ทันทีที่กลับมายังห้องโถงก็เห็นไป๋หลี่ิชวนกำลังนั่งยกขาไขว่ห้างด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อยเอาแต่ใจ
จวินจิ่วเฉินนั่งตรงข้ามเขา กูเฟยเยี่ยนนั่งข้างจวินจิ่วเฉินอีกที
ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยความเงียบสงัด ทุกคนล้วนรอคอยการตัดสินใจของกู้อวิ๋นหย่วน
ความลำบากใจของกูอวิ๋นหย่วนปรากฏอยู่เต็มใบหน้า เขาใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นาน ท้ายที่สุดก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “เฮ้อ ในเมื่อพวกท่านต่างก็เป็แพทย์ยา เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ข้าน้อยคิดคำถามให้พวกท่านทดสอบ ฝ่ายใดเป็ผู้ชนะข้าน้อยก็จะไปกับฝ่ายนั้น”
ไป๋หลี่ิชวนเริงร่าอย่างยิ่ง “ฮ่าๆ ตกลง! เปิ่นหวงจื่อกำลังกลัดกลุ้มว่าจะไม่มีโอกาสประลองฝีมือกับเสี่ยวเยี่ยนเอ๋อร์อยู่พอดี! ทว่าหากจิ้งหวาง้าชี้แนะเปิ่นหวงจื่อด้วย เปิ่นหวงจื่อก็ยินดีอย่างยิ่ง! ”
นี่คือการกลั่นแกล้งจวินจิ่วเฉินที่ไม่มีทักษะยาสมุนไพรชัดๆ !
ความสามารถแต่กำเนิดของจวินจิ่วเฉินคือเมื่อเขาเคยพบเห็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับแพทย์และยาแล้ว เขาไม่เคยลืมเลือน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้เชี่ยวชาญเท่าไป๋หลี่ิชวนกับกูเฟยเยี่ยน ทว่าถึงอย่างไรเขาก็ไม่โกรธแค้นและไม่เขินอายต่อการเผชิญหน้ากับความเหยียดหยามของไป๋หลี่ิชวนเลย
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “แพทย์กู้ เปิ่นหวางกับองค์ชายสามต่างก็เป็ผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ไม่อย่างนั้นก็ให้พวกเราสองคนประลองฝีมือกันสักรอบ? ”
ไป๋หลี่ิชวนทราบดีว่าตอนที่อยู่ในโรงเตี้ยมหนานซาน พวกเขาประลองฝีมือจนรู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของอีกฝ่ายแล้ว
่เวลาที่จวินจิ่วเฉินปกป้องกูเฟยเยี่ยนด้วยมือเพียงข้างเดียว แล้วยังสามารถตีเสมอเขาได้ นี่ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าความชำนาญในการต่อสู้ของจวินจิ่วเฉินอยู่เหนือกว่าเขา
เขาไม่โกรธแค้นและไม่อับอายต่อการเผชิญหน้ากับการยั่วยุของจวินจิ่วเฉินเช่นกัน เขายังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่แห่งการสู้สังหาร ในเมื่อมาขอร้องแพทย์ก็ต้องตัดสินด้วยทักษะยาสมุนไพร! ”
กู้อวิ๋นหย่วนโน้มน้าวด้วยความประหม่า “จิ้งหวาง มีเื่อะไรก็พูดจากันดีๆ เถอะนะ อย่าได้ลงไม้ลงมือเลย”
จวินจิ่วเฉินไม่ได้โต้เถียง ั์ตาของเขาทอประกายถึงความซับซ้อนพลางกล่าวว่า “แพทย์กู้ อาการป่วยมีความหนักเบาและความเร่งด่วน ทางด้านของเปิ่นหวางอยู่ในสถานการณ์คับขัน ท่านไปกับเปิ่นหวางก่อนแล้วค่อยเดินทางไปที่ตัวเมืองว่านจิ้นก็ไม่สาย”
จิติญญาของกูเฟยเยี่ยนหลุดลอยออกไปแล้ว ทว่าจวินจิ่วเฉินให้ความสนใจมาโดยตลอด คำพูดของเขามีการซ่อนความหมายของการหยั่งเชิงเอาไว้หลายชั้น
ประการแรกคือใน่ที่เถ้าแก่กล่าวแนะนำตัว เขาไม่ได้แนะนำว่าไป๋หลี่ิชวนมีความชำนาญในทักษะยาสมุนไพร กู้อวิ๋นหย่วนทราบได้อย่างไร? ในจดหมายแนะนำมีการเขียนเอาไว้หรือ? หรือว่าเมื่อสักครู่นี้ไป๋หลี่ิชวนได้เอ่ยถึงตอนอยู่ที่ห้องโถงด้านข้าง? คนที่ไป๋หลี่ิชวน้าช่วยคือใครกันแน่ เขาอยู่ที่ใดกัน? สถานการณ์คับขันหรือไม่?
