“ทะลวง!” เย่เฟิงแผดเสียงะโพร้อมปลดปล่อยเจตจำนงหอก จากนั้นกำจัดพลังทำลายล้างที่อยู่รอบกายจนหมดสิ้น
“วูบ!” พลันปรากฏหอกัเงินประกายในมือ แสงบนตัวหอกสว่างจ้า ก่อนจะแทงออกไป รังสีหอกกลายเป็ลำแสงทะลวงอากาศตรงไปยังอี้ชิง
“แกว่งเท้าหาเสี้ยน!” อี้ชิงแค่นเสียงเ็าก่อนจะชักดาบแล้วตวัดออกไปทันที รังสีดาบเข้าปะทะกับรังสีหอกของเย่เฟิงจนเกิดประกายไฟพร้อมเสียงดังสนั่นทั่วฟ้าดิน ราวกับฟ้าถล่มดินทลายก็ไม่ปาน
“การโจมตีระดับนี้ทรงพลังมาก สามารถสู้กับอี้ชิงมาถึงจุดนี้ได้ ข้าชักจะสงสัยว่าเย่เฟิงอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาจริง ๆ แน่หรือ?” ผู้คนเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนี้ต่างก็ใจเต้นระรัว จู่ ๆ มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวด้วยความตกตะลึง ทำให้คนอื่น ๆ ที่ได้ยินก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่สายตากลับจ้องมองศึกของเย่เฟิงกับอี้ชิงไม่วางตา ราวกับไม่อยากพลาดทุก่เวลา
“สวะ เ้ารู้หรือไม่ว่าระหว่างเ้ากับข้าห่างชั้นกันเพียงใด?” มีเสียงดังมาจากอีกแดนมรดกหนึ่ง ฟู่เจินกับเซี่ยจวิ้นหลงก็กำลังต่อสู้อยู่เช่นกัน ฟู่เจินพึ่งพิงิญญาาเตาหม้อ จึงค่อย ๆ กำราบเซี่ยจวิ้นหลงได้ทีละนิด
ขณะนั้นเซี่ยจวิ้นหลงถูกฟู่เจินโจมตีจนถอยหลังไปหลายก้าว เหงื่อเย็นผุดขึ้นที่หน้าผาก แม้เขาปล่อยพลังเข้าต่อต้านอย่างสุดกำลัง แต่ิญญาาเตาหม้อของฟู่เจินทรงพลังเกินไป เปลวไฟแผดเผาทุกสิ่งกระทั่งสร้างรอยาแบนร่างกายของเซี่ยจวิ้นหลงไว้หลายแผล
ผ่านไปสักพัก เซี่ยจวิ้นหลงเริ่มอ่อนล้าด้วยการโจมตีอันแกร่งกล้าของฟู่เจิน แต่ดวงตาคู่นั้นยังคงฉายแววมุ่งมั่นคล้ายไม่อยากยอมแพ้
“อั่ก!” เมื่อฟู่เจินซัดฝ่ามือเปลวไฟโจมตี ในที่สุดเซี่ยจวิ้นหลงก็ยืนหยัดไม่ไหว ร่างถูกฝ่ามือโจมตีจนต้องกระอักเื
“สวะก็คือสวะ อ่อนหัด” ฟู่เจินแสยะยิ้ม จากนั้นพลังทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเซี่ยจวิ้นหลง เซี่ยจวิ้นหลงกัดฟันแน่นก่อนจะเหวี่ยงหมัดโจมตีฟู่เจิน ทำให้ฟู่เจินโอดครวญและถอยหลังไป แต่สีหน้าเย็นเยือกกว่าเดิมมาก
“ดิ้นรนเฮือกสุดท้าย!” ฟู่เจินกล่าวเสียงดัง เขาไม่ปล่อยให้เซี่ยจวิ้นหลงได้มีโอกาสใด ๆ จึงซัดฝ่ามือจู่โจมร่างเซี่ยจวิ้นหลง ครั้งนี้เซี่ยจวิ้นหลงถูกซัดกระเด็นออกจากแดนมรดก และต้องกระอักเืออกมา ดูแล้วเขาคงาเ็ไม่น้อย
“ตึกตัก ๆ!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องใจเต้นโครมคราม และรู้สึกว่าตัวเองหายใจถี่เร็ว
“ฟู่เจินแข็งแกร่งมาก เป็ไปตามคาดเซี่ยจวิ้นหลงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่เซี่ยจวิ้นหลงผู้นี้ทรหดมากจริง ๆ ยอมตายแต่ไม่ยอมศิโรราบ” พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน เสียงนี้แทนใจของทุกคน แม้เซี่ยจวิ้นหลงจะพ่ายแพ้ แต่ผู้คนจำต้องยอมใจให้กับความทรหดของเซี่ยจวิ้นหลง
