ตอนที่ 4 คล็ดวิชาร่างกายเทพปีศาจ
โจวเย่ รู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง เขาหายจากอาการาเ็และยังคงย่อยความทรงจำของเทพปีศาจ นี้เป็สิ่งล้ำค่าอย่างยิ่งสำหรับโจวเย่
“ช่างน่ากลัวจริงๆ! เป็เทพปีศาจที่ทรงพลังมาก !” โจวเย่ อุทานด้วยควาวตื่นเต้น ความปีติยินดีในใจของเขาเกินคำบรรยาย
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้รับความทรงจำเกี่ยวกับเทพปีศาจ แต่โจวเย่ก็ี้เีเกินกว่าจะคิด
สำหรับโจวเย่ในปัจจุบัน การฟื้นฟูความแข็งแกร่งเป็สิ่งสำคัญที่สุด
โจวเย่ สำรวจเข้าไปในความทรงจำอันทรงพลังในความทรงจำของเทพปีศาจ เคล็ดวิชาการบ่มเพระต่างๆทรงพลังมาก และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะฝึกฝน เคล็ดวิชา ร่างกายเทพปีศาจ ซึ่งเป็เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาวิชามากมายของเทพปีศาจ เทพปีศาจเองก็ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาร่างกายปีศาจนี่เช่นกัน
ในทวีปิญญาดึกดำบรรพ์ ทักษะการต่อสู้ถูกแบ่งเป็สี่ระดับ ได้แก่ สีเหลือง สีน้ำเงิน สีม่วง และ สีดำ แต่ละระดับแบ่งออกเป็ออกเป็สามระดับย่อย ได้แก่ ต่ำ กลาง และสูง
ตามตำนานทักษะการต่อสู้มีระดับที่อยู่เหนือกว่าระดับสีดำ !
“ด้วยความทรงจำของเทพปีศาจ และประสบการณ์อันยาวนาน การฝึกฝนเคล็ดวิชา ร่างกายเทพปีศาจ ไม่ใช้เื่ยากเลย แม้ว่าข้าจะมีจิติญญาการต่อสู้ระดับสองเท่านั้น แต่ข้าก็ยังมีความทรงจำด้านการเล่นแร่แปรธาตุ และ ด้านการประแต่งอาวุธอีกด้วย ! โจวเย่พูดด้วยรอยยิ้ม เขาแทบรอไม่ไหวที่จะฝึกฝน
แม้ว่าจิติญญาที่ตื่นขึ้นของ โจวเย่ จะเป็เพียงระดับ 2 แต่ด้วยความทรงจำของเทพปีศาจ และประสบการณ์อันยาวนาน แม้แต่อัจฉริยะ ที่สามารถปลุกจิติญญาการต่อสู้ระดับที่เก้า ก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับ โจวเย่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นเทพปีศาจ ยังคงเป็นักเล่นแร่แปรธาตุและนักปรับแต่งอาวุธระดับเทพในตำนานอีกด้วย! นี่คือตัวตนสูงสุดอย่างแน่นอน!
โจวเย่หายใจเข้าลึกๆ ต่อต้านความปีติยินดีในใจ
ความเข้าใจของเทพปีศาจ เกี่ยวกับการใช้พลังชีวิตนั้นอยู่ในระดับสูงสุด ตอนนี้ เขา้าเพียง การบ่มเพราะที่ถูกต้อง
โจวเย่สามารถแสดงทักษะการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวของเทพปีศาจได้ เพียงแค่หลับตา
แต่ว่าในตอนนี้ โจวเย่ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่อาณาจักรนักยุทธ์ และเขาไม่สามารถควบแน่นพลังชีวิตได้ และเขาไม่สามารถใช้พลังของทักษะการต่อสู้ได้
การก้าวเข้าสู่อาณาจักรนักยุทธ์ คือ ผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริง !
ขณะที่โจวเย่เริ่มโคจรเคล็ดวิชาร่างกายเทพปีศาจ ออร่าของ์และโลกโดยรอบก็พุ่งเข้ามาหาเขาราวกับว่ากำลังควบแน่นเป็พายุ ออร่านี่นั้นมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
วินาทีต่อมา ใบหน้าของโจวเย่ ก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง!
