Chapter 7
“วันมะรืนนี้มีลูกค้าวีไอพีจองโต๊ะเยอะไหม?”
จู่ ๆ หมื่นฟ้าที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างเขาก็เอ่ยถามขึ้น เรียวที่กำลังสูบบุหรี่อยู่เหมือนกันจึงรีบพ่นควันสีขาวออกจากปากก่อนเอ่ยตอบ...
“เยอะอยู่...กูว่าจะคุยเื่นี้ตอนประชุมพอดี”
“อือ...” หมื่นฟ้าพยักหน้าตอบรับ ก่อนเอ่ยถาม “วันนี้มึงไม่มีนัดหรือไง?”
เรียวส่ายหน้าน้อย ๆ “ไม่มี”
“ไอ้เฮียหายไปไหน?”
“มันคงอยู่บ้านละมั้ง...วันนี้กูยุ่ง ๆ ทั้งวัน ยังไม่ได้โทรคุยกับมันเลย” เรียวเอ่ยพลางยกมวนสีขาวขึ้นจรดริมฝีปากอีกครั้ง
“มึงปล่อยมันไว้คนเดียวแบบนี้ เดี๋ยวก็มีใครมาคาบมันไปแดกอีกหรอก”
เรียวค่อย ๆ ปล่อยควันสีขาวเป็อิสระ ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ “กูบอกแล้วไง...ครั้งนี้จะไม่ทำพลาดแล้ว”
พอเรียวตอบกลับไปแบบนั้น หมื่นฟ้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยกยิ้มมุมปากเหมือนพอใจในคำตอบของเขา เราสองคนไม่ได้เริ่มบทสนทนาต่อ แต่เลือกจะยืนมองบรรยากาศ่หัวค่ำของร้าน Your Sky แทน
ไลน์~
ทว่าเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ก็ทำลายความเงียบระหว่างเรา หมื่นฟ้าพยักพเยิดหน้ามาทางเขา เป็เชิงบอกว่า ‘ของมึง ไม่ใช่ของกู’ เรียวจึงล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วชื่อของคนที่ส่งข้อความมาก็ทำให้เผลอยิ้มออกมา
‘เฮียเองจ้า’
เขาไม่รอช้า รีบใช้นิ้วปัดเข้าไปดูข้อความที่เพื่อนสนิทส่งมาทันที
เฮียเองจ้า : วันนี้เลิกงานกี่โมงอะ?
R. : ทำไม?
หลังจากส่งประโยคคำถามไปให้เพื่อนสนิทแล้ว เรียวก็กำลังจะพิมพ์ข้อความถัดไป แต่เพราะเขาไม่ค่อยพูดแบบนี้กับอีกฝ่าย เรียวเลยรู้สึกลังเลเล็กน้อย และนั่นทำให้เขาพิมพ์แล้วลบอยู่แบบนั้น ทว่าพอเรียวนึกถึงคำพูดที่เคยบอกกับหมื่นฟ้าไปว่า ‘ครั้งนี้จะไม่ทำพลาดแล้ว’ เขาจึงตัดสินใจกดส่งข้อความไป
R. : คิดถึงกูเหรอ?
ดวงตาเรียวยาวคล้ายเหยี่ยวจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ที่มีตัวอักษรขึ้นว่า ‘Read’ นั่นบ่งบอกว่าเฮียอ่านข้อความที่ส่งไปแล้ว แต่เ้าตัวยังไม่ยอมตอบกลับมา ทว่าผ่านไปเพียงชั่วครู่ เขาก็ได้รับข้อความตอบกลับ
เฮียเองจ้า : เออ
และคำพูดที่ไม่ค่อยน่ารักอย่างคำว่า ‘เออ’ ก็ดูน่ารักขึ้นมาทันตา
เรียวยิ้มกว้าง ก่อนจะอ่านข้อความถัดไป...
เฮียเองจ้า : กูว่าจะชวนมึงมาเตะบอล
เฮียเองจ้า : ที่สนามของบ้านกู มึงจะมาไหม?
