เซี่ยถิงส่ายหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยของการโทษตนเอง “ข้าน้อยตามหาแล้ว แต่หาไม่พบขอรับ”
“เซ่อเจิ้งอ๋องได้สั่งให้ใต้เท้าอิ๋งพาคนไปตามหาทุกที่ ในเมื่อตอนนี้มีเซ่อเจิ้งอ๋องเป็กังวลแล้ว คุณหนูก็อย่าได้คิดมากเลยขอรับ ชื่อฝูเอ๋อร์นี้ถือเป็โชคอันยิ่งใหญ่ ย่อมไม่เกิดเื่กับนางแน่นอนขอรับ”
เซี่ยถิงมีนิสัยปลอบคนไม่เป็ ถ้อยคำปลอบโยนนั้นจึงฟังดูแข็งกระด้างอย่างยิ่ง
ทว่าเมื่อไป๋เซี่ยเหอได้ยินว่าฮั่วเยี่ยนไหวส่งคนไปตามหา ในใจก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“บอกฮั่วเยี่ยนไหวว่าให้เลิกตามหา ‘เหลียงเอ๋อร์’ ทันที แล้วหันไปตามหาฝูเอ๋อร์แทน เทียบกันแล้วฝูเอ๋อร์หาง่ายกว่ามาก นอกจากนี้ วันนั้นเกิดเื่ใดบ้างก่อนที่ฝูเอ๋อร์จะถูกปลอมตัว มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้”
เซี่ยถิงเม้มปาก “ข้าน้อยสงสัยว่าแม่นางฝูเอ๋อร์อาจจะยังอยู่ในตำหนักของไท่จื่อ หากเป็เช่นนี้ การตามหาอาจค่อนข้างยุ่งยากขอรับ”
ดวงตาอันสงบนิ่งของไป๋เซี่ยเหอทอประกายเด่นชัดในความมืดมิด “นั่นย่อมเป็ไปไม่ได้”
“การเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็วิชาที่แคว้นตงอูคิดค้นขึ้นและเชี่ยวชาญเป็อย่างยิ่ง ทว่าวิชานี้ไม่เป็ที่ยอมรับในแคว้นเทียนเช่อ ไท่จื่อไม่อาจฝ่าฝืนกฎหมายอย่างโจ่งแจ้งได้ หากถูกค้นพบว่าในตำหนักมีคนสองคนที่ใบหน้าเหมือนกัน ย่อมทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยแน่”
“นอกจากนี้ ตำหนักของไท่จื่อก็ไม่ได้ปลอดภัย สถานที่เช่นนี้เต็มไปด้วยหูตาอยู่ทุกที่ ดังนั้น...”
ไป๋เซี่ยเหอเอ่ยยังไม่ทันจบ ทว่าเซี่ยถิงเข้าใจในทันที
“ข้าน้อยทราบแล้ว ข้าน้อยจะแจ้งให้จิ่วหานไปตามหาด้วยกัน เขามีสหายในยุทธภพมากมาย บางทีคงช่วยเหลือได้ขอรับ”
ในเมื่อไม่อาจฝ่าฝืนกฎหมาย เช่นนั้นฝูเอ๋อร์ตัวจริงย่อมต้องถูกพาตัวออกจากตำหนักของไท่จื่อก่อนที่ ‘ฝูเอ๋อร์’ ตัวปลอมจะปรากฏกายอย่างแน่นอน
ผ่านไปหลายวันแล้วฝูเอ๋อร์ก็ยังไม่กลับมา
หากไม่พบเจอเื่โชคร้ายมากกว่าโชคดี ก็อาจเป็เพราะนางอยู่ห่างไกลออกไป
ตอนนี้ไป๋เซี่ยเหอทำได้เพียงหวังว่าให้เป็อย่างหลัง
สองวันต่อมา...
