ย่าซิวชี้คริสตัล เป็ภาพอินทรีสายฟ้าถูกเครือเถาวัลย์ดีดไปอีกด้าน
“หากข้าดูมิผิด นี่น่าจะเป็เครือหญ้าที่ผ่านการเสริมความแข็งแรง อาศัยพลังด้านอื่นทำภารกิจให้สำเร็จคงมิค่อยดีนักกระมัง?”
“ขออภัยที่ข้าน้อยกล่าวตามตรง นั่นคือเครือไม้ธรรมดา เพียงแต่ค่อนข้างหนาเท่านั้น” โม่จ้านเอ่ยอย่างน่าเชื่อถือพร้อมทั้งทำมือ
“ข้าคิดว่าท่านจะต้องรู้แน่นอน พืชพรรณในป่ากวางอูฐยิ่งลึกยิ่งเจริญเติบโตได้ดี ท้องของอินทรีสายฟ้าเปราะบางมากที่สุด ถึงแม้จะเป็เครือไม้ที่มีความเหนียวมิมากนัก ทว่าขอเพียงรักษาจังหวะเหมาะสมก็สามารถสร้างาแได้มิน้อยขอรับ”
ย่าซิวพยักหน้า ยังคงขยับคริสตัลไปมาต่อไป ทางด้านโม่จ้านกลับแขวะคำถามนี้อยู่ในใจหลายต่อหลายรอบ เครือไม้ที่มีความเหนียวสูงใช้มีดฟันยังยากจะฟันขาด มัดคน มัดสัตว์ ทำรองเท้าหรือนำมาเฆี่ยนล้วนแต่ใช้งานได้ดีนัก เ้าน่ะนะ ถ้ามิใช่ว่ามิมีความรู้ทั่วไปในการดำรงชีวิต เช่นนั้นก็มิมีประสบการณ์ในสนามรบจริง หรือไม่ก็จงใจหาเื่
“หลังเก๋อจือได้ขนนกมา เสียงดังะเิที่เกิดขึ้นหมายความว่าอย่างไร? คล้ายกับอินทรีสายฟ้าจะโจมตีเก๋อจือ ทว่าในคริสตัลมิมีภาพบันทึกหลังจากนั้น สามารถอธิบายได้หรือไม่ว่าเกิดอันใดขึ้น?”
ย่าซิววางพู่กันในมือลง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็เคร่งขรึมขึ้นมา
“นอกจากนั้นเมื่อดูจากภาพบันทึก คล้ายกับในถ้ำจะถูกปิดผนึก เหตุใดพ่อบ้านโม่เจ๋อเอ่อร์จึงรู้ชัดถึงเพียงนั้น?”
“เดิมทีคุณชายน้อยเก๋อจือจะะเิถ้ำเพื่อให้อินทรีสายฟ้าหนีไป ทว่ามิสำเร็จขอรับ” สายตาของโม่จ้านจับจ้องย่าซิวตรงๆ ก่อนตอบกลับอย่างมิสะทกสะท้าน
“เพราะข้าน้อยเป็ผู้บันทึกภาพ ดังนั้นจึงรู้ชัดเจนอยู่บ้าง ยามนั้นอินทรีสายฟ้าาเ็หนักอยู่แล้ว ข้าน้อยเพียงจุดไฟคิดอยากจะขู่มัน เมื่อมันเห็นว่ามีผู้อื่นปรากฏตัวจึงหยุดการโจมตีแล้วหนีไปขอรับ”
บนกายของโม่จ้านมิมีพลังเวทไหลเวียน แน่นอนว่ามิมีทางดึงดูดสายตาของอินทรีสายฟ้าที่ประสาทการดมกลิ่นย่ำแย่ เป็คำอธิบายที่มิมีช่องโหว่แม้แต่น้อย
ย่าซิวส่งเสียง “อืม” อย่างคลุมเครือและใช้หางตามองพิจารณาโม่จ้าน
“ผู้ที่มิมีพลังเวทสามารถไล่อินทรีสายฟ้าด้วยไฟ เห็นทีนักเรียนเก๋อจือจะดวงดีมิน้อย บังเอิญพบกับอินทรีสายฟ้าที่ขี้ขลาดตัวหนึ่ง”
โม่จ้านหัวเราะอย่างเปิดเผยกว่าเดิมเสียแล้ว กระทั่งดวงตายังเล็กหรี่ลง
“ใช่แล้วขอรับ คุณชายน้อยเก๋อจือมักโชคดีเช่นนั้นเสมอ อาจเป็เพราะจิตใจดีจึงได้รับความรักจากท่านเทพกระมัง มิเหมือนข้าน้อย ระหว่างทางมาบังเอิญพบเ้าคนมิรู้มารยาท ต้องใช้เวลามิน้อยกว่าจะจัดการเรียบร้อยขอรับ”
คนทั้งสามได้ยินต่างพากันสะดุ้ง
ไหลมั่นเผยสีหน้าเข้าใจบางสิ่ง แบมือยักไหล่พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง หม่าเอ๋อร์ถ่ากลับมองโม่จ้านอย่างนึกสนใจ ภายในแววตาทอประกายอยากรู้อยากเห็น ทางด้านย่าซิวรีบเก็บสมุดรายงานกับคริสตัลอย่างรวดเร็ว ภายในแววตาเจือความระแวงมิกี่ส่วน
“เห็นทีท่านย่าซิวก็คิดว่ามิมีปัญหาอันใดเช่นกัน” ไหลมั่นยังคงคลี่ยิ้มมิต่างกับก่อนหน้านี้
“ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนเก๋อจือ เคอซือที่ผ่านการประเมินจบการศึกษา นี่คือตราของโรงเรียน ขอท่านโม่เจ๋อเอ่อร์นำไปมอบให้เขาให้ได้”
ขณะมองตราสีม่วงขนาดประมาณฝาขวดสุรา โม่จ้านมองไปทางไหลมั่นอย่างค่อนข้างงุนงง เ้าของชิ้นเล็กนี่คือสัญลักษณ์ของการจบการศึกษางั้นหรือ?
