มนุษย์พิเศษที่ปีนขึ้นเขามา พอได้ยินเข้าแววตาก็สาดประกายเหี้ยม เสียงของเขาค่อนข้างแหบแห้ง เอ่ยว่า “สหาย นี่ฉันเกรงใจนายแล้วนะ อย่ามาทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้หน่อยเลย!”
ฉู่เฟิงเห็นอย่างชัดเจน คนผู้นี้เดินมาจากทางหลินเยี่ยอวี่และพี่สาวของสวีหวั่นชิง เห็นได้ชัดว่ารับคำสั่งมา ในเมื่อตอนเช้าฉู่เฟิงประสบเหตุการณ์เช่นนั้น เขารู้สึกไม่ค่อยประทับใจพวกเขาสักเท่าไหร่
“ไล่ฉันไป เนี่ยเหรอเกรงใจ?” ฉู่เฟิงกวาดตาดูชั่วแวบ สีหน้าค่อนข้างขรึม เอ่ยว่า “ถ้าอย่างนี้ ให้ฉันเชิญนายกลับไปอย่างเกรงใจหน่อยดีไหม?”
“นายมีความสามารถไหมล่ะ?” มนุษย์พิเศษผู้นี้ยิ้มเย็น จะอย่างไรเขาก็เป็หัวหน้าทีมมนุษย์พิเศษที่อยู่ข้างกายหลินเยี่ยอวี่ ภายในกลุ่มเทียนเสินเซิงอู้แล้ว เรียกได้ว่าเขาเป็ยอดฝีมือเลยทีเดียว
มนุษย์พิเศษที่อยู่วงนอกกล้าดียังไงมาดูเบาเขาอย่างนี้?
“โครม!”
ฉู่เฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลง สืบเท้าไปข้างหน้าแล้วออกหมัดปีศาจวัว ครั้งนี้ทั้งบ้าคลั่งและรุนแรง เงาหมัดเกิดขึ้นพร้อมเสียงฟ้าร้อง สั่นะเืไปทั้งูเาลูกเล็กนั้น
นี่มันอะไรกัน? หัวหน้าทีมมนุษย์พิเศษงุนงง แค่เลือกูเาส่งๆ ดันมาเจอยอดฝีมือเข้าได้
เขาคำรามเสียงต่ำ จากนั้นอ้าปากกว้าง พ่นเปลวไฟสีฟ้าออกมา ร้อนแรงอย่างไม่มีอะไรเทียบ อุณหภูมิสูงอย่างน่ากลัวจนหลอมหินบนเขาได้
ฉู่เฟิงตกตะลึง มาเจอคนจริงเข้าให้แล้ว ความสามารถใกล้เคียงกับโจวเฉวียนเลย ไฟชนิดนี้อันตรายอย่างยิ่ง หลอมเหล็กละลายหิน โดนเพียงนิดเดียวได้กลายเป็เถ้าถ่านแน่นอน
ดวงตาทั้งคู่ของมนุษย์พิเศษเปลี่ยนเป็สีฟ้า เปลวไฟสีฟ้าสูงสิบกว่าเมตรเริงแรงท่วมร่าง เป็ภาพอันน่าสะพรึงกลัว
ผู้คนโดยรอบต่างพากันแตกตื่น
ผู้คนต่างเห็นภาพที่หินูเากำลังหลอมละลาย กลายเป็ลาวาสีแดงสด ค่อยๆ ไหลเลื่อนไปตามหน้าผา สีแดงเพลิงประหนึ่งน้ำเหล็กไหล ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดผวา
ผู้ชมต่างก็รับรู้ว่า มนุษย์พิเศษผู้นี้เก่งกาจเหลือประมาณ ใครเป็คู่ต่อสู้ของเขา เพียงแค่แสงเพลิงพุ่งพ่นออกมา ก็เพียงพอที่จะทำให้คู่ต่อสู้กลายเป็เถ้าถ่านได้ในทันที
“นี่ต้องเป็ยอดฝีมืุ์พิเศษของเทียนเสินเซิงอู้แน่ๆ ควบคุมเพลิงได้ ร้ายกาจจริงๆ!”
