จู่ๆ เย่เช่อที่กำลังดื่มชาอยู่คนเดียวในจวนแม่ทัพเจิ้นหนานก็จามออกมา
‘ใครกำลังนึกถึงข้า?’
ทันใดนั้นใบหน้าที่อ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา ใบหน้างดงามคมคาย ดวงตากลมโตที่เปล่งประกายเหมือนหยดน้ำ นางทำให้เขารู้สึกสดชื่นและมีความสุขเป็พิเศษ
ปี้เหยียน
ไม่รู้ว่าตอนนี้นางกำลังทำอะไรอยู่?
เขารู้สึกว่าจู่ๆ ก็อยากพบนาง
เมื่อมองไปที่ดวงจันทร์บนท้องฟ้า เย่เช่อก็รู้สึกว่าภายในใจของเขาว่างเปล่าเหมือนมีบางสิ่งขาดหายไป
ในที่สุดเขาก็เข้าใจอารมณ์ที่คนสมัยก่อนเรียกว่า “ส่งใจที่กังวลไปกับดวงจันทร์สว่างไสว[1]”
เย่เช่อรู้สึกหงุดหงิด จึงวางถ้วยชาลงและกำลังจะไปนอน
แต่ด้วยความระแวดระวังที่เขาฝึกฝนมาหลายปีทำให้เขาค้นพบความผิดปกติทันที
มีคนอยู่ในห้องนอนของเขา!
เขารีบเข้าสู่สภาวะพร้อมต่อสู้ทันที
เสียงดาบที่ถูกดึงออกจากฝักในค่ำคืนอันมืดมิดช่างฟังดูเยือกเย็น อีกทั้งยังมีกลิ่นอายความแข็งแกร่งของบุรุษผู้เป็ตำนานด้วย
หลังจากก้าวเข้าไปในห้องนอนของตนเอง เย่เช่อก็ได้ยินเสียงดังมาจากในเงามืด
“แม่ทัพเย่โปรดเมตตา ข้าเป็คนของอ๋องอวิ๋นเมิ่ง”
คนของอ๋องอวิ๋นเมิ่ง?
เย่เช่อลังเล แต่ดาบในมือของเขาก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
เป็ไปได้อย่างไร? นี่เป็เื่โกหกใช่หรือไม่?
เขาคือแม่ทัพเย่ ไม่ใช่แค่เย่เช่อ
เขาจะพลาดไม่ได้
“แม่ทัพเย่โปรดวางใจ ข้าเป็คนของอ๋องอวิ๋นเมิ่งผู้มีนามว่าหวังอวิ๋นเซียว”
คนผู้นี้เอ่ยนามของอ๋องอวิ๋นเมิ่งออกมา การเอ่ยนามของบุคคลในราชวงศ์เป็ข้อห้ามสำหรับคนทั่วไป ยกเว้นคนที่คุ้นเคยจริงๆ หรือไม่ก็ศัตรู
เย่เช่อวางดาบในมือลงและกล่าวเสียงต่ำว่า “เหตุใดเ้าถึงมาหาข้า?”
ในที่สุดชายคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้น เขาคุกเข่าลงแทบเท้าของเย่เช่อพร้อมกับโขกศีรษะลงกับพื้นและกล่าวว่า
“ข้าได้ยินมาว่าแม่ทัพเย่กำลังจะสืบทอดตำแหน่งอ๋องอวิ๋นเมิ่ง ข้าจึงมาที่นี่เพื่อมอบของที่ท่านอ๋องทิ้งไว้ให้กับผู้สืบทอด”
เย่เช่อกระซิบ “เหตุใดต้องเป็ข้า?”
ในดวงตาของเขายังคงมีความเ็าไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะเขาไม่เคยเชื่อเื่ขนมเปี๊ยะที่ตกลงมาจากฟ้า[2]
ชายคนนั้นยื่นลูกเต๋าหยกหกสีให้เย่เช่อด้วยความเคารพ “หยกน้อยนี่คือนายคนใหม่ของเ้า ของสิ่งนี้คือสัญลักษณ์แสดงสถานะของอ๋องอวิ๋นเมิ่ง มันคือลูกเต๋าหยกหกสี”
ลูกเต๋าหยกหกสี?
มันคืออะไร?
เหตุใดเขาถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?