หม่าเอ๋อร์ถ่าเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของโม่จ้านพลันชะงักการกระทำ จากนั้นตบศีรษะตนเองทันใด
“อา ขออภัย ข้าลืมบอกท่านถึงวิธีการใช้ บนตราเก็บข้อมูลการจบการศึกษาด้วยการไหลเวียนพลังเวทของเก๋อจือ มีเพียงเขาเท่านั้นจึงจะเผยลวดลาย้าได้ จำต้องเก็บรักษาเอาไว้เป็อย่างดี หากสูญหายไปจะมิอาจทำขึ้นใหม่ได้อีกแล้ว”
โม่จ้านพยักหน้าสื่อว่าเข้าใจ จากนั้นค้อมกายไปทางอาจารย์ทั้งสามท่านก่อนปิดประตูเบาๆ
ภายในห้อง ย่าซิวมองไปทางไหลมั่นด้วยความมิพอใจ
“เห็นได้ชัดว่าเขามิใช่พ่อบ้าน ท่านก็ต้องดูออกเช่นกันกระมัง หากเขาเป็ผู้แอบอ้าง พวกเราทั้งสามคนล้วงต้องรับผิดชอบ”
“เขาเป็พ่อบ้านหรือไม่มิเกี่ยวอันใดกับข้า ขอเพียงเขาเป็ผู้ที่เก๋อจือเคอซือไหว้วานมาจริง ข้าก็มีสิทธิ์จะส่งตราเครื่องหมายให้กับเขา”
ในปากของไหลมั่นกัดไม้จิ้มฟันและเริ่มอ่านเอกสารภายในมือ
ย่าซิวยังคงรบเร้ามิเลิก “ข้าคิดว่าทางที่ดีที่สุดคือการมอบให้เขาเอง”
“เหอะ ข้อแรกคือเ้าต้องรู้ก่อนว่าเขาอยู่ที่ใด”
ไม้จิ้มฟันในปากไหลมั่นย้ายจากด้านซ้ายไปด้านขวา พูดจาอ้อแอ้ฟังมิถนัด
“ข้าน่ะมินึกอยากจะรู้ ทว่าผู้อื่นอยากรู้หรือไม่นั้นข้าคงทำอันใดมิได้”
“เ้า---” ย่าซิวพยายามกดข่มความโกรธ สาวเท้าเดินไปหน้าประตูแล้วออกแรงกระชาก ตามด้วยเสียงปิดประตูดัง “ปัง”
“เฮ้ อาจารย์ย่าซิวรอสักครู่---” หม่าเอ๋อร์ถ่าเผยสีหน้ายากจะบรรยาย มือที่เอื้อมออกไปหยุดอยู่กลางอากาศ
“เ้าหมอนั่นยุ่งมาก มิต้องสนใจเขา เมื่อมิกี่วันก่อนข้าไปที่กิลด์จอมเวทมาจึงได้รู้ว่าเมื่อมินานมานี้เก๋อจือได้ผ่านการยอมรับของจอมเวทระดับกลางแล้ว”
ท่ามกลางสายตาเหลือเชื่อของหม่าเอ๋อร์ถ่า ไหลมั่นหยิบพู่กันขนนกออกมาขีดฆ่าชื่อเก๋อจือบนเอกสาร
“สำหรับเขาแล้ว การยืนยันการจบการศึกษาจะมีหรือมิมีก็ได้ อย่างมากก็เพียงทำให้การถูกแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ดูมีน้ำหนักขึ้นสักหน่อยเท่านั้น”
“...เอ่อ ข้าต้องขอตัวก่อน ศาสตราจารย์ไหลมั่น”
หม่าเอ๋อร์ถ่าเห็นคนทั้งสองเล่นปริศนาคำทายอยู่ครึ่งค่อนวันโดยมิเข้าใจอันใดสักนิด นึกอยากจะรีบหนีออกไปจากสถานที่แห่งความขัดแย้งนี้โดยเร็ว
ไหลมั่นมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง สายตาทอดมองแผ่นหลังเลือนรางของโม่จ้านแล้วถอนหายใจออกมา
เก๋อจือน้อยทำเพื่อความรุ่งเรืองของครอบครัวอย่างสุดความสามารถ กระนั้นบิดาและพี่ชายของเขาเล่า? หากลูกของตนว่านอนสอนง่ายเช่นนี้ ตนจะประคบประหงมไว้ในมือมิต่างกับสมบัติล้ำค่า มีหรือจะมีความคิดอื่น?
