ถึงแม้ว่าหลี่เสวี่ยหรูจะไม่ได้ถูกพรากความบริสุทธิ์อย่างที่ซย่านีคิด แต่การที่เธอสามารถทำให้อีกฝ่ายัักับความรู้สึกสูญเสีย พร้อมกับขุดหลุมพรางใส่หลี่เสวี่ยหรูให้ตกลงไปได้นั้น เท่านี้ในใจของซย่านีก็รู้สึกคลายอารมณ์ลงไม่น้อยแล้ว
ซย่านีหยิบเงินปึกนั้นออกมาจากกระเป๋าแล้วลองนับดู มีเงินทั้งหมดสิบสามหยวน [1] กับอีกหกสิบสองเหมา [2] ต่อไปนี้เธอก็มีเงินทุนสำหรับเริ่มแผนธุรกิจของตนเองแล้ว
ซย่านีกำลังอารมณ์ดีเป็อย่างยิ่ง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงบูดบึ้งดังมาจากด้านหลัง
“เอาเงินมาให้ฉันซะ”
เป็หวังซิ่วอิงนั่นเอง
ซย่านียัดเงินลงกระเป๋าของตนเองด้วยท่าทางราวกับแม่ไก่ปกป้องอาหาร แล้วกล่าวว่า “นี่เป็เงินที่หลี่เสวี่ยหรูจ่ายให้ฉันเพื่อไปรักษาข้อมือค่ะ”
ตอนแรก หวังซิ่วอิงคิดจะตามซ่งเหม่ยอวิ๋นไปช่วยหาหลี่เสวี่ยหรูด้วยกัน แต่เด็กสาวนั้นเดินเร็วมาก พอเธอออกไปก็เห็นซ่งเหม่ยอวิ๋นเดินไปไกลแล้ว เธอจึงหันหลัง แล้วเข้าไปคุยกับเพื่อนบ้านแทน
ตอนที่เธอได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังออกมา ก็เป็ฉากที่ซย่านีกำลังยื่นมือออกไปเพื่อเรียกร้องค่ารักษาจากหลี่เสวี่ยหรู
ดังนั้นหวังซิ่วอิงจึงนิ่งเงียบมาตลอด รอจนกว่าซย่านีจะได้รับเงินนั้นมา
“หาหมออะไรกัน! ก็แค่ข้อมือบวมนิดหน่อยไม่ใช่หรือไง?” หวังซิ่วอิงยื่นมือออกมา พลางกล่าวว่า “ใช่ว่ามือจะหักแล้วเสียหน่อย ผ่านไปสักสองวันก็ดีขึ้นแล้ว ตอนที่เธอใช้ชีวิตอยู่บ้านนอก ใช่ว่าจะไม่เคยได้รับาเ็สักหน่อย อะไรจะบอบบางขนาดนั้น! เงินล่ะ รีบเอามาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย เธอกับลูกสามคนนั้นของเธอไม่มีแม้แต่สมุดอาหาร [3] ด้วยซ้ำ แถมในบ้านต้องเลี้ยงปากท้องของพวกแกอีกตั้งสามคน ให้กินฟรีอยู่ฟรีน่ะ มันใช่เื่ง่ายไหมฮะ? เร็วเข้า รีบเอาเงินนั่นมาให้ฉันซะ”
ยัยแก่ตัวร้ายเอ๊ย!
ซย่านีนึกสาปแช่งในใจ จากนั้นเธอก็แสดงสีหน้าน่าสงสาร “แม่ นี่เป็เงินที่หลี่เสวี่ยหรูให้ฉันไปตรวจข้อมือนะ”
หวังซิ่วอิงชักจะหมดความอดทนแล้ว เธอชี้หน้าซย่านี “รีบเอาเงินมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ เข้าใจไหม? ถ้าเธอไม่ให้เงินนั่นกับฉัน ก็หอบลูกสามคนนั้นของเธอ แล้วไสหัวออกไปจากบ้านของฉันซะ อย่ามากินข้าวบ้านฉันอีก!”
ซย่านีกำลังรอประโยคนี้อยู่นี่แหละ!
วินาทีต่อมา ซย่านีก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วล้มตัวกอดขาของหวังซิ่วอิงไว้ แล้วพูดขึ้นว่า “แม่คะ อย่าไล่ฉันกับลูกไปเลยนะ! อีกไม่นาน ข้อมือของฉันก็หายแล้ว เดี๋ยวฉันก็ทำงานให้แม่ได้แล้วค่ะ!”
