ฟ้าดินเหมือนดั่งจะกลายเป็โลกสีฟ้าคราม เย็นะเืผืนหนึ่ง จิตสมาธิของจ้านอู๋มิ่งล้วนจมดิ่งอยู่ท่ามกลางโลกสีฟ้าครามนี้จนหมดสิ้น มิทราบจะจมดิ่งไปถึงสถานที่ใด
“ตูมมม…” ไม่ทราบว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว จ้านอู๋มิ่งรู้สึกถึงจิติญญาแห่งชีวิตที่สั่นะเืคราหนึ่ง ทันใดนั้นในโลกที่แสนเย็นะเืก็ปรากฏวังน้ำวนขึ้นแห่งหนึ่ง ด้านล่างของกระแสน้ำวนกลายเป็หลุมดำแห่งหนึ่ง กลืนกินสีสันของสีน้ำเงินอันเย็นะเืแห่งน่านน้ำมหาสมุทรอย่างรวดเร็ว
จ้านอู๋มิ่งเหมือนดั่งเรือลำเดียวที่อยู่ท่ามกลางวังน้ำวน ในที่สุดโลกสีฟ้าครามแสนเย็นเยือกนั้นแปรเปลี่ยนกลายเป็ม่านหมอกโกลาหลกลุ่มหนึ่ง
“ทลายให้กับเรา!” จ้านอู๋มิ่งรู้สึกตัวเองเล็กจ้อยยิ่งนัก ในหลุมดำคล้ายดั่งจะไม่มีแสงสว่างอีกตลอดกาล แต่สามัญสำนึกบอกเขาว่า สิ่งเหล่านี้จำต้องมีการเปลี่ยนแปลง จ้านอู๋มิ่งเผาผลาญธาตุแห่งชีวิตอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา
“ตูมมม…” ฟ้าดินสว่างไสวขึ้นมาทันใด โลกสีฟ้าครามเย็นะเืแปรเปลี่ยนเป็เศษชิ้นเล็กชิ้นน้อย หลุมดำก็แปรเปลี่ยนเป็เศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยเช่นกัน ฟ้าดินช่างเงียบสงัด จิติญญาแห่งชีวิตของจ้านอู๋มิ่งหวนคืนกลับมาอีกครั้ง แต่กลับมีช่องว่างแปลกพิสดารเพิ่มขึ้นมาอีกแห่งหนึ่ง แสงสว่างสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนแหวกว่ายอยู่ในนั้น พร้อมด้วยพลังชีวิตไร้ขีดจำกัด จ้านอู๋มิ่งตกตะลึงเมื่อพบว่าตนบุกเบิกถ้ำนภาเล็กๆ ขึ้นมาแห่งหนึ่งในจิติญญาแห่งชีวิตของตน ภายในถ้ำนภา ธาตุวารีจำนวนมากมายนับมิถ้วนทำให้เกิดจุดแต้มสีฟ้าสว่าง งดงามและมีชีวิตชีวา
จ้านอู๋มิ่งตกตะลึงสุดขีด นี่มันเกิดอะไรขึ้น เปิดถ้ำนภาในจิติญญาแห่งชีวิตขึ้นแห่งหนึ่ง เพื่อให้สอดคล้องกับพลังธาตุในธาตุแห่งชีวิต สถานการณ์เช่นนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ในคัมภีร์เทพอนัตตาก็มิเคยพูดถึงเช่นกัน นักบ่มเพาะจิติญญาแห่งชีวิตสามารถเปิดถ้ำนภาขึ้นมาได้ด้วยหรือ?