“หินบนเขากลายเป็ลาวาไปหมดแล้ว เืเนื้อคนเราจะทนได้ยังไงกัน? ความสามารถอย่างนี้โคตรจะโดดเด่นเลย สำหรับมนุษย์พิเศษระดับชั้นอย่างเราๆ นี่ไม่มีทางสู้ได้เลย ขนาดโลหะยังหลอมได้อย่างง่ายดายอ่ะ”
บางคนซุบซิบ ประหวั่นพรั่นพรึงอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่อยู่ห่างจากตรงนั้นไม่ไกลนักต่างก็ขนหัวลุก ลาวาเหลวร้อนที่กำลังไหลลามลงสู่เบื้องล่าง แล้วใครมันจะไม่กลัวล่ะ? ต่างพากันถอยหนีอย่างรวดเร็ว
ห่างออกไป หลินเยี่ยอวี่กับสวีหวั่นอี๋กำลังจับตามองมาทางนี้ แม้ว่าระยะทางจะค่อนข้างห่าง ทว่ายังสามารถมองเห็นหัวหน้าทีมมนุษย์พิเศษและคนผู้นั้นประมือกันได้
“คนคนนั้นกวนโมโหไม่เบาเลย ทำจนหัวหน้าหวังจี๋หงุดหงิดจนต้องลงมือสั่งสอน” สวีหวั่นอี๋เอ่ยเสียงแ่เบา เธอมีั์ตาหงส์เหมือนน้องสาวของเธอ หากงดงามกว่านัก
“หัวหน้าหวังจี๋มีความสามารถร้ายกาจ น้อยคนนักที่จะสามารถต่อกรกับเขาได้ คนผู้นั้นให้อย่างไรก็ไม่มีทางเป็คู่มือเขาได้” มนุษย์พิเศษหนึ่งคนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปาก
หลินเยี่ยอวี่ไม่เอ่ยปากแต่อย่างใด ได้แต่เงียบมอง
สวีหวั่นอี๋พยักหน้าน้อยๆ เอ่ยว่า “หัวหน้าหวังจี๋ได้เศษแก่นของเพลิงสมาธิ1 เพียงแค่ตื่นรู้ ก็จะสามารถเผาฟ้าผลาญดินได้”
เธอเอ่ยถึงพลังอันน่าเกรงขามของหวังจี๋ การได้พลังชั้นต้นเพียงเล็กน้อยของเพลิงสมาธิ หากต่อไปความสามารถนี้กลายพันธุ์ พลังทำลายล้างย่อมมหาศาลจนไม่อาจจินตนาการได้
“เ้าคนนั้นช่างโชคร้ายจริงๆ เล่นกับใครไม่เล่น ดันมาก่อกวนหัวหน้าหวังจี๋เสียนี่ ยอมถอยออกจากเขาลูกนั้นแต่โดยดีเสียก็สิ้นเื่” มนุษย์พิเศษอีกคนยิ้มเหยียดอยู่ตรงนั้นอย่างดีใจกับหายนะตรงหน้า
เขารู้สึกว่า วินาทีต่อมา คนผู้นั้นต้องกลายเป็ตอตะโก สังเวยชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย
ในความเป็จริงแล้ว ทุกคนต่างคิดเช่นนั้น เพลิงสมาธิแม้เพียงขั้นแรกที่ปล่อยออกไป หากมีใครคิดฝืนต้านทาน ย่อมต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
บนเขา ฉู่เฟิงกลับไม่ยอมถอยหลบ และเพื่อให้ได้ผลตามที่้า เขาใช้เคล็ดหายใจแบบพิเศษ
พร้อมกันนั้น เงาหมัดของเขาพลันะเิพลัง พายุหมุนรุนแรง เสียงดังสนั่นะเืแก้วหูดั่งฟ้าร้องก็ไม่ปาน เศษหินทรายปลิวว่อน น่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างยิ่ง
โครม!
