แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิผู้นั้นสุดท้ายแล้วก็เหมือนกับเสอฮวาฮวา ยังไม่ทันที่จะกล่าวจบร่างของเขาก็ลอยค้างอยู่กลางอากาศไปแล้ว
ลำแสงสายหนึ่งที่พุ่งออกมาจากร่างของเสิ่นเสวียนทะลวงผ่านร่างของแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิผู้นั้น และหยุดนิ่งอยู่ห่างจากด้านหลังของอีกฝ่ายไปราวเก้าฉื่อ
กริชในมือของเขาก็คือกริชนิลนาคาของาามารตะวันตกนั่นเอง
เมื่อเห็นใบหน้าที่ยังเยาว์ ความเ็าและอำมหิตที่แสดงออกมาไม่สอดคล้องกับอายุของเขาเลย
เขาก็คือเสิ่นเลี่ยน อาจเป็เพราะจอมยุทธ์สังหาร ทำให้เขาในตอนนี้เปลี่ยนจากเด็กหนุ่มหน้าใส กลายเป็มือสังหารที่เืเย็นคนหนึ่งไปแล้ว
เขายืนอยู่กลางอากาศ โค้งกายเล็กน้อย กริชในมือถือซ่อนไว้ตรงซี่โครงซ้าย ยังมีเืหยดลงมาไม่หยุด
พลังโจมตีเดียวสังหารขั้นจักรพรรดิ
เขาทำสำเร็จแล้ว
เสิ่นเลี่ยนปรากฏตัวขึ้น ทำให้รู้สึกเหมือนมีะเิลูกใหญ่พุ่งเข้าใส่โลกแห่งนี้ จนทุกคนเวียนหัวไปหมด
โดยเฉพาะาามารทิศเหนือที่กำลังวิ่งเข้ามาต้องตกตะลึงยืนนิ่งอยู่กับที่
เขาเคยเจอเสิ่นเลี่ยนมาก่อน เสิ่นเลี่ยนเป็อัจฉริยะที่ไม่เลว แต่ก็แค่อัจฉริยะเท่านั้น
ั้แ่ที่เขาได้เจอเสิ่นเลี่ยนครั้งก่อนในแอ่งเถียนซือ เสิ่นเสวียนบังคับให้เสิ่นเลี่ยนฝึกฝนอยู่ในนั้น เขาในตอนนั้นอย่างมากก็มีพลังยุทธ์ถึงขั้นบรรพบุรุษ หลังจากนั้นแม้ได้เจอกันอีกหลายครั้งแต่พลังยุทธ์ก็ไม่ได้ต่างกันมากขนาดนี้
ทว่าพอได้เจอกันอีกในครั้งนี้ เสิ่นเลี่ยนกลับสังหารขั้นจักรพรรดิได้แล้ว!
ก่อนหน้านี้กับตอนนี้แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว
แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิยืนอยู่ที่เดิม หน้าผากแดงเล็กน้อย เสิ่นเสวียนเคยบอกเสิ่นเลี่ยนว่า การสังหารต้องโจมตีเข้าที่กลางหน้าผากจะรวดเร็วกว่าที่ลำคอ
การแทงทะลุลำคอ ด้วยพลังยุทธ์ขั้นจักรพรรดิแล้วอาจรวบรวมพลังเพื่อตอบโต้กลับได้หนึ่งครั้ง แต่ถ้าหากโจมตีเข้าไปที่หัวอีกฝ่ายจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้กลับ กริชนิลนาคาทะลุหัวของอีกฝ่ายทำให้ตายในชั่วพริบตา และด้วยความรวดเร็วจึงดูเหมือนไม่ได้รับาเ็ใดๆ เลย
“พี่เสวียน ข้าทำสำเร็จแล้ว!”
เสิ่นเลี่ยนหันกลับมาพลางหายใจหอบ ไอพลังทั่วทั้งร่างของเขาจางหายไปแล้ว สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนจากอำมหิตเป็ความดีใจ เหมือนเด็กคนหนึ่งที่กำลังมีความสุข
การโจมตีเมื่อครู่นี้เขารวบรวมพลังทั่วทั้งร่างกายมาไว้ในจุดเดียว จึงสามารถโจมตีได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในขณะเดียวกันพลังชีวิต ลมปราณ และจิติญญาของเขาถูกใช้ไปจนหมด ทำให้เสิ่นเลี่ยนที่กำลังดีใจเกิดอาการตาลอยและร่วงหล่นลงจากท้องฟ้าทันที
เสิ่นเสวียนเห็นดังนั้นก็พุ่งตัวเข้าหาเสิ่นเลี่ยนที่กำลังร่วงหล่นลงไปโดยไม่สนใจอาการาเ็ของตนเอง แล้วส่งเสิ่นเลี่ยนเข้าไปในมิติเพื่อฟื้นฟูพลัง
เสิ่นเลี่ยนปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และกลับเข้าไปในมิติอย่างรวดเร็วเช่นกัน ด้วยเหตุนี้บางคนจึงยังไม่ทันได้สังเกตเขามากนัก เขาก็หายตัวไปแล้ว
“ขั้นจักรพรรดิ! ถูกสังหารแล้ว!”