แม้ว่าเรียวจะอยากไปใจจะขาด และอยากตอบตกลงในทันที แต่เพราะวันนี้เขากับหมื่นฟ้าและผู้จัดการมีนัดประชุมกันตอนร้านปิด เพราะเหตุผลสำคัญนี้จึงทำให้เรียวต้องยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาก่อน แต่ทว่าเสียงทุ้มต่ำของคนข้างกายก็เรียกความสนใจให้หันไปมอง
“มึงจะไปไหนก็ไปเถอะ ไม่ต้องเป็ห่วงเื่ประชุมหรอก มันไม่ได้มีเื่สำคัญอะไรมาก”
“ก็มีเื่ลูกค้าวีไอพีไง”
“เพราะมึงมัวแต่ห่วงงานแบบนี้ มึงถึงไม่ได้เพื่อนเป็แฟนสักที”
“...”
“ไปเถอะ เดี๋ยวกูจัดการเอง”
เรียวมองหมื่นฟ้าที่พยักหน้าน้อย ๆ ก่อนเอ่ย “ขอบใจ มึง”
“เออ รีบไป”
“งั้นกูไปก่อน”
หมื่นฟ้าทำเพียงแค่พยักหน้าเหมือนเดิม เรียวจึงทิ้งบุหรี่ลงบนถังขยะ ก่อนจะรีบสาวเท้าออกมาจากร้าน Your Sky ในระหว่างที่เดินไปยังลานจอดรถ เรียวก็พิมพ์ข้อความตอบกับเพื่อนสนิท
R. : กูกำลังไปนะ
เฮียเองจ้า : เอ้า แล้วมึงไม่ทำงานเหรอ?
เฮียเองจ้า : จะดึกแค่ไหนกูก็รอได้นะเว้ย
เฮียเองจ้า : มึงไม่ต้องทิ้งร้านมาหรอก
เฮียเองจ้า : กูไม่อยากโดนพ่อด่าว่าพามึงเสียการเสียงาน
เรียวยิ้มพลางมองข้อความของเพื่อนสนิท แล้วคิดว่า...
ไอ้ฟ้ามันยอมให้กูเสียการเสียงานดีกว่า
...ดีกว่ายอมให้กูเสียมึงไปอีก
R. : วันนี้ที่ร้านไม่ค่อยมีอะไร กูเลยไปได้
R. : มึงไม่ต้องห่วงหรอก
เฮียเองจ้า : จริงเหรอ?
R. : แล้วถ้าไม่จริง
R. : มึงจะยังอยากเจอกูอยู่ไหม?
เรียวมองตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ขึ้นว่า ‘Read’ อีกครั้ง ก่อนที่เฮียจะส่งข้อความตอบกลับมาว่า...
เฮียเองจ้า : ถ้ากูไม่อยากเจอมึง
เฮียเองจ้า : กูคงไม่ทักมาหามึงหรอก
R. : ความจริงคืออยากเจอกู แต่เอาเื่เตะบอลมาอ้างใช่ไหม?
เฮียเองจ้า : บ้าบอออ
เฮียเองจ้า : กูก็อยากเตะบอลด้วยไง
เรียวหัวเราะเบา ๆ ขณะขึ้นรถ เขารีบพิมพ์ข้อความตอบกลับไป ก่อนจะเตรียมขับรถไปหาเฮียที่สนามบอลหญ้าเทียมของบ้านมัน
R. : เชื่อ
R. : กูขึ้นรถแล้ว ไว้เจอกัน
เฮียเองจ้า : จ้า
เฮียเองจ้า : ไม่ต้องรีบ แล้วก็ขับรถดี ๆ นะมึง
เรียวมองข้อความนั้นอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนเอ่ยกับตัวเอง “ครับ”
เขาวางโทรศัพท์ไว้ที่เบาะข้าง ๆ แล้วก็รีบขับรถออกมาจากร้าน Your Sky พร้อมกับคิดว่า ‘ไอ้คนน่ารัก กูโคตรคิดถึงมึงเลย’
#รักแท้ของผมคือคุณ
เฮียที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวข้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมที่จองรอเพื่อนสนิทั้แ่สองชั่วโมงที่แล้วกำลังคิดถึงข้อความหนึ่งอยู่ ซึ่งเป็ข้อความที่เพื่อนสนิทอย่างเรียวตอบกลับมาทางไลน์
‘คิดถึงกูเหรอ?’
