ทุกคนคิดว่าหลัวเลี่ยไม่มีคนหนุนหลังและไม่ได้เข้าร่วมกับสำนักใหญ่ใดๆ เพราะหากเขามีคนหนุนหลังแล้ว ในตอนที่เขาเผชิญกับปัญหาและถูกอาณาจักรต่างๆ หันหลังให้ จะไม่มีใครออกหน้าให้เขาเลยได้อย่างไร
แม้แต่ข่งไท่โต้วก็คิดว่าหลัวเลี่ยจะต้องขอให้เขาจัดการกับผู้าุโที่มีพลังอยู่ในระดับทลายยุทธ์อย่างแน่นอน
ใครจะรู้ว่าเขาผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลข่งและกำลังจะเลื่อนระดับขึ้นเป็ระดับบรรพชนจะคาดการณ์ผิดไปได้ รวมทั้งเขายังรู้สึกได้ว่าสาวสวยข้างกายของหลัวเลี่ยนั้นช่างน่ากลัวจริงๆ
นางสามารถสังหารผู้าุโที่มีพลังอยู่ในระดับทลายยุทธ์ได้ด้วยฝ่ามือเดียว
เมื่อเทียบกับหลัวเลี่ยที่จะฆ่าคนที่เขาคิดว่าสมควรตายแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหวู่ที่ได้รับฉายาว่าปักษาคลั่งจากภพจิตันั้นโเี้กว่าหลัวเลี่ยมาก
การอดทนที่เป็ผู้ถูกทำร้ายโดยไม่ได้ตอบโต้มานานทำให้เยี่ยนอวิ๋นหวู่รู้สึกคันมือ
“หากไม่พูดกันด้วยเหตุผลกับข้า ข้าก็ไม่จำเป็ต้องมีเหตุผลกับเ้า” หลัวเลี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็น “ถ้าพวกเ้าจะรวมกันรังแกข้า เช่นนั้นก็ผ่านผู้ติดตามของข้ามาให้ได้ก่อนเถิด”
ทุกคนที่อยู่รอบๆ หลัวเลี่ยมองไปที่หลัวเลี่ยด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาเหมือนเพิ่งได้รู้จักหลัวเลี่ยเป็ครั้งแรก
ตอนนี้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนคาดเดาภูมิหลังของหลัวเลี่ย
นึกไม่ถึงเลยว่าหลัวเลี่ยจะมีคนที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวเช่นนี้อยู่ข้างกายของเขา
มันไม่ควรเป็เช่นนี้เลย
หรือว่าข้อมูลผิดพลาด?
เหล่ยเจิ้นจื่อและชางจื่อเฟิงมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชางจื่อเฟิงที่กลัวเล็กน้อย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาฆ่าหลัวเลี่ยจนทำให้ผู้ติดตามคนนี้โมโห? แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว
“มีคนกล้าสังหารผู้าุโของราชวงศ์ถึงในเมืองหลวงของแคว้นเหยียนหลงเลยหรือ”
มีผู้าุโอีกคนเดินเข้ามา
คนๆ นี้ดูไม่ธรรมดา ไอพลังที่เขาปลดปล่อยออกมาเป็การแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับทลายยุทธ์ ไม่แน่ว่าพลังของเขาอาจสู้กับนายพลทั้งสี่แห่งเผ่าัได้ กล่าวคือเขาเป็คนที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง
เยี่ยนอวิ๋นหวู่ค่อยๆ ปัดมือขาวเนียนดุจหยกของตัวเองไปมา “หากอยากตายก็เชิญลงมือ แต่หากยังอยากจะมีชีวิตอยู่ก็ถอยกลับไปเสีย”
ช่างเป็หญิงสาวที่โเี้!
หลายคนใเมื่อได้ยินที่นางพูดเพราะคนที่เดินออกมาเป็ถึงปรมาจารย์ในระดับทลายยุทธ์
ผู้าุโคนนั้นโกรธจัด “ตอนแรกข้าก็เห็นว่าเ้าเป็ผู้หญิงหรอกนะเลยจะไว้หน้าเ้าเสียหน่อย แต่เ้ากลับไม่รักตัวกลัวตาย เช่นนั้นข้าจะทำให้เ้ายอมเอง”
ชิ้ง!
ทันทีที่เขาหันกลับมา เขาก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเยี่ยนอวิ๋นหวู่อย่างรวดเร็ว
ความเร็วนั้นเร็วจนหลายคนมองตามไม่ทัน
บูม!
แต่สิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าความรวดเร็วของผู้าุโคนนี้คือในตอนที่ผู้าุโมาปรากฏตัวอยู่หน้าเยี่ยนอวิ๋นหวู่ว่าเร็วแล้ว แต่เยี่ยนอวิ๋นหวู่กลับเร็วกว่าเพราะมือของนางได้คว้าคอของผู้าุโเอาไว้ได้ไปแล้ว
“เ้าอ่อนแอเกินไป”
หลังจากที่เยี่ยนอวิ๋นหวู่พูดจบ นางก็ออกแรงบีบมือเล็กน้อย
กึก!
