุระให้แล้วเสร็จค่อยไปกับเ้าเป็อย่างไร?”
เคอโยวหรานส่ายหน้า “ท่านแม่ ซานหลาง พวกเรารอได้ แต่เหล่าชาวบ้านที่อยากมาทำงานในโรงงานรอมิได้เ้าค่ะ พวกเขาหลายคนยังรอหาเงินกลับไปเลี้ยงดูครอบครัวนะเ้าคะ
หากมิใช่ว่าก่อนหน้านี้พวกเราประกาศรับสมัครงานออกไป หลังการเพาะปลูกเสร็จสิ้น ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยก็จะออกไปหางานทำข้างนอก
ยามนี้ทุกคนพากันลงชื่อ ต่างเฝ้ารอที่โรงงานจะเปิดกิจการ ยามนี้สร้างเสร็จแล้วแต่กลับไม่เริ่มงาน เช่นนั้นสกุลต้วนก็จะสูญเสียความน่าเชื่อถือในหมู่บ้านเถาหยวนเ้าค่ะ”
ครั้นเห็นถงซื่อยังอยากเอ่ยเกลี้ยกล่อมหลายประโยค เคอโยวหรานจึงพูดเสริมอีกว่า “วิชาตัวเบาของข้าไม่เลว หากพบเจออันตรายจะไม่มีทางสู้สุดชีวิตกับผู้อื่น ถ้าสู้ไม่ได้ก็หนีเป็พอ นอกจากนี้บนกายของข้ายังมียาพิษไว้ป้องกันตัวด้วยเ้าค่ะ”
กล่าวจบก็หันไปขยิบตาให้ต้วนเหลยถิง ชายหนุ่มพลันเข้าใจความหมายของนางทันใด เหตุใดตนถึงได้ลืมเื่หมอเทวะกับเซียนพิษที่อยู่ในมิติวิเศษไปเสียแล้ว หากสู้ไม่ได้ เช่นนั้นก็เรียกผู้เฒ่าแพทย์พิษทั้งสองออกมาเป็พอ!
เมื่อคิดเช่นนี้ ต้วนเหลยถิงจึงไม่กังวลเื่เหล่านี้อีกต่อไป ปริปากขึ้นว่า “โยวหราน นอกจากอิ่งซาน เ้าก็พาอิ่งอีไปด้วยเถิด หากเกิดเื่ใดขึ้นยังมีคนคอยวิ่งเต้นไปมา มีคนคอยช่วยงานอีกสักคนย่อมสะดวกขึ้นบ้าง”
“ได้เ้าค่ะ” เคอโยวหรานรู้ว่าคนในครอบครัวเป็ห่วง ดังนั้นจึงตกปากรับคำโดยไม่ลังเล จากนั้นหันไปคลี่ยิ้มเอ่ยกับมารดาสกุลต้วนว่า
“ท่านแม่ ข้าได้ยินอิ่งซานบอกว่าภายในอำเภอมีแผงลอยขายถั่วงอกเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย ถั่วงอกของพวกเราก็หาเงินได้ไม่เท่าใด หลังจากขายแผงสุดท้ายหมดแล้วก็เลิกทำเถิดเ้าค่ะ!”
“ไม่เพาะถั่วงอก เช่นนั้นพวกเรายังจะทำอันใดได้อีกงั้นหรือ?” ถงซื่อเอ่ยด้วยความกลัดกลุ้ม ทันทีที่ได้ยินว่าจะไม่เพาะถั่วงอกแล้ว นางพลันรู้สึกว่าไม่มีเื่อันใดให้ทำ ภายในใจจึงว้าวุ่นยิ่งนัก
เคอโยวหรานรู้ว่าถงซื่อลำบากจนเคยชินมาทั้งชีวิต ครั้นจู่ๆ ไม่มีสิ่งใดให้ทำจึงรู้สึกไม่คุ้นชินอย่างยิ่ง
“ท่านแม่เ้าคะ ภายในโรงงานของพวกเราต้องทำอาหารกิน ไม่กี่วันนี้พวกท่านลองหาสตรีที่ฝีเข็มไม่เลวและทำงานคล่องแคล่วสะอาดสะอ้านมาจำนวนหนึ่ง จัดทำชุดทำงาน หมวกทำงาน และรองเท้าทำงานตามที่ข้าออกแบบไว้จำนวนหนึ่งเ้าค่ะ
คนงานภายในโรงงานของพวกเราจะสวมใส่ชุดเครื่องแบบเดียวกัน การควบคุมดูแลอย่างมีมาตรฐานเช่นนี้ เมื่อมองออกไปจะดูสะอาดสะอ้านมีระเบียบอย่างยิ่งเ้าค่ะ”
“เป็ความคิดที่ดี” มารดาสกุลต้วนเอ่ยจากใจจริง นึกไม่ถึงว่าแม้สะใภ้ผู้นี้เกิดในชนบท แต่ความคิดจิตใจกลับละเอียดรอบคอบทีเดียว
มารดาสกุลต้วนหวนนึกถึงบุตรสาวสกุลมั่งคั่งที่เคยได้พบ ยังคงรู้สึกว่าไม่มีผู้ใดเทียบเคอโยวหรานได้แม้แต่คนเดียว