ใช่...
กูคิดถึงมึง...
เขากล้ายอมรับอย่างไม่เขินอายใด ๆ ว่า ‘คิดถึงเรียว’ เพราะมันคือเื่จริงที่อยู่ภายในใจ หลังจากวันนั้นที่เพื่อนสนิทไปส่งที่บ้าน เฮียก็ได้คิดทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง และเขาก็ได้รู้ว่า...
การรักตัวเอง...คือการทำให้ตัวเองมีความสุข
แล้วความสุขของเขา...เท่าที่จำได้
ก็คือ...ไอ้เรียว
เรียวเป็หนึ่งในความสุขของเขา
และพอเฮียคิดแบบนั้น มันก็ทำให้เขาเอาแต่คิดถึงเพื่อนสนิทตลอดเวลา และอยากใช้เวลาว่างร่วมกับอีกฝ่าย วันนี้เขาเลยตัดสินใจชวนเพื่อนสนิทมาเตะบอลด้วยกัน เหมือนที่เราสองคนมักจะทำเสมอเวลาว่าง
ดวงตาเรียวรีหลุบลงมองลูกบอลที่วางอยู่บนตักของตัวเอง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องรู้สึกตื่นเต้นมากขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เราสองคนก็เตะบอลด้วยกันค่อนข้างบ่อย ในระหว่างที่เฮียกำลังคิดหาคิดตอบให้ตัวเองอยู่นั้น เสียงของใครบางคนที่ดังมาจากด้านหลังก็เรียกความสนใจให้หันไปมอง แล้วเขาก็เห็นรุ่นน้องที่มหา’ ลัยกำลังยืนมองอยู่
“พี่เฮีย”
เฮียคิดว่าถ้าไม่มีลวดตาข่ายกั้นกลางระหว่างเราสองคน รุ่นน้องคงยื่นมือมาสะกิดเรียกเขาแล้ว แต่เพราะเฮียนั่งอยู่ด้านในสนาม และรุ่นน้องก็อยู่ด้านนอก เราสองคนจึงทำได้แค่พูดทักทายกันเท่านั้น
“ไง ฟีน...เพิ่งเตะบอลเสร็จเหรอ?”
“ครับ แล้วพี่อะ?”
“อ๋อ กำลังรอเพื่อนมาเตะบอลด้วยอะ”
รุ่นน้องหน้าตาดีอมยิ้ม ก่อนเอ่ย “ระหว่างรอเพื่อน พี่มาเตะกับผมก่อนไหมล่ะ? ...ผมยังไหวนะ”
“เฮ้ย ไม่เป็ไร เดี๋ยวเพื่อนพี่ก็มาแล้ว”
“พี่เตะกันกี่คนอะ ผมขอแจมด้วยได้เปล่า?”
“พี่...”
เฮียที่กำลังเอ่ยตอบหยุดชะงัก เพราะรุ่นน้องที่ยืนอยู่อีกฝั่งของลวดตาข่ายละสายตาออกจากเขา แล้วมองไกลออกไป เขามองเ้าตัวที่เริ่มขมวดคิ้วแล้วเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มแสดงอาการไม่พอใจ
“เพื่อนเขาจะเตะบอลกันสองคน เด็กอย่างมึงอย่าเสือกได้ปะ?”
และเสียงอันคุ้นเคยก็เรียกความสนใจให้เฮียหันกลับไปมอง เขาลอบถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเห็นเพื่อนสนิทชูนิ้วกลางให้รุ่นน้อง
“ไอ้เรียว มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”
“มึงลุกออกมาจากตรงนั้นเลย เฮีย”
“นี่เพื่อนหรือแฟนอะ พี่เฮีย?”