เย่เช่อกำลังลังเลว่าจะหยิบมันขึ้นมาหรือไม่
ชายที่อ้างว่าเป็คนของอ๋องอวิ๋นเมิ่งหยิบจดหมายอีกฉบับออกมาและกล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบา “แม่ทัพเย่ นี่คือจดหมายที่ท่านอ๋องทิ้งไว้ หลังจากอ่านจดหมายนี้ท่านจะเข้าใจเอง”
เย่เช่อสังเกตเห็นตราประทับอันเป็เอกลักษณ์บนซองจดหมาย มันเป็ตราครั่งแบบเฉพาะของท่านตา ในแผ่นดินนี้มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ใช้ตราครั่งแบบนี้ แน่นอนว่าคนหนึ่งคือท่านตาของเขา คนที่สองคืออ๋องอวิ๋นเมิ่ง และอีกคนคือตัวเขาเอง
เย่เช่อไม่ลังเลอีกต่อไป เขารับจดหมายและเปิดอ่านทันที
…
ณ เมืองหยงโจว
ศาลาฉีอวิ๋น
อวิ๋นจื่อนอนเอนหลังบนตั่ง ทันใดนั้นก็มีกลิ่นหอมโชยมาในความมืด
เป็กลิ่นหอมที่ทำให้นางเกิดความคุ้นเคยเล็กน้อย
กลิ่นหอมชนิดนี้ดูเหมือนจะเป็กลิ่นหอมที่มีเฉพาะเมืองอวิ๋นเมิ่งเท่านั้น มันเป็กลิ่นไม้จันทน์แดง หรือเ้าของกลิ่นหอมจะเป็ฮั่วฉีอวี่?
นางไม่ได้พบเขามานานมากแล้ว
ครั้งหนึ่งเขาและเย่เช่อเคยเป็เพื่อนสนิทกัน!
เขาจะคิดอย่างไรถ้าเห็นนางที่นี่?
นางเคยเจอเขาเพียงแวบเดียวเมื่อสามปีก่อน ได้ยินว่าหลังจากที่เขากลับจากชายแดนก็กลายเป็คุณชายผู้มั่งคั่งแห่งจวนแม่ทัพเจิ้นหนานในเมืองอวิ๋นเมิ่ง ชีวิตของเขามักรายล้อมไปด้วยสุรานารี
บางทีคนเช่นเขาอาจจำนางไม่ได้เพราะเหตุการณ์ก็ผ่านมานานมากแล้ว
อวิ๋นจื่อขบคิด
ในห้องของนางตอนนี้กลิ่นหอมของไม้จันทน์แดงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
อวิ๋นจื่อกล่าวเบาๆ “ออกมา!”
เมื่อฝ่ายตรงข้ามมาถึงที่นี่แล้วคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดคุยกัน
ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์สวมชุดสีม่วงเข้มและมีกลิ่นหอมของไม้จันทน์แดงอบอวลไปทั่วร่างได้เดินออกมาจากเงามืด
อวิ๋นจื่อค่อยๆ พลิกตัวและหยิบไข่มุกราตรีที่อยู่ใต้หมอนออกมา นางและอีกฝ่ายถูกคั่นกลางด้วยผ้าม่านบางๆ เท่านั้น อวิ๋นจื่อจึงมองเห็นสภาพที่ค่อนข้างมอมแมมของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจน
‘อาจเป็ไปได้ว่าเขารีบเดินทางมาจากเมืองอวิ๋นเมิ่ง?’
“ข้าขอถามได้ไหมว่าคุณชายคือใคร?” อวิ๋นจื่อกล่าวเบาๆ นางยังอยากถามต่อว่า ‘เหตุใดจึงมาพบข้ากลางดึกเช่นนี้’ แต่นางไม่ได้ถามออกไป
อวิ๋นจื่อรู้สึกว่าความทรงจำของนางยังดีอยู่
ชายหนุ่มที่ไม่ได้พบกันสามปียังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ฮั่วฉีอวี่ััได้ถึงลมหายใจของอวิ๋นจื่อ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่คนละฝั่งของผ้าม่าน แต่หลังจากที่ได้พบนางอีกครั้ง โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป
“ข้านึกแล้วว่าเ้ายังมีชีวิตอยู่!”
ท่าทางที่ดูจริงจังของชายหนุ่มทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในใจของอวิ๋นจื่อ
เขาจำนางได้?
ยังมีคนนึกถึงราชวงศ์ก่อนด้วยหรือ?
ตระกูลของแม่ทัพเจิ้นหนานล้วนจงรักภักดี ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่ใช่คนทรยศ
ทันทีที่คำพูดของฮั่วฉีอวี่หลุดออกจากปาก เขาก็รู้สึกไม่ดีเล็กน้อย เพราะมันฟังดูเสียมารยาทอย่างยิ่ง
หญิงสาวกะพริบตาเบาๆ “ลูกหลานในตระกูลแม่ทัพเจิ้นหนานล้วนแต่เป็คนซื่อสัตย์ ไม่ทราบว่าคุณชายคิดอย่างไรกับตระกูลเย่?”