ยามนี้นางยิ่งมองสะใภ้สามยิ่งรู้สึกพอใจ พลันเผยรอยยิ้มบางออกมาหลายครั้งซึ่งแม้กระทั่งตนเองก็ยังไม่รู้ตัว
ในขณะที่ความคิดของมารดาสกุลต้วนกำลังล่องลอย พวกเคอโยวหรานก็พากันหารือกันถึงรายละเอียดต่างๆ
และนับั้แ่นี้เป็ต้นไป ระหว่างสกุลเคอกับสกุลต้วนก็กลายเป็สองครอบครัวที่รู้ใจกันโดยไม่ต้องเอ่ยสิ่งใด
ขอเพียงมีเื่ใหญ่ที่ต้องตัดสินใจ ทุกคนจะมานั่งรวมกันเพื่อเปิดประชุมในครอบครัว จากนั้นบอกกล่าวปัญหาออกมาอย่างชัดเจนเพื่อให้ทุกคนหารือหนทางแก้ไขร่วมกัน
เมื่อเป็เช่นนี้ สกุลเคอกับสกุลต้วนจึงแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม ความขัดแย้งมากมายภายในครอบครัวได้ถูกขจัดไปจนหมดสิ้นโดยไม่รู้ตัวเพราะการพูดคุยร่วมกันเช่นนี้
สกุลต้วนจึงเริ่มลงมือทำงานตามการหารือในที่ประชุมของวันนี้
ครั้นกลับเข้ามาในห้อง เคอโยวหรานก็หาตำราภาพเกี่ยวกับการทำนาแบบขั้นบันไดมาจากในเขตตำราของซูเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นส่งไปให้ต้วนเหลยถิงแล้วเอ่ยว่า
“ซานหลาง ท่านศึกษาวิธีทำนาเช่นนี้สักหน่อยเ้าค่ะ ดูว่าตรงหุบเขาจะใช้วิธีการนี้ได้หรือไม่ หากทำได้ เช่นนั้นก็ให้พวกพั่วหุนเร่งมือบุกเบิกที่ดิน จะได้ทำนาปลายฤดูสักหน่อยเ้าค่ะ”
ต้วนเหลยถิงวางตำราลงด้านข้าง ช่วยจัดระเบียบอาภรณ์บนกายของเคอโยวหรานแล้วเอ่ยกำชับว่า
“อย่าได้หนีห่างจากอิ่งอีกับอิ่งซานเป็อันขาด ออกไปข้างนอกต้องดูแลตนเองให้ดี หากมีอันตรายใดจะต้องบอกข้าผ่านอิ๋นเยวี่ยกับโม่เจวี๋ยทันที”
“อืม ข้ารู้แล้ว วางใจเถิดเ้าค่ะ!” เคอโยวหรานตอบรับทั้งรอยยิ้ม ครั้นกำลังจะก้าวออกจากประตูกลับถูกต้วนเหลยถิงคว้าเอาไว้ จากนั้นปิดผนึกริมฝีปากของนางอย่างรักใคร่ลึกซึ้ง...
ทันใดนั้นเอง นอกห้องได้มีเสียงรายงานของอิ่งซานดังขึ้น “นายท่าน อิ่งอีเร่งเดินทางมาจากบ้านสวนแล้วขอรับ ไม่ทราบว่าจะเริ่มออกเดินทางเมื่อใด?”
ต้วนเหลยถิงผละออกจากเคอโยวหรานอย่างจนปัญญา ยามนี้ชายหนุ่มได้รู้ซึ้งแล้วว่าการที่ตามองเห็นภรรยาแต่กินไม่ได้เป็ความรู้สึกเช่นไร?
......
ครั้งนี้เคอโยวหรานมิได้ไปยังตัวเมืองอำเภอ แต่มุ่งหน้าไปยังตัวเมืองชุมชนในตำบลเล็กอันเจริญรุ่งเรืองที่เคยผ่านทางตอนไล่ตามอั้นจิ่วในครั้งก่อน
เพราะก่อนหน้าผ่านทางอย่างเร่งรีบ ไม่มีเวลาสำรวจดูตำบลแห่งนี้แต่อย่างใด ประจวบเหมาะกับวันนี้จะได้เดินเล่นสักหน่อย
นึกไม่ถึงว่าตำบลเล็กแห่งนี้จะมีทั้งสะพานเล็ก ศาลาริมน้ำ และหอคอยต่างๆ อย่างครบครัน
สภาพแวดล้อมงดงามเงียบสงบ แต่ละครัวเรือนปลูกพืชพรรณมากมาย บ้างแขวนไว้บนหน้าต่าง บ้างประดับอ่างปลูกดอกไม้ไว้ข้างประตู ครั้นมองดูช่างเจริญหูเจริญตา
เคอโยวหรานรู้สึกว่าอากาศที่นี่สดชื่นกว่าที่อื่นไม่น้อยทีเดียว
เมื่อนางเงยหน้าขึ้นได้บังเอิญเห็นโรงสุราขนาดใหญ่อย่างยิ่งหลังหนึ่ง เคอโยวหรานจึงกวักมือเรียกอย่างร่าเริง “ไปกันเถิดอิ่งอี อิ่งซาน ข้าจะพาพวกเ้าไปโรงสุรา...ไอ้หยา!”