“ถ้าแม่ไล่พวกเราออกไปล่ะก็ ฉันคงได้แต่พาลูกไปขออาหารตามข้างถนนแล้ว แม่ ฉันขอร้องนะคะ คราวหน้าฉันจะกินให้น้อยลง แล้วทำงานให้มากขึ้น!”
“ไม่อย่างนั้น คุณแม่ก็ไล่ฉันไปแค่คนเดียวเถอะค่ะ พวกเด็กๆ ยังเล็กอยู่เลย กินก็กินได้ไม่มากหรอก พ่อของพวกเด็กๆ เขาก็จ่ายเงินให้ครอบครัวทุกเดือน คงพอจะเลี้ยงเด็กสามคนนี้ได้ ขอร้องคุณแม่โปรดเมตตา อย่าไล่พวกเขาไปเลยนะคะ!”
“ซิงซิงเพิ่งจะอายุห้าเดือน ส่วนเสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์กับหยางหยางก็เพิ่งจะหกเจ็ดขวบกันเอง พวกเขาต่างก็เป็หลานแท้ๆ ของแม่นะคะ!”
ซย่านีน้ำตานองหน้า เธอร้องไห้ราวกับเป็หยางไป๋เหลาจากเื่สตรีผมขาว [4] แล้วปั้นให้หวังซิ่วอิงกลายเป็หวงซื่อเหวิน [5] ไปเสียแล้ว
เพื่อนบ้านด้านนอกยังไม่ทันสลายตัวก็รีบพากันมาดูละครฉากใหญ่ของบ้านตระกูลซ่งอีกครั้ง
เพื่อนบ้านคนหนึ่งที่เคยดูถูกซย่านีทนดูภาพตรงหน้าไม่ไหว จึงเอ่ยสนับสนุนซย่านีขึ้นมา “หวังซิ่วอิง คุณคิดจะทำอะไรกัน? ฤดูหนาวแบบนี้คุณจะให้ซย่านีไปที่ไหนได้อีก? เธอแค่ข้อมือได้รับาเ็ ก็เลยทำงานไม่ได้ไม่ใช่หรือไง? ให้เธอพักสักสองวันก็ได้นี่? ใน่ก่อนก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนก็ยังไม่มีเ้าของที่ดินคนไหนเอาเปรียบคนอื่นมากเท่าคุณเลยสักคน”
“ใช่แล้ว! พี่สะใภ้ซิ่วอิง ถึงที่ผ่านมาแม่สามีอย่างพี่จะสั่งให้ลูกสะใภ้ทำงานงกๆ พวกเราก็ไม่เคยก้าวก่าย แต่ถ้าพี่จะไล่ลูกสะใภ้ออกไปแบบนี้ มันก็ออกจะไร้เหตุผลเกินไปหน่อยมั้ง! ถึงหานเจียงจะพักอยู่ที่มหาลัย และเขาก็ไม่ค่อยกลับบ้านบ่อยๆ แต่ก็คงมีสักวันที่เขาจะกลับมาบ้านของเขา ถ้าเขารู้ว่าพี่ไล่ลูกกับเมียเขาออกจากบ้านไป เขาจะไม่ตำหนิพี่งั้นหรือ?”
หวังซิ่วอิงอายุอานามก็มากแล้ว นี่เป็ครั้งแรกที่เธอถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ต่อหน้า เธอโกรธมากที่ต้องมาอับอายเช่นนี้ “ใครบอกว่าฉันจะไล่เธอไปกันเล่า!”
“ถ้าคุณไม่ได้ไล่เธอ แล้วลูกสะใภ้คุณจะร้องห่มร้องไห้ได้ขนาดนี้ได้อย่างไร?”
“ใช่แล้ว ฉันเพิ่งได้ยินมาเองกับหู คุณเพิ่งบอกว่าจะไล่ลูกสะใภ้ของคุณออกจากบ้าน!”
หวังซิ่วอิงน้ำท่วมปาก ใครจะพูดว่าตนเองข่มขู่ซย่านีเพื่ออยากได้ค่ารักษาของลูกสะใภ้คนนี้ล่ะ ถ้าบอกไปแบบนั้นเธอคงกลายเป็แม่สามีใจร้ายแน่ๆ
ไม่รู้ว่าวันนี้ยัยตัวดีนี่เป็อะไรไป แต่ก่อนหวังซิ่วอิงเคยทั้งขอเงินทั้งให้หล่อนทำงานหนักๆ หล่อนไม่เคยปริปากบ่นสักคำ แต่วันนี้หล่อนกลับก่อเื่เสียได้!
ดูท่าแล้ว ที่หล่อนยอมเชื่อฟังก่อนหน้านี้ คงเสแสร้งทั้งเพ หล่อนนี่มันตัวหายนะชัดๆ!
