เคร้งๆๆ!
เสียงเหล็กกระทบกระทั่งดังไม่ขาด่ ดวงไฟสาดกระหน่ำไปสี่ทิศ
แม่นางตัวเล็กล่าถอยไปสามสี่ก้าว ข้อมือเริ่มสั่นและชาดิก
ถึงแม้พลังของนางจะฟื้นเร็วนัก แต่อันดับก็ยังไม่สูงเท่าเซี่ยโหวอู่ ถึงจะได้การถ่ายทอดวิชาเป็จริงเป็จังมาจากหวังเยี่ยน กลวิธีสู้ศึกแสนวิจิตร ทว่าอิสตรีนั้นมีความเป็รองมาแต่กำเนิด พละกำลังก็เป็ส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน การประมือหนักหน่วงเต็มด้วยเรี่ยวแรงเช่นนี้ นางมิใช่คู่ต่อสู้ของเซี่ยโหวอู่ั้แ่เริ่ม
ยังไม่นับที่สาวน้อยต่อสู้มาก่อนหน้า ลดทอนพลังงานไปมากโข
ดาบคมทิ่มแทงเข้ามา
ข้อมือนางถูกตัดผ่าน แขนขาวพิสุทธ์ราวหยก มีรอยเืกระเซ็นเป็สายฉาดฉายแก่สายตา
“เ้าคนเลว!” ดวงหน้าแดงก่ำ ด่าทอออกมาด้วยคำที่นางคิดว่าหยาบโลนที่สุดแล้ว
“วะฮะฮ่า เ่ิูมันติดหนี้ข้าอยู่ เก็บดอกเบี้ยบนตัวเ้าได้พอดีเลย...” เซี่ยโหวอู่ยิ้มโฉด แกว่งไกวดาบอีกครา
่เี่ิตั้งรับสุดแรงเกิด
เคร้งๆๆๆ!
กลางเสียงอาวุธปะทะแน่นขนัด แม่นางก็ถูกดาบฟันเข้าอีก หั่นกระโปรงขาดเป็ชิ้น น่องขาวๆ ประดุจหยกโผล่วับๆ แวมๆ
“เ้า...อันธพาล! สารเลว!”
่เี่ิทั้งโกรธทั้งอับอาย
“เฮอะๆ ฮ่าๆๆ” เด็กหนุ่มหัวร่อร่าเบิกบานสำราญใจ
ยามนี้ ใจเขาแสนสบายอย่างไม่เคยเป็มาก่อน ความอดสูและพ่ายแพ้ยับเยินที่ได้มาตอนคาบเรียนแรกนั้น ในที่สุดก็หาที่ระบายลงได้เปลาะหนึ่งแล้ว
“ข้า...ไม่สู้กับคนเลวอย่างเ้าแล้ว”
ดวงหน้าเล็กอ่อนเยาว์แดงเถือก แก้มสั่นด้วยอารมณ์ นางน้อยเนื้อต่ำใจนัก น้ำตารินไหลเป็สายน้ำตก
แต่นางรู้ดี ว่าตนไม่มีทางเอาชนะเซี่ยโหวอู่ได้เป็แน่
หากดื้อรั้นจะประมือด้วยต่อไป มีแต่จะต้องอับอายขายขี้หน้าเพิ่มขึ้น
และนางก็รู้อยู่เต็มอก ว่าที่เขาทำเลวเช่นนี้ ก็เพื่อจะยั่วยุ แสดงความเป็ศัตรูกับเ่ิู
ถึงนางจะทั้งมึนทั้งฉงน แต่เพราะอยู่กับพี่สาวซ่งชิงหลัว ถึงได้รู้เบื้องลึกเื้ัของพวกที่เรียกตัวเองว่าชนชั้นสูงนี้ดี ปากบอกไม่เอาเื่เอาความแต่การกระทำนั้นเล่า ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยกลก็พึ่งมนต์คาถา!