ในความมืดอันเงียบสงัด โคมไฟส่องสว่างที่ริมถนน
หน้าเรือนฝูเซิงหย่า นอกประตูใหญ่สีชาด เด็กสาวนางหนึ่งนอนสลบไสลอยู่บนบันไดหินอย่างน่าอดสู ข้างกายของนางมีเงาร่างสีดำกำลังเคาะประตูอย่างแรง
“เซี่ยถิง เซี่ยถิง เ้าออกมาหน่อย”
เมื่อเซี่ยถิงที่อยู่ด้านในได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ก็ลุกจากเตียงโดยไม่แม้แต่จะสวมเสื้อคลุม ดวงตาของเขาเป็สีแดงก่ำ
ั้แ่คุณหนูถูกจำคุก เขาก็แทบไม่ได้นอนเลย วันนี้เพิ่งได้หลับตาลง
เมื่อเปิดประตู เซี่ยถิงก็มองเห็นสตรีที่นอนสลบไสลอยู่บนบันไดหิน รูม่านตาของเขาพลันขยาย ก่อนจะตบบ่าจิ่วหานที่ยืนอยู่ด้านข้าง “เ้าพานางเข้าไปในเรือน ข้าจะไปตามท่านอ๋องมา”
วันนี้ฮั่วเยี่ยนไหวพักอยู่ที่เรือนฝูเซิงหย่า เมื่อได้ข่าวเขาก็รีบมาทันที
ห้องพักของฝูเอ๋อร์กว้างกว่าห้องพักของนางกำนัลในวังเล็กน้อย ทว่าเพราะทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ในตอนนี้ จึงดูแออัดไปหน่อย
หมอหลวงฉินจับชีพจรของฝูเอ๋อร์ คิ้วพลันขมวดมุ่น “แม่นางน้อยคนนี้ดวงแข็งนัก าเ็ไปทั้งตัว ทั้งยังเสียเืมาก แม้ว่าชีพจรจะอ่อนแอ แต่ก็...ยังมีชีวิตอยู่”
ทั้งห้องพลันเงียบสงัด
ฮั่วเยี่ยนไหวกำหมัดแน่น สีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย
ครู่ต่อมา
น้ำเสียงอันแหบพร่าของเขาก็ดังขึ้น “มีวิธีทำให้นางฟื้นขึ้นมาชั่วครู่หรือไม่?”
หมอหลวงฉินลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า “มีน่ะมี เพียงแต่แม่นางคนนี้จะทรมานนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนนี้ไม่มีวิธีใดดีกว่านี้ หมอหลวงฉิน ข้าต้องพึ่งท่านแล้ว”
ไม่นาน...
ฝูเอ๋อร์ที่เดิมทีนอนสลบไสลอยู่บนเตียงอย่างแทบจะไร้พลังชีวิต จู่ๆ ก็เริ่มดิ้นอย่างแรง ใบหน้าของนางแดงก่ำ นางส่งเสียงกรีดร้อง
“คุณหนู หนีเร็วเ้าค่ะ!”
“กดตัวนางไว้ ระวังนางจะทำให้ตนเองาเ็อีก”
คนสูงวัยอย่างหมอหลวงฉินถูกฝูเอ๋อร์ผลักออกทันที จึงทำได้เพียงร้องขอให้คนอื่นช่วยเหลือ
เพียงครู่หนึ่งฝูเอ๋อร์ก็สงบลง
ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“ข้าอยู่ที่ไหน?”
ในบรรดากลุ่มคนที่รายล้อมอยู่รอบตัวนาง ผู้ที่นางคุ้นเคยที่สุดก็คือเซี่ยถิง ดังนั้นเซี่ยถิงจึงรีบรุดมาตรงหน้าของนางทันที
“เ้ากลับมาที่เรือนฝูเซิงหย่าแล้ว เกิดเื่อะไรขึ้นกับเ้า?”
จิ่วหานที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าเจอนางบนูเาบริเวณชานเมือง นางสลบอยู่ ท่าทางเหมือนใช้แรงทั้งหมดปีนขึ้นมา”
ูเาลูกนั้นสูงชันมาก ดูน่าหวาดเสียวไม่น้อย
แม่นางน้อยอย่างฝูเอ๋อร์รอดชีวิตมาได้อย่างไรนั้นถือเป็เื่ยากจะจินตนาการ
“าแบนตัวเ้าเกิดขึ้นเพราะล้มตอนปีนเขาหรือ?” เซี่ยถิงถามเสียงเบา
ฝูเอ๋อร์ทั้งพยักหน้าทั้งส่ายหน้า “มีาแตอนที่ข้าถูกโยนลงไปด้วย”
“คืนนั้น จู่ๆ ข้าก็รู้สึกปวดท้อง แต่พอข้าทำธุระเสร็จแล้วกลับพบว่าคนที่รออยู่ข้างนอกไม่อยู่แล้ว ข้ากำลังคิดจะเรียกคน ทว่ากลับถูกลากตัวไปที่หลังูเาจำลอง แล้วทำให้สลบ”
“เมื่อข้าฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตนเองอยู่ในโอ่งน้ำ พวกเขากำลังกดหัวข้าลงไปในน้ำ หวังให้ข้าจมน้ำตาย ข้าจึงแกล้งตาย...”