“เพื่อน...เพื่อนสนิทของพี่เอง”
“เขาดูหวงพี่เกินเพื่อนเนอะ”
“กูหวงเพื่อนกูแล้วมันไปหนักกระบาลมึงเหรอ ไอ้สัด”
“เฮ้ย ผมยังไม่ได้...”
“โอเคจ้า...” เฮียรีบลุกออกจากเก้าอี้ไม้ตัวยาวแล้วเดินไปหาเพื่อนสนิทที่เข้ามาใกล้รุ่นน้องเรื่อย ๆ “...แยกย้ายกันเนอะ”
“ผมอะ แยกย้ายได้นะ แต่ดูเหมือนเพื่อนพี่จะไม่ยอมจบ”
“ถ้าคนไม่อยากมีเื่ เขาไม่พูดกวนตีนแบบนี้หรอก”
“แล้วพี่จะเอายังไงอะครับ?”
“กูได้หมด ออกไปเจอกันข้างนอกเลยไหมไอ้สัด”
“แงง ไอ้เรียว เดี๋ยวกูเสียลูกค้า”
“เฮีย มันจองสนามมึงวันละกี่ชั่วโมง?”
“ไม่ต้อง มึงไม่ต้องจองแทนน้องมันหรอก”
“พี่เฮีย...พี่รู้ไว้เลยนะว่าสนามบอลแม่งมีเกลื่อนกลาดไปหมด แต่ที่ผมเลือกมาที่นี่ก็เพราะพี่ เพราะพี่แค่นั้นเลยเว้ย”
“ควยเหอะ!”
เฮียที่มองเพื่อนสนิทกับรุ่นน้องสลับกันไปมาค่อย ๆ หลับตาลงแล้วะเิอารมณ์ด้วยการะโเสียงดังออกมา “พอได้แล้วโว้ย!!!”
“...”
“วันนี้กูแค่อยากมาเตะบอลอะ ไม่ได้อยากมาเป็กรรมการต่อยมวย”
“...”
“พวกมึงสองคนเข้าใจไหม?”
“...”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนเริ่มสงบสติอารมณ์ลงแล้ว เฮียจึงหันไปมองรุ่นน้องแล้วเอ่ย “ฟีน...พี่ขอบใจมากนะ”
“...”
“ที่แบบ...มาเตะบอลที่สนามของพี่อะ”
“…”
“แต่ถ้าหลังจากวันนี้ไป ฟีนจะไม่กลับมาที่นี่อีกก็ไม่เป็ไร พี่เข้าใจ”
“ไม่พี่ คือผม...”
“พี่ยังพูดไม่จบ”
“คะ ครับ”
“เพื่อนพี่มันแรงก่อน พี่ยอมรับ...แต่จะให้พี่เลือกฟีนมากกว่ามัน”
“...”
“พี่ก็ทำไม่ได้หรอก”
“...”
“แล้วพี่ก็จะไม่ยอมให้มันมีเื่กับฟีนด้วย เพราะพี่ไม่อยากเห็นเพื่อนตัวเองเจ็บตัว”
“...”
“ฟีนไม่ต้องเข้าใจพี่เลยก็ได้...หรือจะด่าพี่ก็ได้เว้ย”
“...”
“แต่พี่ขอนะ...อย่ามีเื่กับเพื่อนพี่เลย”
“...”
พอเฮียพูดกับรุ่นน้องจบแล้ว เขาก็หันมามองเพื่อนสนิทที่ยืนทำหน้ารู้สึกผิดอยู่ ก่อนเอ่ย...
“ส่วนมึง...หัวร้อนอะไรขนาดนั้นอะ?”
“...”
“กูนึกว่าใครเอาน้ำมันราดหัวมา โอ้โห...เดือดมาแต่ไกลเลยพ่อ”
“...”
“กูจะไม่ขอให้มึงขอโทษฟีนหรอก เพราะรู้ว่ามึงไม่ทำแน่ ๆ”
“...”
“แต่กูขอว่า...จบเถอะ”
“...”