“ช่างเป็เคล็ดวิชาที่ทรงพลังจริงๆ!”
แม้ว่าเขาจะรู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของเคล็ดวิชา ร่างกายเทพปีศาจ จากความทรงจำของเทพปีศาจ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานภายใต้การฝึกฝนของเขา
ความเร็วในการฝึกฝนนี้เร็วขึ้นกว่าเดิมสิบเท่า! นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว ! ” โจวเย่ตกตะลึง และความปีติยินดีในใจของเขาก็ะเิออกมาอีกครั้ง
ในชั่วพริบตา สองชั่วโมงผ่านไป โจวเย่ ก็สามารถก้าวเข้าสู่อาณาจักรปราณยุทธ์ระดับที่สามได้อย่างเป็ธรรมชาติ!
สองชั่วโมงสามารถทะลวงผ่านได้หนึ่งระดับ ความเร็วของการฝึกฝนนี่ ช่างน่ากลัวเป็อย่างมาก เมื่อมองไปที่จักรวรรดิอัคคีทั้งหมด ไม่สิ ต้องทวีปิญญาดึกดำบรรพ์ทั้งหมด เกรงว่าจะไม่มีบุคคลที่สองที่สามารถทำได้!
"กู่หยิง จิติญญาการต่อสู้ระดับที่ห้า ที่ตื่นขึ้นของเ้า ความสามารถของเ้า และ พลังยุทธ์ระดับที่เก้าของอาณาจักรปราณยุทธ์ของเ้า แม้ว่าเ้าจะทะลวงผ่านอาณาจักรนักยุทธ์ ข้าเชื่อมั่นว่า ข้าสามารถเอาชนะเ้าได้ !" โจวเย่ตื่นเต้นอย่างยิ่ง และความเย่อหยิ่งของเขาได้ทะยานขึ้น
อย่างไรก็ตาม โจวเย่ ที่ตื่นเต้นไม่ได้สังเกตว่ามีรัศมีสีขาวจาง ๆ ปรากฏบนิัของร่างกายของเขา และได้มีเครื่องหมายหมาป่าจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่กึ่งกลางคิ้วของเขา
ความจริงแล้วสิ่งนี้คือ เครื่องหมายจิติญญาการต่อสู้ของเขา และมันคือจิติญญาหมาป่า
หากโจวเย่ สังเกตเห็น เขาจะต้องใทันที
โจวเย่ไม่รู้เื่ทั้งหมดนี้ที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขา
"สองเดือน! ไม่สิ ! หนึ่งเดือนก็เพียงพอแล้ว! เพียงหนึ่งเดือนข้าสามารถเอาชนะเ้าได้! คอยดูเถอะ ! ข้าต้องเหยียบหัวใจและความเย่อหยิ่งของเ้าไว้ใต้ฝ่าเท้าของข้า!" โจวเย่มีความมั่นใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความแน่วแน่และมั่นใจ
เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง มันมืดแล้ว โจวเย่ พึมพำว่า "วันนี้ดึกแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะไปขอผงิญญาสามสีจากท่านพ่อของข้า แต่คืนนี้ข้าจะต้องเลือนระดับพลังยุทธ์จากระดับที่สามของอาณาจักรปราณยุทธ์ ไปยังระดับที่สี่ของอาณาจักรปราณยุทธ์เสียก่อน
ในชั่วพริบตา โจวเย่ ได้เลื่อนระดับมายังระดับที่สี่ของอาณาจักรปราณยุทธ์ได้อย่างราบรื่น ฐานการฝึกฝนที่ลดลงได้รับการฟื้นฟูในคืนเดียว
ทะลวงสองระดับในชั่วข้ามคืน ความเร็วการบ่มเพราะนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวมาก!
