หลิ่วจิ้งถูกมือซ้ายของหั่วอี้โอบเอาไว้ให้นั่งหันหน้าเข้าหาเขายามหั่วอี้กระทุ้งขา ม้าก็ออกตัวไปอย่างรวดเร็วดั่งลูกธนูออกจากสายหลิ่วจิ้งยังไม่ทันได้สติคืนมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางรู้สึกว่าร่างกายไม่ได้เป็ของนางแล้วสมองเลือนรางไปหมด ความรู้ตัวของนางราวกับอยู่ภายใต้เมฆหมอกรู้สึกว่าทุกสิ่งที่รายล้อมอยู่ล้วนเป็ความพร่ามัว
เมื่อสติของนางค่อยๆ กลับมาทีละน้อย ดวงตาที่เต็มไปด้วยไหวพริบของนางพลันขยับมองไปทางหั่วอี้
คงเพราะััได้ถึงสายตาของหลิ่วจิ้ง หั่วอี้จึงก้มลงมามองนางมือที่โอบหลิ่วจิ้งอยู่ยิ่งรัดแน่นเข้าไปอีก ชายหนุ่มก้มลงมาเบาๆ ให้หัวเขาัักับหน้าผากของหลิ่วจิ้งก่อนถอนใจลึกหนหนึ่ง
บ่ายวันนี้ทำเขาในัก ตามหาตั้งหลายชั่วยามก็ยังหาคนไม่พบเขายังนึกว่านางถูกคนจับไปแล้วจริงๆ ทำเอาหัวใจของเขาไม่รู้ว่าจะเต้นอย่างไรแล้ว
เมื่อเห็นพลุสัญญาณที่จ้าวฉวนส่งขึ้นไปบนฟ้า ยังไม่ทันบอกกล่าวกับพวกทหารที่กำลังออกตามหาแบบปูพรมทั่วเมืองเขาก็รีบไปที่โรงพักม้า ได้ม้ามาก็ออกไปทันทีทำเอานายทหารในโรงพักม้าต้องร้องโหวกเหวกเรียกทหารยามมาคนสิบกว่าคนบึ่งม้าออกไปนอกเมืองอย่างรวดเร็วตามเขาไป
เขาดีใจแทบคลั่งเมื่อได้พบกับหลิ่วจิ้งอีกครั้ง แม้อยากรักษาท่าทีให้อยู่ในอาการสงบแต่กลับต้านทานความละมุนละไมยามนางโผล่ตัวออกมาจากรถม้าครึ่งตัวและสบตากับเขามิได้
ความรู้สึกยามมีนางอยู่ในอ้อมกอดประหนึ่งเป็สมบัติล้ำค่าที่เกือบจะสูญหายไปและความรู้สึกยินดีปรีดาที่ได้ของรักที่หายไปกลับคืนมาอีกหนเช่นนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจ
หั่วอี้กอดหลิ่วจิ้งไว้แน่นขณะให้นางซบอยู่ในอกเขา พลางค่อยๆทบทวนความรู้สึกนึกคิดของตน
แต่หลิ่วจิ้งกลับถูกความอ่อนโยนในสายตาของหั่วอี้ทำให้สับสนท่าทีของอีกฝ่ายทำให้นางไม่เข้าใจ นางแอบหวังอยู่ในใจว่าจะเป็ดังที่นางคิดนั่นคือหั่วอี้ก็มีใจให้นางแล้วเช่นกัน
นางค่อยๆ เอื้อมมือทั้งสองข้างไปโอบเอวหั่วอี้ ซบหัวอิงอกเขาไม่ว่าจะใช่หรือไม่เวลานี้นางรู้สึกละโมบต่อความอบอุ่นในอ้อมอกของหั่วอี้เหลือเกินต่อให้เป็แค่ความฝันก็ขอให้นางได้เสพสุขกับความอบอุ่นนี้อีกสักนิดเถิด