ในยามนั้นบุตรชายวัยเยาว์ถูกดูดเข้าไปในสนามรบจนมิรู้เป็หรือตาย ทว่าผู้ที่เป็บิดาเช่นตนกลับมิอาจแม้แต่จะพบหน้าเขาเป็ครั้งสุดท้าย ถึงขั้นกระทั่งหลังจากาจบสิ้นลงจึงได้ข่าวคราวการหายตัวไป ตนกับภรรยายอมจากบ้านเกิดเมืองนอนมาทำงานยังเมืองเป้ยเท่อก็เพื่อตามหาร่องรอยของบุตรชาย
น่าเสียดายที่หลังผ่านไปหลายสิบปี ภรรยาตนพลันล่วงลับไปพร้อมกับความเสียใจ และร่องรอยของบุตรชายก็ยังมิมีข่าวคราวดังเดิม
“ขอท่านเทพแห่งแสงประทานพรแก่เหล่าเด็กน้อยผู้น่าเอ็นดูทั้งหลาย...”
ส่วนโม่จ้านในยามนี้กำลังเดินตามทหารรักษาการณ์ไปยังหน้าประตู ฟันเฟืองภายในหัวหมุนวนอย่างรวดเร็ว
ประโยคนั้นที่ไหลมั่นเอ่ยกับตน แท้จริงแล้วหมายความว่าอย่างไร? อันดับแรกบอกว่าเก๋อจือ “ถูกคนจำนวนมิน้อยเอาใจใส่” และยังบอกว่า “เพียงถูกใจในพร์ด้านพลังเวทเท่านั้น” คล้ายกับกำลังประกาศจุดยืนกับตน หรือเขาเองก็รู้เื่ที่เก๋อจือถูกแอบจับตาดูในโรงเรียน?
นอกจากนั้นประโยคสุดท้ายยังดูคล้ายจงใจเกินไป “มิอาจมีสหายเพียงแค่ในโรงเรียน” มิว่าจะฟังอย่างไรก็เหมือนการกล่าวโดยนัย เพียงแต่มิว่าจะหมายถึงลาถีเท่อหรือตน กระนั้นเื่ที่ไหลมั่นยอมเปิดไฟเขียวให้เก๋อจือจบการศึกษาก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่ามีความเป็ไปได้สูงที่ศาสตราจารย์ท่านนี้มิใช่คนของลอร์ดเคอซือ
ส่วนหม่าเอ๋อร์ถ่าที่เอาแต่อู้งานมิเผยท่าทีชัดเจนจึงยัดใส่ในรายชื่อเฝ้าระวังเอาไว้ก่อน
ส่วนย่าซิวที่พยายามหาเื่ครั้งแล้วครั้งเล่าก็คือผู้ต้องสงสัยมากที่สุดอย่างมิต้องสงสัย ยามตนเอ่ยออกไปว่าโจมตีผู้ที่ลอบโจมตีจนล่าถอยก็เพื่อทำให้อีกฝ่ายคงความระแวดระวังเอาไว้ มิมีทางเลือกลงมือภายในโรงเรียนจนดึงดูดความสนใจของเหล่าลูกศิษย์ หากเดามิผิด ตนเพิ่งจะก้าวเท้าออกมา ย่าซิวก็คงไปแจ้งหูตาคนอื่นๆ ทันที
ภายในโรงเรียนมิสะดวกต่อการลงมือ เช่นนั้นนอกโรงเรียนจะต้องมีสนามรบรอตนอยู่อย่างแน่นอน ภารกิจจบการศึกษาของเก๋อเสร็จสิ้นเร็วจนเหนือความคาดหมาย กระทั่งโรงเรียนก็ยังมิทันรู้ตัว และต่อให้ทางฝั่งลอร์ดเคอซือจะประสาทััเร็วเพียงใดก็ยังมิอาจจัดเตรียมกำลังคนจำนวนมากภายในระยะเวลาอันสั้น
เพียงแต่ก่อนถึงจุดนั้นตนควรจะถอดชุดพ่อบ้านออกก่อนดีกว่า เพราะถึงอย่างไรก็เป็ของที่ยืมมาจากผู้อื่น หากทำเปื้อนก็คงจะมิมีมารยาทเกินไป
โม่จ้านคลำกริชในกระเป๋าแล้วเผยหนึ่งรอยยิ้มจองหองออกมา จากนั้นยืดอกเชิดหน้าเดินออกจากประตูโรงเรียน
