เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าตัวเธอเองไม่ค่อยเหมาะกับหน่วยงานของโจวเฉิงนัก
มาเยือนไม่กี่ครั้ง ล้วนไม่สงบสุขเท่าที่ควรทุกครั้ง เกาเฟยนั้นไม่ต่างจากสุนัขขี้เรื้อน [1] ตัวหนึ่ง เอาแต่เสนอหน้ามาหาเื่ใส่ตัวอยู่เรื่อย
ทำอะไรในหน่วยงานของโจวเฉิงนิดๆ หน่อยๆ ก็ส่งผลไม่ดีทั้งนั้น แต่การได้ตบตีคนในวันนี้กลับรู้สึกสำราญใจ เวลานี้โจวเฉิงยังไม่ออกมาจากห้องทำงานของผู้บังคับบัญชา และไม่รู้ว่าทางหน่วยจะจัดการโจวเฉิงอย่างไร เซี่ยเสี่ยวหลานกระสับกระส่ายอยู่ไม่น้อย อารมณ์ที่กำลังเบิกบานโดนสุนัขบ้าทำลายไปเสียแล้ว!
อีกอย่างหนึ่ง คาดว่าเหล่าสะใภ้หลายคนที่พักอาศัยในหน่วยก็คงไม่พอใจเธอเหมือนกัน
เกาเฟยหน้าบวมราวกับหัวหมู ร้องไห้คร่ำครวญ โดยธรรมชาติย่อมเหมือนผู้อ่อนแอที่ถูกทำร้าย ประเภททรงเสน่ห์ยั่วเย้าใจอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานคนนี้ สำหรับคนเพศเดียวกันที่ไม่ได้คลุกคลีใกล้ชิดกับเธอ น้อยมากที่จะชอบเธอ เหล่าสะใภ้เอนเอียงไปทางเกาเฟย เมื่อครู่มีคนมาโน้มน้าวเซี่ยเสี่ยวหลานว่าต้องคำนึงถึงส่วนรวมด้วย เพื่อบรรยากาศอันปรองดองของหน่วยงาน ไปขอโทษต่อเกาเฟยเสีย—แน่นอนว่าเธอจะไม่ขอโทษ โจวเฉิงจะได้รับการลงโทษอะไร เซี่ยเสี่ยวหลานจะแบกรับพร้อมกับเขาทั้งหมดเอง
ไม่ใช่ว่าเธอเลี้ยงดูโจวเฉิงไม่ไหวเสียหน่อย!
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากโจวเฉิงจะปฏิบัติงานในหน่วยได้ดีแล้ว ด้านทำธุรกิจหาเงินก็มีทักษะ ชายผู้เป็เลิศอยู่ตรงไหนก็เป็เลิศ ถ้าหน่วยงานไม่้าโจวเฉิง เซี่ยเสี่ยวหลานจะเก็บกลับบ้านไปอย่างไม่ลังเล
แน่นอน ตระกูลโจวคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดไปคิดมา สิ่งใดกันที่กระตุ้นอารมณ์ของเกาเฟยเข้า เพราะส่งเนื้อแพะและแตงโมทั้งสองหน เป็ไปได้ว่าข่มความโดดเด่นของเกาเฟยหรือเปล่า?
กอปรกับเกาเฟยยังเหลือความรู้สึกที่มิอาจอธิบายได้อย่างชัดเจนต่อโจวเฉิงอยู่เล็กน้อย สองสามสิ่งผสมเข้าด้วยกัน และนั่นก็เป็การยั่วยุเธอจนะเิอารมณ์
ก็ไม่แปลกใจที่เหล่าสะใภ้จะยืนอยู่ฝั่งเกาเฟย พฤติกรรมดึงดูดความสนใจหลายอย่างที่เซี่ยเสี่ยวหลานเคยทำเชิดหน้าชูตาโจวเฉิงมาก ในหน่วยงานพากันพูดถึงเซี่ยเสี่ยวหลาน ภายในใจสะใภ้เ่าั้ก็คงจะไม่ปลื้มสักเท่าไร
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกปวดศีรษะ
เนื่องจากอาชีพของโจวเฉิงเป็อาชีพที่พิเศษ เธอยังไม่ถึงเวลาจัดการความขัดแย้งระหว่างแม่สะมีลูกสะใภ้ด้วยซ้ำ แต่กลับต้องจัดการปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลพวกนี้ในหน่วยงานโจวเฉิงก่อนรึ?
