เล่มที่ 1 บทที่ 25 หวังหลิงกวน
ขณะที่ซูหยวนกำลังสิ้นหวังอยู่นั้น ทันใดนั้นเองก็มีเสียงปริศนาเล็ดลอดออกมาจากกองหิมะที่ทับถมกันอยู่
“ไหน ใครกันที่บอกว่าข้าตายแล้ว?”
เมื่อสิ้นเสียงปริศนานั่น สายตาซูหยวนก็พลันเห็นหลินเฟยคนนั้น คนที่เขาคิดว่าตายไปแล้ว กำลังค่อยๆลุกขึ้นจากกองหิมะอย่างทุลักทุเล บริเวณมุมปากเจือไปด้วยคราบเื ทั่วทั้งตัวก็เต็มไปด้วยาแ ทั้งลึกบ้างตื้นบ้าง ปะปนกันไป และที่น่าใก็คือแม้จะมีาแมากมายเพียงใด แต่เขากลับยังคงมีชีวิตอยู่!
แม้ตอนนี้หลินเฟยจะมีสภาพที่ดูไม่จืดเอาเสียเลย แต่เขาก็ไม่ได้เจ็บหนักอะไรมากนัก หากพิจารณาจากภายนอกแล้ว เหมือนว่าจะมีสภาพดีกว่าหลี่ชิงซานที่ใช้พลังปราณไปกับกระบวนท่ามารฟ้าสยบเซียนมากไปจนอวัยวะภายในบอบช้ำด้วยซ้ำ
‘แต่ก็แค่ภายนอกเท่านั้น...’
หลินเฟยรู้ดีว่าการต้านรับมารฟ้าสยบเซียนเมื่อครู่ ทำให้ร่างกายของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว หากต้องรับมืออีกครั้งละก็ อย่าว่าแต่มารฟ้าสยบเซียนเลย ต่อให้เป็ปราณกระบี่ทั่วไป ก็คงไม่อาจต้านทานได้แล้ว...
ช่วยไม่ได้ เพราะขั้นบำเพ็ญทั้งคู่ต่างกันเกินไป ขั้นย่างหยวนปะทะขั้นมิ่งหุน ความแตกต่างนี้มากเกินจนไม่อาจจะคาดหวังอะไรได้อีกต่อไป
ที่ยังยืนอยู่ได้นั้น ก็เพราะเขาได้ศึกษาเคล็ดกระบี่มาอย่างโชกโชนั้แ่สมัยอดีตที่เขายังอยู่ที่หอดาบ ทำให้เขาสามารถเห็นทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งของคู่ต่อสู้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ครั้งนี้เองเขาจึงมองเห็นจุดอ่อนของกระบวนท่ามารฟ้าสยบเซียนของหลี่ชิงซานได้...
หากเป็สายตาคนอื่น สำหรับการประมือเมื่อครู่นี้ อาจเห็นเพียงลำแสงจากปราณกระบี่ไท่อี๋ที่เข้าสะบั้นปราณกระบี่มารฟ้าสยบเซียนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ในความเป็จริงแล้วเขารู้ดีว่า เมื่อครู่นี้ เขาได้สะบั้นปราณกระบี่ออกไปถึงสิบสองครั้ง ปราณกระบี่ไท่อี๋ทั้งสิบสองสายล้วนพุ่งไปที่จุดอ่อนของกระบวนท่ามารฟ้าสยบเซียน จนในที่สุดก็สามารถต้านทานเอาไว้ได้ ทว่าขณะเดียวกัน เขาก็ใช้พลังปราณในตัวไปจนหมดสิ้นแล้ว...
แม้จะยังคงยืนไหว แต่พลังปราณในตัวกลับถูกใช้ไปจนหมด ปราณกระบี่ขั้นเซียนเทียนไม่ได้จะใช้กันง่ายๆ หากหลินเฟยไม่ได้บรรลุขั้นย่างหยวน จนพลังปราณในตัวเพิ่มมากขึ้นละก็ เกรงว่าสะบั้นปราณกระบี่แค่ครั้งเดียว ก็คงสูบเอาพลังปราณในตัวไปจนหมด
หากตอนนี้หลี่ชิงซานไม่ยอมรามือ ต่อให้ไม่ใช้พลังปราณ ก็คงจัดการหลินเฟยได้สบาย
ดูเหมือนหลี่ชิงซานก็รู้เช่นเดียวกัน ถึงจะมีอาการประหลาดใจตอนที่เห็นหลินเฟยลุกขึ้นจากกองหิมะ แต่ความประหลาดใจนั้นก็ปรากฏแต่เพียงชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่เ้าตัวจะแค่นหัวเราะออกมา
“ไม่เลวนี่ เพียงขั้นย่างหยวนแท้ๆ แต่กลับสามารถรับมือกับมารฟ้าสยบเซียนของข้าได้ เหมือนว่าปราณกระบี่พิสดารนั่นคงจะช่วยเอาไว้สินะ ครั้งนี้ลองทายดูสิ ว่าจะรับมือข้าได้อีกกี่กระบวนท่ากัน?”
