คฤหาสน์ มิยาชิตะ
15:30น.
ต้นฝน ซาโยโกะจัง...
พรึบ ตุ๊บ ตั๊บ
“หึ!” ฉันหัวเราะขึ้นหลังจากที่จัดการล้มบอดี้การ์ดคนที่สิบของพ่อได้สำเร็จ
“เหอะนี่น่ะเหรอบอดี้การ์ดของท่านนายกรัฐมนตรี!” ฉันพูดขึ้นอย่างนึกสมเพชและเริ่มมองหาทางออกและก็พบกับประตูบานเหล็กข้างรั้วอันใหญ่ ฉันยิ้มขึ้นมาอย่างมีความหวัง ถ้าฉันออกไปจากบ้านหลังนี้ได้ชีวิตของฉันก็จะกลับไปเป็เหมือนเดิม!
“เห้ย! คุณหนูจะหนีแล้ว!!” เสียงของลูกน้องคุณพ่อเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังฉัน ฉันหันไปด้วยความใและรีบวิ่งใส่เกียร์หมาไปยังประตูเหล็กดัดบานนั้นแต่เมื่อไปถึง
แกร๊ก ตึงงๆๆๆๆ
“ประตูล็อค!!” ฉันพูดขึ้นอย่างหัวเสียและเริ่มมองหาหนทางอื่นแต่แล้วเมื่อรู้ตัวอีกทีก็รู้ว่าร่างของฉันโดนโอบล้อมไปด้วยชายชุดดำนับร้อยคนซะแล้วสิ
“หมดเวลาเล่นสนุกแล้วค่ะคุณหนู” มาม่าซังเดินออกมาจากกลุ่มชายชุดดำมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันด้วยสีหน้าเป็เชิงดุๆ ฉันจึงเบะปากใส่ท่านและเดินไปกอดแขนท่านอย่างออดอ้อน
“คริๆๆ ^_^” ฉันแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อนมาม่าซังก็ส่ายศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจในตัวฉันที่ดื้อรั้นแต่ทำไงได้ล่ะก็ฉันไม่อยากอยู่ที่นี้นี่หน่า
“ไปอาบนำ้แต่งตัวได้แล้วค่ะ เดี๋ยวคุณท่านจะกิ้วเอานะคะ”
“ค่ะ” ฉันจำใจตอบมาม่าซังไปและจำใจต้องเดินคอตกกลับขึ้นคฤหาสน์ไป
“จะกลัวอะไรเดินตามคุณหนูไปสิ!” มาม่าซังเอ่ยสั่งชาบชุดดำที่โดนฉันกระทืบไปด้วยน้ำเสียงดุๆ ฉันจึงหันไปกรีดรอยยิ้มให้คนพวกนั้นที่ทำสีหน้าหวาดกลัวฉัน ฉันจึงทำท่าบิดคอไปมาด้วยความเมื่อยล้า นี่แค่หยอกนิดๆ หน่อยๆ เองนะ
“คืนนี้เขาจะพาหนูไปไหนอีกคะมาม่าซัง?” ฉันเอ่ยถามมาม่าซังไปในขณะที่นั่งอยู่ในอ่างอาบนำ้กลางแจ้งขนาดใหญ่บรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยต้นไม้สวยงาม
“งานเลี้ยงแต่งตั้งท่านมิซานเป็ท่านนายกรัฐมนตรีค่ะ เพราะท่านมิซานเพิ่งจะได้รับการเลือกตั้งจากชาวเมืองเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมาและท่านยังต้องเดินทางไปขอบคุณชาวเมืองอีกด้วยนะคะ” มาม่าซังตอบออกมาพร้อมกับสายตาชื่นชมเมื่อพูดถึงคุณพ่อของฉัน ใช่แต่ฉันไม่นับเขาเป็พ่อหรอกนะ พ่ออะไรทิ้งลูกทิ้งเมียเพื่อหนีไปหาความสุขสบายคนเดียว ปล่อยให้ฉันกับแม่ต้องทนลำบากมากันสองคน อดมื้อกินมื้อแถมฉันยังเกือบจะโดนแฟนใหม่แม่ข่มขืนอีกนะ แต่ที่น่าจะเ็ปที่สุดคือแม่ของฉันไม่เชื่อฉันว่าไอ้เลวนั้นมันคิดจะทำระยำกับฉัน ฉันโดนแม่ทั้งตบทั้งตีหาว่าฉันไปใส่ร้ายสามีของเขา พูดมาตั้งเยอะ ยังไม่ได้แนะนำตัวเลยเนอะ