ประการที่สองคือกู้อวิ๋นหย่วนดูเหมือนว่าจะเป็คนที่หารือได้ง่าย ใน่เวลาที่พูดคุยถึงอาการป่วยก็มีความจริงจังหนักแน่น ตามหลักแล้วเขาคือผู้ที่มีจรรยาแพทย์ที่ดีเยี่ยม เมื่อมีความสามารถทางการแพทย์ก็ต้องช่วยชีวิตผู้ที่าเ็และช่วยชีวิตผู้ที่กำลังจะเสียชีวิต ทว่าเหตุใดการเชิญเขาออกจากเขาถึงเป็เื่ยากเพียงนี้?
ประการที่สามคือกู้อวิ๋นหย่วนเหมือนกับนักปราชญ์ผู้อ่อนโยนและอ่อนแอ ในทันทีที่กล่าวถึงการต่อสู้ก็เกิดความตึงเครียด ทว่าเหตุใดทางน้ำด้านนอกถึงได้มีผู้คุ้มกันดักซุ่มอยู่มากมายแถมยังมีไอสังหารที่รุนแรงอีกด้วย?
ประโยคเดียวของเขาล้วนแฝงไปด้วยข้อสงสัยเหล่านี้อยู่ภายใน
ไป๋หลี่ิชวนเ้าเล่ห์เฉลียวฉลาดมาก ทันทีที่เขาทราบว่าคำพูดของจวินจิ่วเฉินแฝงไปด้วยการหยั่งเชิงเขาจึงไม่พูดอะไรออกมา แต่รอยยิ้มชั่วร้ายค่อยๆ แฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
กู้อวิ๋นหย่วนถอนหายใจออกมาอีกครั้งโดยที่มองไม่ออกเลยว่ากู้อวิ๋นหย่วนฟังออกถึงการหยั่งเชิงหรือไม่ “เฮ้อ กฎเกณฑ์ของตระกูลบรรพบุรุษนั้นมิอาจฝ่าฝืนได้ มิอาจฝ่าฝืนได้จริงๆ ! ”
เป็เื่จริงที่กฎเกณฑ์ของบรรพบุรุษตระกูลซ่อนเร้นจำนวนไม่น้อยมีความเข้มงวดมาก พวกเขาไม่อนุญาตให้ลูก หลาน เหลน โหลน ติดต่อและออกไปเจอโลกภายนอกได้ตามอำเภอใจ ยิ่งไปกว่านั้นคือบางตระกูลไม่อนุญาตให้ลูกหลานเหลนโหลนออกจากถิ่นที่อยู่อาศัยของตนเลยด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่ากู้อวิ๋นหย่วนขมวดคิ้วกันแน่น จวินจิ่วเฉินจึงมองไม่ออกว่าชายหนุ่มผู้นั้นเป็คนหัวโบราณที่คร่ำครึจริงๆ หรือว่าแกล้งทำกันแน่ ซึ่งแน่นอนว่าเขาเชื่อในแบบหลังมากกว่า เพราะผู้คุ้มกันบนทางน้ำเ่าั้ไม่ได้เฝ้าปกป้องกู้อวิ๋นหย่วนเพียงคนเดียวแต่ปกป้องตระกูลกู้ ทว่าในปัจจุบันคนในตระกูลแห่งนี้เหลือกู้อวิ๋นหย่วนเพียงคนเดียวเท่านั้น
เขาไม่ได้สืบถึงแก่นแท้ต่อไป เขาหันไปมองกูเฟยเยี่ยนเพื่อสอบถามนาง
