เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาบีบคั้นขององค์หญิงสิบเอ็ด รอยยิ้มอ่อนโยนก็หุบลง กู้เจิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “อย่างที่องค์หญิงทรงกล่าว หม่อมฉันดึงกระโปรงของคุณหนูผิงเซียงจริงๆ และคุณชายรองหนิงก็อยู่ที่นั่นพอดีเพคะ”
องค์หญิงสิบเอ็ดแค่นเสียงเ็า “เ้ารู้หรือไม่ว่าเ้าได้ทำลายชีวิตของพี่ผิงเซียง”
กู้เจิงปรายตามองกู้อิ๋งแวบหนึ่ง นางเห็นน้องสามยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่มือที่ถือถ้วยชาของนางกลับแข็งทื่อเล็กน้อย
กู้เจิงนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางยืดตัวตรง ไม่ต่ำต้อยไม่สูงส่ง* นางตอบอย่างใจเย็น “ประโยคนี้ คุณหนูผิงเซียงก็เคยกล่าวกับหม่อมฉันด้วยเหมือนกัน แต่หม่อมฉันขอไม่ยอมรับนะเพคะ”
(*ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวเกินควรจนดูต้อยต่ำ)
สิ้นเสียงของกู้เจิง สายตาของทุกคนในห้องก็หันมามองที่นาง
แม่เฒ่าซุนร้อนใจมาก นางคิดจะหาทางพาคุณหนูใหญ่ออกไปจากสถานการณ์ตอนนี้ เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้พระชายารองและองค์หญิงสิบเอ็ดไม่พอใจไปมากกว่านี้ และไม่ทำให้คุณหนูสามต้องลำบากในภายภาคหน้า แต่นางกลับถูกสายตาของกู้อิ๋งห้ามไว้
กู้อิ๋งรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับพี่ใหญ่อย่างมากก็แค่กลับไปเป็เหมือนในอดีต แต่การที่องค์หญิงสิบเอ็ดทำให้นางอับอายและเสียหน้าในวันแต่งงานนี้ นางทำไปเพื่ออะไร และไหนจะเื่ของฟู่ผิงเซียงที่วนมาไม่จบไม่สิ้นนี่อีก
“เมื่อครู่เ้ายังบอกว่าเ้าเป็คนฉีกกระโปรงของพี่ผิงเซียง แต่ตอนนี้กลับมาบอกว่าไม่ยอมรับ?” แม้จะมีท่าทีกรุ่นโกรธ แต่ท่าทางขององค์หญิงสิบเอ็ดก็ยังแสดงให้เห็นถึงความน่าเกรงขามอันสูงส่ง
“วันนั้นเป็ครั้งแรกที่หม่อมฉันได้พบกับคุณหนูผิงเซียงเพคะ” กู้เจิงมององค์หญิงตรงๆ อย่างไม่กลัวเกรง “หม่อมฉันกับนางไม่ได้รู้จักกันมาก่อน หม่อมฉันจะไปดึงกระโปรงของนางทำไมเพคะ? ยิ่งไปกว่านั้น เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็เพราะฟู่ผิงเซียงได้หาเื่ขึ้นก่อน ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีเื่เช่นนั้นเกิดขึ้นเพคะ”
“เ้าเถียงข้างๆ คู ๆ นางก็แค่แกล้งยุแหย่เ้าเท่านั้น แต่เ้ากลับทำลายทั้งชีวิตของนาง” องค์หญิงสิบเอ็ดกล่าวเสียงดังด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ
กู้เจิงเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยปาก “หากองค์หญิงจะทรงกล่าวเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นนายท่านตระกูลฟู่และนายหญิงก็ไม่ควรให้กำเนิดคุณหนูผิงเซียงออกมา จนเป็เหตุทำให้นางถูกข้าดึงกระโปรง และทำลายทั้งชีวิตของนางเพคะ”
ใบหน้าขององค์หญิงสิบเอ็ดบูดบึ้งด้วยความโกรธ พระชายารองรีบกระตุกชายเสื้อของนางเป็สัญญาณให้นางหยุด
องค์หญิงสิบเอ็ดมองกู้อิ๋งอย่างขุ่นเคือง “พี่สะใภ้ห้า พี่ใหญ่ของเ้าวาจาร้ายกาจจริงๆ แม้แต่องค์หญิงอย่างข้านางยังไม่คิดจะไว้หน้าเลย”
“เื่นี้มันผ่านไปนานแล้ว มีอะไรให้น่าพูดถึงกันเพคะ" กู้อิ๋งฉีกยิ้มประจบพร้อมรินชาให้องค์หญิงสิบเอ็ด “องค์หญิงดื่มชาเถอะเพคะ”
“เปิ่นกงจู่* จำได้ว่าก่อนหน้านี้พี่สะใภ้ห้ากับพี่ผิงเซียงก็สนิทสนมกันดีนี่” องค์หญิงสิบเอ็ดถามขึ้นอย่างจะหาเื่
(*คำสรรพนามแทนตนของผู้ดำรงตำแหน่งองค์หญิงที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเต็มยศ เป็การใช้กับคนที่ไม่สนิทกัน)
“หยวนหนิง” พระชายารองมององค์หญิงอย่างจนปัญญา นางพูดเช่นนี้ก็เท่ากับไม่สนใจมิตรภาพอีกต่อไป
กู้เหยาที่มององค์หญิงสิบเอ็ดแล้วพูดอย่างมีโมโหว่า “ฟู่ผิงเซียงมาทำลายงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายข้ากับคุณหนูตระกูลหนิง คนแบบนี้ไม่คู่ควรให้พี่สามของข้าไปเป็เพื่อนด้วยหรอก”
“เหยาเอ๋อร์” กู้อิ๋งตวาดขึ้น
กู้เหยาสะดุ้งใ นางอดรู้สึกน้อยใจขึ้นมาไม่ได้ นางอุตส่าห์เถียงแทนกู้อิ๋ง แต่สิ่งที่นางได้รับกลับเป็การโดนตะคอกใส่
กู้เจิงถอนหายใจ ช่างเถิด เื่เก่าวนกลับมาเป็ตัวจุดชนวนอีก พูดก็พูดไปแล้ว หากยอมอ่อนข้อให้เื่ราวสงบลงได้องค์หญิงก็คงทำอะไรนางไม่ได้ในวันนี้ แต่ทว่าตอนนี้กู้เหยาดันเพิ่มปัญหาใหม่เข้ามาอีก
“หมายความว่ายังไง?” พระชายารองมองกู้เหยาด้วยความแปลกใจ “พี่รองของเ้าเคยเอ่ยเื่แต่งงานกับคุณหนูหนิงหรือ? เป็คุณหนูตระกูลหนิงป๋อเจวี๋ยใช่ไหม? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฟู่ผิงเซียง? ทำไมถึงบอกว่านางไปทำลายงานเชื่อมสัมพันธ์ของพี่ชายเ้า?”
กู้อิ๋งแสร้งปั้นหน้ายิ้มอย่างเป็ปกติ “เหยาเอ๋อร์พูดเหลวไหลไปเรื่อย ไม่มีอะไรหรอกเพคะ พี่สะใภ้รอง องค์หญิงสิบเอ็ดอย่าถือเป็จริงจัง จริงสิ มีแค่พวกท่านสองคนมาเยี่ยมข้าหรือ? แล้วพี่สะใภ้ที่เหลือจะมาไหมเพคะ?”