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อต้นฝน ชื่อจริงนางสาวหฤทัยนาศ พิมพ์ฤชัย ส่วนชื่อญี่ปุ่นไม่ต้องแนะนำนะ เพราะฉันไม่ชอบและฉันก็ไม่อยากมีสัญชาติเป็คนญี่ปุ่นด้วย ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบประเทศนี้ แต่ฉันแค่ไม่ชอบพ่อของฉัน ผู้ชายแบบนี้นะเหรอที่จะมาปกครองประเทศ ผู้ชายที่ทิ้งลูกทิ้งเมียเพื่อหนีมาสบายคนเดียว หึ! และฉันก็เพิ่งจะมาอยู่ที่นี้ได้ไม่ถึงอาทิตย์แต่ทุกวันฉันก็จะหาทางหนีทุกครั้งที่มีโอกาส และที่ฉันเตะต่อยเก่งเพราะฉันทำงานอยู่ที่ค่ายมวยและเป็นักชกหญิงมือเอกเลยนะ ฉันก็ลงชกหลายเวทีแล้วด้วย และที่สำคัญฉันชนะได้ที่หนึ่งเสมอมาเลยยังไงล่ะ
“ลูกของพ่อวันนี้สวยสง่าไม่มีที่ติ ลูกสวยเหมือนแม่ของลูกจริงๆ ^_^” ท่านมิซานเอ่ยชมฉันในขณะที่เราสองนั่งอยู่บนรถลีมูนซีนสีขาวสุดหรูกำลังจะเดินทางไปยังงานเลี้ยงที่จัดไว้ต้อนรับท่านนายกรัฐมนตรี ฉันก็เบนหน้าจากวิวนอกหน้าต่างมองตรงไปยังเบื้องหน้าและใช้หางตามองไปที่ท่านมิซานที่วันนี้เขาแต่งตัวด้วยชุดสูทสีน้ำเงินพร้อมกับสวมเสื้อกั๊กที่สแกนคำว่ารักท่านมิซานเพื่อเอาใจชาวเมืองหึ! ผู้ชายสองหน้า
“อ๋อเหรอคะ” ฉันตอบไปอย่างไร้หางเสียงและนำ้เสียงห้วนๆ ท่านมิซานก็เงียบลงใบหน้าถอดสีแต่ท่านก็ยังคงยิ้มอบอุ่นมาให้ฉัน
“พ่อดีใจนะที่เราได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ตอนนี้ลูกของพ่อโตเป็สาวแล้วคงไม่กลัวความมืดแล้วสินะ?”
“ไม่ใช่ว่าไม่กลัวหรอกคะ แต่มันชินมากกว่า” ฉันตอบเขาไปพร้อมกับยกแขนขึ้นมากอดอก เมื่อนึกถึงความลำบากที่ฉันกับแม่เจอ แม่ฉันจะกลับบ้านดึกๆ ทุกวันเพราะท่านไปเล่นการพนันที่บ่อนเถื่อนแถวบ้านและจะกลับมาพร้อมกับอาการมึนเมาจากแอลกอฮอล์ทุกวัน
“ลูกคงจะลำบากมากสินะ”
“หึ! อย่าใช้คำว่าลำบากเลยค่ะ เพราะมันเกินจะบรรยายมาเป็คำพูดได้!”
“พ่อขอโทษ”
“หยุดพูดขอโทษสักทีเถอะค่ะ เพราะว่ายังไงฉันก็ไม่มีวันยกโทษให้ผู้ชายที่ทิ้งลูกกับเมียไป!”