เช่นนั้นเธอมาหน่วยงานโจวเฉิงให้น้อยลงหน่อยดีกว่า
ส่งข้าวของมาเหมือนเดิม ส่งให้โจวเฉิงกินแล้วกัน ส่วนลูกน้องของโจวเฉิงจะได้รับส่วนแบ่งสักคำหรือไม่ เซี่ยเสี่ยวหลานก็ใส่ใจไม่ไหวแล้ว เดิมทีเธอคิดว่าเป็การช่วยโจวเฉิงสร้างสัมพันธ์อันดี ยุทธวิธีทางสังคมเหล่านี้ ดูท่าทางเป็สิ่งที่ไม่คุ้นเคยสำหรับหน่วยงานของโจวเฉิง
เซี่ยเสี่ยวหลานจะย่างโจวเฉิงบนกองเพลิงเพียงเพื่อเกียรติของตนไม่ได้
บางทีโจวเฉิงอาจถูกย่างบนกองเพลิงั้แ่แรกแล้ว เนื่องจากเขาได้รับบรรจุเป็ข้าราชการทหารทั้งที่อายุน้อยขนาดนั้น ฟางซื่อจงไม่ชอบโจวเฉิงต่างๆ นานา ส่วนมากมาจากความริษยาทั้งสิ้น
เซี่ยเสี่ยวหลานพิจารณาตนอยู่พักใหญ่ก็เห็นโจวเฉิงเดินออกมาจากห้องทำงานของผู้บังคับบัญชา
ภายนอกของเขายังคงกระฉับกระเฉง เซี่ยเสี่ยวหลานจึงคาดเดาไม่ได้ว่ามีผลการตัดสินลงโทษเช่นใด
“ให้เธอเขียนจดหมายสำนึกผิด? หรือให้เธอขอโทษ หรือว่าให้รับการลงโทษ? ถ้าเขียนจดหมายสำนึกผิดเธอไม่ต้องกังวลไปนะ ฉันจะช่วยเธอเขียน—”
โจวเฉิงมีปัญหากับผู้บังคับบัญชาก็จริง ทว่าพอเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานพะวง เขาก็ไม่อยากทำให้เธอต้องรู้สึกกังวลยิ่งกว่าเดิม
“เขียนจดหมายสำนึกผิดอะไรกัน มือคู่นี้ของเธอใช้สำหรับเขียนแบบในอนาคตนะ สองคนนั้นควรค่าให้เธอเขีนจดหมายสำนึกผิดหรือ? เธออย่ากังวลเลย ไม่ใช่สำนึกผิด และไม่ใช่ลงโทษทางวินัยด้วย เพียงแต่... ตอนนี้มันยังไม่แน่นอน เอาเป็ว่าให้ฉันไปทำหน้าที่เล็กน้อยน่ะ”
สีหน้าโจวเฉิงดูประหลาดทีเดียว
เซี่ยเสี่ยวหลานขมวดคิ้ว “ให้เธอออกไปทำภารกิจ อันตรายหรือเปล่า?”
คำพูดของโจวเฉิงคลุมเครือยิ่งนัก สีหน้ากลับไม่เหมือนกำลังโกหก เซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่สามารถซักไซ้ออกมาได้ คิดว่าเกี่ยวข้องกับการรักษาความลับ จึงเล่าเื่ที่สะใภ้บางคนมาเกลี้ยกล่อมเธอเมื่อครู่แทน “โดยปกติในเมื่อเกาเฟยโดนตบจนเป็แบบนั้น ฉันจะฝืนขอโทษก็ได้ แต่ครั้งนี้ฉันไม่อยากขอโทษจริงๆ แต่กลัวว่าจะกระทบต่อเธอ”
ด่าเธอยังพอทน ตบตีสักยกเพื่อระบายความโกรธ เื่นี้ก็ถือว่าช่างมันแล้ว
อยู่ดีไม่ว่าดีก็เข้ามาิ่ทั้งครอบครัวเซี่ยเสี่ยวหลาน ะโเสียงดังใส่หลิวเฟิน ในส่วนลึกของจิตใจ เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าตบเธอสองรอบยังได้ด้วยซ้ำ
คนเราล้วนมีสิ่งที่ห้ามแตะต้อง ตอนคนอื่นรังแกเธอ มารดาปกป้องเธออย่างไร?