คอของผู้าุโหักลง จากนั้นร่างของเขาก็ร่วงลงไปกองที่พื้น
ทุกสิ่งตกอยู่ในความเงียบงัน
เหล่ยเจิ้นจื่อและคนอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์นี้หรือแม้แต่หลัวเลี่ยต่างตกตะลึง หลัวเลี่ยรู้ว่าเยี่ยนอวิ๋นหวู่ที่มีฉายาว่าปักษาคลั่งนั้นเป็คนที่เก่งกาจมาก แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่านางจะน่ากลัวขนาดนี้ นางแข็งแกร่งถึงขั้นที่สามารถสังหารผู้าุโที่มีพลังอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับทลายยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย
มีเพียงคำเดียวที่สามารถอธิบายเื่ความแข็งแกร่งนี้ได้
นั่นก็คือนางอยู่ในระดับกายทองคำ!
เมื่อหลัวเลี่ยคิดมาถึงตรงนี้ ความคิดภายในหัวของเขาก็ว่างเปล่า
ส่วนคนอื่นกำลังจะเป็บ้าแล้ว
“ให้ตายเถอะ! ผู้ที่มีพลังอยู่ในระดับกายทองคำจะเป็ผู้ติดตามของใครได้หรือ? นี่เป็เื่จริงหรือหลอกลวงกันแน่”
“ในใต้หล้านี้ต่อให้เป็อัจฉริยะรุ่นเยาว์ของสำนักเต๋าที่บรรพชนสร้างขึ้นก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมีคนติดตามเป็ผู้แข็งแกร่งที่มีพลังอยู่ในระดับกายทองคำเลย เพราะผู้ที่มีพลังอยู่ในระดับนี้กำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็ระดับบรรพชนซึ่งจะถือว่าไม่ใช่มนุษย์แล้วเชียวนะ”
“หลัวเลี่ยมีประวัติอย่างไรกันแน่ ใครเป็คนบอกข้าว่าเขาไม่มีคนหนุนหลังกัน แสดงตัวออกมาสิ ข้าสัญญาว่าจะไม่ฆ่าเขา”
ผู้คนกำลังตกอยู่ในความชุลมุน
คนในราชวงศ์เหยียนหลงใมาก พวกเขาต่างหวาดกลัว ไม่เพียงไม่กล้าท้าประลอง พวกเขายังกลัวที่จะถูกหางเลขไปด้วย
แม้แต่ศิษย์ของสำนักอูอวิ๋นเซียนก็ยังจ้องมองด้วยสายตาว่างเปล่า
ผู้ติดตามที่มีพลังอยู่ในระดับกายทองคำหรือ
สิ่งที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าคือเยี่ยนอวิ๋นหวู่ยังดูอายุน้อยอย่างเห็นได้ชัด นางไม่ใช่คนที่ฝึกวรยุทธ์มาอย่างยาวนานจนมีรอยย่นบนใบหน้า ใบหน้าของเยี่ยนอวิ๋นหวู่ยังคงเกลี้ยงเกลาซึ่งหมายความว่านางน่าจะอายุราวๆ สามสิบกว่าปีได้ แต่ด้วยอายุเพียงเท่านี้นางกลับบรรลุถึงระดับกายทองคำได้แล้ว
ข่งไท่โต้วอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเมื่อคิดได้ว่าคนที่มีอายุเท่านี้แต่กลับบรรลุถึงระดับวรยุทธ์นี้แล้ว
เยี่ยนอวิ๋นหวู่มีประวัติอย่างไร ใครกันที่สามารถเลี้ยงดูนางจนแข็งแกร่งทั้งที่อายุเท่านี้ได้ คนๆ นั้นเป็เทพหรือ?
“มีใครคิดจะทำร้ายคุณชายของข้าอีกหรือไม่” เยี่ยนอวิ๋หวู่กล่าว “ข้าคันมือไม่ได้ฆ่าคนมานานแล้ว หรือไม่ก็มีใครที่อยู่ในระดับกายทองคำไหม มาเล่นกันหน่อยสิ”
“โอ้พระเ้า”
หลายคนอ้าปากค้างด้วยความใ
เหนือสิ่งอื่นใดผู้ที่มีวรยุทธ์อยู่ในระดับกายทองคำนั้นเป็บุคคลที่สำคัญและมีตำแหน่ง ใครกล้าสังหาร ก็เท่ากับว่าจะสร้างความบาดหมางใหญ่หลวงกับบรรพชนหลายท่าน
แต่หากนางไม่สนใจเื่ความบาดหมางก็หมายความว่านางไม่เห็นเหล่าบรรพชนอยู่ในสายตา
หลัวเลี่ยมองไปที่เยี่ยนอวิ๋นหวู่ด้วยสายตาลึกล้ำ เขาแอบคิดว่าบางทีเขาควรจะถามประวัติของเยี่ยนอวิ๋นหวู่เสียหน่อย
พรึ่บ!
