แม้ความกล้ากับการพนันจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันมากนักแต่หลี่มู่เฉิงก็ยังรู้สึกเหมือนถูกท้าทายจากผู้ชายคนนี้ เขาจึงตอบกลับอย่างไม่ลังเลว่า
“ก็ดีในเมื่อคุณมาที่นี่กับน้องชายตัวซวยของผม คุณก็น่าจะมีทักษะอยู่บ้างผมจะเล่นพนันกับคุณสักหน่อยละกัน ว่าแต่เราจะเล่นอะไรกันดีล่ะ?”
“เราจะเลือกเกมที่เล่นง่ายและสามารถตัดสินได้ภายในรอบเดียว คุณคงรู้จักเกมที่ยากๆ หลายเกม แต่ผมไม่เราจะเล่นแค่เกมลูกเต๋า แค่แทงสูงต่ำตัดสินแพ้ชนะกันในครั้งเดียว” หยางเฉินยกนิ้วขึ้นด้วยในขณะที่เขาพูด
"รอบเดียว? แบบนี้ก็น่าเบื่อแย่เลยสิ แล้วจะเอาอะไรเป็เดิมพันล่ะ?" หลี่มู่เฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
หยางเฉินยิ้มพลางเดินไปกระซิบบางอย่างข้างหูหลี่มู่เฉิง
หลี่มู่เฉิงเมื่อได้ยินในสิ่งที่หยางเฉินก็แสดงอาการลิงโลดในทันทีเขาถามอย่างตื่นเต้นว่า
“จริงเหรอ?”
"ผมจะโกหกคุณไปทำไมกัน?มันขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณต่างหากล่ะ”
"แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมแพ้คุณอยากได้อะไรล่ะ?" หลี่มู่เฉิงถามอย่างรอบคอบและแสดงให้เห็นว่าเขาก็ไม่ใช่คนโง่
หยางเฉินยกนิ้วขึ้นอีกครั้ง "หนึ่งล้านเป็ไง?"
หลี่มู่เฉิงแกล้งทำเป็คิดวิเคราะห์ สุดท้ายก็พูดขึ้นว่า
“คุณจำเป็ต้องใช้เงินมากสินะผมไม่กลัวว่าคุณจะผิดสัญญาหรอก ผมจะพนันกับคุณ” หลี่มู่เฉิงกล่าวพลางเดินไปยังโต๊ะไฮโลที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที
เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะวางเดิมพันหลี่มู่เฉิงก็ถามขึ้นด้วยเสียงนุ่มว่า
“คุณแทงอะไรเหรอ คุณหยาง?”
หยางเฉินเอื้อมมือมาป้องปากพร้อมกล่าวว่า “ความลับ์ห้ามแพร่งพราย"
“เฮ้ คุณจะกระซิบไปทำไมกัน เอาล่ะแล้วใครจะเป็เ้ามือ คุณหรือผม?” หลี่มู่เฉิงถามเสียงดัง
หยางเฉินยักไหล่ “แล้วแต่คุณเลย”
หลี่มู่เฉิงหัวเราะพลางกล่าวว่า
“ในเมื่อคุณพูดอย่างนี้ผมก็จะไม่อ่อนข้อให้คุณ คุณอาจจะเสแสร้งทำเป็ใจดี เพื่อให้ผมรู้สึกอายและปล่อยให้คุณเป็เ้ามือ ใช่มั้ยล่ะ? คุณเห็นผมเป็เด็กสามขวบหรือไงผมไม่ได้โง่หรอกนะ ในเมื่อคุณบอกว่าแล้วแต่ผม ดังนั้นผมจะเป็เ้ามือเอง”
หลังจากกล่าวจบหลี่มู่เฉิงก็รู้สึกว่าตัวเองช่างชาญฉลาดอย่างมากเขาหัวเราะเสียงดังเหมือนคนถือไพ่เหนือกว่า จากนั้นค่อยๆเขย่าถ้วยที่อยู่ในมือจนได้ยินเสียงเต๋ากระเด็นไปมาอยู่ภายใน
หยางเฉินวางมือทั้งสองข้างไว้บนโต๊ะอย่างสบายๆในขณะรอให้ลูกเต๋าหยุดสั่น
ผู้คนที่ดูอยู่รอบๆ ต่างพากันลุ้นแทบลืมหายใจทั้งหมดนี้เป็การเดิมพันด้วยเงินหนึ่งล้านหยวน แน่นอนว่าแม้ทุกคนจะมีฐานะร่ำรวยแต่น้อยคนนักที่จะใจกล้าลงเงินเดิมพันสูงเช่นนี้
ครึ่งนาทีต่อมา มือของหลี่มู่เฉิงก็เริ่มเจ็บและนั่นก็ทำให้เขาต้องหยุดเขย่าลูกเต๋าจากนั้นความเงียบก็เข้ามาแทนที่เสียงลูกเต๋าในแก้ว
“ทายมา” หลี่มู่เฉิงกล่าวขึ้นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยจิติญญาการต่อสู้
หยางเฉินมีท่าทีเฉยฉา เขาเกาหูไม่แม้แต่จะชายตามองดูถ้วยด้วยซ้ำ เขามองไปที่ใบหน้าของหลี่มู่เฉิงพลางกล่าวว่า
