ในจวนมีรายจ่ายไม่มาก ทุกครั้งที่มีเงินเข้าออกบัญชีล้วนเขียนไว้อย่างชัดเจน กล่องใหญ่หลายใบที่ยกเข้ามาเมื่อวาน รวมถึงสินเดิมของกู้เจิง ซู่หลันกับเหอเซียงยังไม่ทันจะได้ลงบัญชีเอาไว้
“บัญชีนี้ใครเป็คนจด?” กู้เจิงถามสาวใช้ทั้งสองคน
“เป็บ่าวเ้าค่ะ” ซู่หลันตอบ
“ท่านแม่เคยสอนเ้าจดบัญชีหรือ?” ทุกรายการในสมุดบัญชีเขียนไว้อย่างชัดเจน
“เ้าค่ะ นายหญิงเคยสอนบ่าวมาก่อน”
เหอเซียงที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยเสริมขึ้นว่า “นายหญิงก็เคยสอนบ่าวจดบัญชีเหมือนกันเ้าค่ะ”
กู้เจิงพยักหน้า ก่อนสั่งเหอเซียง “ซู่หลันทำงานบัญชี ส่วนเ้ารับผิดชอบจัดการในจวนหรือ?”
“เ้าค่ะ”
กู้เจิงพอใจมาก ถึงแม้ทั้งสองจะเป็สาวใช้ แต่กลับทำงานได้อย่างดี นางยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจที่นายหญิงเว่ยซื้อมอบสาวใช้สองคนนี้ให้นาง “เรือนนี้ใหญ่นัก ลำบากพวกเ้าสองคนแล้ว พวกเ้าดูสิว่าส่วนไหนบ้างยัง้ากำลังคนเพิ่มอีก สมุดบัญชีนี้เอามาให้ข้าดูเดือนละครั้งก็พอ”
“เ้าค่ะ” เห็นนายหญิงหาวหวอด ซู่หลันจึงถามว่า “นายหญิง้าพักผ่อนสักหน่อยไหมเ้าคะ?”
กู้เจิงลูบเอว นึกถึงความบ้าคลั่งของเสิ่นเยี่ยนเมื่อคืน จึงพยักหน้าด้วยสีหน้าอึมครึม
ก่อนกู้เจิงจะนอนลง นางเห็นเหอเซียงมองนางเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง จึงอดถามไม่ได้ว่า “ยังมีเื่อะไรอีกหรือ?”
เหอเซียงหน้าแดงเล็กน้อย “นายหญิง เมื่อครู่ตอนที่บ่าวกำลังเปลี่ยนที่นอน เห็นบนนั้นมีคราบเื นายท่านช่างไม่รู้จักทะนุถนอมเอาเสียเลยจริงๆ ตะ ้าให้บ่าวไปซื้อยามาไหมเ้าคะ?”
กู้เจิงหน้าแดงระเรื่อทันที นางกระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่ต้อง เ้าออกไปเถอะ” เหอเซียงผู้นี้ต้องคิดว่านางถูกทำรุนแรงแน่ แต่หารู้ไม่ว่าเป็เพราะนี่เป็ครั้งแรกของนาง “ช้าก่อน”
เหอเซียงกับซู่หลันหันกลับมามองนายหญิงอีกครั้ง
“พวกเ้ายังไม่ได้แต่งงาน แต่รู้เื่พวกนี้ดีนี่” กู้เจิงถามอย่างแปลกใจ เด็กสาวสองคนนี้โตกว่าชุนหงไม่เท่าไหร่เองนะ
“เดิมทีนายหญิงเว่ยซื่ออยากให้บ่าวทั้งสองคนไปปรนนิบัติคุณชายรองเ้าค่ะ” เหอเซียงก้มหน้าลงใบหน้าแดงก่ำ
ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ กู้เจิงเข้าใจแล้ว สาวใช้สองคนนี้ล้วนผ่านการอบรมสั่งสอนมาก่อน นางนับว่ามีประสบการณ์อยู่บ้าง เหอเซียงรีบเอ่ยขึ้นว่า “นายหญิงวางใจได้ บ่าวมีหน้าที่ของตัวเองคือคอยช่วยงานนายหญิง ไม่มีทางทรยศต่อนายหญิงแน่เ้าค่ะ"
“ตอนที่บ่าวออกมาจากจวนกู้ ได้สาบานต่อหน้านายหญิงเว่ยซื่อว่า หากคิดทรยศหักหลัง ขอให้ฟ้าผ่าไม่ตายดีเ้าค่ะ” ซู่หลันกล่าว
“อย่าพูดเช่นนี้เลย ขอเพียงพวกเ้าทำในสิ่งที่ตัวเองควรทำให้ดี ข้าก็ไม่มีอะไรจะต้องว่าพวกเ้าหรอก”
สาวใช้ทั้งสองได้ยินเช่นนี้ ต่างก็รู้สึกโล่งใจ
เสิ่นเยี่ยนกลับมาในตอนพลบค่ำ เขาแอบเข้าไปในห้องเงียบๆ เพราะคิดว่าภรรยากำลังหลับอยู่ แต่พอเข้ามากลับเห็นนางกำลังนั่งอ่านตำราอยู่
พอเห็นสามี กู้เจิงก็ไม่ได้พูดอะไร นางยังคงอ่านตำราต่อไปโดยไม่สนใจเขา