“โยโกะ” เสียงของท่านมิซานเอ่ยเรียกฉันด้วยนำ้เสียงแ่เบา ฉันถอนหายใจและหยิบหูฟังไร้สายขึ้นมาสวมหูทั้งสองข้างพร้อมกับหลับตาลงเพื่อทำให้เขารู้ว่าฉันไม่อยากพูดคุยกับเขา ฉันไม่มีทางยกโทษให้เขาแน่นอน และฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไปรับฉันมาอยู่ที่นี้กับเขาทั้งๆ ที่เขาหายไปเป็สิบๆ ปี วันนี้ฉันอยู่ในชุดราตรียาวสีทองอร่ามที่เป็เกาะอกโชว์เนื้อเนินอกสีขาวอวบของฉันและกระโปรงยาวถึงข้อเท้าและสวมรองเท้าส้นสูงที่ทองปล่อยผมที่ยาวสลวยของตัวเองไว้ปิดแผ่นหลังขาวเนียนของตัวเอง
“ถึงแล้วลูก” เสียงเรียกและเเรงสะกิดเบาๆ ที่ต้นแขนฉันทำให้ฉันลืมตาขึ้นมาและตวัดสายตามองไปที่เ้าของมือและเ้าของเสียงทีเรียกฉัน
“ลงไปกันเถอะลูก^_^” ท่านมิซานเอ่ยบอกฉัน ฉันก็ขยับตัวนั่งตัวตรงและมองออกไปข้างนอกก็พบกับบรรดานักข่าวนับร้อยคนและชาวเมืองที่อีกนับพันมารอต้อนรับท่านนายกรัฐมนตรี
“ฉันต้องทำยังไงบ้างคะ?”
“แค่ลูกไม่คิดหนีก็พอ^_^” ท่านมิซานเอ่ยขึ้นเป็เชิงขอร้องฉันไปในตัว
“จะหนีได้ไงเงินติดตัวสักบาทยังไม่มี” ฉันพูดเสร็จก็เปิดประตูลงจากรถสุดหรูราคาหลายล้านลงอย่างไวโดยไม่ได้สนใจคนในรถว่าเขาจะรู้สึกยังไงกับการกระทำและคำพูดที่เฉยชาของฉัน ใจลึกๆ ฉันก็รู้สึกไม่ดีแต่พอนึกถึงการกระทำที่เขาทำกับแม่กับฉันแล้ว ฉันให้อภัยเขาไม่ลงจริงๆ
พรึบๆๆๆๆๆๆ
“ลูกสาวของท่านนายกรัฐมนตรีหรือคะเนี่ย สวยสง่าจริงๆ ค่ะ^_^”
“สวยมากเลยนะ^_^”
“เธอไปเป็ดาราได้สบายๆ เลยนะเนี่ย^_^” เสียงเอ่ยชมฉันดังกึกก้องไปทั่วหน้างานพร้อมกับเสียงร้องต้อนรับท่านนายกด้วยความดีใจของชาวเมืองนี้ ฉันจึงก้มหน้าลงเพื่อหลบแสงแฟลชจากกล้องราคาแพงที่พากันรุมถ่ายรูปฉัน
“สวัสดีครับทุกๆ ท่าน” เมื่อท่านมิซานเดินลงมาจากรถแล้วเขาก็ก้มหัวพร้อมกับเอ่ยคำทักทายชาวเมืองเป็ภาษาญี่ปุ่นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ฉันจึงโค้งตัวทำตามท่านมิซานและเขาก็เดินนำหน้าฉันเข้าไปในงานโดยมีฉันเดินตามหลังท่านไปอย่างเงียบๆ โดยตลอดทางจะได้ยินเสียงปรบมือและเสียงโห่ชัยโยของชาวเมืองนับพันที่ยืนและนั่งรอตามจุดเดินพรมแดงเหมือนฉันเป็ดาราจริงๆ เลยนะเนี่ย มีการเดินพรมแดงด้วย น่าขำสิ้นดี