ลางสังหรณ์ของเธอล่วงรู้ดี ว่าเป็เช่นนี้ต่อไป ไม่เป็ผลดีต่อศิษย์พี่ชิงหยูเลย
ทันใดนั้นเอง นางนึกถ้อยคำที่พูดคุยกับศิษย์พี่ชิงหยู เขาเคยพูดไว้ว่า...
“ยามสู้ใครไม่ได้ วิธีแก้ปัญหาที่เยี่ยมยุทธ์ที่สุดคือ ไม่ต้องสู้!”
เมื่อ่เี่ิปาดน้ำตา ก็หันหลังะโลงจากสังเวียนด้วยตัวเอง
ถึงจะสูญเสียตำแหน่งหนึ่งในสิบรายชื่อไป แต่ในหนึ่งปีการศึกษานี้ยังมีทดสอบระหว่างเดือนอีกสิบเอ็ดครั้งให้ได้ลอง นางเชื่อมั่นว่า ต้องมีสักครั้งที่จะได้กลับมาเป็หนึ่งในสิบได้อย่างเดิม
หลายวันผันผ่านนางได้ััการคลุกคลีกับเ่ิูผู้เชื่อมั่นในตัวเองจนล้นใจ ได้รับอิทธิพลมามากมายเหลือเกิน โดยเฉพาะยามนางผ่านการทดสอบระหว่างเดือนครานี้ เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เคยแบกสีหน้าน้อยใจและมึนๆ งงๆ ถึงได้ค่อยเชื่อมั่นในตัวเองขึ้นมาทีละน้อย
เซี่ยโหวอู่ยืนนิ่งอยู่บนสังเวียน
เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าสาวน้อยเมื่อวานซืนนางนี้จะตรงไปตรงมาขนาดนี้ บอกจะไปก็คือไป ยอมทิ้งขว้างตำแหน่งในสิบรายชื่อ เด็กหนุ่มหวังจะใช้โอกาสนี้ทำความอับอายให้่เี่ิ ทำลายชื่อเสียงบารมีที่เ่ิูมีในสำนักนี้ให้เหี้ยน
กลับกลายเป็ว่านี่คือสิ่งที่เฉวียนย่าหลินเสี้ยมมา
หากจะเอ่ยถึงโอกาสจะได้ยั่วโมโหหรือประมือกับเ่ิูแล้วล่ะก็ เซี่ยโหวอู่นี่แหละที่ไม่มีทางพลาด!
จะดียิ่งหากเื่นี้รู้ถึงหูเ่ิู ให้โกรธเกรี้ยวจนคลุ้มคลั่ง ถึงเวลานั้นก็มีข้ออ้างโค่นล้มเ่ิูให้หมอบราบคาบแก้วแล้ว น่าเสียดายที่เสี่ยวจวินเด็ดขาดจริงๆ เสียได้
เซี่ยโหวอู่คิดเสียดายเล็กน้อย
ขณะนี้เองที่เขาเมียงมองอยู่บนสังเวียนสูง ก็เหลือบเห็นร่างสองร่างวิ่งฉุกละหุกเข้ามาหา...
เ่ิู เ้ามาแล้วจริงๆ หรือนี่?
เยี่ยมเลย!
...
“เ้าเป็คนทรงคุณธรรมยิ่งใหญ่จากฟากฟ้า หนึ่งในสิบรายชื่อใช่ไหม? ไฉนถึงจนตรอกเช่นนี้เล่า?”
