จวนสกุลสวี ยามเที่ยงของวันถัดมา
ทันทีที่สวีเพ่ยหรานสร่างเมา สวีอี๋เหนียงก็ยกน้ำแกงเข้ามา พลางบอกว่าหนีจวิ้นหว่านมารออยู่ในสวนนานแล้ว หลังทำธุระส่วนตัวเสร็จ ให้ออกไปพบนางเสีย
อาการปวดศีรษะแล่นเข้ามาเป็ริ้วๆ จนชายหนุ่มไม่มีอารมณ์จะไปเจอหน้าใคร แต่ก็ไม่อาจทนการเกลี้ยกล่อมของผู้เป็มารดาได้ จำต้องเดินออกไปอย่างตัดรำคาญ
“หว่านเอ๋อร์ ข้าได้ยินว่าเ้ารอข้าอยู่นาน มีธุระสำคัญอันใดหรือ?”
หญิงสาวหันมามอง ดวงตาจับจ้องไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย แล้วหวนนึกถึงจูบเมื่อวาน พอเป็เช่นนั้น ก็คล้ายจะมีดอกไม้เบ่งบานในหัวใจ นางจึงก้มหน้า พลางทักทายอย่างขัดเขิน “ท่านพี่หราน”
สวีเพ่ยหรานหงุดหงิดกับอาการปวดศีรษะที่ลุกลามไปถึงขมับ จึงเร่งรัดว่า “หากเ้ามีสิ่งใดจะบอก ก็พูดมาได้เลย ข้าต้องรีบไปทำธุระ ไม่มีเวลามากนัก”
ท่าทีเมินเฉยของอีกฝ่าย ทำให้หนีจวิ้นหว่านชาไปทั้งตัว นางก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว หมายจะถามให้กระจ่าง แต่ก็เกรงว่าจะสร้างความขุ่นเคืองเพิ่ม จึงแสร้งทำเป็รู้สึกผิด พร้อมกล่าวเสียงแ่ “ทั้งๆ ที่ข้าเป็ของท่านพี่แล้ว แต่ท่านกลับทำเช่นนี้ ช่างใจร้ายนัก!”
ชายหนุ่มสูดหายใจด้วยความหวาดหวั่น เสียงที่เอ่ยจึงดังขึ้นโดยมิได้ตั้งใจ “หนีจวิ้นหว่าน เ้าจะเป็ของข้าได้อย่างไร มีอะไรก็รีบพูด อย่าเอ่ยวาจาไร้สาระเช่นนี้!”
สาวใช้สองคนที่บังเอิญเดินผ่าน หันมามองด้วยความใ
หนีจวิ้นหว่านอับอายจนแทบมุดดินหนี พลางกล่าวเสียงฉุนเฉียว “ท่านพี่หราน โปรดเบาเสียงด้วย”
สวีเพ่ยหรานจึงหันไปสั่งสาวใช้ทั้งสอง “ไปเสีย!”
เมื่อพวกนางเดินจากไปแล้ว เขาจึงเบาเสียงลง “หว่านเอ๋อร์ ข้าปฏิบัติต่อเ้าเยี่ยงน้องสาวผู้หนึ่งซึ่งเติบโตมาด้วยกัน เ้าเองก็รู้ดี ว่าข้าชอบน้องสาวเ้า”
หญิงสาวกะพริบตา พูดตะกุกตะกักด้วยความบีบคั้นบางอย่าง “แต่เมื่อวาน ท่าน... ท่านพี่จูบข้า แล้วบอกว่าคิดถึง... คิดถึงข้ามาก”
ชายหนุ่มจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เสียด้วยซ้ำ แต่ก็เชื่อว่าตัวเองไม่มีทางทำผิด ต่อผู้ที่ตนคิดว่าเป็น้องสาวมาตลอดเป็แน่ “หว่านเอ๋อร์ อย่าล้ำเส้น เดี๋ยวข้าโกรธจริงๆ นะ!”
จากนั้น ก็เดินผละไปโดยไม่เหลียวหลัง
หนีจวิ้นหว่านยกมือขึ้นปิดหน้าร่ำไห้ แล้ววิ่งออกจากเรือนของสวีเพ่ยหรานด้วยความเสียใจ
...