ยอดเขาเทพโอสถที่โลกภายนอก บุคคลระดับสูงของวังเทพโอสถต่างเห็นศึกต่อสู้ระหว่างฟู่เจินและเซี่ยจวิ้นหลงกับตาตัวเอง พวกเขารู้จักความแข็งแกร่งของฟู่เจินดี แต่ความทรหดของเซี่ยจวิ้นหลงนั้นก็น่าชื่นชมเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าทั้งสองคนเป็อัจฉริยะของวังเทพโอสถ เป็อนาคตของวังเทพโอสถ พวกเขาหวังว่าทั้งสองจะเติบโตไปด้วยกันได้ เพื่อความรุ่งโรจน์ของวังเทพโอสถ แต่สถานการณ์ของวังเทพโอสถในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คนของทั้งสองฝ่ายแตกหัก เกิดการต่อสู้แย่งชิง ทำให้คนรุ่นเยาว์อย่างสองคนนี้ต้องเป็ศัตรูกัน เมื่อฉุกคิดได้เช่นนี้ ความหวังของพวกเขาก็ดูเหมือนจะเป็ไปไม่ได้
“รนหาที่ตาย หรือเขาไม่รู้ว่าตัวเองมีความสามารถอะไรถึงได้กล้ายั่วยุฟู่เจินก่อน เขาสมควรแล้วที่โดนแบบนี้!” ฟู่หยางกล่าวขณะมองภาพฉากเซี่ยจวิ้นหลงถูกฟู่เจินซัดจนกระเด็นออกจากแดนมรดกที่ฉายอยู่บนท้องฟ้าพลางเหยียดยิ้มอย่างเย็นะเื จี๋เหยียนก็แสยะยิ้มเช่นกัน จากนั้นทั้งสองเหลือบมองเซี่ยชิงซานที่อยู่ใกล้ ๆ ด้วยสายตาดูแคลน
เซี่ยชิงซานมีสีหน้าไม่สู้ดีจาง ๆ สุดท้ายแล้วบุตรชายของเขาก็ไม่ใช่คู่ปรับของฟู่เจิน แต่เป็ผู้แพ้ แล้วเขาจะพูดอะไรได้เล่า?
“สวะ นี่ก็คือโทษฐานที่เ้ามายั่วยุข้า!” ในแดนมรดก ฟู่เจินกล่าวขณะมองเซี่ยจวิ้นหลงด้วยท่าทีหยิ่งผยอง
“ข้าจะจดจำความพ่ายแพ้ในวันนี้ และสักวันหนึ่งข้าเซี่ยจวิ้นหลงจะเอาชนะเ้าให้ได้!” เซี่ยจวิ้นหลงกล่าวพลางหน้าซีดเซียว ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก แต่ดวงตาคู่นั้นฉายแววคมกริบแฝงความไม่ย่อท้อ
“แล้วข้าจะรอดู!” ฟู่เจินตอบกลับด้วยท่าทียโสโอหัง พอพูดจบก็ไม่สนใจเซี่ยจวิ้นหลง และหันไปดูศึกต่อสู้ระหว่างเย่เฟิงกับอี้ชิงทันที เมื่อพบว่าเย่เฟิงที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาสามารถสู้กับอี้ชิงได้อย่างดุเดือด ฟู่เจินก็ต้องใ เพราะเขารู้จักพลังของอี้ชิงดี
“ปัง!” เสียงะเิดังกึกก้อง การโจมตีของเย่เฟิงกับอี้ชิงเข้าปะทะกันอีกครั้ง พลังทำลายล้างแกร่งกล้าราวกับวันสิ้นโลกมาเยือน
สีหน้าของอี้ชิงดูไม่สู้ดี ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 3 ในรายนามเสินเจียงแห่งสำนักศึกษาเสินเจียง ภายใต้การถูกกดระดับการบ่มเพาะ กลับจัดการผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาไม่ได้ ช่างขายหน้ายิ่งนัก
“ป่วนฟ้าสะบั้น!” อี้ชิงแผดเสียงะโ พร้อมดาบในมือปลดปล่อยแสงโชติ่ นาทีต่อมาเห็นรังสีดาบฟาดฟันลงมาจากฟากฟ้า และมันยังอัดแน่นไปด้วยพลังป่วนฟ้า
เย่เฟิงเผยสีหน้าดุดัน อี้ชิงผู้นี้เป็คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าจะเป็การโจมตีหรือการป้องกันก็แทบหาจุดอ่อนไม่ได้ ดังนั้นการเอาชนะอีกฝ่ายจึงไม่ใช่เื่ง่ายเลย