หลินเฟยในสายตาของหลี่ชิงซานนั้น ย่อมไม่ต่างอะไรกับคนใกล้ตาย…
เมื่อฟลินเฟยได้ยินเช่นนั้นก็กลับยิ้มเยอะออกมาแทน
“ก็ไม่เห็นต้องรับมืออะไรเลย”
สีหน้าหลี่ชิงซานเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทว่าในขณะที่กำลังจะลงมืออีกครั้ง ก็มีแสงจันทร์สายหนึ่งสาดลงมา
หลินเฟยกวาดตามองเงาหนึ่งที่กำลังเดินออกมา ดูแล้วไม่ค่อยคุ้นหน้าเท่าไร ผู้มาใหม่มีอายุประมาณสามสิบปี กรอบหน้าคมเหลี่ยมชัดเจน แต่สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ดูเ็าจนแทบจะปล่อยกระแสไอเย็นะเืออกมาได้แม้ว่าที่นี่จะเป็ถ้ำเสวียนปิงอันหนาวเหน็บก็ตาม
“ศิษย์น้องหวังมาได้อย่างไร?” เมื่อหลี่ชิงซานแน่ใจแล้วว่าผู้มาใหม่เป็ใคร สีหน้าก็มัวหมองลงทันที กระบี่ที่เงื้อขึ้นกลับค่อยๆลดต่ำตกลงมา อดที่จะรำพึงรำพันในใจไม่ได้ว่าคราวนี้คงหมดโอกาสเสียแล้ว
หลินเฟยไม่รู้จักผู้ที่มาใหม่ แต่หลี่ชิงซานกลับรู้จักเขาเป็อย่างดี หวังหลิงกวนจากหุบเขาเทียนสิงนั้น เป็ศิษย์ลำดับสี่ของเหล่าศิษย์สายตรง แม้จะมีลำดับต่ำกว่า แต่กลับมีชื่อเสียงในสำนักเวิ่นเจี้ยนมากเลยทีเดียว
ที่เป็เช่นนี้นั้นก็เพราะเขากุมอำนาจลงทัณฑ์ของหุบเขาเทียนสิงเอาไว้ั้แ่เมื่อสิบปีก่อน ใน่เวลาที่ผ่านมา เขาได้สำเร็จโทษเหล่าศิษย์ที่ทำผิดกฎไปหลายต่อหลายคน จนเป็ที่เรียกขานของศิษย์สายนอกและสายในอย่างลับๆว่า “ ยมบาลหวัง ”
หลี่ชิงซานรู้จักศิษย์น้องที่เป็ดั่งยมบาลคนนี้ดี พอเห็นว่าผู้มาใหม่เป็ใคร ก็รู้ตัวทันทีว่าไม่เหลือโอกาสแล้ว...
“นำตัวหลินเฟยไปที่หุบเขาเวิ่นเจี้ยน” แม้จะเผชิญหน้ากับหลี่ชิงซานที่มีอันดับสูงกว่า หวังหลิงกวนก็ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเช่นเคย
“เท่าที่ข้ารู้มา ศิษย์น้องหลินช่างใจกล้าไม่เบาเลยนะ ถึงขนาดแอบเข้าไปทำลายผนึกที่แม่น้ำหยิน คงคิดจะปล่อยปีศาจขั้นเยาตี้ออกละสิ หากศิษย์น้องหวัง้าพาตัวไป ข้าก็ไม่ขัดหรอก แต่ขอเตือนไว้ก่อนเลยนะว่าต้องสอบสวนให้ดีทีเดียว...”
หลังจากที่รู้ว่าหวังหลิงกวน้าพาตัวหลินเฟยไป หลี่ชิงซานก็ไม่ขัดขวาง หรือจะพูดง่ายๆว่าเขาไม่สามารถขัดได้เลยด้วยซ้ำ เพราะหวังหลิงกวนได้ชื่อว่าเถรตรง ไม่เคยไว้หน้าใคร นอกจากนี้เขายังมีผู้าุโหุบเขาเทียนสิงซึ่งมีนิสัยแบบเดียวกันเป็คนหนุนหลังอีกด้วย ต่อให้เป็ศิษย์พี่ที่มีลำดับสูงกว่าเขาทั้งสองคน หวังหลิงกวนก็ย่อมไม่ไว้หน้าเช่นกัน แน่นอนว่ายิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวเขาเลยด้วยซ้ำ...
และอีกอย่าง ก็ไม่มีความจำเป็อะไรที่ต้องขัดขวางด้วยซ้ำ...
จะว่าไปเขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไรมากมายหรอก แค่ไม่ได้ไปช่วยที่ผาปากเหยี่ยวเท่านั้น เส้นทางบำเพ็ญล้วนเต็มไปด้วยภัยอันตราย หากเขาไปช่วยก็ถือว่าเป็บุญคุณ แต่หากไม่ช่วย ก็จัดว่าสมเหตุสมผล ต่อให้เื่นี้ถึงเ้าสำนัก อย่างมากก็แค่ถูกตักเตือนเท่านั้น
ส่วนเื่เอาคืนนั้น ก็ไม่จำเป็ต้องรีบร้อน เพราะวันหน้าก็ยังมีโอกาส เขาเป็ถึงศิษย์สายตรง หากคิดจะประลองกับศิษย์น้องบ้างจะเป็อะไรไป?