ซย่านีไม่สนใจว่าหวังซิ่วอิงจะก่นด่าเธอในใจอย่างไร แต่วันนี้เธอจะต้องทำให้เพื่อนบ้านเห็นชัดๆ ว่าหวังซิ่วอิงรังแกพวกเธอสี่คนแม่ลูกยังไงบ้าง!
ซย่านียังคงร้องไห้โฮต่อไป “แม่คะ แม่ยังตำหนิเื่ที่ฉันแอบขโมยนมผงไปให้ซิงซิงดื่มอยู่ใช่ไหม? แต่ว่าซิงซิงอายุเพิ่งจะห้าเดือนเองนะคะ เขาตัวผอมขนาดนั้น ถ้าไม่ให้กินนม ฉันกลัวว่าจะเลี้ยงเขาไม่รอด! อีกอย่าง เดิมทีนมผงนั่นก็เป็ของที่พ่อของซิงซิงซื้อไว้ให้เขานะคะ!”
หวังซิ่วอิงตะลึงงัน ทำไมจู่ๆ หล่อนถึงโยงเื่นี้ไปเกี่ยวข้องกับเื่นมผงเสียแล้วเล่า?
เพื่อนบ้านรอบด้านได้ยินกันทั่ว ยัยตัวดีนี่นะ หวังซิ่วอิงยังแย่งอาหารไปจากปากเด็กทารกที่เพิ่งจะอายุแค่ห้าเดือนด้วยหรือนี่?
หวังซิ่วอิงเองรู้ว่า เื่นี้ทำไม่ถูกต้อง เธอไม่มีทางยอมรับมันแน่ๆ แต่ใครใช้ให้เธอมีลูกสาวไร้หัวสมองกันเล่า
“อะไรนะ? นี่พี่ขโมยนมผงไปงั้นหรือ?” ซ่งเหม่ยอวิ๋นพลันร้อนรนขึ้นมา ก่อนหน้านี้เธอได้ยินมาว่า น้ำนมสามารถช่วยให้ผิวขาวสวยขึ้นได้ ดังนั้นทุกๆ คืนเธอจะชงนมผงดื่มหนึ่งแก้วเสมอ คราวนี้ไม่มีนมผงแล้ว เธอย่อมต้องเป็คนแรกที่ไม่ยอมอยู่เฉย “นมผงล่ะ? พี่รีบเอานมผงนั่นมาคืนฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ซย่านีเอ่ยด้วยดวงตาแดงก่ำ “นั่นเป็นมผงของซิงซิงลูกฉันต่างหาก!”
ซ่งเหม่ยอวิ๋นกำลังจะอ้าปากพูดก็ถูกหวังซิ่วอิงตวาดใส่ “หุบปากซะ!” จากนั้นเธอก็หันไปพูดกับซย่านีต่อ “ใครจะสนใจนมผงของเธอกันฮึ นมผงมีค่าจะตายไป ถ้ากินถุงนี้หมดก็ไม่มีถุงต่อไปแล้ว ฉันกลัวว่าเธอจะให้ซิงซิงกินมันทุกมื้อ แล้วจะสิ้นเปลืองต่างหาก!”
ซ่งเหม่ยอวิ๋นขบริมฝีปากอย่างไม่ยินยอม
ทันใดนั้นซย่านีก็ดูท่าทางเหมือนจะเชื่อขึ้นมาจริงๆ เธอยิ้มพลางกล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ แม่คะ เป็ฉันเองที่เข้าใจแม่ผิดไป”
เหล่าเพื่อนบ้านหันไปมองหน้ากัน พร้อมกับขบเม้มริมฝีปากพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
พวกเขานึกบ่นในใจ ลูกสะใภ้จากบ้านนอกคนนี้ช่างเชื่อฟังเกินไปแล้ว หวังซิ่วอิงพูดแบบนี้ เธอก็ยังเชื่อจริงๆ น่ะหรือ? ถ้าเด็กทารกไม่ดื่มนมชงทุกมื้อ แล้วจะให้เขาดื่มอะไรได้อีกเล่า?
“เอาล่ะๆ แยกย้ายกันไปได้แล้ว! นี่ก็ดึกมากแล้ว ไม่ยอมหลับยอมนอนมัวมายืนทำอะไรที่หน้าประตูบ้านคนอื่นกันฮะ?!” หวังซิ่วอิงร้อนอกร้อนใจ เธอชี้ไปทางซ่งเหม่ยอวิ๋นพลางกล่าวว่า “เหม่ยอวิ๋น ปิดประตูซะ!”
