ทันทีที่องค์หญิงใหญ่ออกคำสั่งลงโทษฮวารั่วซีและฮูหยินเหยียน ข่าวนี้ได้แพร่สะพัดไปทั่วตำหนักหลังราวกับว่าข่าวนี้มีปีกงอกออกมา
นางกำนัลาุโซูรับราชโองการของไทเฮาไปช่วยคน ขณะรีบไปถึงนั้นก็ได้โบยไปครึ่งหนึ่งแล้ว เมื่อนางกำนัลาุโซูเห็นว่าองค์หญิงใหญ่ไม่มีท่าทีจะหยุดการลงโทษจึงเอ่ยขอร้องอย่างถ่อมตนพักใหญ่ ก่อนจะพาทั้งสามคนกลับไปตำหนักอี้คุน
“ไทเฮาคงทรงกริ้วจนเป็ลมหมดสติไปแล้วกระมัง?” เหยียนอู๋อวี้ฟังจากคำพูดของซูอิ่งแล้ว จึงเอ่ยปากถาม
ซูอิ่งตอบว่า “ไทเฮาเหลือบมองปราดหนึ่งแล้วจึงสั่งให้นางกำนัลพาไปรักษาอาการาเ็ที่เรือนด้านข้าง”
“อาการาเ็ของพวกเขาเป็อย่างไรบ้าง?”
“ฮูหยินเหยียนาเ็เพียงบริเวณิัเท่านั้น ส่วนซูเฟยาเ็รุนแรงกว่าเล็กน้อย คุณหนูเหยียนาเ็รุนแรงที่สุด หมอหลวงต่างบอกว่านางคงจะพิการ”
หลังจากเหยียนอู๋อวี้ได้ยินเื่ทั้งหมด นางก็มิได้เอ่ยสิ่งใดอีก
ตามที่คาดด้วยฐานะขององค์หญิงใหญ่ในปัจจุบัน นางมิได้อาศัยอำนาจการคุ้มครองของอดีตฮ่องเต้
คราแรกเหยียนอู๋อวี้พบว่าองค์หญิงพุ่งเป้าไปที่เหยียนรั่วฟาง เป็เพราะเหยียนรั่วฟางกำลังตีสนิทกับจวินอู๋เสีย จึงทำให้นางรู้สึกอิจฉาและหึงหวงอยู่ในใจ ทว่าต่อมาได้ส่งสาวงามทั้งสองไปให้ซ่งอี้เฉิน ทำให้เหยียนอู๋อวี้รู้ว่าเื่ราวอาจไม่ง่ายและตรงไปตรงมาอย่างที่เห็น
ขณะนางกำลังโต้เถียงกับเหยียนรั่วฟาง เหยียนอู๋อวี้เหลือบไปเห็นองค์หญิงใหญ่เข้า นางจึงตั้งใจแสดงละครฉากนี้ นางมั่นใจว่าฮวารั่วซีจะต้องปกป้องฮูหยินเหยียนและบุตรสาวจึงได้วางแผนสร้างบทเรียนนี้ให้แก่นาง
การให้บทเรียนดังกล่าว ทำให้เข้าใจความคิดขององค์หญิงใหญ่
นางเพิ่งมอบสาวงามสองคนให้ซ่งอี้เฉินเป็ของขวัญ ไทเฮาย่อมไม่ยอมแพ้ จึงเอาพวกเขาเข้าวังหลวง และเหยียนรั่วฟางคือผู้ที่เหมาะสมที่สุด นางเพียงแค่ตักเตือนไทเฮา แม้ว่าสุดท้ายแล้วไทเฮาจะยังคงหาผู้ที่เหมาะสมคนอื่นอีก ทว่าหลานสาวแท้ๆ พิการไปแล้ว นั่นมิใช่เพียงแค่ปัญหาเื่การเสียเกียรติและหน้าตาเท่านั้น
องค์หญิงใหญ่ดูหยิ่งยโสและไม่มีเหตุผล ทว่าสามารถโจมตีตรงเป้าได้ทุกย่างก้าว เมื่อคิดถึงเื่ที่ต้องสูญเสียตำแหน่งเ้ากรมโยธาแล้ว ทำให้นางรู้สึกโกรธมากจริงๆ
ครานี้ต้องดูกันว่าไทเฮาจะใช้กลอุบายอันใดตอบโต้
เหยียนอู๋อวี้รู้สึกว่าเป็เื่ที่น่าสนใจยิ่งนัก
