ตอนที่ 6
ใครมันจะโงหัวไม่ขึ้น
Warning ⚠️ : NSFW
ความเมามายที่มีอยู่ในตอนแรก แทบจะมลายหายไปจนหมด
“อ๊า!!”
เสียงหวีดร้องครางดังลั่น พร้อมกับเนื้อตัวของตั้งโอ๋ที่สะดุ้งอย่างแรงเมื่อถูกกระแทกถูกจุด ร่างกายงอเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความจุก ก่อนจะยิ่งสั่นเทาหนักกว่าเก่า ยามถูกกดจุมพิตแ่เบาที่ลาดไหล่เปลือยเปล่า ทั้งยังถูกกระแทกเข้ามาไม่ยอมหยุด
“สร่างหรือยัง?”
น้ำเสียงทุ้มแหบกระซิบแ่เบาข้างใบหู ทั้งยังขบกัดบริเวณปีกหูเบา ๆ จนตั้งโอ๋สะดุ้งสุดตัว หน้าแดงก่ำ พยายามเรียบเรียงสติที่แตกกระเจิงเพื่อตอบคำถามเสียงสั่นเครือ
“สะ สร่างแล้ว อื้อ สร่างแล้ว---อ๊ะ!!”
“งั้นเหรอ”
ชาวินเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแล้วเอ่ยถามทวน ดวงตาสีน้ำทะเลทอดมองเสี้ยวใบหน้าของคนที่เอาแต่จะซุกหน้าลงกับหมอนเพื่อหนีกันอยู่ตลอด พยายามกัดปากกลั้นเสียง กระนั้นก็ยังหลุดร้องครวญครางเคล้าเสียงสะอื้นออกมาเป็ระยะให้ผู้ฟังรู้สึกชอบใจ ริมฝีปากบางกระตุกแย้มรอยยิ้มร้ายเ้าเล่ห์
“ฮึก”
“พี่ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่เลยค่ะ”
“อ๊า!!”
เสียงครางหวานดังระงม ยามถูกกระแทกสวนเข้าใส่อีกครั้งอย่างแรงจนร่างกายโยกคลอนไปตามแรงส่ง ได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่น ตั้งโอ๋แข้งขาสั่นเทาเสียจนแทบจะทรุดฮวบลงไป ได้แต่จิกมือลงกับผ้าปูที่นอนอย่างแรงจนมันเริ่มยับยู่เพื่อระบายอารมณ์
แม่งเอ๊ย มันมาจบที่อีหรอบนี้ได้ยังไงกัน
“คะ คุณเชาส์เบาให้ผม...อื้อ เบาให้ผมหน่อย”
มือสั่นเทาพยายามยื่นไปด้านหลังเพื่อดันหน้าท้องอุดมกล้ามเนื้อของคนอายุมากกว่า ใบหน้าเอี้ยวหันมองกันเล็กน้อย ทั้งดวงตาที่คลอหน่วยด้วยหยาดน้ำตาซึ่งกำลังทอดมองกันอย่างอ้อนวอนโดยไม่รู้ตัว ชาวินหยุดขยับครู่หนึ่ง
“จุกเหรอ”
“คะ ครับ...จุก...”
ร่างสูงยืดตัวขึ้นพลางหลุบสายตาลงเรือนร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งแล้วเลียริมฝีปากเบา ๆ ฝ่ามือกอบกุมบั้นเอวคอดทั้งสองข้างแล้วกระชับแน่น แก่นกายใหญ่ถูกถอนออกไปจนเกือบสุด ตั้งโอ๋เผลอร่อนส่ายสะโพกตามอย่างเผลอไผล ก่อนจะหลุดร้องครางลั่น เมื่อถูกสอดเข้ามาจนสุดอีกครั้งอย่างแรง จนร่างกายโยกคลอนไปตามแรงส่ง
“อ๊า!!!”
ความเสียวซ่านแล่นปราดไปทั่วร่างกาย จนเนื้อตัวเริ่มสั่นเทาอย่างหนัก หยาดน้ำตาไหลอาบที่ข้างแก้มด้วยทั้งความทรมานที่เจือปนมาพร้อมกับความสุขสม ในขณะที่ชาวินกระตุกแย้มรอยยิ้มร้าย สอดมือเข้าไปใต้ท้องน้อยแล้วกดลงไปไม่เบาแรง กระทั่งตั้งโอ๋ร้องครางตัวงอ ยังไม่วายเอ่ยถามซ้ำอีกราวกับตั้งใจกลั่นแกล้ง
“โดนแบบนี้จุกกว่าเดิมหรือเปล่า?”
