เฉิงชิงถูกส่งลงจากเรือกลางดึก
ยามนางจากไปบนหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หลังจากนางจากไปแล้วสาวใช้ดูแลประตูกลับราวกับได้รับความอับอายขนานใหญ่
ซื่อจื่อคือบุคคลที่สูงส่งขนาดไหน ให้เกียรติพบหน้าเด็กคนหนึ่งที่แม้แต่คุณวุฒิก็ยังไม่มี อีกฝ่ายไม่ซาบซึ้งหลั่งน้ำตา กลับปฏิเสธการชักชวนของซื่อจื่อ!
เฉิงชิงคิดว่าตนเองเป็ใครกัน แม้แต่เมิ่งเจี้ยหยวนที่มีอนาคตไร้ขีดจำกัดผู้นั้นยัง—
ไหนเลยจะรู้ว่าเยี่ยอ๋องซื่อจื่อไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย กลับหัวเราะ
“นี่คือผู้ที่ฉลาดเฉลียว หากผู้ที่ไม่ยอมทำงานให้จวนอ๋องตายกันหมด ทั่วทั้งแคว้นคงเต็มไปด้วยซากศพแล้ว บุคลิกลักษณะนี้ ตัวข้าผู้เป็ซื่อจื่อเองก็ยังมีอยู่”
ชักชวนเฉิงชิงก็เป็เพียงคำพูดเรื่อยเปื่อย ถึงฉลาดเพียงใด บัดนี้อีกฝ่ายก็ยังเป็เพียงบัณฑิตตัวน้อยที่ไม่มีคุณวุฒิ ช่วยธุระมากมายของจวนอ๋องไม่ไหว กลับเป็จวนอ๋องที่ต้องออกทรัพยากรเลี้ยงดูเฉิงชิง การค้านี้จะได้หรือจะเสียก็ยังไม่รู้ ไม่จำเป็ต้องด่วนตัดสินใจ
ค่อยๆ ดูไปแล้วกัน
มีคดียักยอกเงินผู้ประสบภัยพิบัติมาเกี่ยวข้องแล้ว โอกาสที่จะได้ติดต่อกันระหว่างเฉิงชิงและจวนเยี่ยอ๋องก็ยังมีอีกมาก
เยี่ยอ๋องซื่อจื่อค่อนข้างชื่นชมเฉิงชิง แต่หารู้ไม่ว่าเฉิงชิงที่ดูสงบนิ่ง หลังจากลงจากเรือแล้วมือเท้าก็พลันอ่อนแรง
เยี่ยอ๋องซื่อจื่อเป็คนขี้โรคผู้หนึ่ง
ชาติกำเนิดสูงส่งแต่สุขภาพไม่ดี การแจกแจงนี้สามารถแสดงให้เห็นความผิดปกติได้อย่างง่ายดาย ความเจ็บป่วยสามารถทรมานร่างกายและจิตใจของคน คนธรรมดาที่ไร้อำนาจไร้อิทธิพลอาจจะนำความโกรธไปลงที่ตนเองหรือคนใกล้ชิด ผู้ที่มีทั้งอำนาจและอิทธิพลจะปลดปล่อยความโกรธเกรี้ยวไปที่ผู้บริสุทธิ์ได้อย่างง่ายดาย
จะล่วงเกินใครก็ได้แต่อย่าล่วงเกินคนป่วย ระดับความอันตรายของเยี่ยอ๋องซื่อจื่อเหนือกว่าอวี๋ซานมากนัก อวี๋ซานเพียงหาเื่ยุ่งยากให้นาง ซื่อจื่อเพียงเปลี่ยนสีหน้าก็สามารถเอาชีวิตน้อยๆ ของนางได้!
เฉิงชิงรวบรวมความกล้ามากทีเดียวในการปฏิเสธคำชักชวนของเยี่ยอ๋องซื่อจื่อ
เมื่อเห็นเมิ่งไหวจิ่นที่ยืนอยู่ข้างรถม้า สองขาของเฉิงชิงก็เร่งสุดแรง นางวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์พี่!”