เปลวไฟสีฟ้าถูกฉู่เฟิงทะลวง บนร่างของเขาเคลือบคลุมไปด้วยพลังลึกลับที่เหมือนผ้าคลุมบางเบาสีทอง คอยป้องกันไม่ให้เปลวไฟร้อนแรงกรายใกล้
เคล็ดหายใจแบบพิเศษ มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง
ที่จริงแล้ว เพียงแค่พลังจากหมัดปีศาจวัวก็สามารถต้านทานเพลิงสีฟ้าได้แล้ว หลังจากปล่อยเงาหมัดออกไป พลังลึกลับที่ครอบคลุมร่างฉู่เฟิงอย่างแ่านั้นมีพลังที่จะต้านทานภยันตรายภายนอกได้
หัวหน้ามนุษย์พิเศษตาค้าง เพลิงสีฟ้าที่สามารถหลอมละลายโลหะได้ กลับพ่ายแพ้ในสภาพอย่างนี้งั้นหรือ? เขาตั้งรับการโจมตีจากเงาหมัด เสียงปุดังขึ้น เขาถึงกับกระอักเืร่วงหล่นลงจากเขา
“มีเื่อย่างนี้ได้ด้วยหรือ?!”
โดยรอบ คนทั้งกลุ่มไม่เพียงแค่ตกตะลึง หากยังอ้าปากค้าง
ห่างออกไป พวกมนุษย์พิเศษที่ล้อมรอบหลินเยี่ยอวี่ล้วนหุบปาก สั่นสะท้านในใจ ทุกคนต่างรู้สึกขวัญผวา หัวหน้าของพวกเขาถูกโจมตีหมัดเดียวก็ร่วงลงจากเขาแล้วเหรอ?
ตางามของสวีหวั่นอี๋ส่งประกาย ในใจเธอหวั่นไหว เมื่อมองไปทางยอดเขา เธอคิดอยากจะ ‘ยืมมือ’ เสียหน่อย ไหนๆ ได้พบพานยอดฝีมือระดับสูงแล้วทั้งที?
“คนผู้นี้ร้ายกาจมาก ไปเรียกหวังจี๋กลับมา อย่าได้หุนหันพลันแล่น” หลินเยี่ยอวี่เปิดปาก ใบหน้าหล่อเหลา สีหน้านิ่งสงบ เสื้อเชิ้ตสีขาวส่งให้เขาดูสง่างามอย่างยิ่ง
มนุษย์พิเศษคนหนึ่งรีบวิ่งตะบึงไป พอเขาไปถึงก็พบว่าหวังจี๋ปีนขึ้นไปบนยอดเขานั่นแล้ว
ตึงตึงตึง!
เสียงสะท้อนมาจากยอดเขา จากนั้นผู้คนต่างก็เห็นว่า หวังจี๋ที่ไฟลุกท่วมร่างแต่แรกนั้นถูกโจมตีเสียเปลวเพลิงมอดดับ ล้มกองอยู่แทบเท้าของคนผู้นั้น
“คนคนนี้ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว!” ห่างออกไป สวีหวั่นอี๋เอ่ยปาก ใบหน้างดงามยั่วยวนปรากฏแววไม่พอใจ จะพูดไป หวังจี๋เองก็เป็คนของพวกเขา เป็หัวหน้าของพวกมนุษย์พิเศษ เป็คนของเทียนเสินเซิงอู้ คนผู้นั้นไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด
ดวงตาของเธอทอประกายเย็นเยียบ จากนั้นหันไปมองหลินเยี่ยอวี่ให้เขาตัดสิน
ทันใดนั้น มีเสียงฮือฮาจากคนไม่น้อย ทุกคนต่างมองไปทางยอดเขานั้น อึ้งไปตามๆ กัน
สวีหวั่นอี๋หันขวับไปมองอีกครั้ง วินาทีต่อมาเธอก็ถึงกับตาโตอ้าปากค้าง ตะลึงงันอย่างไปไม่เป็
บนยอดเขา ฉู่เฟิงอยู่ข้างตาน้ำบนเขา กำลังล้างเนื้อลูกกวางที่ถลกหนังแล้วให้สะอาด จากนั้น เอาไม้ปลายแหลมเสียบ แล้ววางแขวนเพื่อย่างเนื้อ
ส่วนต้นกำเนิดไฟน่ะอยู่แทบเท้าของเขา เขาเหยียบหัวหน้าทีมมนุษย์พิเศษหวังจี๋เอาไว้ ให้นอนหงายอ้าปากพ่นไฟอยู่ตรงนั้น
กลุ่มมนุษย์พิเศษที่อยู่โดยรอบต่างตาค้างไปตามๆ กัน ที่เห็นนั่นมันอะไรกัน? เถื่อนเกินไปไหมนั่น ถึงกับ...จับผู้เพลิงวิเศษอ้าปากพ่นไฟย่างเนื้อให้เขา!