เสียงเย้ยเยาะดังมาจากด้านข้าง
่เี่ิหันหน้าไปมอง
หนุ่มรุ่นหน้าตาหล่อเหลามีแววชั่วร้ายย่างกรายจากหมู่ชนเข้ามา คนที่เพิ่งเอ่ยคำหยามเหยียดนางต้องเป็เขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“เ้าเป็ใคร? ข้าไม่รู้จักเ้า” ่เี่ิว่าระแวดระวัง
“รู้จักข้าหรือไม่รู้จัก ไม่ได้สลักสำคัญอะไรหรอก” เด็กหนุ่มผู้นั้นก็คือเฉวียนย่าหลิน น้ำเสียงเขาเรียบสงบ หัวเราะเหอะๆ พลางเอ่ยต่อ “เป็อย่างไรบ้าง? คิดบ้างหรือเปล่าว่าความพ่ายแพ้คราวนี้ทำให้เ้าได้แผล? ความอัปยศคราวนี้ วันหลังคงไม่อยากเผชิญอีกแน่ใช่ไหม?”
“อ้อ ข้าจำได้แล้ว ข้าเคยเห็นเ้า” สมองนางทบทวนภาพเก่าๆ อีกครั้ง ไม่ได้วนเวียนอยู่กับแิของเฉวียนย่าหลินเลยแม้แต่น้อย แย้มยิ้มพลางร่ายฉับพลัน “เ้าเป็ผู้ติดตามฉินอู๋ซวงนั่นเอง ผู้ชายที่ชอบแอบอยู่หลังคนอื่นคอยประเมินชาวบ้าน ใช่ไหม?”
เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไว้ก่อนหน้าเลย แต่กลับระลึกอย่างเอาเป็เอาตายว่าเขาเป็ใครกันแน่
เฉวียนย่าหลินแผ่รังสีดำมืดในทันใด
ถึงแม้เขาจะเป็ลูกสมุนฉินอู๋ซวงจริง เกาะแข้งเกาะขาเขาไว้ถึงได้มีตำแหน่งและเกียรติยศในสายตาศิษยานุศิษย์ในวันนี้ ทว่าในใจเด็กหนุ่มเอง กลับคิดมาตลอดว่าความสัมพันธ์นี้ นิยามได้ว่ามิตรสหาย
“ดูแล้วเ้าคงยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสินะ” เขาหรี่ตามอง
“รู้สึกรู้สา? รู้สึกรู้สาอะไรล่ะ?” เด็กหญิงเหมือนจะเพิ่งนึกได้ว่าคนตรงหน้านี้พูดอะไรไว้ก่อนหน้าบ้าง
“ถ้าเ้ายังอยู่เคียงข้างเ่ิูอย่างใกล้ชิดเพียงนั้นอีก ความอับอายน่าอดสู ความพ่ายแพ้ราบคาบนี้จะเกิดแก่ตัวเ้าอีกนับครั้งไม่ถ้วน ข้ารับรองได้ ว่าชีวิตศิษย์สี่ปีในสำนักกวางขาว จะกลายเป็ฝันร้ายที่สุดของเ้า”
เฉวียนย่าหลินใช้น้ำเสียงข่มขู่แหลมคมยิ่ง
เขาไม่คิดจะกดเสียงให้ต่ำลงเลย
เพราะอยากให้คนรอบนอกได้ยินบทสนทนานี้ มิได้้าเอื้อนเอ่ยกับ่เี่ิเพียงคนเดียว แต่อยากให้ทุกคนในที่นี้ได้ยินได้ฟังโดยทั่วกัน
“อ้อ” ่เี่ินึกออกทันที “ข้าเข้าใจแล้ว ที่แท้ก็เ้าเป็คนบงการแผนสกปรกนี่อยู่เื้ั โคตรคนเลวเลยนะเ้า!”
สมองของแน่งน้อยยังคงไม่อยู่ในแนวทางสามัญเช่นใครอื่น
“เ้าพูดแบบนี้ หมายความว่าจะเป็ศัตรูกับพวกข้าให้ได้ใช่ไหม?” เฉวียนย่าหลินใบหน้าเคร่งขรึมยามเอ่ยลอดไรฟัน
คนรอบข้างสีหน้าเปลี่ยนในพลัน
ครั้นนางจะว่าต่อ เสียงชัดเจนแจ่มใสก็แว่วมาจากด้านข้าง “พวกเ้า? พวกเ้าเป็ใคร?”
