ก่อนที่อาจูจะพูดจบ ซูเฟยซื่อก็คว้ามือนางที่จิ้มหน้าผากของตนอย่างอำมหิตประกายตาคมกร้าวราวกับจะฆ่าคน “เ้าพูดอะไร? ไหนลองพูดอีกครั้งซิ”
ด่านาง นางสามารถทนได้ แต่ด่าตระกูลกู้ว่าตายไปแล้วก็ยังไม่สาสมแก่บาปกรรมนางไม่อาจทนได้
คนตระกูลกู้ล้วนมีความจงรักภักดี ดาหน้าบุกเข้าไปในสนามรบโลหิตระอุสาดกระเซ็น ไม่รู้ว่าวีรบุรุษหนุ่มคนดีเสียชีวิตไปแล้วมากน้อยเท่าไร จึงแลกมาซึ่งความสงบสุขของแคว้นซ่งในวันนี้
มาถึงวันนี้ประสบทรราชสังหารล้างตระกูล เป็ความแค้นใหญ่หลวงยามหิมะเหินเดือนหก คนรับใช้เล็กๆ คนหนึ่งถึงกับยังกล้าพูดว่าตายอย่างสาสม จะให้นางทนได้อย่างไร?!
“เ้า... เ้าทำอะไรเ้ายังคิดเป็ฏไปด้วยหรือ?” อาจูที่ได้รับความเ็ปจ้องถลึงตาโต แต่ไม่กล้าะโ
เพราะบ่าวไพร่ระดับล่างหลายคนที่ยืนอยู่ข้างนอกเรือนดูคึกคัก ถ้านางแสดงความอ่อนแอต่อซูเฟยซื่อในยามนี้ เช่นนั้นในวันข้างหน้านางจะยังยืนหยัดอยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดีได้อย่างไร
“เมื่อครู่เ้าพูดว่าอะไร ข้าให้โอกาสเ้าพูดอีกครั้ง”ประกายตาซูเฟยซื่อฉายประกายเ็าเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน พูดคำช้าๆ แต่ละคำซึมลึกถึงจิตใจผู้คน
ในยามนี้ บ่าวไพร่ที่กำลังดูความคึกคักนอกเรือนต่างพากันกระซิบนินทา พวกเขาเคยเห็นอาจูรังแกซูเฟยซื่อมาก่อน แต่นี่เป็ครั้งแรกที่ได้เห็นซูเฟยซื่อโต้ตอบ ทำให้ผู้คนต่างประหลาดใจ
แต่อาจูยิ่งพิศวงระคนใจนทำอะไรไม่ถูกคุณหนูสามผู้นี้บ้าไปแล้วหรือ?
“ข้าก็ว่าเป็ไปได้อย่างไรที่คุณหนูสามถูกอาจูรังแกมาโดยตลอดแล้วไม่ตอบโต้ ต้องมีสักวันที่ต้องเอาคืนอยู่แล้ว”
“โอ้โห คนรับใช้ก็เป็แค่คนรับใช้ไหนเลยสามารถเทียบเคียงเ้านายได้”
คำพูดโต้แย้งวิจารณ์ด้านนอกเรือนดังเข้ามาถึงหูของอาจูไม่ตกหล่น นางอับอายจนหน้าแดง อาจูเอื้อมมือออกไปหวังผลักซูเฟยซื่อคราหนึ่ง“ว่าแต่ว่า ข้าคิดว่าเ้าเองก็เป็เหมือนตระกูลกู้ที่สาสมแก่ความตาย”
ประกายโเี้ในดวงตาซูเฟยซื่อเป็ประกายเจิดจ้ามือที่จับอาจูไว้บิดอย่างแรงทันทีจนอาจูร้องเสียงโหยหวน
มือนี้ถูกดึงหลุดจากข้อต่อทั้งๆ อย่างนั้น
แต่ซูเฟยซื่อยังส่ายหน้าอย่างไม่พอใจถ้าไม่ใช่เรือนร่างนี้ขาดสารอาหารระยะยาว ทั้งไม่ได้รับการฝึกปรือฝีมือมาก่อน เมื่อครู่ที่นางออกแรงบิด ข้อมือของอาจูต้องแหลกไปแล้วแน่ๆ
“มีฐานะเป็คนรับใช้ กลับฝ่าฝืนกฎล่วงเกินเบื้องสูงไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังพูดจาดูถูกเ้านายเ้าว่าควรใช้บทลงโทษอย่างไรดี?” ซูเฟยซื่อหยิบกรรไกรจากกล่องเย็บปักถักร้อยแกว่งไปมาต่อหน้าอาจู กล่าวอย่างเย็นะเื
อาจูใกลัว คิดที่จะถอยร่น แต่ข้อมือที่เคลื่อนหลุดจากข้อต่อยังถูกซูเฟยซื่อจับไว้ถอยไม่ได้ รุดหน้าไม่ได้ นี่มัน...