เฉิงชิงมีคำถามมากมาย นางอยากถามเมิ่งไหวจิ่นว่าเหตุใดจึงละทิ้งหนทางสู่อนาคตที่สว่างไสวมาพัวพันกับจวนเยี่ยอ๋องที่อันตราย อยากจะถามเมิ่งไหวจิ่นว่าสรุปคิดอย่างไร เหตุใดถึงต้องช่วยนางเช่นนี้ คำพูดเหล่านี้ติดอยู่ในลำคอมิอาจเอ่ยออกจากปากได้ เมิ่งไหวจิ่นที่นางรู้จักล้วนฟังมาจากปากของผู้อื่นทั้งนั้น นางไม่รู้เลยว่าสรุปแล้วเขาเป็คนเช่นไรกันแน่
ทุกคนล้วนมีความลับด้วยกันทั้งนั้น ทุกการเลือกล้วนมีความยากลำบาก เหมือนนางที่ไม่อาจบอกเมิ่งไหวจิ่นว่าตนเองเป็สตรีปลอมเป็บุรุษได้ ไม่อาจเอ่ยถึง ‘การทะลุมิติ’ แล้วไยต้องสืบสาวราวเื่กับเมิ่งไหวจิ่นด้วย!
“ไปกันเถอะ ข้าจะส่งเ้ากลับหนานอี๋ พรุ่งนี้เ้าก็จะได้กลับไปเข้าเรียนที่สถานศึกษาแล้ว เ้าสามารถทำเป็ว่าเื่ที่เกิดขึ้นใน่ไม่กี่วันนี้เป็ความฝันฉากหนึ่ง เมื่อรู้สึกตัวตื่นแล้ว ไม่ว่าอะไรเ้าก็ล้วนลืมหมดแล้ว เ้ายังคงเป็เฉิงชิงแห่งห้องตัวอักษรติงที่จดจ่ออยู่กับการเตรียมสอบ ข้ายังสามารถช่วยสอนชดเชยที่เ้าขาดเรียนไปได้”
เฉิงชิงเข้าไปในรถม้า นั่งประจันหน้ากับเมิ่งไหวจิ่น
นางเหลือบตาขึ้นใส่เมิ่งไหวจิ่น “ศิษย์พี่ ที่เยี่ยอ๋องซื่อจื่อให้คนไปตรวจสอบศพของบิดาข้า ท่านรู้หรือไม่?”
เมิ่งไหวจิ่นเงียบสนิท
ก็ได้ ดูเหมือนว่าจะรู้!
“เื่แบบนี้เพียงนอนหลับตื่นหนึ่งก็สามารถลืมได้งั้นหรือ? ข้าได้พบเยี่ยอ๋องซื่อจื่อแล้ว ได้ชำระบัญชีที่ติดลบสองแสนหกหมื่นตำลึงเงินอย่างชัดเจน ข้ายังรู้แล้วว่าคดีของบิดาเกี่ยวพันไปถึงเยี่ยอ๋องจึงยังไม่ไต่สวน และยิ่งรู้แล้วว่าบิดาข้าถูกคนวางยาพิษสังหาร…”
เยี่ยอ๋องซื่อจื่อบอกนางทั้งเื่ที่ควรรู้และเื่ที่ไม่ควรรู้จนหมดสิ้นแล้ว นอกเสียจากสมองของนางจะทึบเหมือนพารามีเซียมถึงจะทำเหมือนเื่ทั้งหมดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
“เช่นนั้นเ้าโทษที่ข้าให้เ้าตรวจสอบบัญชีหรือไม่?”
เมิ่งไหวจิ่นเอ่ยถามนาง เฉิงชิงส่ายหน้าโดยไม่แม้แต่จะคิด “ไม่ขอรับ ข้าขอบคุณศิษย์พี่มาก เยี่ยอ๋องซื่อจื่อมาถึงเมืองเซวียนตู ถึงอำเภอหนานอี๋อย่างไม่เป็จุดสนใจย่อมไม่ใช่เพื่อข้าแน่ ที่ซื่อจื่อหาคนมาตรวจสอบศพของบิดาข้า สามารถปิดบังข้าไว้ทั้งหมดก็ได้ เป็เพราะศิษย์พี่ทำให้ข้าได้ล่วงรู้ถึงความจริง ได้โอกาสเข้าใกล้ใจกลางของเื่นี้ ข้ายอมเป็ผีที่รู้แจ้งดีกว่าคนที่เลอะเลือน”
หากจะรอให้ผู้อื่นมาตัดสินชะตาชีวิตของนางกับพวกนางหลิ่วอย่างเลอะเลือน?