“หอกดุจั!” เย่เฟิงใช้หอกัเงินประกายเข้าต่อต้าน พลันรังสีหอกทะลวงอากาศ เขมือบกินทุกสิ่ง จากนั้นการโจมตีทั้งสองเข้าปะทะกัน คลื่นกระแทกะเืฟ้าสนั่นดิน ด้วยการโจมตีของเย่เฟิง อี้ชิงถึงกับถอยร่นไปหนึ่งก้าว แต่ขณะเดียวกันเย่เฟิงเดินออกมาพร้อมแทงหอกัเงินประกาย พลันรังสีหอกสองสายทะลวงทุกสิ่ง
อี้ชิงร่ายเพลงดาบเพื่อต่อต้านรังสีหอกของเย่เฟิง แต่จิตใจกลับไม่สงบนิ่ง เขาคาดไม่ถึงว่าสวะขั้นบ่มเพาะกายาที่เขาเคยดูแคลนจะมีพลังมากขนาดนี้ ภายใต้สถานการณ์การถูกกดระดับการบ่มเพาะ เขาค่อย ๆ เป็ฝ่ายเสียเปรียบ รังสีหอกนั่นคมกริบมาก และมันไม่มีทางปล่อยให้เขารอดไปได้
“ตาย!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ ทุกหอกที่เย่เฟิงแทงออกไปล้วนทรงพลัง ลมปราณบนร่างเขาก็เปลี่ยนไปจนน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ ราบกับอำนาจฟ้าดินที่น่าทึ่งอยู่รอบกายของเขา
การต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์ บางครั้งแพ้ชนะตัดสินได้ในชั่วพริบตา สามารถพลิกโอกาสเป็ฝ่ายคุมเกม และเย่เฟิงในเวลานี้ก็คือผู้คุมเกม การโจมตีของเขาบ้าระห่ำขึ้นเรื่อย ๆ จ้องจะกำราบอี้ชิงลูกเดียว และด้วยการโจมตีที่รุนแรงนั้นของเย่เฟิง อี้ชิงต้องถอยหลังไปอีกครั้ง
ผู้คนเห็นฉากนี้ก็ต้องประหลาดใจและใกับพลังของเย่เฟิง ก่อนหน้านี้เย่เฟิงแสดงพลังอันแกร่งกล้า แต่บัดนี้เขากำลังกำราบอี้ชิง นี่เป็เื่ที่ผู้คนไม่คาดฝันว่าจะเกิดขึ้น
“หอกมรณะ!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ รังสีหอกรุนแรงขึ้น ซึ่งหอกมรณะคือกระบวนที่หนึ่งของทักษะหอกปลิดชีวี พลังของมันย่อมไม่ใช่สิ่งที่การโจมตีทั่วไปจะเทียบเคียงได้ พลังมรณะอาละวาดทั่วฟ้าดิน ผสานกับรังสีหอกและมีอำนาจหอกรายล้อมอยู่บนนั้น
เย่เฟิงสำแดงทักษะหอกปลิดชีวีในเวลานี้ เห็นชัดว่าเขาอยากจบศึกโดยเร็ว รังสีหอกทะลวงทุกสิ่ง พลังมรณะอันแกร่งกล้าพุ่งเข้าหาอี้ชิง ทว่าสีหน้าของอี้ชิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อััพลังของหอกนี้ได้ ในดวงตาฉายแววความหวาดกลัวจาง ๆ หอกนี้ดูเรียบง่าย แต่ในความเป็จริงกลับผสานพลังที่น่าสะพรึงกลัว ไม่ใช่การโจมตีทั่ว ๆ ไป ในเวลาสั้น ๆ อี้ชิงไม่รู้ว่าควรรับมือกับหอกที่น่าหวาดผวาของเย่เฟิงนี้อย่างไร จึงอดถอยหลังไปไม่ได้
“ก่อนหน้านี้เ้าอี้ชิงยังไม่สนใครหน้าไหนอยู่เลยมิใช่หรือ ซ้ำยังนำศิษย์สำนักศึกษาเสินเจียงหลายคนไล่ล่าเพื่อฆ่าข้าอีก ตอนนั้นเ้าเคยคิดถึงจุดจบอย่างในวันนี้และเสียใจกับการกระทำของตัวเองหรือไม่?” เย่เฟิงกล่าวพลางดวงตาส่องประกายจิตสังหาร ดวงตาเช่นนั้นทำให้ใครที่มองก็ต้องจิตใจสั่นไหว
อี้ชิงเผยหน้าเขียว คำพูดของเย่เฟิงทิ่มแทงหัวใจของเขา ความมั่นใจที่เคยมีอันตรธานหายไปหมด เขาผู้เคยคิด้าชีวิตของเย่เฟิง บัดนี้กำลังเผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เขาจะทำสำเร็จได้อย่างไร?