“ร่างกายดีขึ้นบ้างหรือยัง?” เสิ่นเยี่ยนนั่งลงข้างเตียงแล้วถามนางเสียงเบา
“ท่านคิดว่ายังไงล่ะ?” กู้เจิงถามอย่างขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน
“เมื่อคืนข้าหนักมือไปบ้าง ไม่สมควรจริงๆ”
กู้เจิงแค่นเสียงเย็น แม้เขาจะกล่าวเช่นนี้ ทว่าในดวงตากลับไม่ละอายแม้แต่น้อย นางผลักกเขาออก “อย่าแตะต้องข้า”
“ยังเจ็บอยู่หรือ?” เสิ่นเยี่ยนเหลือบมองไปที่ท้องของนาง
กู้เจิงหน้าแดง “ท่านไม่มีธุระต้องทำหรือเ้าคะ?” ตอนอยู่บ้านตระกูลเสิ่น ทุกครั้งที่กลับมาเขาจะตรงไปอ่านหนังสือ
“ไม่มี”
“ไม่ไปอ่านหนังสือหรือเ้าคะ?”
“เมื่อก่อนจำเป็ต้องใช้วิธีอ่านหนังสือเพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเอง แต่ที่นี่ไม่จำเป็”
กู้เจิง “...” จะบอกว่าเมื่อก่อนแสร้งทำเป็สุภาพบุรุษงั้นหรือ?
เสิ่นเยี่ยนยิ้มตาหยีมองภรรยา
“ท่าน อย่ายิ้มสิ” กู้เจิงรู้สึกว่าเสิ่นเยี่ยนที่ยิ้มเป็ทำให้นางใจสั่น
ในตอนนั้นเองเสียงของซู่หลันก็ดังขึ้นจากหน้าห้อง “นายท่าน นายหญิง อาหารได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว พวกท่านจะกินในห้องโถง หรือจะให้ข้าเอามาในห้องดีเ้าคะ?”
“ก็มีพวกเราแค่สองคนเท่านั้น กินที่ข้างนอกก็แล้วกัน”
“เ้าค่ะ”
“ทำไมวันนี้ท่านถึงกลับมาเร็วนักเ้าคะ?” กู้เจิงถามเสิ่นเยี่ยน
“ต่อไปข้าจะกลับมาเร็วแบบนี้ทุกวัน”
เหตุใดถ้อยคำนี้ถึงฟังดูมีนัยแฝงลึกซึ้งกันนะ
อาหารมื้อเย็นนั้นง่ายมาก กับข้าวสองน้ำแกงหนึ่ง เดิมทั้งสองคนก็ไม่ใช่คนที่กินยากและไม่จำเป็ต้องให้สาวใช้มาคอยปรนนิบัติอยู่แล้ว
“ต่อไปข้าจะกลับมาบ้านเร็วขึ้น และตอนเช้าก็ไม่ต้องรีบออกไปเร็วเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว” เสิ่นเยี่ยนคีบเนื้อใส่ในชามให้ภรรยา
“ชิ้นเดียวก็พอแล้วเ้าค่ะ” กู้เจิงรู้สึกว่าวันนี้นางไม่ค่อยมีความอยากอาหาร
“กินเยอะอีกหน่อยร่างกายจะได้ฟื้นตัวเร็ว”
กู้เจิง “...” ต้องเป็นางคิดเพ้อเจ้อไปแน่ คนซื่อตรงอย่างเขาคงไม่ได้คิดอะไรแอบแฝงแบบนาง
หลังกินอาหารกันเสร็จ ตามกิจวัตรปกติเสิ่นเยี่ยนต้องไปอ่านหนังสือที่ห้องหนังสือ ก่อนจะเข้านอน
แต่ในเวลานี้ เสิ่นเยี่ยนกลับเดินตามนางเข้าห้องนอน ทั้งสองคนมองตากันไปมา
สายตาของเสิ่นเยี่ยนจับจ้องนางเขม็ง ั์ตาลึกล้ำยังคงมีประกายไฟลุกโชนอยู่ตลอดเวลา ท่าทีในคืนนี้ของเขามองปราดเดียวก็ดูออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ร่างกายของเ้าดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
กู้เจิงตัวแข็ง นางเงยหน้าถลึงตาใส่เขา “ตอนกลางคืนห้ามแตะต้องข้าเ้าค่ะ”
เสิ่นเยี่ยน “...” เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
กู้เจิงเปิดประตูห้อง ชี้ออกไปด้านนอก “ท่านไปอ่านหนังสือสิเ้าคะ”
“ตอนนี้ห้องหนังสือยังไม่มีหนังสืออะไรเลย” เสิ่นเยี่ยนลุกขึ้นเดินเข้าไปหากู้เจิง “อย่าคิดฟุ้งซ่าน ข้าก็แค่อยากอยู่กับเ้าให้มากหน่อย”
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเอาแต่มองนางด้วยสายตาแบบนั้น นางจะคิดฟุ้งซ่านได้อย่างไร?