ยังกล่าวไม่ทันจบ ภายในร้านเย็บปักข้างโรงสุราก็มีคนผู้หนึ่งก้าวบันไดพลาดจนชนเข้ากับเคอโยวหราน
เพราะทุกสิ่งเกิดขึ้นกะทันหัน อีกทั้งคนผู้นั้นยังอยู่ใกล้เคอโยวหรานยิ่งนัก อิ่งอีกับอิ่งซานจึงตอบสนองไม่ทันแม้แต่นิด
เมื่อทั้งสามเห็นผู้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน เคอโยวหรานพลันร้องว่าดวงซวยนัก เหตุใดจึงพบอีกฝ่ายในตำบลเล็กเช่นนี้?
เหตุใดิญญาชั่วร้ายถึงยังตามหลอกหลอนไม่หายไปเสียที?
เคอก่วงเถียนที่หยัดยืนมั่นคงได้ทำหมวกเหวยเม่าหล่นลงบนพื้น ดวงตาใสกระจ่างดั่งสายน้ำเจือความเหนียมอายยามทอดมองเคอโยวหราน จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานหนึ่งประโยค
“เมื่อครู่ข้าน้อยไม่ทันระวังจนทำให้คุณชายต้องใเสียแล้ว หวังว่าคุณชายจะไม่ถือสาเ้าค่ะ”
หลังสิ้นคำกล่าว เคอก่วงเถียนก็ย่อกายทำความเคารพเคอโยวหรานอย่างอ้อยอิ่ง วางมาดราวกับเป็คุณหนูสกุลใหญ่ก็มิปาน
น้ำเสียงและท่าทางเช่นนั้นทำเอาเคอโยวหราน อิ่งอี และอิ่งซานที่อยู่ด้านหลังต่างพากันขนลุกชันไปทั้งร่าง
อาหญิงเล็กผู้นี้กินยาผิดกระมัง? คงมิได้ต้องตาตนเสียแล้วใช่หรือไม่?
เคอโยวหรานนึกดูแล้วพบว่าวันนี้ตนได้ทำการปลอมตัว เพื่อปกปิดไฝน้ำตาสีแดงนั่น บนศีรษะจึงคาดไว้ด้วยผ้าคาดหน้าผากฝังเลี่ยมมรกต บดบังตำแหน่งหว่างคิ้วเอาไว้
เสื้อผ้าหนึ่งชุดทำจากผ้าไหมสีเทาอ่อน ้าปักลวดลายต้นสนสีเขียว ข้างเอวห้อยไว้ด้วยหยกห้อยยึดชายเสื้อหนึ่งชิ้น นับว่าแต่งกายคล้ายคลึงกับคุณชายผู้สง่างามของสกุลมั่งคั่งอยู่บ้างจริงๆ
เคอก่วงเถียนผู้นี้ถูกใจเงินของตน? หรือว่าถูกใจใบหน้าของตนกันแน่?
เหอๆ...นี่ช่างน่าขันเกินไปแล้ว โผเข้าอ้อมแขนผู้อื่นกลางตรอกเช่นนี้ ที่นี่ยังมีผู้คนสัญจรไปมา เคอก่วงเถียนคงไม่้าเก็บชื่อเสียงไว้แล้วกระมัง?
เคอโยวหรานอัดอั้นใจด้วยความสงสัย อาหญิงเล็กที่ไม่ออกประตูใหญ่ไม่ก้าวพ้นประตูรองเช่นนี้ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่เพียงลำพังได้เล่า?
ไม่รอให้นางใคร่ครวญจนได้ข้อสรุป พลันมีคนผู้หนึ่งกระโจนออกมาจากฝูงชน ประคองเคอก่วงเถียนเอาไว้ก่อนจะใช้น้ำเสียงแหบแห้งร้องบริภาษผู้อื่น
“คุณชายท่านนี้ บุตรสาวของข้าเป็สตรีในสกุลสุจริต เมื่อครู่ได้ใกล้ชิดทางเนื้อหนังกับท่าน เช่นนั้นควรจะทำอย่างไรดี?”
ไอ้หยา นี่มิใช่ท่านย่าที่เมื่อเห็นเงินเป็อันตาลุกวาวและหยาบคายไร้เหตุผลผู้นั้นหรอกหรือ?
หรือว่าสองแม่ลูกคู่นี้ตกลงกันล่วงหน้าแล้วว่าจะมาใส่ความคนอยู่ที่นี่? นี่มันส่อเค้าลางจะต้มตุ๋นผู้อื่นเลยทีเดียว!