“กูไม่ชอบเห็นมึงมีเื่เลย”
“...”
“อย่าต้องให้ถึงขั้นที่กูพูดว่า ‘ไผ่ เลิกต่อยตีเพื่อเราได้ไหม’ เลยนะ”
“...”
“เพราะมึงก็ไม่ใช่พี่ไผ่ แล้วกูก็ไม่ใช่น้องสไปร์ทไง”
“...”
“แต่มึงคือไอ้เรียว แล้วกูก็คืออีน้ำแดง”
เป็เพราะประโยคของเขาที่ทำให้คนตัวสูงกว่าหลุดหัวเราะออกมา เรียวพยักหน้าน้อย ๆ ขณะสบตากับเขา ก่อนเอ่ย “อือ...ได้ กูยอมจบเพื่อมึง”
“เฮ้อ...” เฮียถอนหายใจ ก่อนหันกลับไปมองทางรุ่นน้องอีกครั้ง แล้วเขาก็เห็นฟีนทำหน้าเศร้าสร้อย “ฟีน...พี่ขอโทษนะ”
“พี่เฮีย...ผมแอบมองพี่มาตลอดเลย”
“...”
“ผมชอบพี่”
คำสารภาพรักอย่างกะทันหันทำให้เฮียนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่คนข้างกายจะเอื้อมมือมากุมมือของเขาไว้ เฮียเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่า เขาสบสายตากับดวงตาเรียวยาวคู่นั้นอยู่เพียงชั่วครู่ แล้วจู่ ๆ หัวใจก็เริ่มสั่นไหวเล็กน้อย
“เฮีย...”
“...”
“มึงอย่าหวั่นไหวไปกับมันนะ”
“...”
“อย่าเพิ่งเริ่มต้นใหม่ได้ปะวะ?”
“...”
“กูไม่อยากเห็นมึงเจ็บอีก...”
เป็ตอนนี้ที่เฮียคิดว่า...
ความสุขก็อยู่ตรงหน้าแล้ว
“อือ”
กูไม่ทิ้งความสุขไปหาความทุกข์หรอก
“...”
“กูยังไม่เริ่มต้นใหม่กับใครทั้งนั้นแหละ”
“...”
เฮียหันกลับไปมองฟีน ก่อนเอ่ย “ฟีน...พี่ขอโทษอีกครั้งนะ สำหรับทุก ๆ เื่เลย”
หลังจากเขาพูดจบ รุ่นน้องก็ไม่ได้ตอบอะไร อีกฝ่ายทำแค่เดินจากไปเงียบ ๆ เฮียแอบรู้สึกผิดที่ปฏิเสธรุ่นน้องไปอย่างไร้เยื่อใย ราวกับเขาเป็คนใจร้ายมาั้แ่เกิด ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ใกล้เคียงคำว่า ‘คนใจร้าย’ เลย
แต่เื่นั้นไม่ได้น่าเก็บมาคิดเท่ากับเื่ที่รู้สึก ‘หัวใจสั่นไหว’ มันเป็แวบหนึ่งที่เขารู้สึกแบบนั้น แล้วเฮียก็นึกย้อนไปถึง่ที่ตัวเองกำลังตกหลุมรักใครสักคน แต่พอคิดว่า ‘เราเป็เพื่อนกัน’ ก็ต้องรีบสะบัดหัวไล่ความคิดบ้า ๆ นั้นออกไป
“มึง...”
“ฮะ?” เฮียขานรับ แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่า
“เป็อะไรหรือเปล่า? ...มึงรู้สึกผิดที่ปฏิเสธไอ้เด็กนั่นเหรอ?”
“กะ ก็ เออ นิดหน่อยแหละ”
เรียวถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ย “ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก”
“...”