นางมองดูซูเฟยซื่อด้วยความหวาดกลัว “เ้า... เ้าคิดทำอะไร?”
“เ้าว่าอย่างไรเล่า?” ซูเฟยซื่อลูบคางอาจูอย่างคล่องแคล่วใช้แรงบีบขากรรไกรทั้งสองข้างทันที อาจูอ้าปากหวอเหมือนปลาขาดน้ำทำได้เพียงส่งเสียงครางเครือไม่ได้ศัพท์ ไม่รู้ว่ากำลังแช่งด่าหรือร้องขอความเมตตากันแน่
แต่ไม่ว่านางจะแช่งด่าหรือร้องขอความเมตตาก็ล้วนไม่มีประโยชน์ กรรไกรในมือซูเฟยซื่อขยับขึ้นลง ชั่วพริบตาโลหิตสีแดงสดพุ่งทะลักออกจากปากของอาจู เมื่อเหลือบมองในปากของนางอีกครั้ง ลิ้นของอีกฝ่ายได้ถูกตัดออกไปเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ความแค้นใหญ่หลวงของตระกูลกู้นางยังไม่สามารถแก้แค้นได้ แต่คนที่ดูถูกด่าตระกูลกู้อย่างอัปยศเช่นนี้ นางยังจัดการได้
“โอ้ยๆ ๆ ...” อาจูเ็ปเกินกว่าจะหุบปากลง เอาแต่ร้องโหยหวนลูกเดียว ปล่อยให้น้ำลายผสมเืสดไหลลงมา
ได้เห็นฉากนี้ บ่าวไพร่ที่เดิมยืนอยู่นอกเรือนดูเื่สนุกครื้นเครงต่างพากันสูดอากาศเย็นะเืเข้าไปเฮือกหนึ่ง โชคดีที่ตนเพียงดูอยู่ที่นี่ ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม มิฉะนั้นตอนนี้คงไม่สามารถปกป้องลิ้นไว้ได้
แต่ใครเล่าจะคาดคิด คุณหนูสามที่ปล่อยให้อาจูรังแกมาโดยตลอดจนทำได้เพียงร้องไห้จะกลายเป็ดุร้ายแกร่งกล้าเช่นนี้ไม่ต้องพูดถึงการลงมือที่เด็ดเดี่ยวโหดร้ายอำมหิต กระทั่งแววตาที่มองผู้คนนั้นช่างประหัตปะาเฉียบขาด
ไม่ต้องพูดถึงต่อสู้ประจัญบานกับนาง แม้แต่ถูกเหลือบสายตามองเล็กน้อยก็ทำให้สั่นสะท้านไปทั้งร่าง
ซูเฟยซื่อไม่สนใจสายตาขยาดกลัวของทุกคน นางหยิบลิ้นของอาจูที่ถูกตัดทิ้งโยนให้สุนัขกิน “ผู้ที่เอ่ยวาจาไม่เคารพเ้านาย สมควรตัดลิ้น ใครอยากคิดจะมาลองดูหรือไม่?”
“ข้า... เราไม่กล้า ไม่กล้า” บ่าวไพร่ที่ดูเื่สนุกอยู่นอกเรือนต่างพากันกระจายหนีไปไม่มีใครสนใจความเป็ความตายของอาจู
แม้จวนอัครมหาเสนาบดีจะเป็สถานที่ส่วนตัว แต่ผู้คนบ้านใกล้เรือนเคียงหลังจากทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เื่ที่ซูเฟยซื่อตัดลิ้นของอาจูให้เป็อาหารของสุนัขก็ได้ลือกระฉ่อนถึงหูผู้คนอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งก็ดังมาจากนอกประตู “คุณหนูสาม นายหญิงเชิญท่านไปพบเ้าค่ะ”
แม้ว่าปากจะเอ่ยเชิญ ทว่าในน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความดูถูก
นอกจากนี้นางยืนอยู่ที่ประตู ไม่มีเจตนาจะเข้าไปข้างในแม้แต่น้อย ด้วยเกรงว่ากลัวความเก่าแก่ผุพังของเรือนนี้จะทำให้เท้าของนางสกปรก
ประกายตาของซูเฟยซื่อกวาดมองไปอาศัยความทรงจำเดิมของร่างนี้ นางจดจำได้ว่าเป็หลิวมามา หนึ่งในคนสนิทของนายหญิง
ซูเฟยซื่อเผยรอยยิ้มเ็า หลิวมามาผู้นี้อาศัยความเป็คนสนิทของนายหญิงก่อนหน้านี้ได้มาก่อกรรมทำชั่วที่เรือนนี้ไม่น้อย นางย่อมไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกับอาจูนั่นแล
