ต้วนเหลยถิงพยักหน้าเห็นด้วย “พวกเขาระมัดระวังตัวมาก เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ ภายในถ้ำตรงสันเขาแห่งนั้นมีเส้นทางหลายทาง หากมีความเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้น พวกเขาก็สามารถหลบหนีผ่านทางออกอื่นได้อย่างรวดเร็ว”
“อืม” เคอโยวหรานโยนเปลือกแตงโมลงถังขยะภายในมิติวิเศษแล้วเอ่ยต่อไปว่า
“หากวางยาพิษตรงนี้ ไม่ว่าจะใช้สายลมหรือสายน้ำล้วนต้องใช้พิษเป็จำนวนมาก นอกจากนี้หลังวางยาพิษอาจถูกลมพัดกระจายหายไป หรืออาจถูกกระแสน้ำซัดหาย โดยพื้นฐานแล้วไม่เกิดผลมากนัก
หากลอบเข้าไปในห้องครัวอย่างเงียบเชียบแล้ววางยาสลบพวกเขาสักเล็กน้อย จะเป็อย่างไรเ้าคะ?”
ต้วนเหลยถิงรองท้ายทอยด้วยมือข้างเดียว เอนกายพิงลงบนต้นไม้ กินแตงโมภายในมือพลางส่ายหน้า
“ประการแรก พวกเราไม่รู้ว่าคนทั้งหมดอาศัยอยู่ที่นี่หรือไม่ หากมีคนสองคนลาดตระเวนอยู่ข้างนอก เมื่อพบความผิดปกติแล้วไปรายงาน เช่นนั้นพวกเราคงแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียแล้ว
ประการที่สอง ไม่รู้ว่าท่ามกลางคนหลายหมื่นนี้ จะมีคนที่รู้วิชาพิษหรือไม่ เ้าเพิ่งจะเรียนวิชาหมอกับวิชาพิษได้ไม่นาน หากบังเอิญพบยอดฝีมือสักคนสองคนจะทำเช่นไร? การจะใช้พิษยังต้องมีการวางแผนระยะยาว”
เอาเถิด สู้สองต่อหลายหมื่น หากไม่ใช้พิษ แค่สู้แบบเวียนเทียนก็ทำให้ตนกับต้วนเหลยถิงเหนื่อยตายได้แล้ว
เคอโยวหรานขมวดคิ้วถามว่า “ซานหลาง ชายชุดดำสวมผ้าคลุมไล่ฆ่าพวกท่านมาตลอดทาง อีกทั้งเ้านายที่อยู่เื้ัของพวกเขายังซ่องสุมกองกำลัง คนผู้นั้นคิดจะก่อฏหรือเ้าคะ? ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าศัตรูของท่านคือผู้ใด?”