หน้าเปลี่ยนกันอีกหน
เพราะพวกเขาส่วนมากเคยได้ยินมาก่อน รู้ดีว่าเ้าของเสียงนั่นเป็ใคร
เ่ิู!
เ้าของเื่มาถึงแล้ว!
“ศิษย์พี่ชิงหยู!” เด็กน้อยะโโลดเต้นขึ้นมา “ท่านมาได้อย่างไร?”
“มาดูการแข่งของเ้าไง” เ่ิูแหวกวงประชาชี ยิ้มพลางย่างก้าวเข้ามา เขาห่มเสื้อคลุมตัวยาวบนร่างเล็กจิ้มลิ้ม แล้วไถ่ถามอย่างห่วงใย “ทำไมถึงาเ็เล่า ถูกคนโค่นลงมาจากสังเวียนหรือไร?”
“คราวหน้านะ ข้าจะแย่งคืนมาให้ได้เลย!” ่เี่ิยิ้มแย้มแจ่มใส ยกหมัดน้อยๆ ส่ายไปส่ายมา สดใสร่าเริงขึ้นฉับพลัน
เ่ิูหัวเราะพลางลูบหัวเด็กหญิงแ่เบา จากนั้นจึงหันหลังกลับมา ั์ตามองทุกชีวิตอันได้แก่เฉวียนย่าหลินและพรรคพวก
ถึงการทดสอบระหว่างเดือนครานี้เ่ิูจะตกอันดับไปเป็ห้าร้อยกว่าๆ ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด เฉวียนย่าหลินผู้เฉลียวฉลาดถึงได้รู้สึกดั่งกายถูกหินั์บดขยี้
พริบตานั้น สมองของเขาก็แล่นแวบด้วยความคิดนานา
ในที่สุดเ่ิูก็ติดกับแล้ว เขาต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ ใช้น้ำคำเยี่ยงสาลิกาลิ้นทองยุยงเขา หยั่งเชิงให้อัปยศรอบหนึ่ง พอถึงเวลา เ้าคนนี้จะไม่มีทางโงหัวขึ้นยืนในเหล่าปีหนึ่งได้อีกเลย...
คิดถึงตรงนี้แล้ว เฉวียนย่าหลินก็ไม่อาจหักห้ามมิให้ยักยิ้มพึงใจ
“เ้า...” เด็กหนุ่มอ้าปากจะเข้าเื่
เพี้ยะ!
เ่ิูยกมือ ตบถูกหน้าทีเดียวก็ละลิ่วไปไกล
เคลื่อนไหวเร็วยิ่งฟ้าแลบ เฉวียนย่าหลินไม่มีโอกาสได้รับมือ รู้สึกถึงเพียงหน้าชาไปครึ่งหนึ่ง ตาพร่าขุ่นมัวจนเห็นดาว สำลักของเหลวเค็มๆ ในร่างออกมาชุดหนึ่ง...
กลุ่มคนโกลาหลอลหม่าน สายตาแช่แข็งไปเรียบร้อย
ราวกะบว่าทุกชีวิต ได้แต่เบิกตามองกันค้างเติ่ง เฉวียนย่าหลิน บุคคลสำคัญศูนย์กลางนักเรียนสูงศักดิ์ผู้นั้น ถูกเ่ิูตบทีเดียวลอยละลิ่วเป็ตุ๊กตาผ้าไปเลย!
ลอยละลิ่ว!
ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว!
ใช้กำลังเกินไปแล้ว!
ทำไม...ทำไมถึงกลายเป็แบบนี้ไปได้?
พวกเขายังหลงคิดว่าเ่ิูจะด่า จะหัวเราะเย็นเยียบ จะเย้ยหยัน จะด่าทอดูแคลน แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าไม่มีสักอย่าง าามารปั่นป่วนโลกคนนี้ แม้แต่ประโยคเดียวยังขี้คร้านจะพูด มาถึงก็ลงมือทันที
“เ้ากล้าต่อยตีคนเรอะ?”