คิดได้ดังนั้น หลี่ชิงซานก็หัวเราะออกมา ก่อนจะหันหลังออกจากถ้ำเสวียนปิงไป ทว่าก่อนจะจากไปนั้น เขาก็ได้ใช้พลังปราณเพื่อส่งเสียงให้หลินเฟยได้ยินคนเดียว
“อีกหนึ่งเดือน เมื่อข้าบรรลุขั้นจิงตันแล้ว จะกลับมาจัดการเ้าใหม่”
“หึหึ...” หลินเฟยตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะโคจรพลังปราณส่งเสียงตอบกลับ
“เกรงว่าหนึ่งเดือนให้หลังท่านคงไม่อาจบรรลุขั้นจิงตันได้ ครั้งหน้าตอนโคจรเคล็ดวิชากระบี่มารฟ้า อย่าลืมดูแลจุดตันเถียนด้วยล่ะ คาดว่าคงจะรู้สึกเจ็บอยู่หน่อยๆ...”
“น่าขัน!” หลี่ซิงซานได้ยินเช่นนั้นก็แค่นหัวเราะในลำคอออกมา ก่อนจะเดินหายไปจากถ้ำเสวียนปิง...
หลินเฟยส่ายหน้าน้อยๆ 'จะน่าขันหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตอนโคจรพลังในครั้งหน้านั่นแหละ...'
ถือว่าหลี่ชิงซานโชคร้ายที่ดันเจอเข้ากับปราณกระบี่ไท่อี๋ โดยปกติหากผู้บำเพ็ญขั้นมิ่งหุนคิดจะกำจัดผู้บำเพ็ญขั้นย่างหยวน ก็สามารถทำได้ง่ายราวกับบี้มดเลยทีเดียว ทว่าอีกฝ่ายดันดวงซวย มาเจอเข้ากับหลินเฟยที่มีปราณกระบี่ไท่อี๋ นอกจากไม่อาจเอาชนะได้แล้ว กลับยังเปิดช่องว่างให้หลินเฟยสวนกลับและอัดปราณกระบี่ไท่อี๋สายหนึ่งเข้าไปในร่างหลี่ชิงซาน...
แล้วเหตุใดหลินเฟยถึงมีาแเต็มตัวเช่นนี้?
เนื่องจากหลินเฟยมีนิสัยเ้าคิดเ้าแค้น มีเื่ผูกใจเจ็บรอการชำระมากมาย ทั่วทั้งสำนักเวิ่นเจี้ยนในอดีตย่อมรู้เื่นี้ดี ต่อให้เขากับหลี่ชิงซานต่างกันถึงหนึ่งขั้นบำเพ็ญเต็มๆ ก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้ อย่างไรก็ตามหลินเฟยเองก็ไม่คิดปล่อยให้เขาอยู่อย่างสุขสบาย ฉะนั้นเพื่ออัดปราณไท่อี๋ใส่หลี่ชิงซาน หลินเฟยจึงเต็มใจรับการโจมตีเต็มที่ ทำให้เกิดาแทั่วร่างมากกว่ายี่สิบแผล และยังมีอีกสองแผลซึ่งมีพิษร้ายแรงแทบอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว...
‘ในเมื่อหลินเฟยทุ่มเทถึงเพียงนี้ แล้วหลี่ชิงซานจะรอดไปได้อย่างไร?’
โดยปกติแล้วปราณกระบี่ไท่อี๋ที่อัดเข้าไปนั้นมีพลังที่เบาบางมาก ต่อให้เข้าสู่ร่างกายอย่างไร มันก็สามารถสลายหายไปเมื่อได้โคจรพลังปราณ แต่หลี่ชิงซานฝึกเคล็ดวิชากระบี่มารฟ้าที่มีไอปีศาจเป็รากฐาน ปราณกระบี่ไท่อี๋จึงเสมือนกับยาพิษ เริ่มแรกยังไม่มีผล ทว่าหากโคจรพลังใช้เคล็ดวิชากระบี่มารฟ้าอีกครั้ง ปราณกระบี่ไท่อี๋ก็จะค่อยๆกัดกินพลังปราณที่มี จนไม่อาจโคจรพลังใช้เคล็ดวิชาได้อีก...
หลินเฟยคาดว่าเพียงใช้ปราณกระบี่ไท่อี๋เล็กๆนั่น ก็คงทำให้หลี่ชิงซานบรรลุขั้นจิงตันล่าช้าไปอีกอย่างน้อยครึ่งปีแล้ว
‘ส่วนอีกครึ่งปีหลังจากนี้ ใครจะได้ฆ่าใคร ก็ยังไม่แน่นักหรอก...’
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้