จ้านอู๋มิ่งรู้สึกถึงถ้ำนภาแห่งธาตุวารีของตนนั้นเสถียรมั่นคงอย่างยิ่ง ไม่เหมือนก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเหตุฉุกเฉินชั่วคราว สิ่งนี้ทำให้เขาคลายความกังวลในใจลงได้บ้างแล้ว ถึงอย่างไรเป็วาสนามิใช่คราวเคราะห์ เป็คราวเคราะห์ย่อมหลีกหนีไม่พ้น เขาทดลองใช้พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาตรวจสอบดู ไม่พบร่องรอยความผิดปกติใดๆ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
ธาตุวารีในธาตุแห่งชีวิตดูเหมือนจะค้นพบทางออกแล้วก็มิปาน พุ่งพรวดเข้าไปในถ้ำนภาแห่งธาตุวารีนี้ ทุกครั้งที่ธาตุวารีเพิ่มเข้าไปส่วนหนึ่ง จุดแสงสีน้ำเงินสว่างภายในถ้ำนภาก็จะเพิ่มมากขึ้นส่วนหนึ่ง ถ้ำนภาธาตุวารีนี้ดูเหมือนจะอยู่อย่างอิสระ ไม่ส่งผลต่อจิติญญาแห่งชีวิตและธาตุอื่นๆ ในธาตุแห่งชีวิต เมื่อถ้ำนภาก่อตั้งสำเร็จ ทันใดนั้นก็มีพลังธาตุวารีหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายตนอย่างไร้สิ้นสุด ฐานบ่มเพาะปรมาจารย์นักยุทธ์ที่ข่มกลั้นมานานก็มิสามารถควบคุมได้อีกต่อไป ทะลวงด่านขึ้นมาทันใด
ราชันาหนึ่งดาว…ราชันาหนึ่งดาวสูงสุด…ราชันาสองดาว…ราชันาสองดาวสูงสุด…ราชันาสามดาว…ราชันาสี่ดาว…ราชันาสี่ดาวสูงสุด…การทะลวงด่านดำเนินไปอย่างต่อเนื่องมิหยุดยั้ง
พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ในร่างของจ้านอู๋มิ่งราวกับกระแสน้ำหลากก็มิปาน ทะลุทะลวงผ่านอุปสรรคไปทีละชั้นๆ สำหรับเขาแล้ว ไร้อุปสรรคในการหยั่งรู้ของขอบเขตใดๆ ขอเพียงมีพลังงานมากเพียงพอ ระดับการบ่มเพาะของเขาก็สามารถทะยานขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
จ้านอู๋มิ่งมิสามารถควบคุมพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างพรวดพราด ระหว่างฟ้าดินดูเหมือนจะมีธาตุวารีไร้ที่สิ้นสุด ธาตุวารีแปรเปลี่ยนเป็พลังเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่ง ถ้ำนภาที่เพิ่งบุกเบิกเปิดออกมาดูเหมือนหิวกระหายยิ่งนัก ดูดซับและผันแปรอย่างสุดชีวิต แล้วย้อนกลับมาบำรุงหล่อเลี้ยงร่างกาย ฐานบ่มเพาะของจ้านอู๋มิ่งยกระดับพัฒนาขึ้นอย่างบ้าคลั่ง อัตราความเร็วที่เพิ่มขึ้นนี้เหมือนกับการพุ่งทะยานของลูกธนูก็มิปาน ทำให้จิตใจจ้านอู๋มิ่งรู้สึกครั่นคร้ามอย่างบอกมิถูก เขาไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งนี้ไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง แต่ว่าในยามนี้เขากลับไม่คิดอะไรมาก ตั้งสติและจิตสมาธิให้หนักแน่นมั่นคงไว้ ช่วยให้ร่างกายดูดซับพลังงานเข้ามาอย่างเต็มที่ ปรับสภาพให้รากฐานมั่นคงหนักแน่น
“ตูมมม…” ราชันาห้าดาว!
ทะลวงด่านบรรลุขอบเขตสูงขึ้นอีกครั้ง อัตราความเร็วในการดูดซับธาตุวารีในถ้ำนภาค่อยๆ ช้าลง จุดแสงสีฟ้าเ่าั้ค่อยๆ ก่อตัวเป็ก้อนเมฆสว่าง เป็ปุยเมฆชั้นแล้วชั้นเล่า ล่องลอยอยู่ภายในถ้ำนภา