หลังกินยาต้มไปครึ่งเดือน ในที่สุด ร่างกายของเว่ยอี๋เหนียงก็กลับมาแข็งแรงดังเดิม นายท่านหนีโล่งใจยิ่งนัก จึงเสนอว่าจะพานางไปพักผ่อนที่น้ำพุร้อน
แต่เว่ยอี๋เหนียงเกรงว่า เื่นี้จะสร้างความขุ่นเคืองให้สวีซื่ออีก จึงพยายามบ่ายเบี่ยง ดังนั้น นายท่านหนีจึงอ้างว่าหนีเจียเอ๋อร์อยากจะไปเที่ยว ด้วยรู้ว่าหากเป็ความ้าของบุตรสาว นางย่อมไม่ปฏิเสธ
พอถึงที่หมาย หนีเจียเอ๋อร์ก็ทนไม่ไหว ที่ต้องคอยเป็พยานรักให้บิดามารดาอยู่ร่ำไป จึงหาข้ออ้างปลีกตัวออกมา ด้วยการไปซื้อของที่ตลาดเพียงลำพัง
หญิงสาวเดินไปบนถนนที่ไม่คุ้นเคย ควักเงินซื้อชาดและหมึกสองกล่องอย่างเบื่อหน่าย คิดจะหาโรงเตี๊ยมเพื่อพักดื่มชาและอ่านหนังสือ แต่ใครจะรู้ ว่ากลับถูกบุรุษแปลกหน้าสามคนเข้ามาขวางเอาไว้
คนที่สูงที่สุดยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ “แม่นาง ซื้อของคนเดียวคงน่าเบื่อแย่ พวกข้าไปเป็เพื่อนดีหรือไม่?”
หญิงสาวยกพัดขึ้นบังหน้า พอหลุบตาลง ก็เห็นคราบสกปรกบนเสื้อผ้าอีกฝ่าย จึงรู้สึกคลื่นไส้ บุรุษอีกสองคนที่ติดตามมาด้วย คงจะเป็สมุนของนักเลงข้างถนนผู้นี้
“ไปให้พ้น!” หนีเจียเอ๋อร์ตะเพิดเสียงเย็น
เมื่อเห็นความดุดันของนาง อันธพาลทั้งสามก็อดผงะมิได้ แต่ชายร่างสูงก็ได้สติกลับมา แล้วพูดขึ้นว่า “โอ้… แม่นางน้อยผู้หยิ่งยโส ข้าละ ชอบสตรีแกร่งเช่นเ้านัก!”
บุรุษอีกสองคนเข้ามารุมล้อมนางอย่างรวดเร็ว คนผู้หนึ่งกำลังจะยื่นมือไปแตะใบหน้าหญิงสาว แต่กลับถูกยับยั้งเอาไว้ แล้วเสียงกระดูกหักก็ดังขึ้น มือข้างนั้นพลันห้อยลงอย่างผิดธรรมชาติ
หนีเจียเอ๋อร์เบิกตากว้าง... จู่ๆ มือของคนผู้นั้นจะหักได้อย่างไร?
คนที่เหลือ เมื่อเห็นว่าลูกพี่ถูกเล่นงาน จึงเหลือบไปมองชายในชุดคลุมสีม่วงอ่อนทันที แล้วก็ต้องหน้าถอดสี รีบวิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง
หญิงสาวหันไปมอง ก่อนถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
โจวชิงหวาโยนอันธพาลร่างสูงลงกับพื้น พลางตวาดเสียงต่ำ “ไสหัวไป!”
นักเลงผู้นั้นหนีไปอย่างลนลาน ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้คนที่ชื่นชมในความกล้าหาญของวีรบุรุษ แต่ชายหนุ่มยังไม่คลายสีหน้าขุ่นเคือง ดวงตาอันคมกริบดั่งมีด กวาดมองไปทั่ว “หากไม่ช่วย ก็หลีกทางไป จะมามุงดูอันใดกัน?”
มุมปากของหนีเจียเอ๋อร์กระตุกเล็กน้อย วันนี้โจวชิงหวาดูจะโมโหร้ายเป็พิเศษ แต่ก็ทำให้ตนรู้สึกปลอดภัยเช่นกัน เมื่อเห็นผู้กล้าเอ่ยปากไล่ ผู้คนก็กลอกตา แล้วพากันแยกย้ายด้วยความละอายใจ
ชายหนุ่มจับมือนาง แล้วพูดเบาๆ “ไม่เป็ไรแล้ว ไปกันเถอะ”
หนีเจียเอ๋อรดึงมือออก ก่อนถามระหว่างเดิน “ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้?”
