บทที่ 46 เสี่ยวหลี่ผู้มั่งคั่ง, ผู้าุโหานเฮ่อกังขา
ทันทีที่เสียงของผู้าุโหานเฮ่อแ่เบาลง ซางอู่ก็โพล่งขึ้นมาทันทีด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“จะให้เขาอยู่กับเ้าเนี่ยนะ? ตาแก่ เ้าคิดจะแย่งศิษย์ข้าไปรึไง?!”
“ข้าไม่อยากได้ศิษย์เ้าหรอก! ข้าแค่จะเก็บศาสตราเทพบรรพชนไว้เอง!”
น่าแปลกที่ผู้าุโหานเฮ่อกลับแข็งกร้าวขึ้นมา เื่นี้แม้จะไปถึงเ้าสำนัก เขาก็ยังคงถือว่าตนมีเหตุผลเพียงพอ และอีกอย่าง… ความกังวลของซางอู่ก็ไม่ใช่เื่เหลวไหลเสียทีเดียว หากค้อนอุกกาบาตบรรลัยกัลป์ยอมรับศิษย์ของนางเป็เ้าของจริง ย่อมเท่ากับว่าเขาจะเป็เ้าสำนักคนต่อไปอย่างแน่นอน
“ผู้าุโหานเฮ่อไม่ได้คิดจะให้ข้าอยู่เฝ้าตีเหล็กที่นี่ใช่ไหมขอรับ?”
หลี่โม่สังเกตเห็นเค้าลางบางอย่าง ไม่ดีแน่! ถ้าอยู่แต่ที่นี่ทุกวัน แล้วจะไปดึง… เอ่อ ไปกอดหน้าแข้งอวบอิ่มของยัยก้อนน้ำแข็งได้อย่างไรกัน?
“ให้ศิษย์สายตรงหลี่อยู่กับเฒ่าผู้นี้ นับจากนี้ไป ยอดเขาอัสดงจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเ้า”
ไม่นานนัก เสียงทุ้มลึกของผู้าุโหานเฮ่อก็ดังขึ้นมา เต็มไปด้วยคำชักชวนอันเย้ายวนใจ เห็นชัดว่าเขาตั้งใจจะทุ่มสุดตัวแล้ว
“ผู้าุโพูดอะไรเช่นนั้นขอรับ อาจารย์ของข้ามีจิตใจเข้มแข็งดุจเหล็กกล้า จะยอมละทิ้งศิษย์เพียงเพราะลาภยศเงินทองได้อย่างไร”
“ใช่ไหมขอรับอาจารย์… ท่านอาจารย์?”
หลี่โม่พูดจบอย่างขรึมขรึม พอหันกลับไปก็เห็นอาจารย์ของตนไม่มีท่าทีเกรี้ยวกราดเหมือนเมื่อครู่ ดวงตาคู่สวยดูเหม่อลอย ราวกับกำลังคำนวณชีวิตอันสุขสบายที่เหลือ เหล้าชั้นดีและอาหารเลิศรสจะถูกจัดหามาให้ไม่จำกัด หลี่โม่สงสัยว่าตอนนี้อาจารย์คงจะได้ยินเสียงเงินไหลมาเทมาแล้ว
หลี่โม่ “…”
ดูเหมือนจะประเมินความยากจนและความเห็นแก่เงินของอาจารย์ต่ำไปเสียแล้ว…
หลี่โม่ลดเสียงลงแล้วกล่าวว่า
“อาจารย์ขอรับ ศาลาชิวสุ่ยเคยขาดแคลนอาหารดีๆ หรือเหล้าดีๆ ให้ท่านหรือขอรับ? หากข้าอยู่ยอดเขาอัสดง หลังจากนี้ก็จะไม่มีคนทำอาหารให้ท่านแล้วนะขอรับ!”