ซูอิ่งเห็นนางอารมณ์ดีจึงเอ่ยกระซิบอีกครั้ง “เื่ที่นายหญิงให้บ่าวทำ บ่าวทำเสร็จแล้วเ้าค่ะ”
เมื่อเหยียนอู๋อวี้ได้ยินก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย รายชื่อวางอยู่ตรงหน้านาง โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับ ชาติกำเนิด ภูมิหลัง และหน้าที่ความรับผิดชอบของทุกคนในตำหนักเฟิ่งชัย แม้แต่ฉางฮวนและซวงสี่ก็มีรายชื่ออยู่ด้านใน เพียงแต่โจวหลู่ชิงทำงานล้วนเป็ความลับ ดังนั้นจึงไม่อาจตรวจพบข้อสงสัยได้ ทว่าตำหนักเฟิ่งชัยมีคนบริสุทธิ์และซื่อสัตย์มากมาย
“คัดกรองคนจำนวนหนึ่งได้ดั่งใจหวัง” หลังจากเหยียนอู๋อวี้อ่านข้อความแล้วจึงหยิบกระดาษขึ้นมาและค่อยๆ เผามัน กระดาษขาวราวหิมะถูกเปลวไฟกลืนหายไปทันที ขี้เถ้าลอยม้วนในอากาศสองสามรอบก่อนจะค่อยๆ ร่วงลงสู่พื้น
“นางหญิง...…” ซูอิ่งมองเธอด้วยความประหลาดใจ
“ข้าจำไว้หมดแล้ว” เหยียนอู๋อวี้เอ่ยเบาๆ หลังจากปัดขี้เถ้าบนมือออกแล้ว
ซูอิ่งไม่เอ่ยสิ่งใดอีก
หลังจากนั้นไม่นาน ซวงสี่ก็เข้ามารายงานว่า ซ่งอี้เฉินจะบรรทมที่ตำหนักของอู๋เจาหรงอีกครา เหยียนอู๋อวี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่ากลับนึกสงสัยอยู่ภายในใจ
่นี้ซ่งอี้เฉินดูผิดปกติไปจริงๆ กลางคืนก็ยังเป็เช่นนี้ อีกทั้งยังกระทำรุ่มร่ามในที่สาธารณะกลางวันแสกๆ อีก เมื่อได้ยินว่าเขากับอู๋เจาหรงทำเื่ส่วนตัวระหว่างทางด้วย เหยียนอู๋อวี้ยิ่งรู้สึกคลื่นไส้ หากแต่ก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าครั้งหนึ่งซ่งอี้เฉินเคยสัญญาว่า เพื่อฮวารั่วซีแล้วจะไม่รับผู้ใดเข้ามาในตำหนักหลังอีก ทว่ายามนี้เพื่อตบตาไทเฮากับองค์หญิงใหญ่ เขาเพียงแสร้งแสดงให้พวกนางเห็นเท่านั้น และเพื่อยืนยันว่าที่หน้าอกซ้ายของนางมีรอยแผลหรือไม่ กระนั้นเขากลับหยุดทุกอย่างลงในวินาทีสุดท้าย
หากเรือนร่างของนางไม่อาจดึงดูดซ่งอี้เฉิน และระยะนี้เขาไม่เคยพักที่ตำหนักของฮวารั่วซีเลย เหตุใดเขาจึงกลายเป็คนไม่ยับยั้งชั่งใจเช่นนี้ได้?
เหยียนอู๋อวี้ครุ่นคิดเื่นี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทว่าก็ยังไม่เข้าใจ นางจึงเอ่ยกับซูอิ่งว่า “เ้าจับตาดูทางอู๋เจาหรงให้ดี และตรวจดูว่าหลังจากฝ่าาไปแล้ว นางทำสิ่งใดบ้าง เสวยสิ่งใดบ้าง?”