“หลิวมามา ข้ารู้สึกไม่สบาย รบกวนท่านช่วยกลับไปเรียนนายหญิง รอข้าสุขภาพดีแล้วค่อยไปคารวะนะ”
นางเพิ่งตัดลิ้นของอาจูมา หลิวมามาก็มาหาทันที ท่าทางแบบนี้ชัดเจนมากเกินไป
นอกจากนี้ร่างของนางตอนนี้ก็ไม่เหมาะจะไปพบนายหญิงจริงๆอย่าได้ให้นายหญิงหยิบยกเื่อาจูมาทำให้เป็เื่ใหญ่เพื่อจัดการนางเลย
มีคนรับใช้แบบนี้ นายหญิงย่อมไม่ได้ดีกว่าแน่นอน
“ฮ่า” หลิวมามายิ้มอย่างเ็าทันทีราวกับได้ยินเื่น่าขันที่สุดเช่นนั้น “คุณหนูสามยังพูดจาล้อเล่นได้อีกหรือ?นายหญิงเป็คนออกปากเชิญ ไหนเลยจะมีเหตุผลให้คุณหนูสามปฏิเสธได้? นายหญิงกล่าวแล้ว เื่นี้เกี่ยวกับหน้าตาของจวนอัครมหาเสนาบดีคุณหนูสามต้องไปเ้าค่ะ”
“ต้องไป? ถ้าข้าปฏิเสธเล่า?” ซูเฟยซื่อรินชาถ้วยหนึ่งให้ตนเองแล้วนั่งลงดื่มช้าๆ
นางรู้ว่าคราวนี้คงไม่อาจหนีพ้นแต่... หลิวมามาคิดเชิญนางไป ยังต้องใช้ค่าใช้จ่ายเล็กๆ ด้วย
ดูเหมือนคิดไม่ถึงว่าซูเฟยซื่อจะกล้าพูดอย่างนี้หลิวมามาอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะเผยสีหน้าดุดันตามมา “นั่นก็มิอาจแล้วแต่คุณหนูสามได้แล้ว อย่างไรวันนี้ท่านก็ต้องไป ถ้าท่านไม่อยากไปเองดีๆบ่าวก็จะให้บ่าวไพร่ลากตัวท่านไป”
“งั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นก็รบกวนหลิวมามาแล้ว”ซูเฟยซื่ออมยิ้มขณะวางถ้วยชาลง
“ท่าน...! ในเมื่อเ้าไม่รู้จักกาลเทศะแบบนี้ ถ้าเช่นนั้นก็อย่าโทษข้าก็แล้วกัน บ่าวไพร่ ลากไป” หลิวมามาโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม
เหล่าบ่าวไพร่ที่ติดตามอยู่ข้างหลังต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก บ่าวไพร่จะลากเ้านาย? ดูเหมือนยากที่จะพูดให้เป็เื่จริงได้
ถึงแม้กล่าวว่าคุณหนูสามเป็เ้านาย แต่ในจวนอัครมหาเสนาบดีนางกลับไร้ที่พึ่งพา หลิวมามาเป็ตัวแทนของนายหญิง คิดไปแล้วเช่นนี้อะไรสำคัญกว่ามองปราดเดียวก็รู้แล้ว
คิดถึงตรงนี้บ่าวไพร่หลายคนก็พุ่งเข้าไปยังซูเฟยซื่อทันที
ประกายเย็นะเืในดวงตาของซูเฟยซื่อวาบผ่านไปโดยพลันดีจริงๆ พวกเ้าที่มองดูแต่อำนาจผลประโยชน์ จะต้องมีวันที่ให้พวกเ้าได้ชดใช้แน่
นางรีบลุกขึ้นหลบมือของคนรับใช้อย่างรวดเร็วทั้งจงใจสะบัดชายเสื้อให้พ้นมือ ไม่ให้พวกเขาจับได้จริงๆ แต่กระนั้นพวกบ่าวไพร่ก็ยังจับรั้งนางได้บางส่วน
การกระชากลากดึงหลายรอบแบบนี้ นอกจากทำให้ผมของซูเฟยซื่อกระเซิงแล้ว อีกทั้งเสื้อผ้าก็ยุ่งเหยิงไปด้วย ทั่วร่างมีสภาพทุลักทุเลทนจนดูไม่ได้ อย่าว่าเป็คุณหนูสามของจวนอัครมหาเสนาบดี แม้แต่ขอทานข้างถนนยังดูดีกว่ามากนัก
เกือบใช้ได้แล้ว จู่ๆ มุมปากของซูเฟยซื่อก็หยักรอยยิ้มน้อยๆ ขึ้นมาโดยไม่ทันได้สังเกต หลบเลี่ยงบ่าวไพร่หลายคนอย่างรวดเร็ว ก่อนหันหลังวิ่งออกจากเรือนทันที