นางรีบเปลี่ยนเื่เพื่อแก้ขัดไปก่อน แต่พระชายารองก็ทราบเจตนาของกู้อิ๋งดี นางจึงรีบตอบคำถามอย่างกระตือรือร้น
กู้เจิงรีบดึงกู้เหยาออกมาจากห้อง มีแม่เฒ่าซุนรีบเดินตามหลังมาติดๆ
เมื่อนางออกมาจากห้องก็พบว่า ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดลงแล้ว นางได้ยินเสียงดนตรีและเสียงหัวเราะดังมาจากลานด้านหน้าที่เป็ส่วนจัดงานเลี้ยง
แม่เฒ่าซุนจูงมือกู้เจิงกับกู้เหยาเดินไปที่ใต้ร่มไม้แห่งหนึ่ง “คุณหนูสี่ของข้า ปากของท่านนี่นะ ตอนนั้นบ่าวอยากจะเย็บมันจริงๆ เ้าค่ะ"
“ข้ารู้ผิดแล้ว แม่เฒ่าซุน” กู้เหยาเองก็รู้สึกเสียใจมากเช่นกัน แต่นางไม่อาจเก็บคำพูดที่เอ่ยออกไปแล้วกลับมาได้
“คุณหนูใหญ่ก็อีกคน โดนองค์หญิงว่าสักสองสามประโยคจะเป็อะไรไปเ้าคะ? ท่านทำเช่นนี้จะให้คุณหนูสามอยู่ร่วมกับองค์หญิงสิบเอ็ดต่อไปได้อย่างไรเ้าคะ?” แม่เฒ่าซุนรู้สึกกลุ้มใจมาก
กู้เจิงคิดไม่ถึงว่าวันมงคลเช่นนี้ยังจะต้องมาปวดหัวกับเื่ของฟู่ผิงเซียงอีก
แม่เฒ่าซุนมองกู้เจิงด้วยท่าทีตำหนิเล็กน้อย “วันนี้คุณหนูสามเพิ่งแต่งงานเข้าจวนของท่านอ๋อง ความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสามีนั้นต้องรักษาไว้ให้ดี หากเกิดการคลางแคลงใจกันขึ้นมา แล้ววันหน้าคุณหนูสามจะยิ่งใช้ชีวิตแต่งงานอย่างลำบากนะเ้าคะ”
“แม่เฒ่าซุน ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างข้ากับฟู่ผิงเซียง ขอเพียงแค่องค์หญิงสิบเอ็ดมีไมตรีจิตต่อน้องสามของข้าสักหน่อย นางก็คงไม่ต่อว่าข้าเช่นนี้ นางจงใจทำให้ข้าอับอายและนางก็จงใจให้น้องสามอับอายไปด้วย” กู้เจิงชี้แจงอย่างอ่อนโยน
กู้เหยาก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน “ข้าก็คิดเช่นนั้น แม่เฒ่าซุน ครั้งนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ใหญ่เลย”
กู้เจิงมองกู้เหยาอย่างประหลาดใจ นางคิดไม่ถึงว่ากู้เหยาจะช่วยนางพูด ดูท่ากู้เหยาจะไม่ถูกชะตากับองค์หญิงสิบเอ็ดผู้นี้มาก
“แม่เฒ่าซุน ท่านลองคิดดูสิ เื่ที่ข้าพูดกับองค์หญิงสิบเอ็ด ในเมื่อน้องสามไม่ได้ห้ามก็หมายความว่านางไม่อยากแสดงท่าทีอ่อนแอต่อหน้าองค์หญิง ตอนนี้นางเป็พระชายา เป็พี่สะใภ้ขององค์หญิงสิบเอ็ด หากไม่มีจุดยืนเช่นนี้ หากข้าถูกรังแกในวันนี้ แล้วเื่แพร่งพ่ายออกไป คนที่ขายหน้าก็คือน้องสาม” กู้เจิงวิเคราะห์พลางบอกเล่าแก่แม่เฒ่าซุน “ข้าว่าแม่เฒ่าซุนจะกังวลจนเสียเื่เอานะ"
แม่เฒ่าซุนสงบสติอารมณ์ลง นางนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ก็รู้สึกว่าคุณหนูใหญ่พูดถูก เมื่อคิดถึงท่าทีที่นายหญิงมีต่อคุณหนูใหญ่ใน่นี้ นางก็เกิดกลัวว่าคำพูดเมื่อครู่ของนางจะทำให้คุณหนูใหญ่เกิดความบาดหมางกับนายหญิง จึงรีบกล่าวขึ้นว่า “เมื่อครู่ที่บ่าวหุนหันพลันแล่นใส่คุณหนูใหญ่ เป็บ่าวทำไม่ถูกเอง ขอคุณหนูใหญ่โปรดอภัยด้วยเ้าค่ะ”
กู้เจิงยิ้ม “แม่เฒ่าซุนทำไปเพื่อน้องสาม ข้าเข้าใจดี”
ในตอนนี้เอง ได้มีเสียงของสาวใช้ดังขึ้น “พระชายาสี่เชิญเสด็จเพคะ พระชายารองและองค์หญิงสิบเอ็ดอยู่ในห้องกับพระชายาของตวนอ๋องแล้วเพคะ”
กู้เจิงเห็นแผ่นหลังงดงามอ่อนช้อยของคนผู้หนึ่งเดินเข้าไปในห้อง
“บ่าวเข้าไปหาคุณหนูสามก่อนนะเ้าคะ” แม่เฒ่าซุนไม่มีเวลามาสนใจคุณหนูสี่อีก ตอนนี้คุณหนูสามอยู่ในห้องตัวคนเดียว นางเกรงว่าคุณหนูจะรับมือไม่ได้ นางต้องรีบไปเฝ้าอยู่ข้างๆ สักหน่อย
หลังจากจากแม่เฒ่าซุนเข้าไปในห้อง กู้เจิงกับกู้เหยาก็เงียบไป
ผ่านไปครู่ใหญ่ กู้เจิงก็ยิ้มมองกู้เหยาแล้วกล่าวว่า “ฟ้าเริ่มมืดแล้ว อีกไม่นานก็คงจะได้เวลากินอาหารแล้ว ที่นั่งของข้าอยู่ที่ลานด้านหน้า ข้าต้องไปแล้ว”
“พี่ใหญ่” กู้เหยาะโขึ้น
กู้เจิงยิ้มน้อยๆ “มีเื่อะไรอีกหรือ?”