โจวชิงหวาหลบตา แล้วตอบเฉไฉ “มาคุยเื่กิจการ”
“อ่อ!” หนีเจียเอ๋อร์พยักหน้า
หลังจากเดินสักพัก โจวชิงหวาก็เสนอตัวพาไปแช่น้ำพุร้อน หญิงสาวยังไม่เคยมาเที่ยว จึงตอบตกลงอย่างง่ายดาย และเพื่อมิให้เป็การรบกวนนายท่านหนีกับเว่ยอี๋เหนียง ทั้งสองจึงไปยังน้ำพุร้อนอีกแห่ง
ชายหนุ่มไม่ชอบความวุ่นวาย จึงจ่ายเงินเหมาสถานที่ทันที
เถ้าแก่ร้านมองเงินห้าสิบตำลึงตาเป็ประกาย หลังรับเงินแล้ว ก็นำทางแขกทั้งสองไปยังบ่อน้ำพุร้อนส่วนตัวในูเา โดยน้ำพุแห่งนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
เสียงน้ำดังกระทบหูเป็ระยะๆ ไอหมอกหนาทึบลอยอ้อยอิ่งบนผิวน้ำ ดูงดงามหาใดเปรียบ ดั่ง์บนแดนดิน
“โอ้… งดงามเหมือนภาพวาด สวยงามยิ่งนัก!”
หนีเจียเอ๋อร์แทบรอไม่ไหว ที่จะถอดรองเท้าถุงเท้า แล้วหย่อนขาแช่น้ำ นางใช้เท้าตีน้ำเป็คลื่นเล็กๆ อย่างมีความสุข ดวงตาเปล่งประกาย พลางยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นว่าคนที่มาด้วยกันเงียบไป หญิงสาวจึงหันไปมองอย่างสงสัย ก่อนรีบเบนสายตากลับด้วยความใ ใบหน้าแดงก่ำ แม้จะมองเพียงแวบเดียว แต่ก็เห็นกล้ามเนื้อหน้าอกของอีกฝ่ายชัดเต็มสองตา
“ถอดเสื้อผ้าแล้ว ทำไมไม่บอกข้า?”
“ก็ไม่คิดนี่ ว่าเ้าจะหันมา แต่หากข้าบอก แล้วจะรู้หรือว่าเ้าแอบมองอยู่?” โจวชิงหวาเดินเข้ามาหา แล้วย่อตัวลง พลางพูดกลั้วหัวเราะ “ที่ข้ายอมจ่ายเงินอย่างงาม มิใช่แค่มาแช่เท้าเล่นหรอกนะ เ้าจะถอดเสื้อผ้าเองหรือให้ข้าช่วย?”
หนีเจียเอ๋อร์เกรงว่าเขาจะเอาจริง จึงรีบลุกขึ้นเดินหนีอย่างตื่นตระหนก “อย่าแอบมอง ห้ามล้ำเส้น! ได้ยินหรือไม่?”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม ดวงตาเปล่งประกายล้ำลึก “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่สนใจสตรีผอมแห้งไร้เนื้อหนังเช่นนี้ เ้าก็อย่าแอบมองข้าล่ะ!”
หนีเจียเอ๋อร์กัดฟันแน่น ปากก็บอกไม่สนใจ แต่กลับขยันกอดนางนัก ใครจะไปแอบมองคนหลงตัวเองเช่นนี้...
บริเวณน้ำพุร้อนมีจุดกำบังไว้ผลัดเปลี่ยนเสื้อฟ้า หญิงสาวจึงไปถอดชุดออก เหลือเพียงชุดตัวใน ก่อนก้าวลงมาในบ่อ
หนีเจียเอ๋อร์เพลิดเพลินกับความอบอุ่นที่โอบล้อมร่างของตน ดวงตาสวยค่อยๆ ปิดลง รู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก
โจวชิงหวาจึงฉวยโอกาสขยับเข้ามาใกล้ “เสี่ยวเอ๋อร์ เ้าจำได้หรือไม่ ว่าตอนยังเด็ก พวกเราก็เคยอาบน้ำถังเดียวกันเช่นนี้?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้