“สูง… ไม่ใช่สิ ผมเดาว่าต่ำ”
หลี่มู่เฉิงหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดัง
“คุณคิดผิดแล้ว ตามประสบการณ์ของผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการพนันมานานกว่าสิบปีมันจะต้องออกสูง” หลี่มู่เฉิงพูดพลางเปิดถ้วยขึ้นอย่างรุนแรง
“1, 1, 3, ต่ำ!!!” ผู้ตัดสินที่ยืนอยู่ด้านข้างรายงานขึ้น
หลี่มู่เฉิงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันเขาพึมพำขึ้นว่า “บ้าน่าเป็ไปไม่ได้”
เมื่อเห็นว่าพี่ชายของเขาแพ้หลี่มู่หัวก็ยิ้มให้หยางเฉิน และกล่าวว่า
“คุณหยางคุณเป็นักพนันที่กล้าหาญสมควรแก่รางวัลผมจะส่งเช็คจำนวนหนึ่งล้านบาทไปที่ห้องของคุณทีหลังนะครับ”
“ไม่ต้อง” หลี่มู่เฉิงพูดแทรกขึ้นมา
“ฉันแพ้ ดังนั้นฉันจะจ่ายเงินเองฉันไม่้าเงินเน่าๆ ของแก”
หลี่มู่เชิงเหลือบมองหลี่มู่หัวพลางแย่งกระดาษเช็คมาเขียนด้วยตัวเองด้วยสีหน้าลำบากใจ และส่งมอบมันให้หยางเฉิน
หยางเฉินรับเช็คมาและยัดมันเข้าไปในกระเป๋าเสื้อทันที
“ดูเหมือนว่าโชคคุณชายหลี่จะไม่ค่อยดีเลยนะครับผมไปก่อนนะ ลาล่ะ!”
หลี่มู่หัวถูกทำให้ขายหน้าโดยหลี่มู่เฉิงแต่เขาก็ไม่ได้แสดงความโกรธใดๆ ออกมา หลังจากที่ยิ้มให้กับผู้คนที่คาสิโนแล้วเขาก็เดินตามหยางเฉินไปแล้วกระซิบข้างหูเขาว่า
“คุณหยางจะเป็อะไรมั้ยถ้าผมอยากจะถามคุณว่าคุณเดิมพันอะไรถึงทำให้พี่ของผมยอมเล่นพนันกับคุณ?”
หยางเฉินหยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋าและส่งสัญญาณให้หลี่มู่หัวจุดไฟแช็กให้เขา ทางด้านหลี่มู่หัวไม่ได้รู้สึกรังเกียจเื่นี้เลยแม้แต่น้อยเขาดูเหมือนจะยินดีจุดบุหรี่ให้หยางเฉินด้วยซ้ำ
หยางเฉินค่อยๆ ดูดบุหรี่จากนั้นก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจพร้อมกล่าวว่า “คุณดีกว่าพี่ของคุณมาก พ่อของคุณคงคาดหวังในตัวคุณสูงมาก"
“คุณหยางก็พูดเกินไปผมแค่แสดงความเป็เ้าบ้านเฉยๆ น่ะครับ” หลี่มู่หัวโบกมือพร้อมพูดขึ้น
หยางเฉินเป่าควันเป็วงแหวนบางๆแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
“จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้บอกอะไรเขาเป็พิเศษหรอก ผมแค่บอกเขาว่า ถ้าเขาชนะผมจะมอบโม่เชี่ยนนีในสภาพที่หมดสติพร้อมทั้งส่งเธอไปที่ห้องของเขา”
หลี่มู่หัวได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึง และรีบถามว่า
“คุณหยางทำไมคุณถึงทำกับคุณโม่แบบนี้? ถ้าคุณโม่ทราบว่าคุณใช้เธอเป็สิ่งเดิมพันมันอาจทำลายมิตรภาพระหว่างทุกคนได้เลยนะ”
“แต่ผมก็ชนะแล้วไม่ใช่หรอกหรือ?คุณจะใไปทำไมกัน ?" หยางเฉินถามด้วยรอยยิ้มกว้าง
หลี่มู่หัวเขินอายออกมา เขากระแอมสองสามครั้งก่อนพูดขึ้นว่า
“อืม...ผมแค่กังวลว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณสองคนจะแย่ลงแล้วมันก็จะไม่เป็ผลดีกับการเจรจาของเราในอนาคต อย่างไรก็ตามผมจะเก็บเื่นี้ไว้เป็ความลับ คุณหยางผมแค่หวังว่าคุณจะไม่ทำเื่เช่นนั้นอีก”
“ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่ทำมันแล้วหนึ่งล้านหยวนก็เพียงพอแล้วในตอนนี้” หยางเฉินกล่าวด้วยความพึงพอใจ
เมื่อเขากลับมาที่ห้องของตัวเองมันเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว แสงไฟส่องสว่างในห้องที่เงียบสงบ
