ในขณะที่นักเรียนเตรียมสอบของเซี่ยนอีจงกำลังทำข้อสอบที่เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อมากันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดตัวเธอก็ได้ก้าวขึ้นรถไฟลงใต้แล้ว
สภาพอากาศเลวร้าย หลิวเฟินจึงหยุดขายกากน้ำมันชั่วคราวด้วยคำขอร้องที่เด็ดขาดของเซี่ยเสี่ยวหลาน
ทว่างานของย่าอวี๋ไม่สามารถหยุดพักได้ขณะล้มป่วยนอนโรงพยาบาลก็ได้คนอื่นเข้างานแทนอยู่หลายวัน ดังนั้นเมื่อเธอออกจากโรงพยาบาลจึงคว้าไม้กวาดมาทำงานรักษาความสะอาดอีกครั้งคุณหมอได้กำชับว่าผู้ป่วยเบาหวานจะรู้สึกเหนื่อยเกินไปไม่ได้หญิงชราคนหนึ่งยังจะออกไปกวาดถนนในวันอากาศหนาวเหน็บ หลิวเฟินรู้สึกลำบากใจยิ่งนัก
เธอออกจากบ้านล่วงหน้าและทำความสะอาดถนนส่วนที่ย่าอวี๋รับผิดชอบแล้วดังนั้นย่าอวี๋จึงไม่มีงานเหลือให้ทำอีก
ถือไม้กวาดออกไปวนหนึ่งรอบ ย่าอวี๋ก็ปะกับหลิวเฟินที่ไม่ทันหลบหนีจากจุดเกิดเหตุพอดีย่าอวี๋ไม่แลเธอ คนคนนี้เหมือนไม่รู้จักการขอบคุณคนอื่นเสียเลย... วันต่อมาอากาศยังคงไม่ดีขึ้น หลิวเฟินช่วยย่าอวี๋กวาดถนนดั่งเดิม และเพราะนิสัยวัวแก่ถึกทนของเธอนี้เองจึงสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับย่าอวี๋ได้แม้ย่าอวี๋จะมีนิสัยไม่น่าคบ แต่ถึงอย่างไรก็มีความแตกต่างกับแม่เฒ่าเซี่ยผู้เอาแต่เอะอะด่าทอคน
หากหญิงชราเซี่ยไม่ข่มเหงเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างร้ายกาจ แม้จะเป็แม่สามีสารพัดพิษเช่นนั้นหลิวเฟินก็ยังอดทนต่อไปไหว
ย่าอวี๋แค่รักษาระยะห่างกับผู้คน มีอะไรที่หลิวเฟินรับไม่ได้?
เหล่าเพื่อนบ้านที่สังเกตเห็นเื่ราวย่อมวิพากษ์วิจารณ์อย่างเลี่ยงไม่ได้ พอย่าอวี๋เข้าโรงพยาบาลครั้งนี้โรคเบาหวานของเธอก็ปกปิดไว้ไม่อยู่แล้ว เธอทำบ้านคนใกล้เรือนเคียงขุ่นเคืองครบทุกหลังคาทุกคนล้วนรอคอยว่าหญิงชราจะโชคร้ายเมื่อไรเท่านั้น หนึ่งคนครองบ้านจำนวน 5 ห้อง บ้านคนอื่นกลับอาศัยกันไม่พอ ใครบ้างจะชอบย่าอวี๋ได้?
ที่ไหนได้อยู่ดีๆ มีญาติห่างไกลโผล่มาอีก!
เซี่ยเสี่ยวหลานและมารดาย้ายเข้าบ้านอวี๋ ไม่รู้เลยว่าเป็สาเหตุก่อให้เกิดการถกเถียงมากเท่าใด
นิสัยใจคอของหลิวเฟินกับเซี่ยเสี่ยวหลานไม่น่ารำคาญต่างจากย่าอวี๋โดยสิ้นเชิง ถึงขนาดมีคนคิดว่าย่าอวี๋โชคดีเหลือเกินทำคนอื่นขุ่นเคืองกันจนหมดแต่ยังมีญาติห่างๆ มาดูแล—
“อยากได้บ้านเธอสินะ?”
“บ้านอวี๋ก็ไม่มีใคร พอย่าอวี๋แกจากไป บ้านต้องถูกเรียกคืนอยู่แล้ว”
“แม้แต่ลมตดยังไม่ได้ ดูแลเสียเปล่าจริงๆ !”
“แต่สองแม่ลูกนั่นก็อัธยาศัยดีเชียว อยู่กับย่าอวี๋ได้ด้วย”
“ได้ยินว่าแกไม่ไหว เลยถูกสองแม่ลูกพาไปส่งโรงพยาบาล...”