หั่วอี้ััได้ว่าหลิ่วจิ้งกำลังแอบอิงเขาอารมณ์ที่ไม่เคยััมาก่อนพลันหลั่งไหลเข้าสู่หัวใจเขาก้มหน้าลงจับจ้องคนที่ซุกตัวอยู่ในอก ก่อนยกมุมปากขึ้นด้วยความอารมณ์ดีเหลือล้น
จ้าวเฉิงกับจ้าวฉวนขี่ม้าตามมาไกลๆ ส่วนเหมิ่งเจ๋อหัวหน้าองครักษ์โรงพักม้าอยู่รั้งท้าย พวกเขาไม่กล้าตามอยู่ใกล้เกินไปเนื่องจากเกรงจะรบกวนเื่ดีงามของท่านแม่ทัพแต่ในขณะเดียวกันก็ไม่กล้าอยู่ห่างเกินไป เพราะหากพลัดหลงกันระหว่างทางกลับไปพวกเขาก็คงถูกพวกพี่น้องหัวเราะเอา
ในตอนที่พวกเขาเห็นว่าท่านแม่ทัพไม่แม้แต่จะเอ่ยทักทายใดๆ พวกเขาก็พากันยืนงงอยู่กับที่พักหนึ่งจากนั้นจึงค่อยรีบแยกย้ายกันพวกเขาสามคนตามไปในทิศทางที่ท่านแม่ทัพไปเพื่อคอยให้การอารักขา ส่วนคนอื่นนอกนั้นก็แบ่งกันออกเป็สองกลุ่มกลุ่มหนึ่งอารักขาสาวใช้ของฮูหยินแม่ทัพกลับไปที่จวนอีกกลุ่มหนึ่งกลับไปบอกเหล่าทหารที่ยังคงทำการค้นหาอยู่ทั่วเมือง
“ฮูหยิน วันหน้าหากออกไปนานเกินไปก็ขอให้บอกกล่าวแก่ข้าเพื่อมิให้ข้าต้องเป็กังวล” หั่วอี้บังคับให้ม้าวิ่งช้าลง เอ่ยกับนางเบาๆ
แม้เสียงเขาจะบางเบา แต่หลิ่วจิ้งก็ยังคงได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำความอบอุ่นแผ่ซ่านอยู่ในใจนาง นางตอบไปเบาๆ คำหนึ่ง “รู้แล้ว”
หั่วอี้คลายมือที่จับบังเหียนม้าอยู่ปล่อยให้ม้าเดินไปข้างหน้าตามอิสระ หลิ่วจิ้งเองก็ขยับตัวขึ้นมาจากอกเขาหยัดตัวตรงมาอยู่ในท่าที่หันหน้าสบตาเขาได้พอดี
จ้าวเฉิงกับจ้าวฉวนเห็นภาพที่ท่านแม่ทัพและฮูหยินกำลังปฏิบัติต่อกันก็รู้สึกประหลาดใจนักดูท่าว่าเมื่อนำเื่นี้กลับไปเล่า รับรองว่าพวกพี่น้องจะต้องใจนตาถลนทีเดียว
หั่วอี้อ่อนโยนดั่งสายธารจนหลิ่วจิ้งหลงลืมความหนักใจยามนางหุนหันจากไปทั้งโทสะไปนานแล้ว นานๆครั้งจะได้อารมณ์ดีเช่นนี้ เมื่อมองไปรอบตัวก็ไม่รู้ว่าหั่วอี้พานางไปที่ใดที่แห่งนี้เป็ป่าเขาเวิ้งว้าง มีดอกไม้เล็กๆที่ไม่รู้จักชื่อบานอยู่เต็มพื้นกลายเป็ทะเลบุปผา จนหลิ่วจิ้งต้องอุทานชมเมื่อได้เห็น