หยางเฉินเปิดโทรทัศน์ และโทรทัศน์ดาวเทียมนี้เพิ่งออกอากาศที่ฝรั่งเศสมันเป็หลักสูตรการศึกษาประเภทหนึ่ง ถึงเขาจะไม่มีอุปสรรคทางด้านภาษาแต่เขาก็ไม่สนใจอยากดู และรีบเปลี่ยนไปที่ช่องอื่น
หยางเฉินเปิดก๊อกน้ำไว้ในห้องน้ำโดยตั้งใจจะอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ในขณะที่เขากำลังถอดเสื้อผ้าอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน
หยางเฉินอยากรู้ว่าใครเคาะประตูห้องกลางดึกเช่นนี้เขาเดินตรงไปที่ประตูและเปิดมันออก แต่คนตรงหน้ากลับเป็โม่เชี่ยนนีซึ่งขณะนี้เธออยู่ในชุดนอนแบบหลวมๆ เป็ลายตาหมากรุกขนาดใหญ่ผมเปียกชื้นของเธอบ่งบอกว่าเธอเพิ่งอาบน้ำ และกลิ่นหอมจากสบู่ก็ยังโชยออกมาจากตัวเธอ
“โอ้ผมหลงคิดว่าเป็หญิงสาวขายบริการที่ผมเรียกมาเสียอีกผมไม่คิดเลยว่าคนที่มาจะเป็หัวหน้าโม่” หยางเฉินพูดติดตลก
โม่เชี่ยนนีรีบหันหน้าหนีไปอีกทางทันที “นายช่วยใส่เสื้อก่อนเปิดประตูไม่ได้หรือไง?”
“ก็ผมจะอาบน้ำทำไมต้องใส่เสื้อด้วยล่ะ?คุณเลือกเวลามาหาผมตอนที่ผมยังไม่อาบน้ำไม่ได้เหรอ?” เขาบอกแบบนั้น หยางเฉินเดินกลับเข้าไปในห้องโดยไม่มีเจตนาที่จะสวมเสื้อผ้า“แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ดึกๆ ดื่นๆ? อย่าบอกนะว่าคุณอยากนอนกับผมใช่มั้ย? ผมเป็ผู้ชายที่บริสุทธิ์และซื่อสัตย์มากนะ”
โม่เชี่ยนนีไม่ใช่สาวน้อยขี้อายเธอจ้องมองเห็นหยางเฉินที่ไม่ได้ใส่เสื้อด้วยสายตาเรียบเฉยเธอไม่ได้สนใจร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขา เธอเพียงเดินเข้าไปในห้องและมองไปทั่วห้อง เตียงนอน และห้องน้ำของเขา
หยางเฉินถามว่า “คุณโม่ คุณกำลังมองหาอะไรครับ? ห้องพักของเราก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ”
“ฮึ่ม” โม่เชี่ยนนีจ้องมองหยางเฉินอย่างไม่สบอารมณ์“ฉันรับหน้าที่ตรวจความเรียบร้อยแทนหลินรั่วซีมาตรวจสอบว่านายได้พานางจิ้งจอกนั่นมาที่นี่หรือเปล่า”
หยางเฉินยิ้มเ้าเล่ห์พร้อมพูดว่า
“ตรวจความเรียบร้อยแทนหลินรั่วซี?ผมคิดว่ารั่วซีคงไม่สนใจเื่แบบนี้หรอกครับแต่ดูคุณจริงจังกับมันมากเลยนะครับ คุณโม่”
โม่เชี่ยนนีได้ยินดังนั้นก็หน้าแดงไปถึงใบหูหัวใจของเธอเต้นแรงเหมือนมีใครมารัวกลองอยู่ข้างในเมื่อครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนเครื่องบินในวันนั้น แค่คิดว่าหยางเฉินอาจจะอยู่กับผู้หญิงคนอื่นในเวลากลางคืนเธอก็รู้สึกไม่สบายใจหลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว เธอก็ตัดสินใจที่จะมาหาเขา
“นายคิดว่านายสูงส่งมาจากไหนกันคิดว่าตัวเองเป็พระถังซัมจั๋งหรือไง? คิดว่าทุกคนจะต้องตามล่ากินเนื้อนาย?ฉันแค่ทำตามหน้าที่ เป็พี่สาวที่ดี ในเมื่อนายไม่ได้พานางจิ้งจอกมาที่นี่งั้นฉันก็จะกลับล่ะ”
โม่เชี่ยนนีรู้สึกว่าเธอจะต้องเขินตายแน่ๆถ้าเธอยังอยู่ที่นี่ต่อไป เธอก้มหน้าลงแล้วพยายามก้าวเท้ายาวๆรีบออกจากห้องของหยางเฉิน แต่ทันใดนั้นเอง หยางเฉินกลับคว้าแขนบอบบางของเธอเอาไว้
โม่เชี่ยนนีชะงักฝีเท้า เธอยืนหันหลังให้กับหยางเฉินพร้อมถามขึ้นว่า
“นาย… นายจะรั้งฉันไว้เพื่ออะไร...?”