บทสนทนาเหล่านี้มิได้หลบหลีกย่าอวี๋พ้น
หลังจากเธอได้ยินก็เงียบงัน ใช้แรงเหยียดยืดหลังอันผ่ายผอมให้ตรงอีกครั้งเธอไม่อาจล้มเหลว และตายไม่ได้เช่นกัน หากเธอตายแล้วคนอื่นๆ ในตระกูลอวี๋ก็คงจะหาบ้านไม่เจอเซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนเฉลียวฉลาด ย่าอวี๋สามารถรักษาระยะห่างที่เหมาะสมกับเธอ ทว่ากับคนซื่อบื้อที่ทำแต่งานไม่รู้จักพูดจาประจ๋อประแจ๋อย่างหลิวเฟินนี้ย่าอวี๋รู้สึกว่ารับมือได้ยาก
หลิวเฟินจะกระทำสิ่งเหล่านี้ เหมือนกับที่คนพวกนั้นพูดหรือไม่้าบ้านของเธอ?
อันที่จริงพวกเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์เครือญาติแม้แต่น้อย ต่อให้เธอตายไปอย่างไรเสียบ้านก็ไม่มีทางตกเป็ของหลิวเฟินและเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ดี
ย่าอวี๋วิเคราะห์หลิวเฟินไม่ออก จึงอยู่ให้ห่างจากหลิวเฟิน
-------------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานมาถึงหยางเฉิงอีกหน เธอไปบ้านไป๋เจินจูก่อน
น่าเสียดายที่ไป๋เจินจูทำหนังสือข้ามแดนได้แล้ว และเมื่อวานเพิ่งไปเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงเซี่ยเสี่ยวหลานจึงมาเสียเที่ยว อีกทั้งอากาศซางตูกำลังเข้าสู่่เวลาสำหรับขายเสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดพอดีเซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่อาจอยู่รอไป๋เจินจูในหยางเฉิงได้
คราวนี้ในมือเธอมีเงินทุน 9000 หยวนแต่นำมาหยางเฉิงเพียง 5000 หยวนเหมือนคราวก่อน
เฉินซีเหลียงเห็นเธอก็ทักทายั้แ่ไกลๆ “มีสินค้าใหม่มีสินค้าใหม่!”
เซี่ยเสี่ยวหลานมุ่งไปยังแผงลอยของเขาเทียบกับแผงอื่นที่ราคาค้าส่งย่อมเยาแล้วการค้าขายของเฉินซีเหลียงดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเลือกค้าส่งเสื้อผ้าคุณภาพกลางถึงสูงในต้นยุค 80 นั้นไม่ง่ายทีเดียวปริมาณค้าส่งเบ็ดเสร็จของเฉินซีเหลียงไม่มากมายเท่าคนอื่น แต่กำไรไม่น้อยเลยคนอื่นขายหนึ่งตัวอาจทำกำไรได้แค่หนึ่งหรือสองหยวน ทว่าราคาส่งเสื้อไหมพรมบนแผงของเฉินซีเหลียงล้วนเกิน 10 หยวน ขายหนึ่งตัวเทียบเท่ากับคนอื่นขายสามตัวยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเสื้อนอกขนสัตว์คุณภาพสูงราคาแพงระยับเ่าั้ราคาส่งแพงย่อมทำกำไรได้มากขึ้น!
“ครั้งนี้เธอหายไปนานเชียว”
เฉินซีเหลียงคิด คงไม่ใช่ว่าเสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดที่นำกลับไปขาดทุนหรอกนะ?
แม้จะเป็เช่นนี้เขาก็ไม่มีทางคืนเงินคืนสินค้าแก่เซี่ยเสี่ยวหลาน แม้เซี่ยเสี่ยวหลานมีรูปลักษณ์ที่สะสวยระดับสุดยอดทว่าบุรุษบนโลกนี้ไม่ได้หลงใหลในความงามกันทุกคน เถ้าแก่เฉินนั้นคิดว่า ‘ต้าถวนเจี๋ย’ น่ามองยิ่งกว่า
เซี่ยเสี่ยวหลานก็ค้นพบความเก่งกาจที่้าหาเงินทั้งจิตใจของเขาเหมือนกัน “สินค้าใหม่ล่ะ?”
เป็การบอกปริมาณการขายของเสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดให้เขารู้โดยอ้อม
เฉินซีเหลียงชี้ไปยังเสื้อนอกตัวหนึ่งซึ่งแขวนอยู่ด้านหลังเขา “เธอกล้าขายหรือไม่?!”