“ที่นี่งามนัก พวกเราลงไปเดินเล่นกันเถิด”หลิ่วจิ้งรู้สึกชื่นชอบที่แห่งนี้ในทันใด
ได้ยินสิ่งที่หลิ่วจิ้งพูด หั่วอี้ก็กอดนางเอาไว้แล้วะโขึ้นไปบนอากาศก่อนจะลงมายืนบนพื้นได้อย่างมั่นคง
“ท่านรอสักครู่” หลังจากหั่วอี้วางหลิ่วจิ้งลงที่พื้นดีแล้วกลับไม่รู้ว่าเขากำลังทำสิ่งใดรู้แต่ว่ารวดเร็วจนหลิ่วจิ้งมองเห็นแค่มีร่างคนกำลังขยับอยู่ตรงหน้าไม่ว่านางจะตั้งใจมองอย่างไรก็มิอาจมองเห็นร่างของหั่วอี้ได้ชัดเจนเห็นแค่เงาคนกำลังสั่นไหวราวกับประกายแสงสีทองที่ออกมาจากเปลวไฟอยู่ตรงหน้านางแต่กลับมองไม่เห็นตัวคน
หลิ่วจิ้งมองเสียจนตาลายไปหมดหารู้ไม่ว่าพวกของจ้าวเฉิงที่ตามมาข้างหลังก็ตกตะลึงจนคางแทบจะร่วงลงมาอยู่แล้วนั่นคือท่านแม่ทัพที่พวกเขาภาคภูมิใจหรือ? คนภายนอกมองไม่ออก แต่พวกเขากลับมองเห็นชัดเจนนักว่าท่านแม่ทัพกำลังใช้วิชาตัวเบานามว่าย้ายบุปผาโบยบินอยู่ซึ่งเป็เคล็ดวิชาที่เคยช่วยพี่น้องในสนามรบมาแล้วไม่รู้กี่ชีวิต
วิทยายุทธที่ฝึกฝนมาอย่างหนักจนคล่องแคล่วนี้ไม่เคยมีผู้ใดเหนือกว่าท่านแม่ทัพ แต่เวลานี้เขากำลังทำสิ่งใด? ถึงกับใช้เคล็ดวิชาสุดยอดของตนเก็บดอกไม้ให้ฮูหยินเชียวหรือ
เหมิ่งเจ๋อที่นั่งอยู่แทบจะร่วงลงจากหลังม้ามองไปทางจ้าวเฉิงสองพี่น้องอย่างไม่เชื่อสายตาตนเองซึ่งสองคนนั้นก็ใจนลืมไปแล้วว่ากำลังอยู่บนหลังม้าตัวเอนไปจนเกือบจะตกจากหลังม้าเช่นเดียวกันกับเขา
จนกระทั่งตอนที่หลิ่วจิ้งตาลายถึงขีดสุดในมือของหั่วอี้ก็มีดอกไม้สดกำใหญ่ เขาเดินกลับมาตรงหน้าและมอบดอกไม้เ่าั้ให้แก่นาง
“ให้ข้าหรือ?” หลิ่วจิ้งทั้งประหลาดใจและดีใจปนเปสตรีรักความงามรักบุปผารักเครื่องประดับนานาของไร้ราคาค่างวดในสายตาบุรุษกลับเป็ของที่สามารถยึดครองตำแหน่งสำคัญในใจสตรีดอกไม้สดกำหนึ่งทำใจสตรีหวั่นไหวได้เสมอ ประสาอันใดกับดอกไม้สดกำโตที่หั่วอี้เป็คนไปเก็บมาด้วยตนเอง
หลิ่วจิ้งก้มหน้าลงสูดหายใจลึกดมกลิ่นดอกไม้กำนั้นยามได้กลิ่นหอมของดอกไม้ จิตใจของนางก็อ่อนระทวยลงทันตา “ขอบคุณท่านแม่ทัพเ้าค่ะ”