“ตาย!” สิ้นเสียงคำรามของเย่เฟิง รังสีหอกนั่นเยือนเบื้องหน้าอี้ชิง อี้ชิงตวัดดาบเข้าต่อต้านอย่างฉับพลัน แต่รังสีหอกของเย่เฟิงทำลายรังสีดาบของอี้ชิงในชั่วพริบตา ทำให้อี้ชิงหน้าถอดสีและถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว รังสีหอกนั่นปกคลุมร่างเขา เขาอยากหนีแต่ก็เป็ได้แค่ความเพ้อฝัน
“เย่เฟิงผู้นี้จะปลิดชีวิตอี้ชิง!” ผู้คนต่างเผยสีหน้าเหลือเชื่อ พวกเขาไม่อยากเชื่อว่าพลังโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้จะเป็ของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายา
แต่ขณะนั้นฟู่เจินที่อยู่ในแดนมรดกข้าง ๆ แววตาฉายอย่างเย็นะเื จู่ ๆ เขากะพริบไปปรากฏตัวที่ริมแดนมรดก ก่อนจะปล่อยฝ่ามือเปลวไฟออกไป ซึ่งฝ่ามือนี้ทะลวงกำแพงของแดนมรดกสองชั้นไปเยือนเย่เฟิง ตามมาด้วยเสียงดังสนั่น พลังทำลายล้างแผ่ซ่านไปทั่วร่างเย่เฟิง ทำลายเกราะป้องกันของเย่เฟิง ก่อนจะแทรกซึมสู่ร่างของเย่เฟิงอย่างบ้าคลั่ง
เย่เฟิงโอดครวญพร้อมกระอักเืออกมา ทั้งยังทำให้การโจมตีที่ปล่อยออกมาสลายหายไป ซึ่งฟู่เจินโจมตีเย่เฟิงในตอนที่ใช้หอกมรณะ หมายจะฆ่าและ้าคร่าชีวิตของอี้ชิง มันไม่เพียงแต่ทำร้ายเย่เฟิง แต่ยังช่วยให้อี้ชิงมีโอกาสโต้กลับ
ขณะที่เย่เฟิงถูกรังสีหมัดของฟู่เจินโจมตี จิตสังหารปะทุออกจากดวงตาของอี้ชิง และเหวี่ยงหมัดเพื่อซัดเย่เฟิง พลังอันน่าสะพรึงหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเย่เฟิงจนทำลายอวัยวะภายใน ทำให้เย่เฟิงกระอักเือีกครั้ง
“เลวทราม!” ฉากนี้ทำให้นักดาบแขนเดียวและเซี่ยจวิ้นหลงที่อยู่ในกลุ่มฝูงชนถึงกับเอ่ยเสียงดังด้วยความโกรธ แต่พวกเขากลับช่วยเหลืออะไรเย่เฟิงไม่ได้ ส่วนคนอื่น ๆ ก็คิดเช่นเดียวกัน รู้สึกว่าวิธีของฟู่เจินกับอี้ชิงเลวร้ายเกินไป
ฟู่เจินแทรกแซงใน่เวลาสำคัญของศึกระหว่างเย่เฟิงกับอี้ชิง ลอบโจมตีเย่เฟิง ป่วนการต่อสู้ ทำให้ศึกนี้เป็ไปอย่างไม่ยุติธรรมและเอนเอียงไปทางอี้ชิง แต่อี้ชิงก็ยินดีคว้าโอกาสนี้ไว้ เขาไม่สนว่าฟู่เจินจะช่วยเหลือหรือไม่ ตราบใดที่ฆ่าเย่เฟิงได้ก็พอแล้ว
“ตายซะเถอะ!” หลังจากใช้หมัดโจมตีเย่เฟิงสำเร็จ อี้ชิงตวัดดาบอีกครั้ง รังสีดาบฟาดฟันลงมาจากฟากฟ้า ดาบนี้หมายปลิดชีวิตของเย่เฟิง
ดวงตาของเย่เฟิงฉายแววคมกริบ ตัวยังคงยืนตรงดุจพู่กัน เสื้อคลุมพลิ้วไหวตามสายลม คล้ายมีเพลิงโทสะปะทุออกจากร่าง ฟู๋เจินกับอี้ชิงร่วมมือกันจัดการเขาคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องเมตตาอีกต่อไป!