“ท่านมิซาน มิยาชิตะ ยินดีต้อนรับสู่การเมือง” เสียงทักทายที่ฟังดูไม่ค่อยเป็มิตรเท่าไหร่เอ่ยทักท่านมิซานในขณะที่เขาเดินเข้ามาภายในตัวอาคารแล้ว
“ขอบคุณท่านโมโมจิ ที่ให้การต้อนรับผมในครั้งนี้^_^” ท่านมิซานเอ่ยด้วยนำ้เสียงเป็มิตรและโค้งตัวให้กับชายวัยกลางคนรุ่นราวคราวเดียวกันกับท่านมิซาน
“นี่คุณอาโมโมจิ ส่วนนี่ลูกสาวคนเดียวของผมครับ ซาโยโกะ” ท่านมิซานเอ่ยแนะนำฉันให้ท่านโมโมจิได้รู้จักและเขาก็แนะนำท่านโมโมจิให้ฉันได้รู้จักเช่นกัน ฉันก็โค้งตัวให้ความเคารพท่านโมโมจิอย่างนอบน้อม
“ท่านมิซานท่านโมโมจิ^_^” เสียงของคนมาใหม่เอ่ยขึ้นด้วยนำ้เสียงร่าเริงแจ่มใส ทั้งสองท่านก็ต่างพากันมองไปยังผู้มาเยือนใหม่ก็พบกับชายวัยกลางคนอีกสองคนที่เดินคู่มาพร้อมกันทั้งสองแต่งตัวคล้ายกันเหมือนคู่แฝด ทั้งคู่มองหน้าเกรงขามและน่าเกรงกลัวเพราะข้างหลังของพวกเขามีบอดี้การ์ดนับสิบคนเดินตามหลังพวกเขามา
“ท่านเคนโด้ ท่านซาโอะสองตระกูลผู้ยิ่งใหญ่^_^” อาโมโมจิเอ่ยทักทายผู้ชายสองคนนั้นพร้อมกับเดินเข้าไปหาพวกเขา โดยมีคุณพ่อของฉันที่เดินตามหลังอาโมโมจิไปด้วย
“สวัสดีท่านทั้งสอง เป็เกียรติอย่างมากที่พวกท่านมาให้ความต้อนรับผม^_^” ท่านมิซานโค้งตัวให้ทั้งสองท่านอย่างดีใจ ฉันจึงต้องโค้งตัวให้ท่านทั้งสองตามที่ท่านมิซานทำ
“นี่คงเป็หนูซาโยโกะจัง?” ท่านหนึ่งในคนที่แต่งตัวฝาแฝดเอ่ยพร้อมกับผายมือมาที่ฉัน
“อ๋อใช่ครับท่าน” ท่านมิซานหันมายิ้มให้ฉันพร้อมกับตอบคนนั้นไป
“ตอนนั้นเจอยังเล็กอยู่เลย พอเจออีกทีโตเป็สาวสวยซะแล้ว^_^”
“ขอบคุณครับท่านซาโอะ”
“เดี๋ยวอาจะแนะนำลูกชายอาให้หนูโยโกะได้รู้จักนะ”
“ไม่ดี” ฉันกำลังจะตอบปฏิเสธท่านซาโอะไปแต่ก็ไม่ทันเพราะเขาหันหลังไปมองหาใครสักคนแล้ว
“ไหนซาโนะ?” ท่านซาโอะหันไปถามชายชุดดำที่ยืนกุมมือทั้งสองไว้ด้านหน้าด้วยความเรียบร้อย
“ไปคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอกครับนายใหญ่เดี๋ยวนายน้อยคงจะตามเข้ามา” ชายชุดดำตอบท่านซาโอะไป ฉันเมื่อได้ฟังแบบนั้นก็แอบถอนหายใจออกมา เพราะฉันไม่ชอบการจับคู่ของผู้ใหญ่เป็ที่สุด มันโบราณคร่ำครึเกิน
“งั้นเดี๋ยวไว้ค่อยไปแนะนำที่โต๊ะทานอาหารก็ได้เนอะ” ท่านซาโอะหันมาบอกฉันกับท่านมิซาน ท่านมิซานก็หันมายิ้มให้ฉัน ฉันจึงต้องจำใจยิ้มให้เขาไปเพราะเดี๋ยวเขาจะหาว่าฉันไม่ทำตัวดีๆ