จี๋เล่อน้อยและซูเหยียนหยุดต่อสู้แล้วหันไปมองเสิ่นเสวียนก่อนกล่าวพึมพำ พวกเขาสองคนแสดงทักษะร่วมประสานจึงจะได้เปรียบขึ้นมาบ้าง แต่เสิ่นเสวียนที่เป็เพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งกลับทำได้เทียบเท่าพวกเขา
เมื่อไรกันที่อัจฉริยะไร้ค่าขนาดนี้ นึกจะปรากฏตัวก็ปรากฏตัวออกมา ทำให้ความรู้สึกเหนือกว่าของจี๋เล่อน้อยพลันจางหายไป
ที่กระดูกซี่โครงของเสิ่นเสวียนตอนนี้ยังคงโดนศาสตราวิเศษขั้นปฐีของแม่ทัพเทพผู้นั้นแทงอยู่ หลังจากพลังภายในนั้นสูญเสียการควบคุมไป รวมกับภายในร่างของเสิ่นเสวียนที่เริ่มปั่นป่วน ทำให้ชีพจรของเขาหยุดชะงัก พลังลดลงไปมาก
แม้ครั้งนี้เรียกได้ว่าชนะแล้ว แต่สิ่งที่ต้องเสียไปก็มากมายเช่นกัน
เสิ่นเสวียนาเ็หนัก หมดพลังต่อสู้ไปแล้ว ส่วนเสิ่นเลี่ยนต้องใช้เวลาอีกเป็สิบวันหรือกว่าครึ่งเดือนจึงจะฟื้นฟูพลังกลับมาได้
และในตอนนี้ยังเหลือแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิอยู่อีกสองคน และขั้นราชันระดับสูงสุดอีกมากกว่ายี่สิบคน
สถานการณ์ยังคงไม่สู้ดีนัก
แม้จะสามารถเอาชนะได้ แต่คงเป็ชัยชนะที่น่าสังเวชยิ่งนัก
ส่วนไม้ตายของเขา หุ่นเชิดทั้งสองคนเริ่มแห้งเหี่ยวไปแล้ว หุ่นเชิดที่เหลืออยู่ก็ยังไม่สมบูรณ์ ส่วนเสี่ยวเหยียนตอนนี้ยังอยู่ใน่พักฟื้น
ผังเมืองซานเหอสามารถเปิดออกได้แล้ว แต่เขาเพิ่งเลื่อนไปถึงขั้นหยวนก่อกำเนิด ยังมิอาจควบคุมได้ในหลายๆ อย่าง หากเปิดเผยความลับของผังเมืองซานเหอออกไปอาจตายเร็วขึ้นกว่าเดิมก็ได้
ฉึก!
เสิ่นเสวียนกระชากหอกเงินขั้นปฐีออกจากซี่โครงตนเอง เืสดๆ สาดกระเซ็นออกมา เขากดจุดลมปราณรอบๆ าแในทันทีเพื่อหยุดเื จากนั้นก็กินยาเรียกลมปราณเข้าไปอีกสองเม็ด ทำให้อาการาเ็ค่อยๆ ทุเลาลง
“หากรู้ก่อนคงไม่สู้กับพวกเ้าขนาดนี้หรอก”
เสิ่นเสวียนกล่าวพลางยิ้มแห้งๆ ครั้งนี้เขาเดิมพันไว้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
หลังจากเลื่อนไปถึงขั้นหยวนก่อกำเนิดแล้ว เขาอยากหาสถานที่ฝึกฝนที่ไร้ผู้คนสักหน่อยเพื่อให้พลังและร่างกายมั่นคง และจะได้ทำความคุ้นเคยกับผังเมืองซานเหอให้มากขึ้น แต่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก เพิ่งออกมายังไม่ได้ทำอะไรก็พาตนเองไปเสี่ยงเสียแล้ว
ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายยังไม่ปรากฏตัวออกมาแม้แต่เงา!