ตอนนี้มีคนรังแกหลิวเฟิน เซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่ทนเช่นกัน!
ไม่ว่าเกาเฟยคิดอย่างไร ก็เอาที่สะดวกเถอะ เซี่ยเสี่ยวหลานจะตั้งรับเอง!
“ไม่ขอโทษ ตอนฉันอยู่ต่อหน้าหัวหน้าก็ไม่ตกลงขอโทษเหมือนกัน บรรยากาศโดยรวมของหน่วยงานต้องรักใคร่ปรองดองกัน แต่จะทำตามความ้าของคนบางคนที่ปลุกปั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ได้ ถ้าคราวนี้พวกเขาร้องไห้เอะอะนิดหน่อยก็บรรลุเป้าหมายได้ คราวหน้าพวกเขาจะทำอีกครั้งแน่นอน!”
ต่อให้เื่นี้แพร่งพรายไปถึงตระกูลโจว โจวเฉิงก็ไม่ขอโทษอยู่ดี
การแบกคำครหาว่าทำร้ายผู้หญิงส่งผลกระทบที่ไม่ดีจริงๆ แต่ถ้ามัวหวาดกลัวเสียทุกอย่าง วิตกเกี่ยวกับคำวิจารณ์ของคนอื่น โจวเฉิงคงไม่ต้องทำงานแล้ว!
อย่างไรเสียคนพวกนั้นก็เรียกเขาว่า ‘มัจจุราชโจว’ ลับหลัง แรกเริ่มเดิมทีโจวเฉิงไม่ได้อัธยาศัยดีอยู่แล้ว เขาอาศัยความสามารถของตนในการเลื่อนขั้น ไม่ใช่อาศัยการอ่อนน้อมถ่อมตนไปสานสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน เขาตบเกาเฟยโดยไม่ได้ตั้งใจ ต้องให้เขายื่นใบหน้าออกไปให้เกาเฟยตบคืนมาหรือ?
สรุปการพบปะในวันนี้ ่แรกเต็มไปด้วยความยินดี ่หลังโดนสุนัขบ้าทำลายเสียจนย่อยยับ
พวกเซี่ยเสี่ยวหลานไม่สามารถค้างแรมในหน่วยงานได้ ตอนโจวเฉิงส่งเธอออกไป มือของหลี่เฟิ่งเหมยยังชาอยู่เลย
หน้าห้องของฟางซื่อจงนั่น เหล่าสะใภ้หลายคนยืนล้อมเกาเฟย บางคนไปหาน้ำแข็งมาจากไหนก็ไม่ทราบ ห่อไว้ในผ้าขนหนู ประคบใบหน้าของเกาเฟยอย่างต่อเนื่อง หน้าเกาเฟยไม่บวมขนาดนั้นแล้ว แรงของหลี่เฟิ่งเหมยเทียบฝ่ามือแรกของโจวเฉิงไม่ได้แม้แต่น้อย รอยนิ้วมือทั้งห้าของโจวเฉิงบนใบหน้าหนึ่งฝั่งยังคงเห็นได้ชัดเจน
“โจวเฉิง คุณมานี่เลยนะ คุณตีผู้หญิงด้วยหรือ?”
“ไม่ว่าอย่างไร การลงไม้ลงมือกับผู้หญิงมันไม่ถูกต้องนะ!”
“โจวเฉิง พวกคุณขอโทษเกาเฟยสิ...”
ถ้อยคำแสนจริงจังและจริงใจ คำพูดถูกส่งให้โจวเฉิง ทว่าใช้สายตามองเซี่ยเสี่ยวหลาน
ทางที่ดีโจวเฉิงและหลี่เฟิ่งเหมยควรขอโทษเกาเฟยพร้อมกัน ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานขอโทษด้วยอีกคน ความจริงใจที่แสดงออกมาก็ยิ่งเต็มเปี่ยม
โจวเฉิงไม่อยากแยแสเลย พวกสะใภ้เหล่านี้ คือภรรยาของผู้บังคับบัญชาแต่ละคนในหน่วย ปกติโจวเฉิงก็พูดจาเคารพสะใภ้เหล่านี้ดี ทว่าค่อนขอดเสี่ยวหลานของเขาอย่างพร้อมเพรียงนี่มันอะไรกัน?