คนไม่น้อยแข็งเป็หินไปแล้ว ใบ้กินกันอยู่ตรงนั้น
โดยเฉพาะคนของเทียนเสินเซิงอู้ ทุกคนต่างตาโตอ้าปากค้าง ไม่กล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น นี่มันบ้าเกินไปแล้ว นั่นมันหนึ่งในหัวหน้าทีมของพวกเขาเชียวนะ กลับกลายเป็น่าสมเพชถึงเพียงนี้
หวังจี๋หัวร้อนสุดขีด เขาอยากพ่นไฟแผดเผาฉู่เฟิงให้วอดวาย แต่ว่าเขากลับไม่อาจควบคุมเพลิงได้ ฉู่เฟิงเหยียบเขาไว้จนไม่อาจทำอะไรได้เลย บางทียังเหวี่ยงหมัดใส่เขาอีก ชกจนเปลวไฟที่พ่นจากปากของเขาริบหรี่ เดี๋ยวแรงเดี๋ยวดับไม่แน่นอน
วิชาขั้นต้นของเพลิงสมาธิที่หลอมเหล็กละลายหินได้ สุดท้ายกลับกลายเป็กองไฟย่างเนื้อ
“อ๊าก...” โทสะของหวังจี๋พลุ่งพล่านประหนึ่งสายฟ้าฟาด ทันใดนั้นเปลวไฟก็พวยพุ่งจากปากและจมูก สูงร่วมสิบกว่าเมตร
แต่ว่าตอนนี้ ฉู่เฟิงจับเขายกขึ้นให้ปากแหนหงายขึ้นท้องฟ้า เปลวไฟไม่อาจััเนื้อย่างได้
“โว้ย คนคนนี้เป็ใครวะ? โคตรแรงเลย!”
“แกร่งเกินไปแล้ว เพิ่งเคยเห็นวิธีย่างเนื้อที่โคตรโหดก็ครั้งนี้แหละ!”
“ฉันแน่ใจเลย เขาต้องเป็ยอดฝีมือที่กลุ่มโพธิจีนส์เชิญมาแน่ๆ นี่คือเพื่อฉีกหน้าเทียนเสินเซิงอู้เลยอ่ะ”
ที่ตรงนี้เกิดเสียงวุ่นวายขึ้นทันที ถกเถียงกันร้อนแรง
สีหน้าสวีหวั่นอี๋ดูไม่ได้ หวังจี๋เป็คนของพวกเขา แต่กลับถูกคนกดไว้ตรงนั้นใช้เป็ฟืนไฟ เป็ความรู้สึกที่ยากจะกล้ำกลืน
“เยี่ยอวี่ คุณจะดูอยู่อย่างนี้โดยไม่สนใจอะไรเลยหรือ คนผู้นั้นมันโอหังเกินไปแล้ว ไม่ไว้หน้าพวกเราเลยสักนิด!” เธอเอ่ยอย่างแง่งอน พลางออกแรงเขย่าแขนหลินเยี่ยอวี่
สีหน้าหลินเยี่ยอวี่มีแววประหลาด เพ่งมองไปที่ยอดเขานั่น ถอนใจเบาๆ แล้วเอ่ย “ดูแล้วจอมยุทธ์ยอดฝีมือมีมากมาย ไม่อาจดูแคลนคนอื่นได้เลย”
“ฉันไม่สน ขายหน้าคนเขาจะตายอยู่แล้ว รีบสั่งสอนมันซะ” สวีหวั่นอี๋บอก
หลินเยี่ยอวี่ได้ยินก็ส่ายหน้า เอ่ยว่า “ที่ผมมาครั้งนี้ก็เพื่อมาดูเท่านั้นลงมือไม่ได้ เื่ที่เขาไท่หังซานต้องให้พวกนั่วอีเขาเป็คนจัดการ เมื่อครู่เป็พวกเราที่วุ่นวายเอง ตอนนี้ส่งคนออกไป ขอโทษขอโพยคนเขาเสีย แล้วก็พาหวังจี๋กลับมา ผมไม่อยากให้ตัวเองเป็ต้นเหตุที่ทำให้แผนการและจังหวะของนั่วอีเสีย”
เขาสงบนิ่งอย่างยิ่ง ทั้งยังไม่มีท่าทีคิดแก้แค้นอีกด้วย