ด้านหลังของเฉินซีเหลียง แขวนเสื้อคลุมสไตล์เครื่องแบบกระดุมสองแถว [1] สีดำเอาไว้หนึ่งตัว เป็แบบของผู้ชาย!
ไม่แปลกใจที่เฉินซีเหลียงจะยุเธอ ปกติเซี่ยเสี่ยวหลานนำเข้าเสื้อผ้าสตรีมีเพียงคราวก่อนที่ซื้อเสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดของผู้ชายจำนวนหนึ่งเสื้อนอกสไตล์เครื่องแบบกระดุมสองแถวของสุภาพบุรุษ?
การแต่งกายอย่างเป็ทางการของผู้ชายในยุคนี้ล้วนคือสูทตะวันตกหลวมโคร่งขนาดค่อนข้างใหญ่ขากางเกงใหญ่ บ่าใหญ่ แขนเสื้อยาว... เซี่ยเสี่ยวหลานจินตนาการออกด้วยซ้ำเสื้อนอกแบบนี้เหมาะที่จะสวมใส่บนร่างของผู้ชายตัวสูง ยกตัวอย่างเช่นโจวเฉิงนั้นต้องดูดีเสียจนทำให้ผู้คนละสายตาไม่ได้แน่นอน ผู้ชายซางตูตัวไม่เล็กเซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถขายเสื้อนอกขนสัตว์ของผู้ชายประเภทนี้ได้
“ทำไมล่ะ เสื้อนี่ของคุณขายไม่ดีหรือ?”
เฉินซีเหลียงแววตาระยิบระยับ “เธอคงไม่รู้ว่าขายดีขนาดไหนแต่ฉันเห็นเธอเป็ลูกค้าประจำถึงเก็บไว้ให้”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว เธอถือว่าเป็ลูกค้าประจำอะไรกันเคยซื้อสินค้าเพียงสามหนเท่านั้น
“บอกราคาส่งของคุณมาหน่อย ถ้าย่อมเยา ฉันพอช่วยคุณขายได้”
เฉินซีเหลียงผิดหวัง หลอกยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “...ถูกสุด 80 หยวนต่อตัว นี่เป็เนื้อผ้าไคซือหมี่ [2] เชียวนะ!”
เซี่ยเสี่ยวหลานโต้แย้งเขาไปตามสัญชาตญาณ “คือแคชเมียร์”
ขนแพะูเา เส้นใยสัตว์ชนิดพิเศษที่หายาก วัสดุสิ่งทอที่ล้ำค่ายกย่องกันเป็สากลว่า ‘เพชรแห่งเส้นใย’ หรือ ‘ทองคำอ่อนนุ่ม’ เพราะแคว้นกัศมีระในทวีปเอเชียเคยเป็ศูนย์กลางกระจายขนแพะูเาไปยังยุโรปโดยทั่วไปจึงเคยชินเรียกขนแพะูเาว่า ‘แคชเมียร์’
ในประเทศเลือกใช้การทับศัพท์ เฉินซีเหลียงพูดไคซือหมี่ย่อมไม่ผิด
แต่เป็เสื้อนอกขนแพะจริงหรือ ทำไมจึงมีราคาส่งแค่ 80 หยวนต่อหนึ่งตัว?
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่จำเป็ต้องใช้มือัั ภายใต้แสงไฟสลัวเธอไม่ต้องเดินเข้าไปพินิจอย่างละเอียดด้วยซ้ำ ก็รู้ว่าเฉินซีเหลียงกำลังโกหกประเทศจีนปี 83 ผ้าขนแพะูเาไม่อาจขายในประเทศแน่นอนต่อให้มีผลิตภัณฑ์ขนแพะจำนวนน้อยนิดก็จะปรากฏเฉพาะในสถานที่เปิดต่อคนต่างชาติสุดแสนมีระดับอย่างห้างมิตรภาพปักกิ่งหรือโรงแรมจิ่นเจียงเซี่ยงไฮ้...โดยพื้นฐานคือสินค้าที่ตระเตรียมไว้เพื่อคนต่างชาติผู้ซึ่งมาพำนักอาศัยชั่วคราวในประเทศหอบต้าถวนเจี๋ยเป็ปึกก็ซื้อไม่ได้ ต้องใช้ ‘ไว่ฮุ่ยเชวี่ยน [3]’
ยุค 80 ขนแพะูเาเป็สินค้าดึงดูดเงินต่างชาติกิจการที่สามารถผลิตขนแพะูเาได้ก็ส่งออกทั้งหมดค้าขายขนแพะแลกเปลี่ยนเป็เงินสกุลอื่น ต้าถวนเจี๋ยไม่ใช่สกุลเงินระหว่างประเทศที่ตลาดสากลยอมรับถ้าจะนำเข้าเครื่องไม้เครื่องมือประเภทต่างๆ หากรัฐ้าไว่ฮุ่ยเชวี่ยนกิจการก็้าไว่ฮุ่ยเชวี่ยนเช่นกัน!