“ฮึก ลึก อื้อ...มันลึก...อึก!”
เสียงร้องดังขึ้นแ่เบา ยามถูกเรียวนิ้วยาวสอดสางเข้ามาในกลุ่มเส้นผมสีอ่อน แล้วกระชากขึ้นอย่างแรงกระทั่งตั้งโอ๋ใบหน้าแหงนเชิดขึ้น ทั้งใบหน้าแสนงอแงและท่าทางที่ดูคล้ายอยากจะสู้แต่ก็สู้ไม่ไหวยิ่งทำให้ผู้มองรู้สึกชอบใจ มันเขี้ยวอยากจะแกล้งให้จมเตียง
“ดี...แบบนี้พี่ยิ่งชอบ”
“ฮึก! อื้อ...”
ร่างของตั้งโอ๋ทรุดฮวบลง โดยมีอ้อมแขนแข็งแรงกอดรัดอยู่ไม่ยอมห่าง ความทรมานมาพร้อมกับความสุขสมชวนให้รู้สึกสะใจ ยิ่งแท่งร้อนในช่องทางถูกสอดเข้ามาลึก เสียงครางก็ยิ่งสั่นกระเส่า ฟันขาวกัดกับท่อนแขนแข็งแรง กระนั้นก็ยังเผลออ้าขากว้าง พลางยกสะโพกขึ้นเล็กน้อย อำนวยความสะดวกให้จังหวะการกระแทกยิ่งไหลลื่นมากกว่าเก่า
เพียะ!!
“อื้อ!!”
ฝ่ามือใหญ่ฟาดลงกับสะโพกอวบไม่ยั้งแรง ใบหน้าหล่อเหล่าซุกลงกับซอกคอขาวชื้นเหงื่อ มือฟอนเฟ้นไปทั่วเรือนร่างแล้วบีบคลึงอย่างแรงด้วยความมันเขี้ยว ทิ้งรอยแดงเอาไว้บนผิวเนื้อในแทบทุกตารางนิ้วที่ถูกัั
“อ๊ะ!!”
ดวงตาเบิกกว้างขึ้นอย่างใ เมื่อแก่นกายถูกถอนออกไปจากช่องทางกะทันหันจนรู้สึกวูบโหวง ก่อนร่างสั่นเทาจะถูกดึงขึ้นมานั่งบนตักในท่วงท่าหันหน้าเข้าหากัน ตั้งโอ๋รีบวางมือลงกับลาดไหล่กว้าง ท่าทางดูกระสับกระส่ายด้วยความลนลาน ทำท่าจะขยับตัวหนีทว่าถูกจับเอวตรึงไว้ไม่ให้ลุกหนีไปที่ใด
“อ๊ะ!!”
ท่อนลำที่ยังคงแข็งขืนเต็มที่ถูกสอดเข้ามาในช่องทางบวมช้ำอีกครั้ง ใบหน้าสวยเบ้ลงเล็กน้อยด้วยความเจ็บแสบเพราะถูกรังแกอยู่นานจนช้ำ ก่อนจะหลุดครวญครางออกมาเสียงกระเส่า เมื่อกระแสความเสียวกระสันแล่นปราดไปทั่วร่างอีกครั้ง จนเผลอแอ่นตัวบดสะโพกไปมาเล็กน้อยตามความรู้สึก
“ขย่มสิ”
คล้ายกับได้ยินประโยคดังกล่าวก้องอยู่ในหู พลันทั้งข้างแก้มและใบหูของผู้ฟังเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวไปหมด เขาทำตัวไม่ถูกเลยสักนิด ยิ่งสร่างเมาจนมีสติแทบจะครบถ้วนแบบนี้ก็ยิ่งแล้วใหญ่ ได้แต่วางมือแหมะอยู่บนหน้าท้องอุดมกล้ามเนื้อแล้วนั่งนิ่งตัวแข็งเป็หิน
“ผะ ผมขย่มไม่เป็...”