“กูว่าไอ้เด็กห่านั่นก็ไม่ใช่คนดีหรอก”
“กูก็ไม่ได้รู้จักฟีนดีขนาดนั้นหรอก แค่บังเอิญเจอกันที่มหา’ ลัยบ่อย ๆ เพราะมันเรียนคณะเดียวกับกู”
“บังเอิญอีกแหละ...ตอนไอ้เหี้ยอิมก็บังเอิญ”
“เอ้า! ก็บังเอิญเจอกันจริง ๆ อะ”
“ต่อไปนี้กูจะไม่ให้มึงบังเอิญเจอกับใครแล้ว...” เรียวพูดแบบนั้นด้วยน้ำเสียงติดไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าเดินไปที่โกลสีขาว แล้วเอ่ยต่อ “...กูเป็โกลเหมือนเดิมนะ”
“อะ อะไรของมึงวะ? ...กูตามไม่ทันแล้วเนี่ย”
เฮียเอ่ยกระอึกกระอักพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นเกาหัวแกรก ๆ เขามองคนตัวสูงที่สวมชุดนักบอลสีขาวสะอาดตา ก่อนจะก้มลงมองชุดนักบอลสีแดงของตัวเอง แล้วคิดว่า ‘พวกหล่อ ๆ นี่ชอบแต่งตัวแค่สีขาวกับสีดำเนอะ’ แต่คนที่ใส่เสื้อผ้าสีสันเยอะ ๆ ก็คือคน...
คนอะไรดีวะ?
“ไอ้เรียว...คนที่ใส่เสื้อผ้าสีสันเยอะ ๆ นี่เป็คนเท่ ๆ หรือคนน่ารักวะ?” เฮียะโถามเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ตรงโกลสีขาว
“คนน่ารัก คนเท่ คนคูล...คนอะไรก็ได้ที่มึงอยากเป็”
เฮียหลุดหัวเราะออกมา ก่อนเอ่ย “แล้วเป็คนหล่อด้วยได้ไหม?”
“มึงอยากเป็คนหล่อเหรอ?”
“เออ...ก็อยากเป็สักครั้งในชีวิต”
เรียวพยักหน้า ก่อนเอ่ย “เฮีย...วันนี้มึงหล่อมาก”
“เอ้า! มึงมาชมกูกลางสนามแบบนี้ได้ไงอะ?”
“ทำไมอะ?”
“กูก็เขินอะดิ”
เรียวหัวเราะเบา ๆ แล้วเอ่ย “มา เล่นบอลกันได้แล้ว”
“เออ ๆ”
เฮียวางลูกฟุตบอลที่ยืนอุ้มอยู่ตั้งนานลงบนสนามหญ้า ก่อนจะเริ่มเตะอัดไปทางโกลสีขาว และก็เป็ไปตามคาดที่เพื่อนสนิทรับลูกแรกได้อย่างแม่นยำ เรียวเตะลูกฟุตบอลกลับมาให้เขา เฮียใช้เท้าเตะเลี้ยงลูกกลม ๆ ไว้ ก่อนจะเตะมันไปทางโกลสีขาวอีกครั้ง
แล้วก็เป็อย่างที่คาดเดาไว้อีกเช่นเดิมว่า...ลูกที่สองเรียวจะต้องรับพลาด ลูกกลม ๆ จะกลิ้งเข้าไปถึงตาข่ายสีขาวอย่างง่ายดาย นั่นไม่ใช่เพราะเขาหลอกล่อเพื่อนสนิทได้ หรือเป็เพราะฝีเท้าของเขาดีขึ้นทันตาเห็นหรอก
แต่เป็เพราะ...
เรียวเป็แบบนี้เสมอมา
คนที่เตะบอลเก่งเกือบทุกตำแหน่งอย่างมันไม่มีทางรับลูกง่อย ๆ ของเขาไม่ได้หรอก แต่เรียว ‘ตั้งใจ’ ปล่อยลูกที่สองของเขาไปเสมอ เพื่อให้ลูกชายเ้าของสนามบอลหญ้าเทียมคนนี้ทำแต้มได้บ้าง
และลูกที่สามเฮียก็จะทำแต้มได้อีก ส่วนลูกที่สี่เพื่อนสนิทก็จะรับลูกได้อย่างแม่นยำเหมือนเดิม เขาอ่านเกมครั้งนี้ออกจนทะลุปรุโปร่ง เพราะมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด
แล้วเราสองคนก็ต่างไม่พูดถึงเื่นี้ เพราะเหมือนเราต่างอยากทำให้อีกฝ่ายมีความสุข เท่าที่เขาจำได้...ทุกครั้งที่ผ่านเื่ราวเลวร้ายมาได้ เขาก็จะชวนเพื่อนสนิทมาเตะบอล และเรียวก็ไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้ง
“ลูกที่ห้ามาเลย กูพร้อมแล้ว”
“เรียว...”