ซูอิ่งรับคำสั่งและถอยกลับออกไปทันที
เหยียนอู๋อวี้เงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆดำปกคลุมไร้แสงสว่าง เป็เวลาที่ดีในการออกไปข้างนอก
นางหันไปเอ่ยกับป้าโฉ่ว “เอาชุดดำที่ใช้ตอนกลางคืนของข้าออกมา”
“คุณหนู ท่านจะออกไปข้างนอกหรือเ้าคะ?” ป้าโฉ่วหยิบชุดดำที่ใช้ตอนกลางคืนพลางถามด้วยความเป็ห่วง
“ไปจวนเฉิงเซี่ยง” นางตอบพลางถอดอาภรณ์ออกแล้วหยิบชุดดำมาสวมใส่
“คืนนี้หรือเ้าคะ?” ป้าโฉ่วมีสีหน้าสงสัย
“ใช่แล้ว คืนนี้เป็โอกาสอันดี” เหยียนอู๋อวี้แย้มยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวเสริมว่า “ยามนี้เหยียนเฉิงเซี่ยงกำลังดูแลภรรยาและบุตรสาวของเขาอยู่ในวังหลวง การเฝ้าระวังของจวนเฉิงเซี่ยงจะต้องผ่อนคลายลงอย่างแน่นอน”
ในที่สุดป้าโฉ่วก็เข้าใจจุดประสงค์ของเหยียนอู๋อวี้ที่ยืมมือองค์หญิงใหญ่ลงโทษฮูหยินเหยียนและบุตรสาวในวันนี้ และอดกล่าวคำชื่นชมนางไม่ได้ “คุณหนู ท่านเก่งกาจเหนือบรรดาสตรีอื่นจริงๆ เ้าค่ะ” จากนั้นนางพลันคิดบางอย่างขึ้นได้จึงรีบหยิบยาเม็ดออกมาจากขวดทันที ก่อนจะป้อนยาให้นางแล้วเอ่ยว่า “วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ท่านต้องระมัดระวังให้มาก เมื่อถึงเวลาก็ต้องรีบกลับมา”
“ข้าจะออกไปก่อน เ้าดูทางนี้ให้ดีแล้วข้าจะรีบกลับมา” เหยียนอู๋อวี้นำยาใส่เข้าไปในปาก หลังเอ่ยจบจึงหมุนตัวเหินกายจากหน้าต่างขึ้นไป้าหลังคา ก่อนจะหายไปในวังหลวงทันที
เพื่อความสะดวกในการวางแผน ไทเฮาตั้งใจตั้งจวนเฉิงเซี่ยงให้อยู่ในเขตหวงห้ามพิเศษซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพระราชวัง หลังออกจากเขตหวงห้ามแล้ว เดินไปไม่ไกลนักก็จะถึงจวนเฉิงเซี่ยง
ตกกลางดึก จวนเฉิงเซี่ยงเต็มไปด้วยความเงียบสงัด ทุกคนกำลังหลับใหล ท่ามกลางความมืดมิดมีเพียงเหยียนอู๋อวี้เท่านั้นที่รู้ว่าเหล่าองครักษ์เกราะดำตรวจตรามุมใดหรือจุดใดของจวนบ้าง
โจวหลู่ชิงบอกว่าคนของเขาไม่สามารถเข้าไปในจวนเฉิงเซี่ยงได้ เพราะองครักษ์เกราะดำนั้นร้ายกาจเกินไป ทว่ากลับเป็เื่ง่ายสำหรับเหยียนอู๋อวี้
กององครักษ์เกราะดำนั้นก่อตั้งขึ้นโดยบิดาของนางและนางลงแรงฝึกฝนด้วยตนเองมาหลายปี เหยียนอู๋อวี้รู้จุดอ่อนของพวกเขาเป็อย่างดี
อีกทั้งยังมีแผนที่ของจวินอู๋เสียที่มอบให้อีก นางจึงสามารถย่องเข้าไปและตรงไปที่ห้องหนังสือได้อย่างรวดเร็ว