ในตอนนั้นเองร่างของไก้อู๋ซวงที่อยู่ใต้เท้าของหลัวเลี่ยก็สลายกลายเป็อากาศไปอย่างเงียบๆ
ไม่มีร่องรอยของเืเนื้อหลงเหลืออยู่ ร่างของนางกลายเป็ไอเพลิงสีแดงลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็รวมเข้ากับสมบัติรูปั
สิ่งที่เหลืออยู่คือกระบี่เยวี่ยเจินที่ใช้สังหารนางและถุงมือสีแดงคู่หนึ่ง
หลัวเลี่ยเก็บกระบี่เยวี่ยเจินกลับเข้าไปในฝัก จากนั้นเขาก็เก็บถุงมือสีแดงขึ้นมา “ในเมื่อข้าเอาหัวของไก้อู๋ซวงไปเซ่นไหว้ไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะใช้ถุงมือคู่นี้แทนแล้วกัน”
บูม!
ไอหมอกสีแดงที่สลายไปในอากาศเหมือนจะทำให้เกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้น มันทำให้บริเวณที่สมบัติรูปัตั้งอยู่เกิดการสั่นะเื หลังจากนั้นไม่นานก็มีแสงสีทองอ่อนกระจายออกมารอบๆ บริเวณนั้น
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจไปยังบริเวณ้า
แสงสีทองทวีความเข้มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วหลังจากนั้นในอากาศที่ว่างเปล่าก็ค่อยๆ มีสิ่งหนึ่งปรากฏขึ้น มันค่อยๆ ปรากฏตัวจนกลายเป็วังขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
วังนี้ดูเหมือนเป็ของจริงและยังงดงามมาก
ที่ด้านหน้าของวังมีรูปปั้นัและนกฟีนิกซ์คอยปล่อยพลังคุ้มกันอยู่
มีขั้นบันไดหยกขาวยื่นออกมาด้านหน้าวัง ตรงขั้นบันไดนั้นเต็มไปด้วยหมอกหนา มีนกกระเรียนและสัตว์มงคลอื่นๆ ส่งเสียงร้องเป็ระยะรวมทั้งยังมีเสียงระฆังดังกังวานคล้ายจะช่วยกล่อมเกล้าและชำระล้างจิตใจ
หลังจากที่เสียงระฆังดังขึ้นเก้าสิบเก้าครั้ง ผู้คนก็รู้สึกได้ถึงไอพลังที่ยิ่งใหญ่แผ่ออกมาจากวัง จนแม้แต่คนที่มีพลังอยู่ในระดับกายทองคำซึ่งเร้นกายอยู่ในเงามืดยังถูกกดดันจนต้องปรากฏกายออกมา พวกเขาค่อยๆ ลอยลงมาสู่พื้นดินทีละคน
เมื่อไอพลังนั้นเข้มข้นจนถึงจุดสูงสุดแล้วก็มีคนๆ หนึ่งที่สวมชุดสีเหลือง สวมรองเท้าั และมีดวงอาทิตย์ลอยอยู่เหนือศีรษะดั่งจักรพรรดิ์เดินออกมาหยุดยืนอยู่ตรงแท่นหน้าทางเข้าวัง
คนๆ นั้นโบกมือหนึ่งครั้ง
จากนั้นขั้นบันไดหยกขาวก็แผ่ออกอย่างรวดเร็ว จนทอดยาวมาถึงตรงหน้าหลัวเลี่ย
เมื่อหลัวเลี่ยมองขึ้นไปยังคนๆ นั้น เขาก็รู้สึกคุ้นเคยราวกับเห็นระฆังจันทราและเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิม ทันใดนั้นใจของเขาก็สั่นไหว จากนั้นเขาก็โพล่งขึ้นว่า “จักรพรรดิ์ จักรพรรดิแดนประจิมไท่อี!”
ประโยคนั้นเป็ดั่งสายฟ้าฟาดทำให้จิตใจของทุกคนว่างเปล่า ดวงตามืดมัว และความคิดหยุดชะงักในทันที
สิ่งที่ลึกลับกว่านั้นคือหลังจากที่หลัวเลี่ยเอ่ยถึงตัวตนของบุคคลนี้ ทุกคนและแม้กระทั่งคนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับจักรพรรดิประจิมไท่อีต่างรู้สึกใและมั่นใจว่าเขาคือจักรพรรดิ์ประจิมไท่อีแน่นอน มันเป็เื่ที่ไม่มีเหตุผลให้ต้องเชื่อเลย และมันน่ามหัศจรรย์มาก
หลัวเลี่ยมองไปยังขั้นบันไดหยกขาวที่อยู่ข้างหน้าเขา จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึกๆ แล้วก้าวขึ้นไป
ค่อยๆ ก้าวขึ้นไปบน์