เกลียดที่เสี่ยวหลานของเขาเด่นดังสินะ?
ของที่เสี่ยวหลานส่งมา โจวเฉิงส่งต่อไปให้ทุกบ้าน ก็ไม่เห็นใครบอกว่าไม่เอานี่นา!
เนื้อแพะเมื่อครั้งก่อน แตงโมในครั้งนี้ ก็ไม่เห็นมีใครพูดว่าไม่รับ
โจวเฉิงรู้สึกระอาเหลือเกิน อีกหน่อยจะไม่ส่งของต่อไปทั่วแล้ว คนพวกนี้้าอย่างไรก็อย่างนั้นเถอะ
“พี่สะใภ้ทุกท่าน ผมขอส่งคนรักของผมที่หน้าประตูก่อน พวกคุณดูสิ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว พวกเธอยังต้องกลับเข้าเมืองปักกิ่ง”
โจวเฉิงดันตัวเซี่ยเสี่ยวหลานไปแล้ว
หลี่เฟิ่งเหมยจ้องเกาเฟยถมึงทึง ก่อนจากไปเธอยังพูดทิ้งท้ายไว้อีกด้วย
“เธอว่าคนต่างถิ่นอย่างพวกฉันไม่ได้รับการอบรบสั่งสอนจากครอบครัว เก่งกล้ามาจากไหนสินะ แล้วเธอล่ะเป็ใคร! เธอเป็คนสร้างเทียนอันเหมินรึ? ฉันพอใจจะมาปักกิ่งฉันก็มา เธอไม่มีน้ำยามายุ่มย่ามหรอก! ร้องไห้คร่ำครวญทำตัวน่าสงสารตรงนั้นให้มันน้อยๆ หน่อย ถ้าเธอกล้ารังแกเสี่ยวหลานของฉันอีก ฉันจะกลับมาตบเธอทันทีที่ฉันรู้แน่นอน!”
ในเมื่อไม่มีใครขอโทษทั้งสิ้น ตอนนี้ก็ยอมแพ้ไม่ได้
หลี่เฟิ่งเหมยเรียนรู้ทักษะเอาชนะและด่าทอมาจากชนบท ถึงกับตบเ้าตัวไปแล้ว แค่ขอโทษก็จะให้อภัย? ทุกคนรู้อยู่แก่ใจดีกันอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นจะขอโทษเพื่ออะไร?
ด้วยคำพูดนี้ของหลี่เฟิ่งเหมยกลับทำให้สะใภ้บางคนอึ้ง
หากเกาเฟยไม่พูดในสิ่งที่เกินสมควร คนเขาก็ไม่ตบหน้าเธอหรอก บอกว่าโจวเฉิงตบเธอไม่ใช่หรือ? ฟังดูเหมือนเป็ญาติเซี่ยเสี่ยวหลานที่ตบมากกว่า
ที่แท้พูดจาเช่นนี้นี่เอง ในหมู่สะใภ้มีคนปักกิ่งเพียงคนเดียว คนอื่นล้วนเป็คนต่างถิ่นที่เกาเฟยบอกว่าไร้การอบรมสั่งสอนจากครอบครัว
เกาเฟยยังคงร้องห่มร้องไห้เสียใจ ทว่าเหล่าสะใภ้ไม่ได้โง่เง่าเช่นกัน
จริงอยู่ที่เซี่ยเสี่ยวหลานทำตัวโดดเด่นเกินพอดี ทว่าเกาเฟยเองก็ไม่ได้สงบเสงี่ยมเรียบร้อยเหมือนกัน! ทั้งโจวเฉิงและฟางซื่อจงคบหากับคู่หมายที่มีการศึกษาสูง สำหรับพวกเธอก็ไม่ได้มีอะไรผิดไปจากธรรมดาทั่วไป ย่อมต้องมีคนที่เรียนสูงกว่า มีคนที่จู้จี้จุกจิกกว่า และไม่เห็นหัวใครอื่นในสายตาทั้งนั้น!
เชิงอรรถ
[1]癞皮狗 สุนัขขี้เรื้อน หมายถึง คนที่น่าเกลียดชัง