“เมื่อครู่ตอนที่เผชิญหน้ากับองค์หญิงสิบเอ็ด เหตุการณ์นี้ทำให้ข้ารู้สึกคุ้นเคยนัก” กู้เหยามองกู้เจิงอย่างกระดากอาย “เมื่อก่อนท่านแม่ก็พูดแบบนี้กับท่านเหมือนกัน” ท่านแม่เคยบอกว่าพี่ใหญ่ลากคนทั้งตระกูลกู้เดือดร้อนไปด้วยเพราะเื่ของฟู่ผิงเซียง พวกนางก็โทษพี่ใหญ่เช่นเดียวกับแม่เฒ่าซุน เมื่อก่อนนี้นางไม่คิด ทว่าตอนนี้ลองมองเื่นี้ในฐานะคนนอก นางก็รู้สึกว่าพี่ใหญ่ไม่ได้รับความเป็ธรรมในเื่นี้จริงๆ เพราะเื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็เพราะฟู่ผิงเซียงนั้นเป็คนเริ่มทั้งสิ้น
กู้เจิงอึ้งงันไป “ล้วนเป็เื่ในอดีตทั้งนั้น จะพูดถึงมันทำไมกัน”
“ทำไมพี่ใหญ่ถึงไม่โมโหได้เล่า? แต่ข้าน่ะ อะไรนิดหน่อยก็โมโหแล้ว และพอข้าโมโหทีไร ก็จะพูดออกไปโดยไม่คิดทุกที” กู้เหยาทำหน้าบูดบึ้ง เมื่อครู่นางก่อเื่อีกแล้ว
“ข้าก็โมโหมากเหมือนกัน”
“จริงหรือ?”
กู้เจิงพยักหน้า “ข้าก็อยากด่าเสียงดังๆ เหมือนกัน ด่าจนพวกเขาไม่กล้าใสร้ายข้าอีก เพียงแต่ ข้าคิดว่าถ้าทำออกไป ก็ไม่อาจจะทำให้เื่ดีขึ้น แล้วบางทีก็อาจจะมีทางออกอื่นที่ดีกว่าการด่าหรือไม่นะ?”
“จะมีทางออกที่ดีกว่านี้ได้อย่างไร? ไม่มีเลยต่างหากเ้าค่ะ”
“แต่ข้าเองก็ไม่สามารถปล่อยให้นางคิดต่อข้าอย่างเลวร้ายไปมากกว่านี้ได้ เ้าก็เห็นที่องค์หญิงสิบเอ็ดกล่าวกับข้าเมื่อครู่ ข้าก็ต่อปากต่อคำกลับไปมิใช่หรือ? นั่นเป็เพราะข้าเห็นว่านางไม่ได้โกรธจริง หากนางโกรธขึ้นมาจริงๆ ข้าก็กลัวเช่นกัน” กู้เจิงถอนหายใจ นางไม่ใช่นักรบผู้กล้าอะไรทั้ง นางก็แค่พยายามยืนหยัดในสิ่งที่นางพอจะทำได้