หากไม่มีอีกฝ่าย นับแต่ตอนนี้เป็ต้นไป เขาคงได้กำไรมหาศาล หอกเงินขั้นปฐีหนึ่งเล่ม ขณะเดียวกันยังมีร่างไร้ิญญาของขั้นจักรพรรดิที่สมบูรณ์แบบ หากสามารถสร้างเป็หุ่นเชิดได้สำเร็จ อานุภาพต้องแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มากเลยทีเดียว
หลังจากสังเกตหอกเงินขั้นปฐีอย่างละเอียดแล้วจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ อีกฝ่ายมีมาตรฐานที่สูงมาก ทำให้หอกเงินเล่มนี้เป็ศาสตราวิเศษขั้นปฐีที่ไม่เลวเลยทีเดียว
เสิ่นเสวียนเดินไปอยู่ข้างๆ แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิผู้นั้นแล้วทาบฝ่ามือลงบนบ่าของเขา อีกฝ่ายหมดลมหายใจไปนานแล้ว ปล่อยให้เขาตบฝ่ามือลงไปได้อย่างง่ายดาย
“พลังของเ้าไม่เลวเลยทีเดียว น่าเสียดายที่ติดตามผิดคน”
หลังจากนั้นคลื่นพลังมิติพลันปรากฏขึ้น แล้วเสิ่นเสวียนก็เก็บร่างนั้นเข้าไปในมิติ
ยังไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะสู้ต่อได้ไหม เก็บไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน และเขายังมีไม้ตายที่ไม่นับว่าเป็ไม้ตายอยู่อีกอย่างหนึ่ง
นั่นคือเสวียนหลิงเอ่อร์
นางเป็บุคคลที่ไม่ต้องกล่าวถึงเลยว่างดงามเพียงใด และยังมาจากโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรอีกด้วย ตามที่เสิ่นเสวียนคาดเดาไว้ เสวียนหลิงเอ่อร์อาจมาจากอาณาจักรเซียนด้วยซ้ำ และยังเป็ผู้มีเทวะคนหนึ่งในอาณาจักรเซียนอีกด้วย มีผู้ช่วยเช่นนี้อยู่ข้างกาย ทำให้เสิ่นเสวียนมั่นใจในระดับหนึ่ง
ที่เรียกว่าเทวะ คือมหาเซียนที่มีตำแหน่งสูงส่งในอาณาจักรเซียน อยู่ในระดับขั้นเดียวกับท่านเซียนหลัวเทียนเป็อย่างต่ำ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปจะเทียบเคียงได้
“คุยกันแล้วนะ อย่าคาดหวังกับข้า ข้าไม่มีทางลงมือเด็ดขาด และทำไม่ได้ด้วย หากเ้าตายไปข้าจะหาที่พึ่งใหม่”
เสวียนหลิงเอ่อร์เหมือนจะรู้ความคิดของเสิ่นเสวียน จึงเตือนเสิ่นเสวียนทันทีตอนที่เขากำลังจะคิดเช่นนี้
“เอ๋? ท่านอ่านความคิดของข้าได้หรือ”
เสิ่นเสวียนแปลกใจมาก ตอนนี้ตนเองอยู่ในขั้นหยวนก่อกำเนิดแล้ว อีกทั้งจิติญญายังไม่ได้ด้อยไปกว่าขั้นเปิดทวาร อีกฝ่ายอ่านความคิดของเขาได้อย่างไร
“ไม่ต้องสนใจข้า หากเ้าตายข้าจะหาที่พึ่งอื่นแทน ลาก่อน”
เสวียนหลิงเอ่อร์เม้มปากเล็กน้อยพลางปรายตามองเสิ่นเสี่ยวเม่ย แล้วร่างจิติญญาก็หายกลับเข้าไปในโลงศพสีแดง
เื่นี้ไม่เกี่ยวกับนาง ห้ามยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด
“พวกเราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมา ไม่จำเป็ต้องทำแบบนี้เลย!”
เสิ่นเสวียนเดาะลิ้น อดคิดถึงคำของอาจารย์ที่กล่าวกับเขาไว้เมื่อยังเด็กมากๆ ขึ้นมาไม่ได้
สตรียิ่งงดงามยิ่งอันตราย ยิ่งมิอาจกล่าวด้วยเหตุผลได้ อยู่ห่างได้ให้ห่าง ระวังได้ให้ระวัง
ดูเหมือนว่าอาจารย์ช่างมองการณ์ไกลยิ่งนัก
“สังหารคนของข้าแล้วยังคิดเก็บร่างไปอีกหรือ”
เสียงก่อนหน้านี้ดังขึ้นอีกครั้งในมิติ หลังจากสิ้นเสียง แม่ทัพเทพทั้งหมดที่กำลังต่อสู้อยู่พากันเหาะออกไปจากลานต่อสู้นี้ทันที
กระทั่งถอยไปอยู่กลางอากาศแล้วจึงยืนรวมตัวกันเป็กองกำลัง
หลังจากสู้กันไปแล้ว กลุ่มแม่ทัพเทพยังเหลือขั้นจักรพรรดิอยู่อีกสองคน และขั้นราชันระดับสูงสุดอีกสิบแปดคน
แม้จะได้รับความเสียหายไปเกือบครึ่ง แต่พลังยังคงแข็งแกร่งมากอยู่ดี
และหลังจากที่แม่ทัพเทพเ่าั้ตั้งกองกำลังเรียบร้อยแล้ว บนก้อนเมฆเบื้องหน้าพวกเขาพลันมีคลื่นพลังมิติสั่นะเืบิดเบี้ยว แล้วบัลลังก์สีม่วงนั้นก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา
ชายชราชุดม่วงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนบัลลังก์สีม่วงนั้น
ทันทีที่บัลลังก์ปรากฏขึ้น แม่ทัพเทพที่อยู่รอบๆ โดนบดบังไปทันที จุดสนใจทั้งหมดไปรวมอยู่ที่ร่างของชายชราชุดม่วงแล้ว
“ผู้ศักดิ์สิทธิ์!”
เริ่นเสี้ยวเทียนที่อยู่ด้านล่างส่งเสียงออกมาด้วยความใ