เอ่ยพูดเสียงอุบอิบแล้วก้มหน้าหนีด้วยความรู้สึกอับอาย ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นแ่เบาในลำคอ ใบหน้าหล่อเหลาค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้กระทั่งปลายจมูกโด่งเกลี่ยคลอเคลียที่ข้างแก้ม บั้นเอวขาวถูกบีบกระชับแล้วขยับชักนำ ควบคุมจังหวะให้อย่างเชื่องช้า น้ำเสียงทุ้มแหบเอ่ยกระซิบข้างใบหู ชวนให้รู้สึกสยิวไปทั้งร่างกาย
“พี่สอน...”
“อึก...อื้อ...”
ตั้งโอ๋กัดปากแน่น มือที่วางอยู่บนลาดไหล่กว้างเริ่มออกแรงบีบแน่นขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ ขยับสะโพกหมุนควงไปมาตามจังหวะที่ถูกชักนำ ท่อนลำแตะััไปทั่วผนังภายในจนรู้สึกเสียวซ่านไปหมด จากที่เพียงขยับสะโพกหมุนควง ก็เริ่มเปลี่ยนเป็การขย่มขึ้นลงตามสัญชาตญาณ ท่าทางยังคงดูเงอะงะไม่เป็งานด้วยความใหม่ จนเป็ตั้งโอ๋เสียเองที่รู้สึกขัดอกขัดใจ
“ฮึก ฮื่อ...”
“ค่อย ๆ ขยับ...อา ดีค่ะ เก่ง...”
คุณเชาส์ที่รับหน้าที่เป็ผู้สอนดูใจเย็นกว่าปกติ ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปทั่ว ทิ้งความรู้สึกร้อนผ่าวไว้ในทุกอณูผิวเนื้อที่ถูกัั ใบหน้าสวยเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อ ยามเห็นดวงตาสีน้ำทะเลที่ฉายแววล้ำลึกทอดมองทั่วเรือนร่างของตนแล้วเลียปากเบา ๆ
“ชอบไหม”
น้ำเสียงทุ้มแหบที่เอ่ยถามดังสั่นกระเส่าด้วยแรงอารมณ์ จังหวะการขยับสอดประสานกันเริ่มถี่รัวขึ้น ทั้งยังเข้ากันได้ดี ตั้งโอ๋รู้สึกคล้ายว่าท่อนลำที่ถูกตนตอดรัดอยู่ยิ่งขยายใหญ่ขึ้นจนจุกคับแน่นไปหมด กระนั้นก็ยิ่งรู้สึกเสียวกระสันทั้งยังสาแก่ใจ จนต้องขย่มลงไปให้แรงขึ้น เพื่อให้แก่นกายใหญ่กระทุ้งเสียดสีถูกกับจุดที่ตน้า
“ชะ ชอบ อื้อ...ชอบครับ อ๊ะ อ๊ะ!”
นึกสงสัยว่าเื่ราวความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามันมาถึงตรงนี้ได้อย่างไร พวกเขาเคยเป็แค่คนรู้จักห่าง ๆ ที่พูดคุยกันวันละเพียงไม่กี่คำ บางวันก็เพียงเดินผ่านกันไปโดยไร้ซึ่งบทสนทนา...แม้ว่าตอนนี้จะยังคงคอยเอาแต่ลับฝีปาก พูดจาค่อนขอดใส่กันแทบจะทุกวินาที ทว่าร่างกายกลับดูสนิท แนบเนื้อ กันเสียยิ่งกว่าใคร
ดวงตาคมฉายแววประกายวาววับพาดผ่านเพียงเสี้ยววินาที ก่อนมันจะเริ่มมีสีเข้มขึ้นด้วยความกระสันอยาก มือที่จับประคองบั้นเอวคอดบีบแน่นจนเป็รอยมือ ก่อนจะตบสะโพกกระแทกสวนเข้าไปไม่ยั้งแรง กระทั่งได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้อง ตั้งโอ๋ร้องครวญคราง งอตัวหนีด้วยความเจ็บจุก
“อ๊า!!”
“ถ้าอย่างนั้นก็มาควบพี่บ่อย ๆ”
“ฮึก...”