“เยี่ยอวี่!” สวีหวั่นอี๋ไม่พอใจ
“อยู่ตรงนี้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัย เขางูขาวน่ากลัวและอันตรายเกินไป พวกเราอย่าอยู่นานเลย ถอยก่อนดีกว่า” หลินเยี่ยอวี่เอ่ย
เขาท่าทางนุ่มนวล ทว่าคำพูดกลับมีแววเข้มงวด ไม่เปิดโอกาสให้ถามอะไร
“ก็ได้” สวีหวั่นอี๋จนปัญญา
สุดท้าย สิ่งที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ คนของหลินเยี่ยอวี่ยอมรับความพ่ายแพ้ เดินเข้าไปขอโทษ และพาตัวหวังจี๋ที่หมดสติกลับไป
“ขอถามสักหน่อย ไม่ทราบว่าคุณเป็ใคร?” ก่อนจาก คนของเทียนเสินเซิงอู้เอ่ยถามชื่อของฉู่เฟิงอย่างไม่พอใจ
“หนิวเสินหวัง!” ฉู่เฟิงประกาศนาม
คนทั้งกลุ่มพอได้ยินต่างก็ซุบซิบ ชื่อนี้เฉพาะตัวเกินไป
“จำไว้ ฉันชื่อหนิวเสินหวัง อย่าได้เรียกว่า าาเขาเงิน!” ฉู่เฟิงเน้นคำ เสียงดังจนผู้คนรอบด้านได้ยินกันอย่างชัดเจน
คนทั้งกลุ่มไร้คำพูด
กลุ่มผู้ชมล้วนรู้แล้วว่า เขาคือหนิวเสินหวัง ความสามารถแกร่งกล้าจนปั่นป่วนไปทั่วแดนดิน
“หนิวเสินหวังบ้าบออะไรวะ รอให้เทพปีกเงินแห่งเทียนเสินเซิงอู้มาก่อนเหอะ ลงมือครั้งเดียวก็กำจัดแกได้แล้ว!” บนยอดเขาอีกยอดห่างออกไปไม่ไกลนัก ใครคนหนึ่งพูดขึ้นมา เป็เด็กหนุ่มคนหนึ่ง สายตาที่เพ่งมองฉู่เฟิงฉายแววไม่เป็มิตร
ผู้ชมต่างตกตะลึง
“แล้วแกเป็ใครอีกล่ะ เชิดชูบูชาเทพปีกเงินขนาดนี้ ซี้กับเขานักหรือไง?” ฉู่เฟิงมองไปทางเขา
“ฉันมีความหวังกับเทียนเสินเซิงอู้อย่างมาก วันนี้ก็จะเข้าร่วมกับพวกเขา ถึงฉันจะไม่รู้จักมักคุ้นกับเทพปีกเงิน แต่ฉันก็รู้ว่าถ้าเขาออกโรงเอง ใต้หล้านี้ไม่มีใครทาบได้!” เด็กหนุ่มคนนั้นพูด
ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น คนไม่น้อยต่างเข้าใจได้ในทันที
ฉู่เฟิงเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ คนคนนี้หน้าไม่อายได้โล่จริงๆ ประกาศตัวเป็ศัตรูกับเขาต่อหน้าผู้คน เพียงเพราะ้าเลียเทียนเสินเซิงอู้ หวังจะเกาะแข้งเกาะขา
บางที คนผู้นี้กำลังวาดหวังว่าเมื่อเข้าร่วมกับเทียนเสินเซิงอู้แล้วจะได้รับการตอบรับอย่างดีกระมัง
“อย่างแกเนี่ยนะ ฉันว่าเทียนเสินเซิงอู้ยังไม่กล้ารับเลย ช่างเถอะ ฉันสงเคราะห์ช่วยปฏิเสธแทนพวกเขาก็แล้วกัน”