แต่ไหนแต่ไรมาไม่ใช่ทางเลือกของเฉิงชิง
นางยอมให้ตนเองกระโจนลงสนามเข้าร่วม จะชนะหรือแพ้ก็ได้ทั้งนั้น อย่างน้อยตนเองก็ทำเต็มที่แล้ว!
นิ้วมือเรียวยาวของเมิ่งไหวจิ่นเคาะหน้าต่างรถอย่างแ่เบา “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ซื่อจื่อนำรายการบัญชีมาให้ข้า เ้าเองก็นับว่าช่วยข้าได้มาก ช่วยคนก็เหมือนช่วยตนเอง ซื่อจื่อยินยอมพบเ้าเป็เพราะชื่นชอบผู้มีความสามารถ เฉิงชิง ในเมื่อซื่อจื่อมายังหนานอี๋เพื่อตรวจสอบศพ รอให้เขากลับเมืองหลวงไปแล้วย่อมต้องก่อคลื่นพายุใหญ่ คดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติไม่มีทางถูกเตะถ่วงจนไม่ได้ไต่สวน ข้าและซื่อจื่อคิดว่าบิดาของเ้าคือแพะรับบาป ฝ่าาจะตัดสินเช่นไรไม่อาจกล่าวได้ ส่วนเ้า… รักษาตนเองท่ามกลางคลื่นพายุเท่าที่ทำได้เถอะ”
ซื่อจื่อวิ่งวุ่นเพื่อบิดา ไม่ยอมให้เยี่ยอ๋องต้องแบกรับมลทินที่ไม่ชัดเจน
แม้เยี่ยอ๋องจะตรากตรำมีผลงานมากมาย แต่หากตัดเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเพื่อมาเพิ่มค่าใช้จ่ายกองทัพ โอรส์จากที่ให้ความสำคัญกับเื่นี้ ท้ายที่สุดแล้วก็จะไม่เห็นความสำคัญ ถึงขนาดจะชิงเป็ฝ่ายช่วยปิดบังให้เยี่ยอ๋องด้วย
แต่นี่ก็เป็เื่ดีใช่ไหม?
ในแคว้นเว่ยไม่มีผู้ใดที่สามารถเอาเปรียบโอรส์ได้ นี่เป็การถอยหลังประทานอภัยชั่วคราว บางทีนี่อาจเป็หลักฐานที่แ่าในการคิดบัญชีกับจวนเยี่ยอ๋องในอนาคต!
เยี่ยอ๋องมีอำนาจในกองทัพ มีที่ดินศักดินา เป็ตัวตนที่ทำให้โอรส์ยากที่จะข่มตาหลับอย่างสบายใจได้
เจตนาดีของเมิ่งไหวจิ่นได้เตือนสติเฉิงชิงว่าเข้าหูผู้อื่นแล้วต้องเข้าไปถึงจิตใจด้วย ที่เยี่ยอ๋องซื่อจื่อมาพบนาง นอกจากการทุ่มเทชำระรายการบัญชีแล้วยังเป็เพราะว่านางคือ ‘บุตรชาย’ ของเฉิงจือหย่วน
ในสถานการณ์ปกติ เฉิงจือหย่วนที่เป็ขุนนางเล็กๆ ขั้นเจ็ดย่อมไม่อยู่ในสายตาของเยี่ยอ๋องซื่อจื่อ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่ารบกวนเยี่ยอ๋องซื่อจื่อให้มาตรวจสอบศพด้วยตนเองถึงหนานอี๋
เพียงเพราะคดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติที่มีเยี่ยอ๋องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย การตายของเฉิงจือหย่วนเป็กุญแจสำคัญในการไขคดีนี้ เยี่ยอ๋องซื่อจื่อจึงสนใจสาเหตุการตายของขุนนางเล็กๆ ขั้นเจ็ดผู้หนึ่ง ถึงขนาดยินยอมที่จะพบ ‘บุตรชาย’ ของอีกฝ่าย——
เยี่ยอ๋องซื่อจื่อสามารถเสียแรงวิ่งวุ่นเพื่อเฉิงจือหย่วนได้หรือ?