ทันใดนั้นพลังหอกพวยพุ่งออกจากร่างเย่เฟิง รังสีหอกอันมหาศาลพลันปกคลุมทั่วฟ้าดิน ทำให้บรรยากาศกดดันขึ้นมากเดิมราวกับวันสิ้นโลกมาเยือน ภายใต้แรงกดดันนั้น รังสีดาบของอี้ชิงเคลื่อนตัวช้าลง พลังหยวนภายในกายราวกับแข็งตัว
“หอกตัดิญญา จงตายซะ!” เย่เฟิงแผดเสียงคำราม หอกเงินประกายราวกับกลายเป็อาวุธตัดิญญายุคโบราณ อัดแน่นไปด้วยพลังสังหารที่ไร้สิ้นสุด กำลังพุ่งโจมตีไปยังอี้ชิง
พลังหอกอาละวาดทั่วฟ้าดิน กำราบทุกสิ่ง แล้วรังสีหอกนั้นยังไร้เทียมทาน เป็เคล็ดวิชาสังหารอย่างแท้จริง
หอกนี้ทรงพลังกว่าหอกเมื่อครู่นี้หลายเท่า ทุกที่ที่รังสีหอกพาดผ่าน ทุกสิ่งจักต้องสูญสิ้น มันทำลายรังสีดาบของอี้ชิงในเสี้ยวพริบตา พร้อมกับม่านแสงพินาศเข้าปกคลุมพื้นที่ สีหน้าที่ปกติของอี้ชิงกลับมาบูดเบี้ยวอีกครั้ง เขาสามารถััถึงพลังของการโจมตีนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่เขาในเวลานี้จะต่อต้านได้
“หมอนี่บ้าระห่ำมาก ฆ่าอี้ชิงอย่างไม่ลังเล!” ผู้คนเห็นสถานการณ์พลิกผันก็ต้องตกตะลึง ไม่กล้าเชื่อว่าทั้งหมดนี้จะเป็ความจริง
“แบบนี้ก็ยังไม่ตายอีกหรือ!” ฟู่เจินตาเผยประกายเยือกเย็น เขา้าโจมตีเย่เฟิงอีกครั้ง แต่กลับถูกรังสีหอกที่เย่เฟิงปล่อยออกมาซัดกระเด็นถอยหลัง พร้อมเืซึมตรงมุมปาก
“ตาย!” เย่เฟิงอาบอยู่ท่ามกลางแสงแห่งความตาย ประหนึ่งเทพมรณะก็ไม่ปาน ในเสียงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยเจตจำนงมรณะที่ไร้สิ้นสุด คาดว่าอี้ชิงต้องตายคาสนามเพราะการโจมตีนี้
อี้ชิงรู้สึกว่าตัวแข็งทื่อ ไอมรณะห่อหุ้มร่างกาย อยากขยับตัวแต่ก็เป็ได้เพียงความเพ้อฝัน
“วูบ!”
ทว่าตอนที่หอกตัดิญญาของเย่เฟิงกำลังจะกลืนกินอี้ชิง พลันมีพลังประหลาดที่แฝงด้วยพลังมิติแผ่ซ่านทั่วแดนมรดก ก่อนจะปกคลุมร่างอี้ชิงในชั่วพริบตา แล้วพาตัวออกไปยังนอกแดนมรดก ทำให้หอกตัดิญญาของเย่เฟิงทะลวงความว่างเปล่า!