“ว่าไง?”
“วันนี้มึงไม่ต้องเป็โกลถึงลูกที่สิบหรอก เราออกมาเตะด้วยกันเถอะ”
เรียวเลิกคิ้วสูง ก่อนเอ่ย “เอางั้นเหรอ?”
“อือ”
เฮียตอบพร้อมส่งยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะใช้เท้าเลี้ยงลูกบอลหนีอีกฝ่ายมาถึงกลางสนาม ทั้ง ๆ ที่เขารู้ว่าไม่สามารถสู้ฝีเท้าของเพื่อนสนิทได้ แต่เฮียก็ยินดี...ยินดีจะแพ้
ถ้ามันจะทำให้เรียวยิ้มอย่างมีความสุขได้เหมือนในตอนนี้
“เนี่ย เฮีย...มึงก็กากไม่เลิกเลย”
“โห่ กูยอมอ่อนให้หรอก”
“เหรอ?”
และถ้าความพ่ายแพ้ของกูจะแลกมาด้วยรอยยิ้มของมึง
“เออ”
กูจะยอมแพ้ให้มึงทุกสนามเลย...
เฮียละสายตาออกจากลูกบอลที่กลิ้งไปถึงเท้าของคนตัวสูง แล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเพื่อนสนิท เรียวยิ้มกว้างอย่างมีความสุขขณะใช้เท้าเลี้ยงลูกบอลด้วยความชำนาญ
และตอนที่เรียวเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา เฮียก็เผลอคิดไปว่า...
ในอนาคต...
ถ้ามึงไม่มีแฟน
แล้วกูก็ไม่มีแฟน
ถ้าเราอยู่ด้วยกันไปเรื่อย ๆ แบบนี้
มันก็คงดีสินะ...
#รักแท้ของผมคือคุณ
เช้าวันอาทิตย์...
ซึ่งเป็วันหยุดสุดสัปดาห์ที่หลายครอบครัวมักจะใช้เวลาร่วมกัน แต่ครอบครัวของเฮียไม่ใช่หนึ่งในนั้น เพราะปกติสมาชิกทุกคนในครอบครัวก็ใช้เวลาร่วมกันในทุกวันอยู่แล้ว
ดังนั้นทุกคนในครอบครัวจึงไม่จำเป็ต้องรวมตัวกันหลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ แต่สามารถแยกย้ายกันไปเที่ยวและพักผ่อนได้ตามปกติ ตอนนี้เฮียเลยแยกตัวจากพ่อและแม่เพื่อออกมาเดินเล่นที่สวนหลังบ้าน เขาจ้องมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือได้สักพักแล้ว
ใจจริง ๆ
เฮียอยากทักไปหาเรียว
แต่เพราะว่าวันนี้เป็วันครอบครัว
เขาเลยไม่อยากรบกวนเวลาอีกฝ่าย
คนที่คิดถึงเพื่อนสนิทมาก ๆ ทั้งที่เพิ่งเตะบอลด้วยกันไปเมื่อวานลอบถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง และในระหว่างที่เขาหมุนตัวเตรียมจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ก็ดังขึ้น
ไลน์~
เขารีบล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างมีความหวัง และความหวังที่ไม่อาจคาดเดาได้ก็มอบรอยยิ้มให้เขา เฮียจ้องมองข้อความจากเพื่อนสนิทอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป
R. : ทำอะไรอยู่?
เฮียเองจ้า : ไม่ได้ทำอะไร
เฮียเองจ้า : แล้วมึงอะ ทำอะไรอยู่?