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานแค่ไหน จ้านอู๋มิ่งสะท้านทั้งร่างคราหนึ่ง ถึงกับทะลุทะลวงขอบเขตราชันาหกดาวแล้ว พลังงานที่พุ่งเข้าสู่ร่างกายก็ช้าลงเรื่อยๆ
จ้านอู๋มิ่งค่อยๆ ควบคุมอัตราความเร็วในการดูดซึมพลังได้แล้ว พลังเหนือธรรมชาติที่จำเป็ถูกใช้ในการทะลวงด่านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ จ้านอู๋มิ่งไม่ยับยั้งความเร็วในการทะลวงด่านอีกต่อไป และปล่อยให้ร่างกายดูดซึมพลังอย่างเป็อิสระ เขากระจ่างแจ้งทันที กายเนื้อของตนนั้นแตกต่างจากผู้อื่น ถ้าเปลี่ยนเป็ผู้อื่น การทะลวงด่านบรรลุขอบเขตอย่างมากมายบ้าคลั่งเช่นนี้ แม้มิถูกธาตุไฟเข้าแทรก แต่ร่างกายก็จะทนรับกับการกัดกร่อนของพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ที่รุนแรงเช่นนี้มิไหว กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและเส้นชีพจรล้วนฉีกขาดพังทลายสิ้น ตลอดจนร่างกายะเิเสียชีวิต
แต่ร่างกายจ้านอู๋มิ่งนั้นแข็งแกร่งดุจทองคำ เป็ดั่งศิลาหิน การกัดกร่อนเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วไม่นับเป็ปัญหาใดๆ และการตระหนักรู้ระดับขอบเขตของเขานั้นห่างไกลเกินกว่าขอบเขตปัจจุบันมากมายยิ่งนัก จึงไร้อันตรายใดๆ จากการถูกธาตุไฟเข้าแทรก
“ตูมมม!” ในที่สุดก็ทะลวงด่านบรรลุขอบเขตราชันาเจ็ดดาวแล้ว อัตราการดูดซับธาตุวารีก็ค่อยๆ หยุดลง คล้ายจะถึงจุดเปลี่ยนแล้ว
จ้านอู๋มิ่งค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองจมอยู่ใต้ผืนน้ำมืดสลัว เขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่ามันลึกเพียงไหนกันแน่ ลูกแก้วธาตุวารีในปากของเขาหายไปเนิ่นนานแล้ว แรงกดดันน้ำโดยรอบดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบใดๆ สำหรับเขา ความรู้สึกสบายตัวทำให้เขาหายใจและใช้พลังเหนือธรรมชาติของวารีที่อุดมสมบูรณ์ในน้ำได้อย่างอิสระเหมือนเช่นสัตว์น้ำ คล้ายดั่งเขาเป็ส่วนหนึ่งของสายน้ำ
จ้านอู๋มิ่งมองดูสถานที่นี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เจตจำนงของคุนเผิงไม่ส่งกระทบต่อฐานการบ่มเพาะพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของเขา เขาไม่รู้สึกถึงการสะกดข่มใดๆ
“นี่คือสิ่งใด?” จ้านอู๋มิ่งรู้สึกว่าตนเองอยู่บนก้อนหินกลมๆ ก้อนหนึ่ง พลังแปลกประหลาดชนิดหนึ่งแผ่ออกมาจากภายในก้อนหิน พลังนี้ทำให้เขารู้สึกคล้ายดั่งมีความใกล้ชิดยิ่งนัก เขานึกถึงพลังธาตุวารีที่บ้าคลั่งสายนั้นเมื่อครู่นี้
ก้อนหินกอปรด้วยพลังิญญาน้ำอันบริสุทธิ์ที่ไม่ธรรมดา บนนั้นมีพลังธาตุที่เข้มข้นอย่างยิ่ง มันแทบจะหลุดพ้นขอบเขตของพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของแผ่นดินนี้แล้ว พลังเหนือธรรมชาตินี้ใกล้เคียงกับพลังแก่นแท้จิติญญาของดินแดนปฐมภูมิอย่างยิ่ง แต่กลับเป็พลังธาตุวารีอันบริสุทธิ์ยิ่งเพียงอย่างเดียว
กลับมีหินก้อนใหญ่ขนาดมหึมาที่เต็มไปด้วยพลังแก่นแท้จิติญญาเช่นนี้ ปริมาณพลังแก่นแท้จิติญญาในหินก้อนนี้มากกว่าลูกแก้วพลังอย่างมากมายแน่นอน ในที่สุดจ้านอู๋มิ่งก็เข้าใจแล้ว เมื่อครู่ไฉนระดับพลังการบ่มเพาะของเขาจึงได้ทะยานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เนื่องจากเขาเผลอไปผันแปรพลังธาตุวารีภายในร่างกาย ขณะเดียวกันพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาก็ได้ดูดซับพลังธาตุวารีบริสุทธิ์จากภายในหินก้อนนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาดูดซับพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของฟ้าดินอย่างยากลำบาก จู่ๆ ก็ได้รับพลังแก่นแท้จิติญญา พลังที่ระดับขอบเขตเลิศล้ำกว่าพลังจิติญญาการต่อสู้ของโลกนี้มากมายนัก เขาย่อมมิสามารถควบคุมการยกระดับขอบเขตฐานบ่มเพาะได้ แต่ก็มีเพียงครั้งแรกที่ััพลังแก่นแท้จิติญญาเท่านั้น จึงจะยกระดับขอบเขตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ต่อไปเมื่อพบกับพลังแก่นแท้จิติญญาอีกครั้ง การยกระดับขอบเขตการบ่มเพาะก็จะไม่รวดเร็วมากเช่นนี้แล้ว
จ้านอู๋มิ่งไม่้าปล่อยหินก้อนนี้ไป สิ่งนี้ต้องเป็สมบัติวิเศษที่ประเมินค่ามิได้อย่างแน่นอน ปริมาณของลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญามีจำนวนจำกัดยิ่งนัก เทพเ้าาล้วนยึดถือเป็สมบัติวิเศษล้ำค่า หากพวกเขาทราบว่าในมือจ้านอู๋มิ่งมีศิลาหินวิเศษที่มีพลังแก่นแท้จิติญญาอุดมสมบูรณ์มากยิ่งกว่าลูกแก้วพลังจะต้องอิจฉาตาร้อนอย่างแน่นอนทีเดียว
พลังธาตุวารีที่บริสุทธิ์เช่นนี้ แม้แต่ในอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ ก็เป็สมบัติล้ำค่าที่หายากยิ่งนักเช่นกัน หมูล่าขุมทรัพย์ตัวนั้นรีบเร่งห้อตะบึงมาถึงที่นี่อย่างบ้าคลั่ง คาดว่าก็เพราะััถึงความผิดปกติของพลังแก่นแท้จิติญญาของที่นี่นั่นเอง
หมูล่าขุมทรัพย์เป็สัตว์อสูรระดับขอบเขตเทพยดา มีความอ่อนไหวต่อพลังเหนือธรรมชาติชนิดต่างๆ มากเป็พิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวต่อพลังแก่นแท้จิติญญายิ่งนัก พลังจิติญญาของหินก้อนนี้ไม่ได้อยู่ในระดับขอบเขตเดียวกับพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง คิดจะมิให้หมูล่าขุมทรัพย์เกิดอาการคลุ้มคลั่งก็คงจะไม่ได้
แสงสว่างใต้น้ำนั้นสลัวยิ่งนัก ถึงแม้ภายในร่างของจ้านอู๋มิ่งจะมีธาตุวารีบริสุทธิ์อย่างอุดมสมบูรณ์ยิ่ง ใกล้ชิดกับสายน้ำมาก แต่ว่าความรู้สึกต่อแสงสว่างกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ มิทราบเช่นกันว่าสถานที่นี้ลึกมากเพียงใด เขาลูบคลำตามก้อนหินลงไปด้านล่าง หินก้อนนี้ลักษณะเหมือนกับลูกทรงกลมขนาดใหญ่มหึมาก้อนหนึ่ง ฝังลงไปอยู่ใต้ดินทรายครึ่งหนึ่ง
จ้านอู๋มิ่งออกแรงโยกครั้งหนึ่ง สลัดก้อนหินดินทรายที่อยู่ใกล้เคียงออกไป แล้วจึงยกหินก้อนนั้นขึ้นมา หินก้อนนี้กลับเป็รูปทรงกลม ขนาดประมาณสามหรือสี่ตารางวา จ้านอู๋มิ่งลอบประหลาดใจจนพูดไม่ออก ศิลาหินวิเศษใหญ่ถึงเพียงนี้ก้อนหนึ่ง จึงไม่แปลกที่มีพลังแก่นแท้จิติญญามากมาย คิดถึงลูกแก้วพลังที่มีขนาดเท่ากำปั้น จะนำมาเปรียบเทียบกับหินก้อนนี้ได้อย่างไร