ศาสตราวุธของยอดเขาอัสดงมีช่องทางจำหน่ายกว้างขวาง ทำให้สร้างรายได้มหาศาลทุกวัน แต่ก็คงเทียบไม่ได้กับการที่เขา ‘รังสรรค์ของขึ้นจากความว่างเปล่า’ ซึ่งสร้างรายได้ได้เร็วกว่ามาก ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่เคยกลัวว่าจะถูกใครใช้เงินจนหมดตัว ตรงกันข้าม ยิ่งเขาลงทุน เขาก็จะยิ่งร่ำรวยมากขึ้นเรื่อยๆ
“อืม… ข้าไม่เป็อย่างนั้นหรอก”
แววตาของอาจารย์หญิงคนสวยกลับมาใสกระจ่างในทันที พร้อมกับพยักหน้าอย่างจริงจังว่า
“ผู้าุโคิดมากไปแล้วขอรับ ศิษย์ก็พอมีฐานะอยู่บ้าง”
หลี่โม่ประสานมือคำนับไปทางผู้าุโฮานเฮ่อแล้วกล่าว
“เ้าจะมียังไงกันเชียว…”
พลั่ก! โลหะสองก้อนขนาดใหญ่เปล่งประกายเย็นะเื กระทบพื้น พลันอุณหภูมิภายในห้องก็ลดลงเล็กน้อย ราวกับโลหะทั้งสองก้อนนี้ดูดซับความร้อนเอาไว้ สีหน้ายิ้มแย้มของผู้าุโฮานเฮ่อแข็งค้าง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็ครุ่นคิด
แร่เหล็กบริสุทธิ์!
เหล็กหมื่นชั่ง สกัดแร่เหล็กบริสุทธิ์ได้เพียงหนึ่งตำลึง หากอาวุธสามัญได้เติมเข้าไปเพียงเล็กน้อย ก็สามารถคมกริบจนฟันเหล็กได้เหมือนตัดดินโคลน แร่เหล็กบริสุทธิ์สองก้อนขนาดใหญ่เช่นนี้ แม้แต่ยอดเขาอัสดงที่ใช้บ่อน้ำพุเย็นะเืช่วย ก็ยังยากที่จะผลิตได้ภายในสามปี
พลั่ก! เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้ง โลหะสีแดงเพลิงขนาดเท่ากำปั้นอีกก้อนหนึ่งก็ตกลงบนพื้น
“ฮึ่ม…”
ผู้าุโหานเฮ่อหมดความอดทนโดยสิ้นเชิง
หินเพลิงทองแดง!
มีเพียงบริเวณูเาไฟที่มีสายแร่นี้ แร่ธาตุที่ถูกหล่อหลอมด้วยไฟใต้พิภพหมื่นปีขึ้นไปจึงจะสามารถเกิดขึ้นมาได้ และต้องผ่านการปะทุของูเาไฟเท่านั้นจึงจะสามารถได้มา แม้แต่ในกระบี่เพลิงสีชาด ก็ยังมีวัสดุชนิดนี้อยู่
เ้าเรียกตนเองว่า… แค่พอมีฐานะอยู่บ้างอย่างนั้นรึ?
ผู้าุโหานเฮ่อเริ่มครุ่นคิดถึงที่มาของมรดกสืบทอดที่หลี่โม่ได้รับ ซางอู่ก็กำลังคิดเื่นี้เช่นกัน ยอดฝีมือที่ทิ้งการสืบทอดนี้ไว้ ก่อนหน้านี้คงไม่ได้เปิดโรงประมูลหรอกกระมัง? หรือว่าจะเป็จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ที่ปล้นสะดมทรัพย์สินนับไม่ถ้วน?