ฉู่เฟิงกล่าวถึงตรงนี้ ก็ชักปืนออกมา เสียงปืนดังลั่น ไกปืนสับลงรวดเร็ว เด็กหนุ่มที่เผชิญหน้ากับเขาคนนั้นพลันร้องลั่น ร่างกายเต็มไปด้วยคราบเื
ฉู่เฟิงไม่ได้สังหารเขา เพียงแค่สั่งสอนให้แรงหน่อย ไอ้กระจอกที่คิดดูถูกเขา เขาไม่อยากดีด้วย แต่ก็ไม่ถึงกับเชือดทิ้งในทันที
“อ๊าก...” คนผู้นั้นล้มกลิ้งลงบนยอดเขา ร้องโหยหวนไม่หยุด
เหล่าผู้ชมต่างสูดหายใจลึก รู้สึกเย็นเยียบ รับรู้ได้ถึงความป่าเถื่อนวางอำนาจของหนิวเสินหวัง หากมีใครคิดก่อกวน เห็นได้ว่าไม่อยากมีชีวิตยืนยาว
ในตอนนั้น คนไม่น้อยพลันเข้าใจในทันที หนิวเสินหวังลงมือเพียงสองครั้ง พละกำลังเข้มแข็ง แทบจะไม่มีใครกล้าแหย่เขาอีก
“ฉันสังหรณ์นะ ว่าชื่อหนิวเสินหวังนี่ วันนี้จะกลายเป็ที่จดจำกันไปทั่วทุกทิศแล้ว” มีคนพูดขึ้นมา
ที่จริงแล้ว ตอนนี้คนที่เอ่ยชื่อหนิวเสินหวังสามคำนี้ ล้วนรู้สึกถึงความกดดันหนักหน่วง
“พรึ่บ!”
ทันใดนั้น ก็มีแสงสว่างพุ่งมาจากกลางอากาศ เงาร่างสวยงามเงาหนึ่งลอยร่วงลงมาสู่พื้นดิน เธอผู้งดงามอย่างยิ่งปรากฏกายบนยอดเขาเดียวกับฉู่เฟิง
เมื่อผู้คนโดยรอบเห็นเข้า ต่างก็ประหลาดใจ เป็เพราะรูปลักษณ์ของหญิงสาวผู้นี้โดดเด่นเหลือเกิน
เธออยู่ในชุดเสื้อขาวกางเกงขาว บริสุทธิ์ผุดผ่อง กลางหลังคือปีกแสงหนึ่งคู่ เป็ความงามที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้ เส้นผมพลิ้วไหว ผิวขาวราวกับหิมะ ตาสวยชวนให้หวั่นไหว
“แล้วนี่ใครกัน? สวยเหลือเกิน”
ผู้คนรอบด้านต่างตะลึงงัน ไม่อาจละสายตาจากหญิงสาวได้
ฉู่เฟิงจำเธอได้ นี่มันหญิงสาวชุดขาวที่หวงหนิวดักตีหัวสลบแล้วโยนทิ้งไว้บนเตียงเขาไม่ใช่หรือ? ได้พบกันอีกเร็วปานนี้เชียว!
เขาก็ยังรู้สึกผิดอยู่หน่อยๆ ไม่รู้จริงๆ ว่าครั้งที่แล้วหลังจากที่เธอกินเนื้อแกะย่างเสียบไม้เข้าไป แล้วเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือไม่
*****************************
1 เพลิงสมาธิ เป็พลังวิเศษของหงไห่เอ๋อร์ บุตรของาาปีศาจกระทิงและเ้าหญิงพัดเหล็ก เพลิงสมาธิทำให้หงไห่เอ๋อร์สามารถปล่อยไฟจากดวงตา รูจมูก และปาก ซึ่งเป็ไฟที่มิอาจดับด้วยน้ำได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้