เื่ราวหลังจากนั้นเป็อย่างไร ทุกคนพอเดาได้แล้ว
หลังจากแกล้งตาย ร่างของนางก็ถูกโยนทิ้งทีู่เา
หลังฝูเอ๋อร์พูดจบ นางก็ตระหนักว่าบรรยากาศดูผิดปกติไป นอกจากนี้ นางยังไม่เห็นคนที่สำคัญที่สุดด้วย
ในใจของนางพลันเย็นวาบ
“คุณ...คุณหนูเล่า?”
ระหว่างที่พูด นางก็พบว่าฟันของตนเองกระทบกันเสียงดัง
“เพราะคุณหนูวางแผนสังหารลูกในครรภ์ของเช่อเฟย ตอนนี้จึงยังอยู่ในคุก”
เซี่ยถิงบอกเล่าเื่ราวทั้งหมดที่ตนเองรู้ให้ฝูเอ๋อร์ฟัง เมื่อฟังจบ นางก็หน้าซีด ก่อนจะร้องไห้ออกมาโดยปราศจากเสียง ความเศร้าโศกถาโถม
“ต้องโทษข้า ปวดท้องตอนไหนไม่ปวด ต้องมาปวดท้องตอนนั้นเสียนี่ ตอนนี้คุณหนูต้องเกลียดข้ามากแน่ๆ”
นึกไม่ถึงว่าจะมีคนเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นางแล้วไปทำร้ายคุณหนู วันหน้านางจะเผชิญหน้ากับคุณหนูได้อย่างไร?
หากวันหน้านางไม่อาจรับใช้อยู่ข้างกายคุณหนูแล้ว ชีวิตของนางจะยังมีความหมายอะไร?
เซี่ยถิงเห็นฝูเอ๋อร์ดูเศร้าสร้อยและสิ้นหวัง ในใจก็หงุดหงิดเล็กน้อย ทว่าหากเื่เช่นนี้เกิดขึ้นกับเขา เขาก็คงรู้สึกเหมือนฝูเอ๋อร์
“คุณหนูของเ้าไม่ได้โทษเ้า”
น้ำเสียงราบเรียบดังขึ้นจากทางด้านหลังของเซี่ยถิง ทำให้ฝูเอ๋อร์ได้สติ นางพบว่าเซ่อเจิ้งอ๋องเองก็อยู่ในห้องพักของนางด้วย
“คุณหนูไม่ได้โทษข้าหรือเ้าคะ?”
“อืม นางเป็คนบอกข้าเอง”
ตอนนี้ฮั่วเยี่ยนไหวเริ่มเข้าใจคร่าวๆ แล้วว่า เหตุใดไป๋เซี่ยเหอถึงมั่นใจว่าฝูเอ๋อร์จะไม่ทำร้ายนาง
หากมีคนบอกเขาว่าอิ๋งเฟิงจะสังหารเขา เขาย่อมไม่เชื่อเช่นกัน
ความสัมพันธ์ของพวกนางแน่นแฟ้นขึ้นั้แ่ตอนที่อยู่ในจวนตระกูลไป๋
พวกนางเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ทั้งยังพึ่งพากัน สลัดสถานะนายบ่าวไปนานแล้ว หากจะบอกว่าเป็พี่น้องก็ไม่ได้ฟังดูเกินจริงแต่อย่างใด
“เ้าสังเกตเห็นเบาะแสอื่นอีกหรือไม่?”
ฝูเอ๋อร์ครุ่นคิด จากนั้นดวงตาก็เป็ประกายทันที “มีเ้าค่ะ คนผู้นั้นที่ลากข้าไปด้านหลังูเาจำลอง แม้จะสวมชุดนางกำนัลและดูเหมือนนางกำนัลผู้หนึ่ง แต่มือของนางเป็มือของบุรุษชัดๆ เ้าค่ะ!”
ถึงแม้จะรู้เื่มือ การตามหาตัวอีกฝ่ายให้เจอก็นับว่ายากอยู่ดี ถึงอย่างไรนั่นก็ไม่ใช่จวนเซ่อเจิ้งอ๋อง ทว่าเป็ตำหนักของไท่จื่อ
“พวกเขาคิดว่าข้าตายไปแล้ว จึงลากข้าออกจากตำหนักของไท่จื่อ ตอนข้าแอบลืมตา ก็เห็นว่ามีคนสองสามคนซ่อนตัวอยู่ในมุมเ้าค่ะ”
เห็นได้ชัดว่าฝูเอ๋อร์คือพยานผู้เห็นเหตุการณ์!
------------------------