เพื่อนบ้านที่พากันมุงดูอย่างอึกทึกครึกโครมพลันถูกกีดกันไว้ด้านนอกประตู
“ก่อเื่จนได้ พอใจแล้วหรือยัง?” หวังซิ่วอิงโกรธจนหอบขึ้นคอ เธอถลึงตาจ้องหน้าซย่านีพร้อมกับก่นด่าอีกฝ่าย “ยัยตัวปัญหา ตอนนั้นฉันไม่น่ายอมให้หานเจียงแต่งเธอเข้าบ้านมาเลย!”
ซย่านีไม่ตอบอะไร จะด่าก็ด่าไปสิ อย่างไรเสียวันนี้เธอก็ได้ผลประโยชน์แล้ว ได้ทั้งเงินแล้วก็ยังได้นมผงคืนมาอีก แถมยังทำให้แม่สามีกับน้องสามีไม่กล้ารังแกเธอตามใจชอบได้อีกต่อไป
“ซย่านี ตอนนั้นเธอใช้วิธีไหนกันนะ ถึงได้แต่งงานกับพี่รองของฉันน่ะ?” ซ่งเหม่ยอวิ๋นนึกถึงเื่นี้ขึ้นมาก็ยิ่งเดือดดาล “ตอนนั้นเห็นอยู่ชัดๆ ว่าก่อนที่พี่รองจะไปชนบท เขาก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ทำไมไปชนบทได้ไม่ถึงสองปีก็แต่งเธอเข้าบ้านเสียได้? ต่อให้เขาจะเปลี่ยนใจเร็วแค่ไหน ก็เป็ไปไม่ได้ที่จะตกหลุมรักคนอย่างเธอ?!”
ซย่านีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ “คนอย่างฉันมันทำไม? ฉันน่ะนิสัยก็ดี! แถมยังขยันขันแข็ง ทำงานก็เก่งอีก!”
ซย่านีมีท่าทีราวกับถูกจี้ใจดำ แต่ก็ยังยืนกรานจะหาข้ออ้างต่อไป
ก่อนที่ซย่านีจะหนีกลับเข้าห้องอย่างจนมุม ซ่งเหม่ยอวิ๋นก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมุ่งร้าย “เธอคงไม่รู้สิท่า ผู้หญิงคนนั้นน่ะสอบติดมหา’ลัยปักกิ่งด้วยนะ และตอนนี้ผู้หญิงคนนั้น ก็ยังเป็เพื่อนร่วมชั้นกับพี่รองด้วย ซย่านีเธอน่ะรอดูเถอะ ไม่ช้าก็เร็วพี่รองจะต้องหย่ากับเธอแน่!”
ซย่านีกัดฟันตอบ “ฉันจะรอดู!”
จากนั้นเธอก็ปิดประตูเสียงดังปัง
ซย่านียืนพิงประตู สีหน้าลนลานเมื่อครู่พลันสลายหายไปทันที เธอส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะเบาๆ หากว่าซ่งเหม่ยอวิ๋นคิดว่าคนในใจของซ่งหานเจียงคนนั้นจะมาจี้จุดเธอได้ล่ะก็ หล่อนคิดผิดแล้ว
เธอไม่เพียงแต่รู้ว่าซ่งหานเจียงมีคนในใจอยู่แล้ว แต่เธอยังรู้อีกด้วยว่า ผู้หญิงคนนั้นชื่อเหวินยางยาง
เชิงอรรถ
[1] หยวน 块 คือ หน่วยเงินจีน ภาษาเขียนคือ หยวน (元) ภาษาพูดเรียกว่า ไคว่ (块)
[2] เหมา 毛 หรือ เจี่ยว 角 คือ หน่วยเงินจีน 10 เหมา มีค่าเท่ากับ 1 หยวน [10 เจี่ยว(เหมา) เท่ากับ 1 หยวน (ไคว่) - 10 角(毛)= 1 元(块)]
[3] สมุดอาหาร 粮本 คือ โควตาธัญพืชที่ประเทศจัดสรรให้กับทุกคนก่อนการปฏิรูปและเปิดประเทศ
[4] สตรีผมขาว 白毛女 หรือ "The White-Haired Girl" เป็ภาพยนตร์ดราม่าที่ผลิตโดย Northeast Film Studio ซึ่งภาพยนตร์เื่นี้เข้าฉายในประเทศจีนเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2494
[5] หวงซื่อเหริน 黄世仁 คือ เป็ตัวร้ายที่ปรากฏในผลงาน "The White-haired Girl" ซึ่งเป็ตัวแทนของเ้าของบ้านอันธพาลคอยกลั่นแกล้งตัวเอก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้