ต้วนเหลยถิงถอนหายใจ “โยวหราน มิใช่ว่าข้าไม่อยากบอกเ้าว่าศัตรูของข้าคือผู้ใด แต่คนเหล่านี้ทำเพียงหลบอยู่ข้างหลัง มีหลายสิ่งที่ข้าแค่คาดเดาเท่านั้น ไม่มีหลักฐานยืนยันจริงๆ
ส่วนพวกเขาคิดจะก่อฏหรือไม่ เื่นี้ก็มิอาจบอกได้ ยังต้องเฝ้ารอดูสถานการณ์ถึงจะรู้
แต่สิ่งที่ข้าบอกเ้าได้ก็คือ เมื่อดูจากเื่ราวต่างๆ ก่อนหน้านี้ ผู้ที่้ากำจัดพวกเราไม่ได้มีเพียงผู้เดียว อีกทั้งอำนาจของพวกเขายังยิ่งใหญ่อย่างมิอาจประเมินค่าให้ต่ำต้อย”
เคอโยวหรานพยักหน้า กะพริบดวงตากลมโตเป็ประกายก่อนจะจมดิ่งสู่ห้วงความคิดของตน
เมื่อคิดเช่นนี้ ทางฝั่งของนางกับต้วนเหลยถิงจำต้องเร่งฝีเท้า สร้างอำนาจของพวกนางให้แข็งแกร่งจึงจะเป็การดี
มิเช่นนั้น ทันทีที่ศัตรูพบร่องรอยของสกุลต้วน สิ่งที่ทางฝั่งของตนต้องเผชิญคงจะเป็แดนนรกไร้จุดสิ้นสุดจริงๆ เสียแล้ว
โชคดีที่เมื่อก่อนนอกจากต้วนเหลยถิงที่แปลงโฉมออกจากหมู่บ้าน คนอื่นๆ ล้วนแต่อยู่ในเรือนอย่างสงบเสงี่ยม ลดความเสี่ยงที่จะถูกเปิดโปงไปได้ไม่น้อย
เคอโยวหรานคิดเช่นนี้ แต่กลับไม่รู้แม้แต่นิดว่าภายในเรือนมีะเิเวลาที่สามารถะเิออกได้ทุกเมื่ออยู่ลูกหนึ่ง
หยวนซื่อในยามนี้ ไม่ว่าจะมองผู้ใดล้วนไม่ต่างกับมองศัตรู อิจฉาริษยาเสียจนสติสัมปชัญญะแทบจะถูกกลืนกินจนมิดเสียแล้ว
ไม่เอ่ยถึงเื่ของหยวนซื่อเป็การชั่วคราว เมื่อดูจากสถานการณ์ตรงหน้า พวกเคอโยวหรานได้เพียงทำตามแผนการเบื้องต้นเสียก่อน รอกระทั่งฟ้ามืดแล้วค่อยเคลื่อนไหว
ทว่าขณะกำลังคิดเช่นนี้ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำกิ่งไม้หักดังมาแต่ไกล
เคอโยวหรานตื่นตัวทันใด พลันโบกมือเก็บแตงโม เมล็ดแตงโม และเปลือกแตงโมทั้งหมดใส่ถังขยะภายในมิติวิเศษ
ท่อนแขนยาวของต้วนเหลยถิงโอบเคอโยวหรานเข้าสู่อ้อมแขน ปลายเท้าออกแรงแตะเขย่งทะยานกายขึ้นไปบนยอดไม้แล้วหลบซ่อนอยู่ท่ามกลางใบไม้แน่นขนัด
พวกเขาเพิ่งจะซ่อนตัวเสร็จ พลันมีบุรุษสองคนเดินมาแต่ไกล หนึ่งในนั้นก็คือชายชุดดำสวมผ้าคลุมที่พวกเคอโยวหรานไล่ตามมาตลอดทาง
ชายอีกผู้หนึ่งมีใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า คิ้วหนาั์ตาดำขลับ ร่างกายสูงใหญ่กำยำ บนไหล่ยังแบกขวานขนาดใหญ่ยิ่งนักไว้ด้ามหนึ่ง
คนทั้งสองเดินมายังใต้ต้นไม้ที่พวกเคอโยวหรานอยู่ สายตาสอดส่องรอบข้างอย่างระแวดระวัง เมื่อพบว่าไม่มีความผิดปกติใด ชายชุดดำสวมผ้าคลุมก็ปริปากเอ่ยว่า
“พั่วหุน เสบียงที่ส่งมาวันนี้พวกเ้าจะต้องหยัดยืนให้ถึงครึ่งปี หลังการเก็บเกี่ยว่ฤดูใบไม้ร่วงจึงจะมีเสบียงมากพอ คงต้องยกหน้าที่ปลอบประโลมจิตใจผู้ใต้บังคับบัญชาเ่าั้ให้เ้าแล้ว”
สายตาของพั่วหุนพลันฉายแววดุดัน ฟันขวานลงบนดินจนมิดด้ามไปสามส่วน จากนั้นคว้าคอเสื้อของชายชุดดำสวมผ้าคลุมทันใด
“บิดาเ้าเถิดอั้นจิ่ว [1] ข้าจะบอกเ้าเอาไว้ สหายเ่าั้ของข้าล้วนแต่ร่วมเป็ร่วมตายมากับข้า ประคับประคองกันก้าวเดินมาตลอดทาง
ยามนั้นเป็โจรปล้นสะดมผู้คนอยู่บนเขา ไม่ว่าจะใช้ชีวิตลำบากยากเข็ญเพียงใดก็ไม่เคยกินไม่อิ่มท้องเช่นตอนนี้
ยามนี้เ้าคิดจะใช้เสบียงเพียงน้อยนิดนี้ให้พวกข้าพอมีลมหายใจไม่ต้องหิวตายก็สิ้นเื่แล้วงั้นหรือ?