“อยากควบเมื่อไหร่ก็ลุกมาคร่อมพี่”
มือข้างหนึ่งจับเส้นผมทัดข้างใบหูให้อย่างแ่เบา กระนั้นกลับสวนทางกับ่ล่างที่เอาแต่กระแทกสวนเข้าใส่ทั้งเร็วและแรงราวกับจะรังแกกันให้ยับเยินคาเตียง ตั้งโอ๋แหงนหน้าเชิดขึ้นคราง ก่อนจะชะงักไปยามก้มหน้าลงมาแล้วเห็นเงาเรือนร่างเปลือยเปล่าของตนที่สะท้อนอยู่ภายในดวงตาคู่คม...วินาทีนั้น เขารับรู้ได้ว่าหัวใจของตนเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่น่าให้อภัย
สีหน้าของคุณเชาส์ในตอนนี้ดูทั้งอยากกระสันและสาแก่ใจ เพราะยังเมาอยู่หรือเปล่านะ ตัวเขาจึงได้รู้สึกว่าดวงตาสีน้ำทะเลคู่นี้ช่างงดงามเหลือเกิน ยามสะท้อนกับแสงจันทร์ในยามค่ำคืน
...ทั้งน่าค้นหาและดุดัน ราวกับตอนที่เขาะเิความบ้าคลั่งอยู่ในสนามแข่ง ด้วยความหิวกระหายซึ่งชัยชนะ
ตั้งโอ๋ไม่อยากจะยอมรับเลย...ว่าในค่ำคืนนี้ตัวเขาสามารถเสร็จสมได้โดยง่าย เพียงเพราะได้เห็นดวงหน้าหล่อเหลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงอารมณ์ มองเงาของตนที่สะท้อนอยู่ในดวงตาสีสวย พร้อมกับจินตนาการว่าคุณเชาส์กำลังได้เห็นตนควบขี่อยู่เหนืออาณัติ ด้วยท่วงท่าที่ดูร่านเร่ามากเพียงใด
“ฮึก จะเสร็จ...คะ คุณเชาส์ผมไม่ไหว อ๊ะ---อ๊า!!”
“อา...”
ช่องทางตอดรัดแน่น ทั้งร่างกายที่สั่นกระตุกอย่างแรง ยามเสร็จสมและปลดปล่อยออกมาจนเลอะหน้าท้องแกร่ง ทั้งเสียงครางทุ้มต่ำของคนอายุมากกว่าที่สื่อถึงความสุขสมอย่างถึงที่สุดในค่ำคืนนี้ ตั้งโอ๋ทรุดฮวบซบหน้าลงกับแผงอกกว้างอย่างหมดแรง ยามที่เอวและบั้นท้ายกลมยังคงถูกฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นคลึงแล้วฟาดลงมาไม่เบาแรงจนเจ็บแสบไปหมด
“อือ...”
ร่างอ่อนปวกเปียกถูกจับพลิกให้เป็ฝ่ายนอนอยู่เบื้องล่างอีกครั้ง พร้อมกับคุณเชาส์ที่สลับขึ้นคร่อมทับกัน พลางโน้มลงมาป้อนจุมพิตให้อีกครั้ง ท่ามกลางเสียงหอบหายใจระหว่างกันที่ดังก้อง...พร้อมกับเสียงหัวใจภายในอกที่ดังกว่าทุกวัน
ไม่รู้ว่าเพราะความเหนื่อย...หรือเพราะกำลังรู้สึกเผลอไผลไปกับการได้อยู่ในอ้อมกอดของใครบางคน ในวันที่ตนกำลังรู้สึกอ่อนไหวและอ่อนแออย่างถึงที่สุดกันแน่
อย่านะตั้งโอ๋...
อย่าได้เผลอใจไปกับััวาบหวิวที่ผู้ชายนิสัยอันตรายคนนี้มอบให้เด็ดขาดเลยนะ
ห้ามเผลอใจ...แม้แต่นิดเดียวเลยเชียว
...
เช้า
สนามแข่ง
09.30 น.
หากไม่ใช่เพราะมีสติจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เขาเพิ่งจะผ่านสมรภูมิบนเตียงมาอย่างหนักหน่วงจนเกือบเช้า คงจะคิดไปแล้วว่าตัวเองเพิ่งจะไปออกรบ แล้วแบกร่างพัง ๆ มาทำงานต่อในวันรุ่งขึ้น ทั้งที่เพิ่งจะได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมงเองด้วยซ้ำ
ให้ตายเถอะ หากใครสักคนมองมา คงจะเห็นเขาแบกกระเป๋าเป้เดินกระย่องกระแย่งเข้าสนามมาด้วยท่วงท่าแปลก ๆ เป็แน่...ยังดีที่ทุกคนเอาแต่ให้ความสนใจกับหน้าที่ของตน จึงไม่ได้มีเวลามาสังเกตอะไรตัวเขามากมายนัก
“พี่โอ๋!”