“หลังจากพวกเราแต่งงาน ถ้าข้าไม่ได้ยุ่งอยู่กับการอ่านหนังสือก็จะยุ่งอยู่กับเื่การเมือง แล้วเมื่อไหร่จะมีวันสบายๆ เหมือนตอนนี้อีกเล่า?”
กู้เจิงครุ่นคิดตามคำพูด ก็จริงของเขา
เสิ่นเยี่ยนดึงภรรยามาให้นั่งลงข้างๆ “ตอนนี้เรามีครอบครัวเล็กๆ ของตัวเองแล้ว ข้าย่อมอยากอยู่กับเ้าให้มาก”
จริงหรือ? กู้เจิงไม่เชื่ออยู่บ้าง
“ไม่ใช่ว่าเ้า้าจะเปิดหอสมุดให้ทั่วทุกหัวมุมของเมืองหรอกหรือ อีกหน่อยเ้าคงต้องยุ่งมากๆ” เสิ่นเยี่ยนถามถึงแผนการขยายสาขาหอสมุดของกู้เจิง
เมื่อพูดถึงเื่หอสมุด กู้เจิงก็เล่าแผนการที่นางคิดให้เขาฟังจนดึกดื่น
อาจเป็เพราะเมื่อคืนนางเล่าถึงแผนการของนางจนดึก ทำให้นางหลับสนิทจนกระทั่งได้ยินเสียงคนข้างกายลุกขึ้น นางถึงได้ลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ก็เห็นเสิ่นเยี่ยกำลังลุกขึ้น
นางมองไปทางหน้าต่างยังไม่เห็นแสงอรุณ จึงมองเขาอย่างสะลึมสะลือ ความง่วงงุนทำให้เสียงของนางเจือไปด้วยความอู้อี้ “ที่นี่อยู่ใกล้วังถึงเพียงนี้ ท่านต้องตื่นแต่เช้าขนาดนี้ด้วยหรือเ้าคะ?”
“เ้าคิดว่าตอนนี้ยังเช้าเกินไปงั้นหรือ?” เสิ่นเยี่ยนก้มหน้ามองกู้เจิงที่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม ร่างนุ่มนิ่มเส้นผมดำขลับแผ่กระจายอยู่บนหมอน ดวงตาเมล็ดซิ่งคู่งามเปิดขึ้นเพียงครึ่ง ริมฝีปากสีชมพูเผยอออกเล็กน้อย แก้มอมชมพู ท่าทางเกียจคร้านและเย้ายวนใจนี้ทำให้คนมองไม่อาจละสายตา
กู้เจิงพยักหน้าอย่างซื่อๆ “นอนต่ออีกหน่อยเถอะเ้าค่ะ พวกเราย้ายมาที่นี่ก็เพื่อที่ท่านจะได้ไม่ต้องลำบากตื่นแต่เช้าไปทำงานมิใช่หรือเ้าคะ?”
“แต่ข้านอนไม่หลับแล้ว ไม่งั้นหรือจะทำอะไรสักอย่างดี?”
“ทำอะไรเ้าคะ?” กู้เจิงถามอย่างงุนงงเล็กน้อย
“ก็สิ่งนี้ไง” เสิ่นเยี่ยนพูดพลางผนึกนางเอาไว้
ผ่านไปสักพักใหญ่ กู้เจิงถึงเพิ่งได้สติ เสิ่นเยี่ยนทำงานหนักจนเหงื่อแตกราวกับไปวิ่งตากฝนมา กว่ากู้เจิงจะรู้ตัวว่าตกหลุมพรางก็สายไปเสียแล้ว หลังจากทรมานนางไปหนึ่งชั่วยามจนนางหมดเรี่ยวหมดแรง แต่ตัวเขากลับยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและมีพละกำลังเต็มเปี่ยม เสิ่นเยี่ยนผละลงจากเตียงไปราชสำนักด้วยใบหน้าสุขสมใจ