นางเงยหน้าขึ้นรับสายตารุ่มร้อนดั่งเพลิงของหั่วอี้ ชั่วอึดใจนั้นในดวงตาของนางมีเพียงหั่วอี้ไม่มีความแค้นเื่ครอบครัว ไม่มีเื่ราวในอดีตใดๆ
หั่วอี้หวั่นไหวกับความอ่อนโยนในดวงตาของหลิ่วจิ้งนั่นไม่ใช่ความอ่อนโยนที่เหมือนสตรีคนใด ในแววตาของหลิ่วจิ้งมีเพียงเขา ไม่มีทั้งผลประโยชน์ไม่มีทั้งความปรารถนา ความรู้สึกที่ไม่เคยมีพลันลอยขึ้นมาในใจเขา
หั่วอี้เอื้อมมือดึงหลิ่วจิ้งมากอดไว้ในอ้อมอก “ฮูหยินท่านยังติดค้างคืนเข้าหอกับสามีอยู่ ยามนี้ไม่ถูกกาละ สามีขอดอกเบี้ยสักนิดจากท่านก่อนก็แล้วกัน”
ว่าแล้วหั่วอี้ก็จุมพิตลงที่ริมฝีปากนาง เม้มดูดบดคลึงเบาๆ หลิ่วจิ้งตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าจะทำเช่นใดได้แต่เป็ฝ่ายตั้งรับความเร่าร้อนของหั่วอี้
ตอนแรกหั่วอี้แค่ลิ้มรสบางเบาแล้วคิดจะหยุด แต่จนใจนักที่เมื่อทั้งริมฝีปากและลิ้นกระหวัดรัดเขาก็ตัดใจคลายมันลงไม่ได้ ลมกลางท้องทุ่งโล่งโชยมาหลายระลอก ปกคลุมเสียงลมหายใจกระเส่า
หั่วอี้จูบหลิ่วจิ้งไปพลาง รั้งกายนางเข้ามากอดในอกไปพลางประหนึ่งจะฝังร่างนางเข้ากับตัวเขาจนเป็ร่างเดียวกันจึงจะพึงพอใจ
หลิ่วจิ้งรวบรวมความรู้ตัวสุดท้ายที่มี อาศัยจังหวะที่หั่วอี้ขยับเปลี่ยนท่าเอ่ยเสียงบางเบาทั้งใบหน้าแดงด้วยความขวยเขินว่า “ท่านแม่ทัพ อย่าทำต่ออีกเลยเ้าค่ะหาไม่…”
นางอยากบอกว่าหาไม่แล้วหากฟืนแห้งติดไฟก็คงลุกไหม้ขึ้นมากับที่เป็แน่แต่นางกลับไม่ได้เอ่ยคำนี้และต้องหยุดเอ่ยไปเสียก่อน
หั่วอี้หยุดการกระทำที่เขาคิดจะทำต่อไป ข่มความร้อนรุ่มเต็มอกลงถอดถอนใจว่า “อยากทำกับท่านเสียที่นี่จริงๆ”
หลิ่วจิ้งได้ยินคำก็เขินหน้าแดงไปถึงใบหูไม่กล้ามองหั่วอี้อีกแม้สักหน
พวกของจ้าวเฉิงยังไม่ทันสร่างจากความตกตะลึงที่หั่วอี้ใช้วิชาตัวเบาเก็บดอกไม้ให้ฮูหยินต่อจากนั้นก็ยังมาเห็นความเร่าร้อนของหั่วอี้เสียอีกพวกเขาใจนหันม้าไปได้ก็หวดให้วิ่งจากไปทันทีเื่ที่พวกเขาต้องมาหนีไปอย่างลนลานด้วยเหตุผลไม่ธรรมดาเช่นนี้ วันหน้ายังคงถูกพี่น้องที่ร่วมเป็ร่วมตายกับพวกเขาเยาะเอาไปอีกนาน
_____________________________