ไม่มีทาง!
การร้องทุกข์ขอความเป็ธรรมให้เฉิงจือหย่วนก็เป็การช่วยร้องทุกข์ขอความเป็ธรรมให้กับเยี่ยอ๋องด้วย ซื่อจื่อย่อมไม่หวงที่จะออกทั้งกำลังคนและกำลังกาย
หากตรวจสอบถึงครึ่งทางแล้วพบว่าทั้งสองเื่สามารถแยกกันจัดการได้ เยี่ยอ๋องซื่อจื่อก็คงโยนเฉิงจือหย่วนทางนี้ทิ้งตามอำเภอใจแล้ว
เยี่ยอ๋องซื่อจื่อกล่าวว่าตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋พึ่งพาไม่ได้ เฉิงชิงก็รู้ว่าอีกฝ่ายเองก็พึ่งพาไม่ได้เช่นกัน
เมิ่งไหวจิ่นโน้มน้าวนางให้อยู่ห่างจากคลื่นลมพายุ แต่เฉิงชิงกลับตัดสินใจที่จะเดินทางอื่น
“ข้ารู้ดีว่าศิษย์พี่มีเจตนาดีจึงกล่าวเตือนสติ แต่ในฐานะบุตรแล้ว เมื่อรู้แจ้งว่าบิดาถูกผู้อื่นวางยาพิษสังหาร จะให้ข้าดูไฟชายฝั่ง[1]อะไรก็ล้วนไม่ต้องทำ แต่ข้ามิอาจทำตามได้”
เมิ่งไหวจิ่นมองนางอย่างประหลาดใจ “ข้านึกว่าเ้าปฏิเสธการชักชวนของซื่อจื่อแล้ว”
ปฏิเสธการชักชวนของซื่อจื่อแต่ยังคิดที่จะเข้าร่วมภายในเื่นี้ย่อมไม่ได้แน่!
จวนอ๋องมีที่ปรึกษามากมาย ตัวซื่อจื่อเองก็เป็ผู้มีกลยุทธ์การรบ ย่อมไม่ต้องให้เฉิงชิงวางแผนการแสดงความฉลาด
เฉิงชิงถือดีอะไรมาเข้าร่วมด้วย?
หากต้องกล่าวถึงเื่นี้ เฉิงชิงก็ยังมีความเชื่อมั่นในตนเอง
“ศิษย์พี่ขอรับ ข้าไม่มีทั้งอำนาจและอิทธิพล แม้แต่คุณวุฒิก็ไม่มี แต่ข้ามีความสามารถในการตรวจสอบบัญชี รายการบัญชีที่สำคัญเช่นนั้นท่านสามารถให้ข้าไปจัดการได้ เห็นชัดว่าข้างกายซื่อจื่อไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถไว้ใจได้ หรือไม่ก็มี แต่ซื่อจื่อคิดใคร่ครวญแล้วไม่อาจใช้ได้ใช่หรือไม่? บัญชีที่ศิษย์พี่ให้ข้าตรวจสอบไม่ใช่รายการบัญชีเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเมืองเหอไถ แต่เป็ค่าใช้จ่ายในกองทัพของจวนเยี่ยอ๋อง เงินที่ขาดหายไปสองแสนหกหมื่นตำลึงเงินที่ตรวจพบที่จริงอาจจะมากกว่านี้… เงินของจวนเยี่ยอ๋องถูกขโมยไปได้อย่างไร หรือว่าซื่อจื่อไม่คิดจะตรวจสอบให้กระจ่าง?”
[1] ดูไฟชายฝั่ง คือหนึ่งในกลยุทธ์ในสามก๊ก ใช้ประโยชน์จากการแตกแยกของศัตรูและรอจังหวะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสงบ
