เย่เฟิงรอมาเกือบสิบนาทีแล้วหลงเสียนก็ยังไม่ออกมา แต่รถตำรวจสามคันมาถึงโรงแรมอย่างรวดเร็ว
“แปลก เ้านั่นหายไปไหนแล้ว หรือยังอยู่ในโรงแรม?” เย่เฟิงขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ และตัดสินใจไม่รออย่างคนโง่อีก
คิดดูแล้ว ตระกูลหลงไม่เป็สองรองใครในยุทธจักร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอำนาจในมือเลย ถึงหลงเสียนบังคับให้ผู้หญิงคนหนึ่งะโตึกแล้วถูกตำรวจจับ เขาก็สามารถหลุดคดีได้อย่างง่ายดาย เพียงโทรศัพท์สายเดียวเขาก็เป็อิสระแล้ว
ดังนั้นภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ทำไมเ้านั่นต้องหนีด้วย?
ชายหนุ่ม้ากำจัดหลงเสียนก็จริง แต่ก็ไม่คุ้มที่จะเสียเวลากับเศษสวะอย่างหมอนี่หรอก เขาไม่สามารถเข้าไปฆ่าคนในโรงแรมได้เพราะมันจะเกิดเื่ยุ่งยากตามมา
“ยังไงตอนนี้เื่ของท่านอาจารย์ก็สำคัญกว่า” หลังจากพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว เย่เฟิงก็เตรียมไปูเาที่พบซากสุสานโบราณตามแผนที่
เมื่อหันกลับไปก็เห็นว่าศพของหญิงสาวถูกนำขึ้นรถพยาบาลไปแล้ว และเ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายกำลังปิดล้อมจุดเกิดเหตุ ตำรวจอีกสองนายสอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์และแฟนหนุ่มของผู้ตายเพื่อบันทึกคดี
เย่เฟิงฟังสักพักก็สรุปได้ว่าเป็ฝีมือของไอ้หน้าอ่อนหลงเสียน
ตอนเช้าขณะชายหนุ่มและแฟนสาวออกจากโรงแรมก็พบหลงเสียนแล้วถูกอีกฝ่ายก่อกวนไม่หยุด รวมทั้งดูถูกแฟนสาวของตัวเอง เขาจึงพุ่งเข้าหาหลงเสียน แต่น่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝ่ายตรงข้าม เพียงไม่นานก็ถูกชายคนนั้นซ้อมจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
แฟนสาวของเขาทนดูไม่ได้จึงร้องไห้ขอความเมตตาจากหลงเสียน จากนั้นเธอก็ถูกเขาพาเข้าโรงแรม แฟนหนุ่มของเธอเห็นท่าไม่ดีก็รีบวิ่งตามไปด้วยร่างกายสะบักสะบอม แต่พอไปถึงก็สายเกินไปแล้ว ร่างไร้ิญญาของแฟนสาวอยู่ด้านล่าง ขณะที่หลงเสียนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
‘ไม่พบร่องรอยเหรอ?’ เย่เฟิงครุ่นคิดสักพัก สุดท้ายก็หันมองชายหนุ่มใบหน้าบวมช้ำ ถ้าได้เจอไอ้หน้าอ่อนนั่นอีกครั้ง ตนจะแก้แค้นให้เอง หลังสิ้นสุดความคิด ชายหนุ่มก็ะโออกมาสองก้าวแล้ววิ่งตรงไปทิศตะวันออก แต่เพียงครู่เดียวกลับถูกเ้าหน้าที่ตำรวจพบตัว
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” หนึ่งในเ้าหน้าที่ตำรวจะโสั่งทันที เขาคิดว่าผู้ชายสวมหน้ากากคนนี้ท่าทางน่าสงสัย!
แต่เย่เฟิงไม่สนใจอีกฝ่าย เขาใช้วิชาย่างก้าวไร้เงาเคลื่อนที่ไปสี่สิบเมตรในเวลาแค่หนึ่งวินาทีเท่านั้น ทิ้งไว้เพียงเงาเลือนรางตรงหน้าเ้าหน้าที่ตำรวจ พริบตาเดียวก็เข้าซอยเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกล
“หืม นี่ฉันตาฝาดไปเหรอเนี่ย?” เ้าหน้าที่ตำรวจสองนายมองถนนซึ่งไร้วี่แววคนด้วยความแปลกใจ หรือตอนกลางคืนนอนไม่พอจนเห็นภาพหลอน?
.............
ทางตะวันออกของเมืองหลินเจียงมีแม่น้ำกลางหุบเขาไหลยาวสุดลูกหูลูกตาตลอดจนป่าทึบอุดมสมบูรณ์ เย่เฟิงถือแผนที่แล้วพุ่งเข้าไปในนั้นทันที
ตอนอยู่ในโลกวรยุทธ์เขาไม่รู้เลยว่าตนใช้ชีวิตนอนกลางดินกินกลางทรายมานานแค่ไหนและเคยชินกับมันตั้งนานแล้ว หลังจากเข้าป่าและหุบเขา ชายหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนปลาได้น้ำ หากใจกลางเมืองใหญ่ไม่ถูกจำกัดและควบคุม คนทั้งหมดคงผ่อนคลายและมีความสุข
ขณะอยู่บนรถฮัมเมอร์เมื่อคืน เขาไม่ได้พักผ่อนเต็มที่เพราะคอยระวังจูไป่เหนี่ยว ถึงอย่างไรความอดทนของผู้ฝึกวิถีเซียนย่อมแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามาก แม้ชายหนุ่มจะฝึกฝนได้เพียงหนึ่งปีครึ่ง แต่การอดนอนสี่สิบแปดชั่วโมงก็ไม่เป็ปัญหา
เย่เฟิงวิ่งตามแผนที่ไปเรื่อยๆ เขาไม่เห็นแม้แต่เงาคน แต่ยังมีหมู่บ้านและลำธารบนูเาปรากฏตลอดทาง ทำให้ไม่ต้องกังวลเื่แหล่งน้ำ
แม้จะไม่สามารถใช้ย่างก้าวไร้เงาได้อย่างต่อเนื่อง แต่ความแข็งแกร่งของร่างกายเขาก็ดีกว่าคนทั่วไปมาก จึงวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ ผ่านไปทั้งวันเย่เฟิงผ่านหุบเขาและหมู่บ้านเล็กๆ นับไม่ถ้วน วิ่งได้ระยะไกลกว่าการวิ่งมาราธอน เข้าใกล้เขตอนุรักษ์ธรรมชาติูเาฉางไป๋ และภูมิประเทศสูงขึ้นเรื่อยๆ
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของูเาฉางไป๋ไม่ได้อยู่ที่นี่ สถานที่นี้อยู่นอกเส้นทางไม่สามารถเข้าถึงได้
“แผนที่นี้วาดค่อนข้างดีเลย ดูตามแผนที่ก็มาถึงบริเวณทางเข้าสุสานโบราณได้ในสองชั่วโมง” เย่เฟิงเอนกายบนต้นไม้เพื่อพักผ่อน ดื่มน้ำ และคำนวณระยะทางบนแผนที่ เขาให้เงินสิบล้านกับจูไป่เหนี่ยวไปแล้ว แม้อีกฝ่ายจะมีเื่ด่วนจนไม่สามารถนำทางไปสุสานโบราณได้ แต่เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่จำเป็ต้องโกหก
หลังจากหยุดพักกว่าสิบนาที เย่เฟิงก็รู้สึกว่าพลังฟื้นตัวเต็มที่แล้วจึงออกเดินทางอีกครั้ง แต่คราวนี้วิ่งไปได้ไม่ไกล ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากป่าข้างหน้า
“มีคนอยู่ที่นี่?” เย่เฟิงขมวดคิ้ว เริ่มไหวตัวแล้วรีบซ่อนหลังหินก้อนใหญ่ เขาได้ยินมาว่าเพราะหญ้าหลิงซีอะไรสักอย่างทำให้ระยะนี้มีคนในยุทธจักรหลายคนมาที่นี่ จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามโผล่ออกไป
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นหรือจูไป่เหนี่ยว ถ้าถูกอีกฝ่ายจัดการในความมืด เขาก็อาจหลบไม่ทันและตายได้ ดินแดนต้องห้ามนี้น่ากลัวไม่น้อยกว่าโลกวรยุทธ์เลย!