หินก้อนใหญ่ขนาดนี้ก้อนหนึ่ง จ้านอู๋มิ่งรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง คิดจะใส่ไว้ในแหวนจักรวาลก็ไม่ใช่เื่ที่ง่ายนัก คงต้องจัดระเบียบแหวนจักรวาล ต้องทำให้แหวนว่างเปล่าสักวงจึงจะใช้ได้
“ว้าว…” หลังจากที่จ้านอู๋มิ่งอุ้มยกก้อนหินั์ขึ้นมาจากทราย ใต้น้ำปรากฏแสงสว่างสีฟ้าอ่อนขึ้นมา เขาถือก้อนหินใหญ่ด้วยมือข้างเดียว ใช้มืออีกข้างคว้าคราหนึ่ง เมื่อนำเข้ามาดูใกล้ๆ สายตา กลับเป็หินวารีิญญาที่ระดับความบริสุทธิ์สูงยิ่งนัก ใต้น้ำยังมีอีกจำนวนมากมาย แต่ละชิ้นมีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ ทั้งหมดกลับล้วนเป็หินวารีิญญาชั้นสูง
“ร่ำรวยแล้ว!” จ้านอู๋มิ่งปีติยินดีแทบคลุ้มคลั่ง
ศิลาหินวิเศษพลังธาตุวารีบริสุทธิ์ก้อนนี้เขามิกล้านำออกมาแสดงให้ผู้อื่นเห็น คนไม่มีความผิด แต่ผิดที่หยก เหตุผลนี้เขายังคงทราบดีอยู่ แต่หินวารีิญญาน้ำนั้นยังนับว่าไหวอยู่ ไม่ทราบว่าศิลาหินวิเศษล้ำค่าเปี่ยมพลังธาตุก้อนนี้ตั้งอยู่ก้นทะเลสาบนี้มานานกี่ปีแล้ว ก้อนหินธรรมดาด้านล่างหล่อเลี้ยงด้วยพลังธาตุของมัน อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังวารีเหนือธรรมชาติ เวลาผ่านไปเกินนานนับ พลังเหนือธรรมชาติก็จะก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น หากผ่านไปนานมากขึ้นอีกหน่อย บางทีหินวารีิญญาเหล่านี้ยังสามารถเปลี่ยนเป็ศิลาธาตุก็ได้ เช่นนั้นสิ่งที่พวกมันมีอยู่ก็มิใช่พลังวารีเหนือธรรมชาติอีกต่อไป แต่เป็พลังแก่นแท้จิติญญา สามารถนำมาใช้งานแทนลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญาได้แล้ว
จ้านอู๋มิ่งวางก้อนหินั์ลง รวบรวมหินวารีิญญาสีฟ้าอ่อนทั้งหมดที่ลอยขึ้นเนื่องจากการปั่นป่วนของกระแสน้ำ เขาเก็บขึ้นมาทั้งหมด จากนั้นใช้สองมือประสาน ดึงแผ่นหินโคลนใต้ก้นทะเลสาบออกมา ใต้แผ่นหินโคลนเป็หินวารีิญญาชั้นแล้วชั้นเล่า ตำแหน่งยิ่งอยู่ใกล้ก้อนหินั์มหึมา ความบริสุทธิ์ของหินวารีิญญาก็ยิ่งสูง จ้านอู๋มิ่งกลับพบหินวารีิญญาระดับสูงสุดห้าก้อนโดยไม่คาดคิด หินวารีิญญาคุณภาพสูงก็กองสุมเป็กองใหญ่ๆ กองหนึ่งเช่นกัน ล้วนเก็บใส่แหวนจักรวาลจนหมดสิ้น
จ้านอู๋มิ่งโชคดียิ่งนัก ถึงแม้ตนเองจะมีฐานบ่มเพาะไม่สูงมาก แต่แหวนจักรวาลกลับมีอยู่ไม่น้อย สิ่งนี้คือผู้ช่วยที่ดีที่สุดในการปล้นจี้ ลักขโมยและสังหารคนเพื่อชิงทรัพย์ จ้านอู๋มิ่งมีในร่วมหลายสิบวง นอกจากนี้ยังมีกำไลข้อมือเก็บของ พื้นที่กว้างขวางอย่างมากอีกสองอันชิ้น สิ่งของสองชิ้นนี้ได้รับมาจากหนานกงเจี้ยนเซ่อและหนานกงพั่วไฮว่ สองพี่น้องจักรพรรดิา จ้านอู๋มิ่งยิ้มรับไว้อย่างมิเกรงใจแม้แต่น้อยนิด