“ชั่วร้ายไปแล้ว!”
เด็กสูงศักดิ์คนอื่นๆ กว่าจะคืนสติได้ก็นานโข ทั้งโกรธและอึ้ง
ยังมีคนใคร่จะบุกตะลุยเข้ามา เ่ิูก็ไม่รอช้ายกมือขึ้นตบเผียะเดียว ดุจค้อนั์ทุบคนรากหญ้า ทีเดียวก็ปลิวกระเด็นไปไกล ลงมือชนิดไม่ถนอมน้ำใจ และไม่ดูดายเลยแม้เพียงเสี้ยว
เพี้ยะๆๆ!
กระทั่งเด็กชั้นสูงอีกสี่ห้าคนก็กลายเป็เหมือนหุ่นกระบอก ปลิวละล่องไปตามๆ กัน
ขณะนั้นเอง ที่หมู่ชนมีปฏิกิริยาตอบกลับมา อุทานกันเลือนลั่นพลางถอยหนี
และพวกชนชั้นสูงที่ยังมิได้โจมตี ก็หวั่นกลัวจนหยุดฝีเท้า
ต่อให้คนปัญญาอ่อนก็มองออก พลังของบุรุษผู้นี้ น่ากลัวเหลือหลาย ไม่มีทางเอาพวกมากไว้ก่อนเข้าสู้ได้แน่
ไอ้เวรพรรค์นี้ กล้าดีอย่างไรถึงลงมือ?
กล้าดีอย่างไร?
ยามเดียวกัน เฉวียนย่าหลินที่สมองมึนตึ้บ ก็ิญญากลับเข้าร่างแล้ว กระอักเืสดออกมาระลอกหนึ่ง ตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพสุธา ตะเบ็งเสียงต่ำ ในลำคอดุจสัตว์ป่าโกรธเกรี้ยวซึ่งได้รับาเ็
“เ้ากล้าลงไม้ลงมือกับข้า?” เฉวียนย่าหลินคำรามลั่นเยี่ยงสิ้นไร้เชาว์ญาณ “แซ่เย่ มารดาเ้าเถอะ กล้าตบหน้าข้า เ้ารู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?”
“แล้วเ้ารู้ไหม ว่าเ้ากำลังทำอะไรอยู่?” เ่ิูแววตาเปี่ยมเต็มด้วยดูแคลน ดั่งว่าไม่มีค่าควรแก่การมอง หัวเราะเยือกเย็น “แค่ไอ้เด็กต๊อกต๋อยขนยังไม่ทันขึ้น ริอาจจะเล่นเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายสกปรก โง่ดักดานเอ๊ย!”
“เ้า...เ้า...” เฉวียนย่าหลินโกรธจัด สวนกลับอย่างไม่อาจห้ามปากตัวเอง “เ้ามืดแปดด้านแล้ว แค่สวะชั้นต่ำไม่มีจะกิน เ้าหมดหนทางแล้ว...เ้าทำผิดต่อกลุ่มศิษย์สูงศักดิ์ เ้า...”
“ฮ่าๆๆ” เ่ิูหัวเราะร่าไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม “กลุ่มศิษย์สูงศักดิ์หรือ? ของพรรค์ไหนกันล่ะนั่น? บิดาเ้าไม่มาคิดหยุมๆ หยิมๆ กับพวกดักดานเกะกะระรานไปทั่วอย่างพวกเ้าล่ะสินะ ถึงต้องมาหาเื่โดนอัด ยังจะอ้างกลุ่มศิษย์ชั้นสูงอีก? ถุย เก่งชิบหายเลย!”
“เ้า...เ้า...เ้า” เฉวียนย่าหลินโมโหเดือดดาล