เสียงฝีเท้าสะเปะสะปะและเสียงหายใจหอบหนักดังขึ้น เย่เฟิงที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินชัดเจนว่ามีเพียงหนึ่งคนที่วิ่งมาและท่าทางเหมือนได้รับาเ็
“ใครอยู่ตรงนั้น?” น้ำเสียงระแวดระวังดังถึงหูของเย่เฟิงอย่างรวดเร็วจนทำให้เขาใ น้ำเสียงดุดันเกรี้ยวกราดนี้คือเสียงของจูไป่เหนี่ยวไม่ใช่เหรอ?
“โอ๊ะ? ที่แท้ก็จูไป่เหนี่ยวนี่เอง กำลังแย่เลยนี่” เย่เฟิงไม่ลืมว่าตัวเองกำลังสวมหน้ากากและไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาตอบกลับไปทั้งที่ยังซ่อนตัวหลังก้อนหิน
“นายเป็ใคร รู้จักฉันได้ยังไง” จูไป่เหนี่ยวชะงักฝีเท้า ดูเหมือนเขากำลังพักผ่อนบนต้นไม้ แต่เมื่อได้ยินเย่เฟิงเรียกชื่อตัวเองก็ยิ่งระวังตัว
“ผมเป็เพื่อนของเย่เฟิงและกำลังจะไปสุสานโบราณ เขาบอกผมว่าคุณเป็คนวาดแผนที่นี้ให้เขาใช่ไหม?” เย่เฟิงยกยิ้มแล้วพูดต่อ “ผมชื่อโม่จิ่วเกอ ทำไมคุณถึงตกที่นั่งลำบากแบบนี้...”
“นายคือคนสวมหน้ากากที่ฆ่าทานหลางเจี้ยนใช่ไหม?” เห็นได้ชัดว่าจูไป่เหนี่ยวเคยได้ยินชื่อ ‘โม่จิ่วเกอ’ เพียงพริบตาเดียวเขาก็ตื่นตัว
จากข่าวลือโม่จิ่วเกอผู้สวมหน้ากากเป็มือกระบี่ที่มีฝีมือน่ากลัวมาก! ไม่คิดเลยว่าทานหลางเจี้ยนนักดาบสุดโหดที่มีพลังลมปราณในระดับห้าปีจะถูกตัดหัวด้วยกระบี่ของเขา ทำให้ตระกูลหลงตกตะลึงและจัดให้เขาเป็ศัตรูตัวฉกาจ!
“ใช่ ผมเอง” เย่เฟิงตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ฮ่าๆๆ ์มีตาจริงๆ ให้จูไป่เหนี่ยวคนนี้ได้พบนายก่อนตาย แค่กๆ... แค่ก...” จูไป่เหนี่ยวหัวเราะร่วน แต่ก็ไอตามหลังทันที เห็นได้ชัดว่าเขาาเ็มาก
“ในเมื่อนายเป็เพื่อนของเย่เฟิง ดังนั้นนายก็เป็เพื่อนของจูไป่เหนี่ยวคนนี้ด้วย นี่คือต้นหญ้าหลิงซีที่ช่วยเลื่อนขั้นพลังลมปราณของนายมากกว่าสองปี ถ้านายช่วยฉันทำบางอย่างสำเร็จ ฉันจะมอบมันให้นาย ตอนนี้ฉันกำลังจะตายและมีชีวิตได้อีกไม่ถึงสองชั่วยาม...” เย่เฟิงใเมื่อได้ยิน
คิดไม่ถึงเลยว่า่เวลาเพียงสั้นๆ ที่ไม่ได้พบกัน จูไป่เหนี่ยวจะย่ำแย่ถึงขั้นนี้ ยุทธจักรนี้อันตรายมากจริงๆ หรือเพราะหญ้าหลิงซีถึงทำให้ได้รับาเ็สาหัสแบบนี้ นี่เขาถูกตามฆ่าเหรอ?
พลังลมปราณสองปีกว่าเลยนะ!
เย่เฟิงหวั่นไหวอย่างไม่ต้องสงสัย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้