ยกตัวอย่างปี 83 เสื้อขนแพะูเาหนึ่งตัวราคาส่งออกคือประมาณ 25 ดอลลาร์สหรัฐ แล้วเสื้อนอกขนแพะต้องใช้ผ้าจำนวนมากขนาดไหน?
ผมมนุษย์หนึ่งเส้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 75 ไมครอน เส้นผ่านศูนย์กลางของขนแพะูเาปกติคือ 15-17 ไมครอน หากอยากนำขนแพะเส้นบางทอเป็ผืนผ้า มีข้อกำหนดสูงมากต่อความชำนาญด้านการ ‘แยกขน’ ประเทศจีนเพิ่งสร้างเครื่องแยกขนแพะูเาด้วยตนเองในปี 65 ก่อนหน้านี้ได้ทำการส่งออกวัตถุดิบขนแพะโดยตรงไม่มีเทคโนโลยีสำหรับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ พอเข้าต้นยุค 80 จึงได้นำเข้าเครื่องมือแยกขนขั้นสูงมาจากญี่ปุ่น การส่งออกผลิตภัณฑ์ขนแพะูเาของประเทศจีนก้าวสู่ระยะเพิ่มพูนด้วยความเร็วสูงสามารถกล่าวได้ว่าปี 1983 คือ่เวลาที่กิจการขนแพะสาละวนกับการทำกำไรจากเงินสกุลอื่นแล้วจะมีเสื้อนอกขนแพะมากมายขายที่ตลาดค้าส่งหยางเฉิงได้ที่ไหนกัน?
ทำไมเซี่ยเสี่ยวหลานถึงรู้ละเอียดชัดเจนเช่นนี้น่ะหรือ ในชาติก่อนเธอจบการศึกษามหาวิทยาลัยและได้ทำงานเป็พนักงานขายแต่มิใช่การขายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่อย่างใด สิ่งที่เธอขายคือเครื่องมือที่มีขนาดใหญ่...ครั้งหนึ่งเธอเคยขายเครื่องแยกขน เป็สินค้าผลิตในประเทศ เมื่อทำงานย่อมรักและสนใจในการงานเพื่อจะขายเครื่องจักรได้เธอยังต้องทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องั้แ่ต้นจนจบ!
ไม่คาดคิดว่าความทรงจำของเธอจะดีขนาดนี้ เอกสารที่เคยท่องจำเมื่อหลายปีก่อนยังจดจำได้ไม่แปลกใจเลยที่เธอสามารถนึกข้อสอบเกาเข่าวิชาคณิตศาสตร์ปี 84 ออก เซี่ยเสี่ยวหลานจึงใช้ประโยชน์จากศักยภาพความจำอันดีพกความมั่นใจเต็มเปี่ยม บดขยี้สหายเฉินซีเหลียงพ่อค้าขูดเืขูดเนื้อ
“เสื้อนอกนี่ไม่มีทางเป็ไคซือหมี่ คุณยังกล้าบอกราคาส่ง 80 หยวนอีก!”
เชิงอรรถ
[1]双排扣制服风大衣 เสื้อคลุมสไตล์เครื่องแบบกระดุมสองแถว คือเสื้อนอกที่ดัดแปลงแบบจากเสื้อคลุมทหาร มีลักษณะตัวเสื้อที่ยาว กระดุมสองแถว
[2]开司米 ไคซือหมี่ คือขนแพะแคชเมียร์หรือขนแพะูเา ผ้าที่ทำจากขนชนิดนี้มีน้ำหนักเบา อบอุ่นมากราคาสูงเพราะแพะแคชเมียร์หนึ่งตัวให้ขนจำนวนน้อยมาก
[3]外汇券 ไว่ฮุ่ยเชวี่ยน คือเงินตราที่ออกโดยธนาคารกลางของประเทศจีนเพื่อใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างชาติโดยเฉพาะเวลาซื้อสินค้าควบคุมอย่างเครื่องจักร ทองคำ สินค้านำเข้าก็ต้องใช้เงินชนิดนี้เหมือนการใช้ตั๋วประเภทต่างๆ ในปัจจุบันถูกยกเลิกไปแล้ว