จวนจะสองปีแล้ว แท้จริงแล้วเ้าจะให้พวกข้าทำสิ่งใด? เมื่อใดจะรีบเอายาถอนพิษให้พวกข้า? ผู้อยู่เื้ัของเ้าคือผู้ใดกันแน่...”
อั้นจิ่วแกะมือของพั่วหุนออก หัวเราะเสียงต่ำก่อนเอ่ย “สิ่งที่ไม่ควรถามก็อย่าได้ถาม หากยังอยากมีชีวิตก็จงเชื่อฟัง ข้าจะส่งยาถอนพิษมาให้พวกเ้าทุกๆ สามเดือน
หากอยากตาย ข้าก็ไม่ขวางพวกเ้า ขอเพียงไม่มียาถอนพิษ ไม่เกินครึ่งปี พวกเ้าก็จะต้องลำไส้ทะลุเน่าเปื่อยจนตาย
แน่นอนว่าหากพวกเ้าเชื่อฟัง เมื่อถึงยามจำเป็ต้องใช้งานพวกเ้า ข้าย่อมบอกพวกเ้าเอง
หากในบรรดาพวกเ้ามีคนกล้าไม่เชื่อฟังแล้วหนีออกไป เช่นนั้นทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็จงเฝ้ารอการไร้ยาถอนพิษเสียเถิด ฮ่าๆๆ...ฮ่าๆๆ...”
เคอโยวหรานกับต้วนเหลยถิงที่อยู่บนต้นไม้หันมาสบตากัน ต่างฝ่ายต่างเห็นว่าภายในดวงตาของกันและกันมีประกายวูบผ่าน
ใต้ต้นไม้ พั่วหุนถอยหลังไปหนึ่งก้าวพลางจดจ้องอั้นจิ่วไม่วางตา กำปั้นทั้งสองกำเข้าหากันจนเกิดเป็เสียงดังกร๊อบ พยายามกดข่มเพลิงโทสะดั่งขุนเขาที่เกือบจะะเิเอาไว้ จากนั้นถามด้วยน้ำเสียงเจือความวิงวอนว่า
“ในเมื่อพวกข้ามิอาจออกไป เช่นนั้นสามารถรับคนในครอบครัวของพวกข้ามาที่นี่ได้หรือไม่? อย่างน้อยก็ให้พวกข้าได้รู้ว่าสถานการณ์ของภรรยาและบุตรเป็อย่างไรบ้าง?”