หยางเฉินถอนหายใจแล้วพูดว่า
“ขอโทษนะครับสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นคือความผิดของผม ผมขอโทษจากใจจริง"
คืนนั้นโม่เชี่ยนนีเรียกร้องให้หยางเฉินพักที่ห้องของเธอแต่เขาก็แกล้งทำเป็หลับ เพื่อรอให้โม่เชี่ยนนีมาจูบเขา จริงๆแล้วเื่นี้เกิดขึ้นโดยความตั้งใจของโม่เชี่ยนนีเองในขณะที่หยางเฉินไม่ได้ทำอะไรเลยแต่หยางเฉินก็เล่นกับความรู้สึกของหญิงสาวบริสุทธิ์ด้วยการแกล้งทำเป็หลับต่อหน้าโม่เชี่ยนนี นั่นเท่ากับเขาจงใจ และขาดความรับผิดชอบเป็การเอาเปรียบความรู้สึก แม้จะไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของเธอได้ก็ตาม
ร่างกายอันบอบบางของโม่เชี่ยนนีสั่นสะท้านใบหน้าที่สวยงามของเธอหันไปทางอื่น เธอค่อยๆ ก้มหน้าลง ดวงตาทั้งสองของเธอเริ่มแดงแต่เธอก็พยายามบังคับน้ำตาของเธอไม่ให้ไหลออกมา พร้อมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างไม่แยแสว่า
“ฉันไม่รู้ว่านายพูดเื่อะไรอย่ามาพูดเื่ที่ฉันไม่เข้าใจนะ” โม่เชี่ยนนีพูดพลางสลัดแขนเพื่อให้ตัวเองเป็อิสระจากมือที่จับอยู่ของหยางเฉินและรีบวิ่งกลับไปที่ห้องของเธอทันที
หยางเฉินทำอะไรไม่ถูกมันสายเกินไปที่จะขอโทษเื่นี้ แต่เขาไม่มีทางเลือก ถ้าเขาบอกเร็วกว่านี้ปฏิกิริยาของเธอจะแย่ลงกว่าเดิม และเธอจะไม่ฟังคำที่เขาพูดเลย
สำหรับเื่ที่โม่เชี่ยนนีจะให้อภัยเขาหรือไม่นั้นหยางเฉินไม่เห็นความหวังเลยตลอดเวลานี้ความสัมพันธ์ของพวกเขากลับกลายเป็เื่ที่ยุ่งยากเข้าเสียแล้ว
ครึ่งชั่วโมงถัดมาหยางเฉินอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาใส่ชุดนอนที่เตรียมไว้ในห้องพร้อมปิดไฟจากนั้นพยายามข่มตานอนหลับ
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งทันใดนั้นเองก็มีสายของหลินรั่วซีก็โทรเข้ามา ปลายสายถามว่าทุกอย่างโอเคหรือเปล่าเมื่อหยางเฉินได้ยินดังนั้นก็ครุ่นคิดอย่างสนุกสนานว่า หากเธอถามเขาแบบนี้จริงๆเขาก็คล้ายกับได้เห็นผี
เมื่อหยางเฉินหลับตาลงและวางแผนที่จะล่องลอยไปสู่ดินแดนแห่งความฝันหูของเขาก็ได้ยินบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่ควรได้ยิน...