ทันทีที่วางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งได้ เสียงเรียกจากทางด้านหลังก็ดังขึ้นดึงความสนใจไปได้ในทันที เป็หญิงสาวคนเดิมที่เขาเคยช่วยอาสายกน้ำไปให้คุณเชาส์ในห้องพักแทนวันนั้น ไม่คิดว่าเธอจะจำกันได้ทั้งยังรู้ชื่อกันอีก คงจะถามเอาจากคนอื่นในทีมงานที่พอรู้จักเขาบ้างนั่นแหละ
ตั้งโอ๋ส่งยิ้มบางแล้วโบกมือให้น้อย ๆ เดินกระย่องกระแย่งไปจะนั่งที่เก้าอี้อีกตัวเพราะเริ่มจะเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวขึ้นมาอีกแล้ว และแน่นอนว่าท่าทางที่ดูผิดปกติก็ยังไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาของหญิงสาวได้อยู่ดี
“ว่าแต่...วันนี้ก็เดินแปลก ๆ อีกแล้วนะคะ มีปัญหาที่่ล่างหรือเปล่า”
เธอเอียงคอเอ่ยพูดทักด้วยความสงสัย พลันตั้งโอ๋สะดุ้งสุดตัวทั้งใบหน้าแดงก่ำ หันไปเห็นคุณเชาส์ที่เดินตามมาใกล้จนน่าจะได้ยินประโยคดังกล่าวด้วยเช่นกันก็รีบก้มหน้าหนี...ั้แ่เช้ามาเขาพยายามหลีกเลี่ยงการมองหน้าและการพูดคุยกับอีกฝ่ายตลอด ทว่าทำไมยิ่งหนีก็ยิ่งเจอไม่รู้
ที่รีบเดินมาก่อนก็เพราะ้าจะหลีกเลี่ยงการพูดคุยกันระหว่างเดินมาเช่นกัน
เพราะเอาแต่ก้มหน้าอยู่จึงไม่รู้ว่าคุณเชาส์ยังคงมองกันอยู่หรือไม่ ทว่าเมื่อเห็นเท้าของอีกฝ่ายหยุดอยู่ตรงหน้าก็เม้มปากแน่น ทั้งร่างกายที่เริ่มเกร็งเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเ้าตัวไม่ยอมไปเปลี่ยนชุดแข่งเสียทีก็ยกมือขึ้นดันหน้าท้องกันเบา ๆ
“ซ้อมสิครับ อีกไม่กี่อาทิตย์ก็แข่งแล้ว...”
“...”
ชาวินยังคงเงียบ เพียงทอดสายตามองคนที่เอาแต่ก้มหน้าหลบตากัน ทั้งยังหลีกเลี่ยงที่จะสนทนากันอย่างชัดเจนั้แ่เสร็จกิจเมื่อคืน เรียวคิ้วเข้มเริ่มแอบขมวดเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความรู้สึกทั้งไม่เข้าใจและไม่ชอบใจ ก่อนจะต้องเดินแยกออกไปก่อน เมื่อใกล้ถึงเวลาลงสนามแล้ว
“...”
ในขณะที่ตั้งโอ๋ยังคงยืนนิ่ง กัดปากแน่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด...เมื่อยังสลัดความรู้สึกแปลก ๆ จากเหตุการณ์เมื่อคืนออกไปไม่ได้เลยสักนิด
.
.