“ศิษย์ผู้นี้ไม่ใช่ช่างตีเหล็ก ดังนั้นของวิเศษทั้งสองชิ้นนี้จึงถือเป็การโยนไข่มุกให้หมู”
“ผู้าุโเป็ช่างฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในแคว้นจื่อหยาง มีเพียงท่านเท่านั้นที่จะดึงประโยชน์จากพวกมันออกมาได้อย่างเต็มที่”
หลี่โม่เป็คนที่เอาอกเอาใจผู้าุโเก่ง
ผู้าุโหานเฮ่อเงียบไป ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจว่า
“ซางอู่ ศิษย์ของเ้ามีมารยาทดีกว่าเ้าเสียอีก ข้าก็เลยไม่กังวลแล้วว่าเขาจะนำศาสตราเทพไปสร้างความเสียหายไม่รู้จบ”
ซางอู่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงง
ฮานเฮ่อไม่ได้มองนางอีก แต่กลับหันมา แล้วกล่าวเสียงทุ้มว่า
“หลี่โม่ หากเ้าสามารถทำสามสิ่งนี้ได้ ข้าก็จะยอมทำตามความปรารถนาของเ้าเป็ไรไป”
“ผู้าุโโปรดกล่าวเลยขอรับ”
หลี่โม่ตอบรับอย่างว่าง่าย
“ข้อแรก ในอนาคต… หากยอดเขาอัสดงมีวันใดที่ต้องหลอมศาสตราลี้ลับ และจำเป็ต้องใช้ค้อนอุกกาบาตบรรลัยกัลป์ เ้าในฐานะเ้าของศาสตรา ต้องให้ความช่วยเหลือ”
“ข้อสอง ก่อนที่พลังจะแข็งแกร่งพอ เื่ศาสตราเทพนี้ห้ามเผยแพร่ไปทั่ว นอกจากข้ากับอาจารย์เ้าแล้ว ห้ามให้บุคคลภายนอกล่วงรู้โดยเด็ดขาด”
“ข้อสาม อย่าให้ศาสตราเทพของปรมาจารย์ต้องแปดเปื้อนเือธรรม”
สุดท้าย ผู้าุโหานเฮ่อเน้นเสียงหนักแน่น
“ย่อมเป็เช่นนั้นอยู่แล้วขอรับ”
หลี่โม่ไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย เงื่อนไขเหล่านี้ถือว่าผ่อนปรนเกินกว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก แม้ผู้าุโหานเฮ่อจะไม่กล่าวถึง เขาก็ตั้งใจจะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว
“ดี! เ้าไปเถอะ”
ผู้าุโหานเฮ่อโบกมืออย่างเหนื่อยอ่อน
“ตาแก่วันนี้พูดจาง่ายแปลกๆ” ซางอู่เลิกคิ้วเล็กน้อย พลางรู้สึกไม่คุ้นชิน หลี่โม่โค้งคำนับให้ผู้าุโหานเฮ่อ แล้วจูงมืออาจารย์เดินออกไป
ได้เปรียบ…แต่ก็ไม่ได้โอ้อวดเกินงาม เขามองตามสองอาจารย์ศิษย์ที่จากไป
“ในที่สุดศาสตราเทพก็มีเ้าของเสียที แถมยังตกไปอยู่ในมือของยอดเขาหยกงามเสียอีก”
“แม้ไม่ได้ตกไปอยู่ในมือซางอู่ แต่กลับกลายเป็ศิษย์ของนางที่ได้ไปเสียอย่างนั้น…”
“เื่ราวในโลกนี้ช่างแปลกประหลาดเกินคำบรรยายจริงๆ…”
ผู้าุโหานเฮ่อพึมพำอย่างซาบซึ้ง
ระหว่างทางลงเขา
เสียงหัวเราะร่าของซางอู่ดังขึ้นมา
“ศิษย์รัก เ้าก็ฉลาดไม่เบาเหมือนกันนี่นา”
ซางอู่หรี่ตาลงข้างหนึ่ง เท้าเอว อีกแขนเรียวโอบไหล่ศิษย์รัก หัวเราะอย่างไม่อายใครว่า
“ดีๆๆ ถ้าสามารถหลอกตาแก่หานเฮ่อจนเดินขาเป๋ได้แล้ว ก็ถือว่ามีฝีมือราวหกเจ็ดแปดส่วนของข้าเลยนะ”
“ก็ไม่เชิงว่าหลอกหรอกขอรับ…”
เมื่อโดนอาจารย์ที่สูงพอๆ กันโอบไหล่ หลี่โม่ก็ไอเบาๆ แก้เก้อ
“ฮึ่มฮึ่ม เ้าเด็กนี่! กล้าหลอกอาจารย์อย่างนั้นรึ?”