กูเฟยเยี่ยนเหม่อลอยมาโดยตลอด ทันทีที่เห็นจวินจิ่วเฉินหันมามองจึงได้สติกลับมาพลันรีบร้อนเอ่ยขึ้น “ข้าไม่มีปัญหา”
กู้อวิ๋นหย่วนโล่งใจแล้วเผยยิ้มบางเบาจนใบหน้ารูปงามที่สะอาดสะอ้านดูบริสุทธิ์เมตตาอย่างยิ่ง
เขาเอ่ยถาม “ข้าน้อยจะคิดคำถามมาสามข้อ ชนะสองในสามตาเป็อย่างไร? ”
ไป๋หลี่ิชวนยังคงยิ้มแย้ม “ขอแค่แพทย์กู้มีความสุข จะทำการทดสอบอย่างไรนั้นได้หมด”
กูเฟยเยี่ยนลอบถอนหายใจพลางบีบบังคับตนเองให้ขจัดความคิดฟุ้งซ่านอื่นๆ ออกไป เพราะเื่ของเฉิงอี้เฟยเป็เื่สำคัญ หญิงสาวนั่งตัวตรง เรียกสติของตนเองกลับมาพลางกล่าวด้วยความจริงจัง “ตราบใดที่เที่ยงธรรม จะทดสอบอย่างไรก็ย่อมได้”
อันที่จริงนางพูดสุ่มสี่สุ่มห้าแต่กู้อวิ๋นหย่วนกลับเอาจริงเอาจัง “แพทย์หญิงกูวางใจได้ ข้าน้อยไม่ใช่คนแบบนั้น”
กูเฟยเยี่ยนมองเขาพลางรำพึงในใจ “ข้าหวังว่าท่านจะไม่หลอกลวงจริงๆ “
กู้อวิ๋นหย่วนเห็นสีหน้าของกูเฟยเยี่ยนจึงคิดว่านางไม่เชื่อเขา ดูเหมือนว่าเขาอยากจะพูดอะไรออกมา แต่สุดท้ายก็พูดเพียงแค่ว่า “ทุกท่านรอสักครู่ ข้าน้อยจะไปจัดเตรียมเสียก่อน”
ผ่านไปไม่นานกู้อวิ๋นหย่วนก็โอบอุ้มกล่องผ้ามาสามกล่อง เขานำกล่องผ้ามาวางเรียงกันบนโต๊ะน้ำชา ก่อนจะกล่าวน้ำเสียงจริงจัง “หัวข้อทดสอบทั้งสามข้อซ่อนอยู่ในกล่องผ้าเหล่านี้”
เขากล่าวพลางเปิดกล่องใบแรกเพื่อนำใบสั่งยาออกมา “ท่านทั้งสาม นี่คือใบสั่งยาที่ได้รับการตกทอดมาจากบรรพบุรุษตระกูลกู้ ข้าน้อยจะลบตัวยาสมุนไพรออกหนึ่งชนิด ผู้ที่ระบุตัวยาที่หายไปได้ก่อนจะเป็ผู้ชนะ”
เขายังจำคำว่า “เที่ยงธรรม” ของกูเฟยเยี่ยนเมื่อสักครู่นี้ได้ เขานำใบสั่งยามาคัดลอกแล้วนำใบสั่งยาแผ่นเดิมซ่อนไว้ในกล่องผ้าจากนั้นจึงกล่าวอย่างจริงจัง “แพทย์หญิงกู ใบสั่งยาแผ่นเดิมซ่อนไว้ในนี้ ท่านทั้งสองเขียนคำตอบลงบนกระดาษแล้วค่อยเปรียบเทียบกัน เป็อย่างไร? ”
ความละเอียดรอบคอบราวกับแกะออกมาจากแม่พิมพ์ของเขาแตกต่างกับท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวมากจริงๆ !
กูเฟยเยี่ยนเพียงแค่พยักหน้าโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา
กู้อวิ๋นหย่วนจึงนำใบสั่งยาที่คัดลอกเอาไว้วางลงบนโต๊ะน้ำชา “ท่านทั้งสอง เชิญ”
กูเฟยเยี่ยนกับไป๋หลี่ิชวนแทบจะลุกขึ้นไปดูใบสั่งยาพร้อมกัน
ต้องทราบเอาไว้ว่าสำหรับผู้ที่เชี่ยวชาญนั้น การมองใบสั่งยาออกมาอย่างทะลุปรุโปร่งอาจเป็เื่พริบตาเดียว อย่าว่าแต่ช้ากว่าหนึ่งก้าวเลย แม้แต่ความลังเลก็อาจทำให้พ่ายแพ้ได้
ซึ่งแน่นอนว่าใบสั่งยาที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษตระกูลกู้นั้นไม่ธรรมดาเลย ใบสั่งยาที่กู้อวิ๋นหย่วนนำออกมาลึกล้ำมาก กูเฟยเยี่ยนกับไป๋หลี่ิชวนต่างก็ไม่ได้มองออกในทันที
พวกเขาทั้งสองยืนเคียงข้างกวาดตามองอยู่ที่หน้าโต๊ะน้ำชา พวกเขามองรายชื่อสมุนไพรบนใบสั่งยาทั้งหมดก่อน แล้วค่อยเริ่มครุ่นคิด ใบสั่งยายิ่งลึกลับมากเพียงใด เมื่อมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยในตอนแรก มันก็จะส่งผลให้เกิดความผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ในตอนหลัง
วิธีการของพวกเขามีความเหมือนกัน เริ่มจากวิเคราะห์สมุนไพรบนใบสั่งยาคร่าวๆ เพื่อหาดูว่าใบสั่งยาแผ่นนี้รักษาโรคใด เมื่อรับรู้แล้วจึงเริ่มวิเคราะห์คุณสมบัติทั้งสี่ของยา รสยาทั้งห้า ทิศทางการออกฤทธิ์ของยา เทคนิคที่ร่วมกับการฝังเข็ม ตำแหน่งของการออกฤทธิ์ยา และมีพิษหรือไร้พิษ เพื่อพิจารณาถึงสมรรถนะของยาสมุนไพรแต่ละชนิดโดยละเอียดถี่ถ้วนในหลายๆ ด้านแล้ว สุดท้ายจึงพิจารณาสรุปออกมา
แม้ว่ากูเฟยเยี่ยนจะมีเื่บางอย่างอยู่ภายในใจ แต่นางก็รู้ซึ้งถึงความหนักเบาและความเร่งรีบ หญิงสาวปรับสภาพจิตใจกลับมา ซึ่ง่เวลานี้กำลังรวบรวมสมาธิจดจ่ออยู่ที่ใบสั่งยาเพื่อที่จะได้วิเคราะห์ออกมาให้เร็วที่สุด
ทางด้านของไป๋หลี่ิชวนนั้นเรียกได้ว่าเป็เื่ยากที่จะเห็นเขาเก็บการแสดงออกถึงความเกียจคร้านแล้วกลายเป็คนจริงจัง เขาครุ่นคิดพลางหยิบลูกอมชะเอมที่อยู่ด้านข้างมาโยนเข้าปาก
ทว่าวินาทีที่เขาเคี้ยวเข้าไปก็คายออกมาพลางคลื่นไส้ทันที “อยู่ดีๆ ทำไมชะเอมถึงได้มีหยินตันเฉ่า [1] ? เปิ่นหวางจื่อสะอิดสะเอียนสิ่งนี้เป็ที่สุด! ”
กูเฟยเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมาอย่างฉับพลัน ก่อนจะโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้คิด “ใบสะระแหน่? ”
หยินตันเฉ่าก็คือใบสะระแหน่นี่นา!
ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวชอบใส่ใบสะระแหน่ลงไปในลูกอมชะเอม เขาใส่ลงไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น หากดมดูจะไม่ได้กลิ่น แต่เมื่อเคี้ยวแล้วก็จะมีความเย็นเล็กน้อย นางชื่นชอบมากๆ …
————————————————————
เชิงอรรถ
[1] หยินตันเฉ่า หมายถึง เปปเปอร์มินต์