“คุยอะไรกัน”
ชายหนุ่มในชุดนักแข่งเอ่ยถามเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็หนึ่งในทีมช่างที่ดูแลรถให้กับตนโดยเฉพาะ เมื่อเห็นพวกมันรวมหัวซุบซิบกันพลางลอบแอบมองตนอยู่เป็ระยะทั้งรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ั้แ่เห็นเขาเดินจากไกล ๆ มาจนถึงพิท (พื้นที่ที่ทีมใช้เซอร์วิสรถ)
คนถูกถามชะงักไปครู่หนึ่ง รอจนนักแข่งตัวท็อปของทีมเข้าไปประจำที่อยู่ในรถและตรวจสอบอุปกรณ์เซฟตี้ทั้งหมดจนเรียบร้อยแล้ว จึงยิ้มแหยพลางเอ่ยตอบ
“พวกผมแค่คุยกันว่า อีกไม่กี่ปีเฮียเชาส์ก็จะสามสิบแล้ว น่าจะมีเมียเป็ตัวเป็ตนได้แล้วนะครับ...อยากเห็นเฮียมีเมียสักที แหะ ๆ”
เด็กหนุ่มเกาหลังท้ายทอยหัวเราะแห้งด้วยความขัดเขิน ในขณะที่ผู้ฟังนิ่งไป ใบหน้าหล่อเหลาเื้ัหมวกนิรภัยเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันจนมันเป็ปมอยู่ตรงกลาง นึกสงสัยว่าทำไมตัวเขา่นี้ถึงได้ถูกทักเื่เมียบ่อยนัก ั้แ่ที่ถูกรุ่นน้องคนสนิทอย่างาาทักเมื่อวันก่อนก็ทีหนึ่งแล้ว
“มึงจะติดเมียไปไหน”
“มึงก็รีบมีเมียดิ จะได้เลิกยุ่งกับกู”
ชาวินในเวลานั้นชะงักมือที่กำลังจะยกแก้วสุราจรดริมฝีปาก แค่นหัวเราะหนึ่งคำในลำคอแล้วเอ่ยตอบกลับไปทันที คนที่ครองโสดมาตลอดแบบเขา หากมีเมียเป็ตัวเป็ตนขึ้นมาจริง ๆ แค่คิดก็น่ารำคาญจนไม่อยากจินตนาการต่อแล้ว
“เหอะ น่ารำคาญจะตายห่า”
คราวนี้าาที่กำลังเมาได้ที่ส่งยิ้มหยันให้กัน นึกสงสัยว่าไอ้เวรนี่มันเอาความมั่นอกมั่นใจมาจากไหนว่าตนจะไม่หลงรักใครเข้าสักวัน ก่อนจะพ่นประโยคสาปแช่งใส่กันทันทีด้วยความหมั่นไส้อย่างถึงที่สุด
“ดี กูขอให้สักวันมึงหลงเมียหัวปักหัวปำ โผล่หัวจากหว่างขาเขาไม่ได้ คิดถึงไม่เป็อันกินอันนอน อกจะแตกตายเพราะหวงเขาทุกลมหายใจเข้าออก สาธุไอ้ควาย!”
“ควายหน้ามึงสิ ตีนกูนี่!”
เขาจำได้ว่าหลังจากได้ฟังประโยคดังกล่าวก็ถีบโต๊ะยันหน้าแข้งคนปากหมาไปหนึ่งที ดวงตาคมเหลือบมองใครบางคนที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์แล้วจ้องมองมายังรถของตน ครั้นเมื่อเห็นว่าเขาก็มองอยู่เช่นกันก็รีบเสใบหน้าหนีไปทางอื่น ก่อนจะลุกเดินหนีไปที่อื่นจนพ้นระยะสายตาที่ตนจะมองเห็นได้
พลันความหงุดหงิดที่มีอยู่ก่อนแล้วก็ยิ่งทวีคูณเข้าไปใหญ่จนต้องตบพวงมาลัยระบายอารมณ์ แค่นหัวเราะเสียงหนักหนึ่งคำในลำคอ
“โผล่หัวจากหว่างขาไม่ได้เหรอ...ไม่มีวันหรอกมึงได้ยินไหม”
“คะ ครับพี่”
เด็กหนุ่มมีสีหน้ามึนงง เพราะไม่เข้าใจว่าคนที่นั่งอยู่บนรถกำลังพูดถึงเื่อะไร กระนั้นก็ยอมพยักหน้ารับเออออ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูจะอารมณ์เสียผิดปกติ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีใครทำอะไรให้เลยด้วยซ้ำ
“ถ้าสักวันกูหลงเมียจนไม่ลืมหูลืมตาแบบนั้นจริง ๆ มึงเอาส้นตีนมาเหยียบหน้ากูได้เลย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้