โจวเย่รู้สึกแข็งแกร่งกว่าเดิม เขาลืมตาขึ้นช้าๆ รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา โจวเย่ เหยียดเอวของเขา และกระดูกในร่างกายของเขาก็ลั่น ราวกับเสียงประทัด
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับความตื่นเต้นและความปีติยินดีในใจ โจวเย่พูดกับตัวเองว่า "คืนพรุ่งนี้น่าจะเป็ไปได้ที่ข้าจะทะลวงระดับที่สี่ไปยังระดับที่ห้าของอาณาจักรปราณยุทธ์ เคล็ดวิชา ร่างกายเทพปีศาจนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง!"
เมื่อมองย้อนกลับไป โจวเย่รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน แต่มันคือความจริง และไม่ใช้ความฝัน
จากวันนี้ มันเป็การเริ่มต้นใหม่และคือการเดินทางครั้งใหม่ของ โจวเย่
“คุณชายใหญ่ ” ในเวลานี้ เสียงของสาวใช้ หงเยว่ ดังมาจากนอกประตู
"มีอะไรเหรอ ?" โจวเย่ ถามอย่างสบายๆ และก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตู
“สถาบันอัคคี กำลังรับสมัครนักเรียนอยู่ คุณชายทราบหรือเปล่า? คนจากสี่ตระกูลหลักไปกันหมดแล้ว” หงเยว่ มองดูโจวเย่ ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ โจวเย่ ก็ยกยิ้มมุมปาก
ในการเข้าสู่ สถาบันอัคคี ข้อกำหนดขั้นต่ำคือต้องปลุกจิติญญาการต่อสู้ในระดับที่สี่ขึ้นไป ผู้ที่สามารถปลุกจิติญญาการต่อสู้ระดับที่สี่ได้นั้น ล้วนเป็อัจฉริยะ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเกณฑ์สำหรับ สถาบันอัคคี นั้นสูงมาก .
เมื่อเห็นว่า โจวเย่ แสดงอารมณ์ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หงเยว่ จึงถามอย่างกังวล "คุณชายใหญ่ ท่านสบายดีจริง ๆ เหรอ ?
เด็กโง่ข้าสบายดี!
การทรยศของกู่หยิง ทำให้โจวเย่เสียใจมาก แต่สิ่งนี้กลับเป็แรงผลักดันให้โจวเย่ต้องแข็งแกร่งขึ้น
หงเยว่ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและยิ้มหวาน "หากคุณชายใหญ่สบายดี หงเยว่ก็สบายใจแล้ว !"
"หงเยว่ ! ตามข้ามา" โจวเย่กล่าวและเดินออกจากลานบ้าน
"คุณชาย คุณชายจะไปไหน?” หงเยว่ รีบไล่ตามออกไป และติดตามโจวเย่อย่างเชื่อฟัง
"ข้าจะไปดู การคัดเลือกเข้าสถาบันอัคคีนะ ! ” โจวเย่ กล่าวด้วยรอยยิ้ม
-
เมืองไป๋หนาน ในวันนี้เป็วันที่คึกคักที่สุดของปี
สถาบันอัคคี รับสมัครนักเรียน แต่ละเมืองในจักรวรรดิอัคคี และมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่จะได้ เขาเรียนสถาบันอัคคี
ในเวทีการต่อสู้ของเมืองไป๋หนาน รุ่นเยาว์มากกว่าหนึ่งโหลยืนอยู่บนเวทีการต่อสู้ และกลายเป็ที่สนใจของผู้ชม
การที่สามารถเข้าสู่ สถาบันอัคคี เป็สิ่งที่รุ่นเยาว์ นับไม่ถ้วนของคนในอาณาจักรอัคคีใฝ่ฝัน เพราะสถาบันอัคคีคือสถานที่ที่อัจฉริยะทั้งหมดของจักรวรรดิอัคคี มารวมตัวกัน
ลานประลองถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คน และอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของเมืองไป๋หนานต่างตื่นเต้นมาก แต่ในเวลานี้พวกเขาเงียบ แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ก็ยังแสดงความเคารพ
ผู้าุโของสถาบันอัคคีมาด้วยตนเอง ไม่ต้องพูดถึงสถานะ เพียงฐานการฝึกฝนของผู้าุโเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะบดขยี้เมืองไป๋หนานแห่งนี้ทั้งหมด
ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งไม่มีใครกล้าดูิ่