R. : คิดถึงมึงอยู่
R. : มั้ง
เฮียนิ่งเงียบและกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อยเมื่อเห็นข้อความนั้น เขายอมรับว่ารู้สึกดีใจที่เพื่อนสนิทคิดถึงกัน แต่อาการหัวใจสั่นไหวที่จู่ ๆ ก็เกิดขึ้นนั้นทำให้เขาต้องหยุดตั้งสติเพื่อข่มใจตัวเองไม่ให้รู้สึกแบบนั้น ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
เฮียเองจ้า : อารมณ์ไหนของมึงเนี่ย?
R. : อารมณ์อยากชวนมึงมากินข้าวที่บ้าน
เฮียเองจ้า : บ้านมึงอะนะ?
R. : เออ
R. : เย็นนี้ว่างปะ?
R. : อยากชวนมากินข้าวที่บ้าน
R. : วันนี้หลานกูจะมาหาด้วย กูเลยอยากให้มึงมาเล่นกับแสนดี
เฮียเองจ้า : แงง น้องแสนดี
เฮียเองจ้า : กูไม่ได้เจอนานแล้วอะ
R. : แล้วคิดถึงไหมล่ะ?
เฮียเองจ้า : คิดถึงดิ
R. : อันนี้หมายถึงคิดถึงอาหรือหลาน?
เฮียนิ่งเงียบเพื่อประมวลผลเล็กน้อย ก่อนพิมพ์ตอบกลับไป
เฮียเองจ้า : กูหมายถึงคิดถึงหลานมึง
R. : อ๋ออ
เฮียเองจ้า : เออดิ
R. : ถ้าคิดถึง งั้นก็มากินข้าวบ้านกูดิ
เขาอยากจะตอบตกลงไปในทันที หากแต่ต้องคิดทบทวนดี ๆ อีกครั้ง เพราะปกติวันอาทิตย์จะเป็วันครอบครัวของเรียว ส่วนมากมันจะปฏิเสธทุกนัด และแทบไม่คุยกับเพื่อนเลย เพื่อให้เวลากับครอบครัวอย่างเต็มที่
และเหมือนอีกฝ่ายคาดเดาความคิดของเขาได้ เรียวจึงส่งข้อความมาอีก...
R. : กูบอกที่บ้านแล้วว่าจะชวนมึงมากินข้าวเย็นด้วย
R. : ทุกคนก็โอเค
R. : มึงไม่ต้องคิดมากหรอก
เฮียเม้มริมฝีปากขณะครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ข้อความตอบกลับไป...
เฮียเองจ้า : โอเค
เฮียเองจ้า : เดี๋ยวกูขับรถไปเอง มึงไม่ต้องมารับนะ
R. : โอเค
หลังจากคุยกับเพื่อนสนิทเสร็จ เฮียก็เดินกลับเข้าไปในบ้านพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ พ่อกับแม่ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่
“ป๊าม้า เย็นนี้ลูกไปกินข้าวบ้านเรียวนะ”
“แต่วันนี้เป็วันอาทิตย์นะ?” พ่อเอ่ยถาม
“อือ ก็ไอ้เรียวมันไลน์มาชวนอะ”
“ปกติวันนี้เป็วันครอบครัวของเขาไม่ใช่เหรอ?” แม่เอ่ยถามขึ้น
“ก็ใช่...แต่มันอยากให้ลูกไปเล่นกับหลานมัน”
“อ๋อ...”
“วันนี้ป๊าม้ากับทุกคนก็กินข้าวเย็นไปเลยนะ ไม่ต้องรอลูก”
“จ้ะ”
เฮียส่งยิ้มให้ผู้เป็แม่ ก่อนจะหันกลับมามองจอโทรทัศน์ และภายในใจก็คิดขึ้นมาว่า...
แค่ไปกินข้าวบ้านไอ้เรียวเอง
กูจะตื่นเต้นทำไมวะ?
TBC
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้