อั้นจิ่วยกยิ้มอันธพาล เอ่ยโดยไม่เกรงใจ “หากอยากรู้สถานการณ์ครอบครัวของพวกเ้าก็จงฝึกฝนอยู่ที่นี่ให้ดี รอจนกระทั่งนายท่านมีคำสั่งให้ออกไป ย่อมต้องได้พบหน้ากันเอง”
พั่วหุนมิอาจข่มเพลิงโทสะในอกได้อีกต่อไป พลันทุบหนึ่งหมัดลงบนต้นไม้ใหญ่ข้างกาย
ในขณะที่ต้นไม้จวนจะโค่นลงมา ต้วนเหลยถิงได้โอบเคอโยวหรานทะยานกายขึ้นบนอากาศ
อั้นจิ่วกับพั่วหุนที่อยู่ใต้ต้นไม้พากันเงยหน้าขึ้น พบเพียงสตรีที่งดงามดั่งเทพเซียนในอ้อมแขนของบุรุษสะบัดชายแขนเสื้อส่งเข็มเล็กหนึ่งแถวออกมา
คนทั้งสองรวบรวมกำลังภายในยกมือขึ้นกำบัง แต่เพราะช้าไปหนึ่งจังหวะ จึงยังคงมีเข็มเล็กจำนวนไม่น้อยทิ่มแทงเข้าไปในกาย ทันใดนั้นก็ละลายกลายเป็น้ำไหลเวียนไปทั่วเส้นลมปราณทั้งหมดของพวกเขา
ชายชุดดำสวมผ้าคลุมลอบเอ่ยว่ามิได้การ พลันใช้กำลังภายในพุ่งโจมตีไปทางต้วนเหลยถิง
ต้วนเหลยถิงอาศัยพละกำลังพาเคอโยวหรานลงสู่พื้นดินได้มั่นคง
ในขณะนั้นเอง พั่วหุนหรี่ดวงตา พลันส่งมือคว้าไปทางสตรีผู้มีหน้าตางดงามด้วยมือเปล่า
แม้วิทยายุทธ์ของเคอโยวหรานจะมิอาจเทียบกับพั่วหุน แต่ร่างกายปราดเปรียวเพรียวบาง และฝึกฝนวิชาตัวเบาจนกล่าวได้ว่าเป็ปรมาจารย์ เพียงชั่วพริบตาเดียว นางก็เล็ดลอดออกไปได้ทั้งที่อยู่ใต้หนังตาของบุรุษตรงหน้า
พั่วหุนหรี่ดวงตาฉายแววดุดัน พลันรวบรวมกำลังภายในเพื่อไล่ตามเคอโยวหรานไป
ต้วนเหลยถิงอดมิได้ที่จะเร่งกระบวนท่าโจมตีอั้นจิ่ว คิดอยากจะรีบรบรีบจบศึก จะได้รีบปลีกตัวออกไปปกป้องโยวหราน
ทุกสิ่งนี้คล้ายดูเชื่องช้า แต่กลับเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ
รอกระทั่งพั่วหุนไล่ตามจนออกมาไกลระยะหนึ่ง จึงพบกับเคอโยวหรานที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้หนาของต้นไม้ใหญ่อายุนับพันปี
เขาหมายจะรวบรวมกำลังภายในเพื่อทะยานกายขึ้นไป ฉับพลันนั้นกลับได้ยินน้ำเสียงกังวานราวกับกระดิ่งเงินดังขึ้นเสียก่อน
“หากเ้ายังใช้กำลังภายในต่อไป ผงกร่อนกระดูกภายในร่างกายจะออกฤทธิ์เร็วกว่าเดิม ถึงยามนั้นกระดูกทั่วทั้งกายของเ้าจะถูกกัดกร่อนด้วยพิษ อย่าว่าแต่ยืน แม้อยากจะเลื้อยคลานเช่นงูก็ยังยากยิ่งกว่าการกลายเป็เซียนเสียอีก”
พั่วหุนชะงักการกระทำและจดจ้องเคอโยวหรานไม่วางตา ทว่ามิได้เผยท่าทีขุ่นเคืองเช่นยามเผชิญหน้ากับอั้นจิ่วแต่อย่างใด
กล่าวตามตรง เมื่อต้องเผชิญกับสตรีที่งดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์เยี่ยงนี้ เขามิอาจบันดาลโทสะออกมาได้จริงๆ
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] อั้นจิ่ว 暗九 หมายถึง เงามืดลำดับที่เก้า