ฮั่วฉีอวี่ไม่คิดว่าอวิ๋นจื่อจะจำเขาได้ เพราะพวกเขาไม่ได้พบกันสามปีแล้ว นี่ทำให้เขารู้สึกปลาบปลื้มมาก
หลังจากได้ยินคำถามของหญิงสาว เขาจึงเข้าใจทันทีว่านี่คือการถามถึงท่าทีของแม่ทัพเจิ้นหนาน อันที่จริงคนในตระกูลของเขาทุกคนล้วนซื่อสัตย์และจงรักภักดี
อย่างไรก็ตาม บุตรสาวคนเล็กของแม่ทัพเจิ้นหนานได้กลายเป็ฮูหยินเอกของเสนาบดีเย่ ส่วนเย่เซียงก็สร้างความไม่พอใจให้กับตระกูลฮั่วด้วยการแย่งชิงบัลลังก์จากตระกูลอวิ๋น หากแม่ทัพเจิ้นหนานและตระกูลฮั่วยังจงรักภักดี พวกเขาจะต้องขีดเส้นแบ่งกับตระกูลเย่อย่างแน่นอน
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน
หญิงสาวมองชายเสื้อของเขาเงียบๆ ดวงตาของนางแปรเปลี่ยนในแบบที่คาดเดาไม่ได้
คนตรงหน้าคือคุณชายใหญ่แห่งจวนแม่ทัพเจิ้นหนาน นางเคยเจอเขาในงานเลี้ยงต้อนรับเซียวเหยียนเมื่อสามปีที่แล้ว นี่หมายความว่าผู้ที่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนั้นอาจจำนางได้
ดูเหมือนว่านางต้องลงมือทำอะไรบางอย่างแล้ว
น่าปวดหัวไม่น้อย!
ถ้านางเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตนเอง เย่เช่อจะจำนางได้หรือไม่?
“เย่เช่อจากจวนเสนาบดีเป็คนที่ยอดเยี่ยมมาก ท่านปู่ก็โปรดปรานเขาเช่นกัน ข้าได้ยินมาว่าเขากำลังจะรับตำแหน่งอ๋องอวิ๋นเมิ่ง”
เสียงของฮั่วฉีอวี่แ่เบาราวกับสายลมอันอ่อนโยนที่พยายามพัดพาความขุ่นเคืองในใจของหญิงสาวออกไป
เขาได้ยินมาว่าเซียวเหยียนเคยทูลขอฮ่องเต้ให้พระราชทานสมรสกับองค์หญิงใหญ่ ดังนั้นตอนนี้เซียวเหยียนคือผู้ที่อยู่เื้ันางใช่หรือไม่?
เขาได้ยินมาว่าเซียวเหยียนกลายเป็ฮ่องเต้แล้ว
เมื่อนึกถึงเื่นี้ ดวงตาของฮั่วฉีอวี่ก็หรี่ลงโดยไม่มีเหตุผล
หญิงสาวมองชายหนุ่มด้วยความกังวล ท้ายที่สุดตอนนี้นางก็กลายเป็ศัตรูของตระกูลเย่ไปแล้ว และไม่แน่ว่าบางทีเย่เช่ออาจกลายเป็ศัตรูของจวนแม่ทัพเจิ้นหนานด้วย
หากแม่ทัพเจิ้นหนานไม่สนับสนุนตระกูลอวิ๋น สุดท้ายนางย่อมกลายเป็เป้าหมายที่พวกเขาต้องกำจัดอย่างแน่นอน
นางเป็เพียงหญิงสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งซึ่งไม่มีที่พึ่งพิงใดๆ เมื่อตระหนักถึงเื่นี้นางก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย
------------------------
[1] “ข้าส่งใจที่กังวลไปกับดวงจันทร์สว่างไสวและติดตามเ้าไปทางทิศตะวันตกของเย่หลาง” เป็ข้อความเจ็ดอักขระที่เขียนโดยหลี่ไป๋กวีแห่งราชวงศ์ถังโดยส่งให้กับหวังฉางหลิงเพื่อนของเขาที่ถูกเลิกจ้าง เพื่อปลอบโยน รวมถึงแสดงความโกรธ ความเสียใจ และความเห็นใจต่อพร์ที่ไม่มีผู้ใดมองเห็นของหวังฉางหลิง
[2] ขนมเปี๊ยะที่ตกลงมาจากฟ้า หมายถึง สิ่งที่ได้มาโดยไม่ต้องออกแรง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้