“ค้อนล่ะ? ให้ข้าดูหน่อยสิ”
ซางอู่ทำหน้าเหมือน ‘รู้นะว่ามีอะไร’
หลี่โม่ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วกล่าวว่า
“ข้านำออกมาไม่ได้จริงๆ ขอรับ”
ไม่เอาน่า! ตอนที่เก็บเข้าไปก็แทบจะหมดแรงอยู่แล้ว ตอนนี้เขายังฟื้นตัวไม่เต็มที่เลย จะให้เสริมพลังจากเมล็ดพันธุ์โลกอีกครั้งหรือ? อาจารย์จะเชื่อหรือไม่ ว่าข้าจะแสดงการสลายร่างให้ดูตรงนี้เลย
“ฮึ่ม!ไร้น้ำใจ”
ซางอู่เชิดจมูกขึ้นเล็กน้อย ทำหน้าบึ้งตึงอย่างงอนๆ
หลี่โม่ “...อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่ท่านคิดจะขายข้าจริงๆ ใช่ไหม?”
“ฮิฮิ… ฮิฮิ, จะเป็ไปได้ยังไงเล่า”
ซางอู่เลื่อนสายตาไปทางอื่น
“นั่นก็แค่การทดสอบของอาจารย์ไงเล่า เพื่อดูว่าศิษย์ยอดเขาหยกงามจะซื่อสัตย์เพียงไร”
“อาจารย์ ท่านกำลังรู้สึกผิดอยู่สินะ”
“บังอาจ! ศิษย์ทรยศกล้าซักถามอาจารย์ คิดจะก่อฏรึไง!”
ฝีเท้าของท่านอาจารย์หญิงเร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชุดชาววังสีแดงเพลิงพลิ้วไหว
หลี่โม่ถอนหายใจเบาๆ “อาจารย์ขอรับ ท่านคิดว่าเนื้อแกะย่างทั้งตัวกับเหล้าเขียวหมักบ่มตอนเย็นดีไหมขอรับ?”
หลี่โม่เริ่มใช้ทักษะการควบคุมสถานการณ์
“เหล้ากี่ปีกัน?”
“สามสิบปีขอรับ”
ผลของทักษะนั้นยอดเยี่ยม
อาจารย์กับศิษย์ทั้งสองกลับถึงบ้าน
ครู่ต่อมา
ภายใต้ดวงดาวและแสงจันทร์ สองศิษย์อาจารย์ก็กลับมาพร้อมของเต็มไม้เต็มมือ เมื่อผลักประตูเข้าไป หลี่โม่ก็เห็นร่างของหญิงสาวนั่งอยู่ตรงโต๊ะหินที่เคยนั่งกินข้าวเป็ประจำ กำลังจิบชาอย่างเชื่องช้า โดยมีกระบี่ชิงกังเล่มหนึ่งวางอยู่บนตัก
“ข้านึกว่าเ้ากลับห้องไปฝึกยุทธ์แล้วเสียอีก”
“ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย”
ยัยก้อนน้ำแข็งกล่าวว่า
หลี่โม่เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า พระจันทร์ดูมืดสลัว บ่งบอกว่าใกล้จะเช้าแล้ว
“แต่ว่า… มันเกือบจะถึงเวลาอาหารเช้าแล้วนะขอรับคุณหนู”
“อย่างนั้นหรือ?”
อิ๋งปิงเงยหน้ามองดวงจันทร์เล็กน้อยเช่นกัน คิ้วโก่งงามขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เ้ามีแิเื่เวลาแบบไหนกันเนี่ย! ใครเขาตัดสินเวลาจากการกินข้าวกันเล่า!
หลี่โม่หมดแรงจะบ่น แล้วเดินไปทำอาหาร อิ๋งปิงลดสายตาลงครู่หนึ่ง มองไปทางซางอู่ แล้วถามเบาๆ ว่า
“วันนี้ที่ถ้ำเทพศาสตราวุธ เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
นี่เป็อีกเื่หนึ่งที่เกินความคาดหมายของนาง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้