เดิมทีตระกูลเหยียนเป็สามัญชนที่มิได้โดดเด่นในแคว้นต้าเซวียน ต่อมาผจญกับพายุหิมะ เพื่อเลี้ยงดูบุตรให้ดีจึงส่งบุตรสาวเข้าไปในวังหลวง ไม่คาดคิดว่าบุตรของเขาจะได้รับตำแหน่งอย่างยากลำบาก ส่วนบุตรสาวกลับนั่งในตำแหน่งที่เหนือกว่าคนนับหมื่น เป็รองเพียงฮ่องเต้เท่านั้น
คนคนหนึ่งสอบไม่ผ่านมาหลายครั้ง หากไม่โง่เกินไป ก็อาจเป็เพราะไม่ชอบเรียนหนังสือ ไม่ว่าเป็แบบใด ล้วนเป็ผู้ที่ไม่ชอบหนังสือ ดังนั้นห้องหนังสือในจวนเฉิงเซี่ยงจึงดูเรียบง่าย เหยียนเฉิงเซี่ยงพยายามแสร้งเป็ผู้มีความรู้ด้านศิลปะและรวบรวมงานศิลปะ หรือกล่าวให้เข้าใจยิ่งขึ้นคือเพียงเพื่อหาประโยชน์อีกทางหนึ่งเท่านั้น
ในอดีตยามที่นางยังเป็ไท่จื่อเฟย นางเคยไปงานเลี้ยงของตระกูลเหยียนกับซ่งอี้เฉินครั้งหนึ่ง เหยียนเฉิงเซี่ยงดื่มหนักยิ่งนัก และใน่เวลาแห่งความอิ่มเอมใจเขาได้หลุดปากออกมา จากนั้นนางจึงรู้ว่ามีห้องใต้ดินอยู่ในนั้นห้องหนังสือซึ่งเก็บสมบัติเอาไว้
นางกลับมาจากการเข้าห้องน้ำ และได้ยินเื่ราวทั้งหมดขณะที่กำลังจะก้าวเข้าไปในห้อง แม้ซ่งอี้เฉินจะไม่รู้ว่านางกลับมาแล้ว แต่เขาก็ยังขัดขวางไม่ให้เหยียนเฉิงเซี่ยงพูดออกมาอีกได้ทันเวลา
เมื่อคิดถึงเื่นี้ เห็นได้ชัดว่าในยามนั้นเขาระมัดระวังตัวนางแล้ว
บางทีเขาคงเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมั้แ่ตอนนั้น
เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล
มีเพียงตัวนางเองที่ยังไม่รู้ คิดว่าเมื่อเขาได้ครองบัลลังก์ัแล้ว ต่อจากนี้ไปคงได้ครองรักฉันท์คู่รัก เล่นพิณฟังเสียงนกร้องไปจนแก่เฒ่า
ไม่เช่นนั้น จะว่านางพูดเื่น่าขันได้อย่างไร?
นางรีบย่องเข้าไปในห้องหนังสือ หลังจากค้นหาอยู่นาน ในที่สุดนางก็พบกลไกที่ซ่อนอยู่บนชั้นหนังสือ นางค่อยๆ เปิดกองหนังสือออก จากนั้นชั้นหนังสือกพลันเคลื่อนออกไปเผยให้เห็นทางเดินลงไปอีกด้านหนึ่ง
เหยียนอู๋อวี้เดินลงบันได พบเห็นห้องที่เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าและไข่มุกราตรีส่องสว่างเสียจนสถานที่แห่งนั้นสว่างไสวยิ่งกว่ายามกลางวันเสียอีก เหยียนอู๋อวี้มิได้สนใจสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ นางพลิกดูกองภาพอักษรวิจิตรและภาพวาดอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็พบกล่องที่อยู่ท่ามกลางกองหนังสือ
นางเปิดกล่องออกมา หนังสือเล่มเล็กสีทองปรากฏเบื้องหน้านางซึ่งมีข้อความว่า ‘หนังสือสัญญาทำลายตระกูลอวิ๋น’