“เชิญข้างในดีกว่าครับท่านเคนโด้ท่านซาโอะ” ท่านมิซานเอ่ยชักชวนท่านทั้งสองด้วยความเคารพท่านทั้งสองก็มองหน้ากันและหันมาพยักหน้าให้ท่านมิซานและออกตัวเดินนำหน้าท่านมิซานไปโดนมีชายชุดดำเดินประกบข้าง
“ช้าอีกแล้วนะคะริว!” เสียงหวานที่พยายามจะทำให้เสียงของตัวเองดูแข็งแกร่งเอ่ยขึ้นด้วยความรีบร้อน ฉันจึงหันกลับไปมองยังประตูหน้างานก็พบกับชายหญิงคู่หนึ่งที่ทั้งสองมีหน้าตาที่สง่างาม ผู้หญิงก็สวยราวกับนางฟ้าส่วนผู้ชายก็หล่อปานเทพบุตร พวกเขาทั้งคู่ดูเหมาะสมกันเหลือเกิน
“กูขอโทษ!” ผู้ชายหน้าหล่อที่โอบเอวผู้หญิงเอ่ยขึ้นถึงนำ้เสียงเขาจะดูแข็งกร้าวแต่หน้าตาเขาออดอ้อนมาก ฉันจึงเผลอยิ้มออกมากับท่าทางที่น่ารักของทั้งคู่ แต่เอ๊ะ? เมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นเขาพูดกูเหรอ? ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ผู้ชายพูดมึงกูกับผู้หญิง
“อ้าวแล้วนี่คุณพ่อหายไปไหนกันแล้ว?”
“ด้านในครับคุณปลายฟ้าคุณริว”
“เห็นไหมกูบอกมึงแล้วว่าพวกเขาไม่รอมึงหรอก” ผู้ชายหน้าหล่อหันไปบอกผู้หญิงหน้าสวยและท่าทางอ่อนหวานคนนั้น เธอก็หันมามองค้อนใส่ผู้ชายของเธอ
“โยโกะ” เสียงเรียกของท่านมิซานเอ่ยเรียกฉันทำให้ฉันสะดุ้งและหันกลับไปมองท่านมิซานที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉัน
“ไม่เข้าไปข้างไหนเหรอลูก?”
“พอดีอยากเข้าห้องน้ำ ขอไปเข้าห้องนำ้ก่อนนะ”
“ไม่หนีหรอก ไม่มีตังสักบาท!” ฉันบอกท่านมิซานไปพลางทำสีหน้าเบื่อหน่ายเพราะเขาคงไม่เชื่อใจฉันว่าฉันจะไม่หนีเขา
“ก็ได้ลูก งั้นพ่อไปรอที่โต๊ะนะ”
“อืม” ฉันพยักหน้าตอบท่านมิซานไปและรีบเดินไปยังห้องนำ้ที่อยู่ฝั่งซ้ายของประตูทางเข้างานเมื่อพ้นสายตาท่านมิซานแล้ว ฉันก็รีบเดินออกไปยังประตูทางออกทันที
“กูบอกให้มึงพาตัวมินตรามาให้กูแล้วนี่มึงทำอะไร ปล่อยให้คนอื่นมาตัดหน้าแย่งเธอไปจากกู!!!” เสียงหงุดหงิดของผู้ชายดังขึ้นเป็ภาษาญี่ปุ่น ทำให้ฉันหยุดชะงักฝีเท้าลงอย่างไวและมองไปที่เงามืดนั้นก็พบกับร่างของผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในมุมมืด และแวบหนึ่งฉันก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาได้ หึๆๆ ฉันจะได้กลับบ้านแล้ว ประเทศไทยจ๋ารอต้นฝนก่อนนะจ๊ะ^^