จ้านอู๋มิ่งงานยุ่งราวผึ้งตัวน้อยที่ขยันขันแข็ง เหมืองหินวารีิญญาแห่งนี้เติบโตขึ้นตามชั้นโคลนด้านล่างของทะเลสาบ เปิดเผยออกมาให้เห็นจนหมดสิ้นใต้ทะเลสาบ จ้านอู๋มิ่งเบิกบานสำราญใจยิ่งนัก การขุดเหมืองที่อื่น มิรู้จะต้องขุดลึกเข้าไปในูเามากเพียงใดจึงสามารถเจอหินจิติญญาเพียงไม่กี่ก้อน ในสถานที่นี้เขาราวกับเลือกซื้อหินจิติญญาก็มิปาน จะมิให้รู้สึกเบิกบานใจได้อย่างไร เพื่อมิให้หินจิติญญาตกหล่นแม้แต่ก้อนเดียว จ้านอู๋มิ่งลงมือขุดคุ้ยอย่างร่าเริงในส่วนลึกของทะเลสาบ
ไม่ว่าจะเป็หินจิติญญาระดับสูงหรือหินจิติญญาระดับต่ำ ทั้งหมดถูกโยนเข้าไปในแหวนจักรวาล หินจิติญญาระดับสูงและหินจิติญญาระดับคุณภาพดีที่สุดใส่ในแหวนจักรวาลวงหนึ่ง หินจิติญญาระดับกลางใส่ในแหวนจักรวาลวงหนึ่ง หินจิติญญาระดับต่ำใส่ในแหวนจักรวาลอีกวงหนึ่ง จ้านอู๋มิ่งเก็บด้วยความรู้สึกยินดีและเป็สุข แสงสีน้ำเงินส่องประกายระยิบระยับในแหวนสิบวงบนสิบนิ้ว หินจิติญญาลอยเข้าไปในแหวนดัง "สวบ สวบ" อย่างต่อเนื่อง ไม่มีตกหล่นแม้แต่เม็ดเดียว
จ้านอู๋มิ่งเก็บหินจิติญญาจนเพลิดเพลิน ลืมเวลาไปเสียแล้ว เมื่อจ้านอู๋มิ่งพบว่าหินจิติญญาคุณภาพสูงกองซ้อนเป็เนินเขาขนาดย่อมลูกหนึ่งในแหวนจักรวาล หินจิติญญาระดับกลางใส่จนพูนเต็มแหวนจักรวาลวงหนึ่ง ไม่สามารถใส่เพิ่มได้อีกแล้ว และหินจิติญญาระดับต่ำเต็มหนึ่งกำไลข้อมือสำหรับเก็บของและเพิ่มด้วยแหวนจักรวาลอีกสามวง ใต้ทะเลสาบนี้ได้ถูกเขาขุดลึกลงไปแล้วหลายฟุต น้ำที่ก้นทะเลสาบนั้นถูกกวนจนขุ่นไปหมด สภาพราวกับฝูงตั๊กแตนข้ามพรมแดนมาอาละวาดก็มิปาน ไม่ทิ้งสิ่งใดเอาไว้ หินจิติญญาทั้งหมดถูกกวาดเรียบจนเกลี้ยงหมดสิ้นแล้ว
จ้านอู๋มิ่งรู้สึกชื่นชมในความกระตือรือร้นของตนเองยิ่งนัก ช่างทุ่มเทเกินไปแล้ว ตนมีพร์ในการเป็ผู้เชี่ยวชาญในการขุดเหมือง ขุดจนไม่เหลือแม้แต่เหรียญทองแดงสักเหรียญเดียว
หินจิติญญาไม่เหลือแล้ว จ้านอู๋มิ่งก็รู้สึกหิวแล้วเช่นกัน ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดอย่างยิ่ง เมื่อครู่ตอนที่ขุดอยู่ไม่รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย คล้ายกับได้เห็นหินจิติญญาก็รู้สึกอิ่มเอมแล้วเช่นนั้น แต่พอหินจิติญญาถูกขุดจนหมดสิ้น ก็หิวจนท้องกิ่วขึ้นมาทันควัน จ้านอู๋มิ่งวิพากษ์ในใจ เมื่อก่อนต่อให้มิได้กินร่วมครึ่งเดือนก็มิหิวถึงเพียงนี้เลยนี่ มิใช่เพราะการขุดเหมืองใช้พลังงานมากเกินไปกระมัง จึงทำให้ตนเหนื่อยและหิวมากจนกลายเป็เช่นนี้ แต่เมื่อครู่ก็มิได้รู้สึกว่าเหนื่อยแม้แต่น้อย ด้วยพลังร่างกายของตน ต่อให้มีเหมืองหินจิติญญาเช่นนี้เพิ่มอีกแห่ง ขุดให้หมดเกลี้ยงในรวดเดียวก็มิรู้สึกเหนื่อย
จ้านอู๋มิ่งหยิบเนื้อแห้งออกมาจากแหวนจักรวาล ช่วยไม่ได้ กินใต้น้ำเสียเลย พร้อมกับดูว่ามีสิ่งใดเล็ดลอดสายตาไปบ้าง ถ้าต้องขึ้นสู่ผิวน้ำแล้วดำดิ่งลงมาใหม่อีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะต้องเสียเวลามากมายเพียงใด