"มดทหารแห่งทะเลทราย"ัตาเดียวพูดพึมพำขึ้น น้ำเสียงแหบต่ำ แต่ดวงตากลับเบิกกว้างจนแถบถลนออกมาท่าทางดูน่ากลัว
"มดทหารแห่งทะเลทราย มันคือ...? มดอะไรอย่างนั้นหรือ? ฉินโจ้วไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใดก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย
"มด... เอ่อ..." ัตาเดียวดูเหมือนเพิ่งจะตื่นขึ้นจากฝันร้ายที่ยาวนานเขารับรู้รสชาติของคำคำนี้อย่างลึกซึ้งดี จึงทำได้เพียงแต่ยิ้มขื่น คนทั่วไปที่ไม่เคยเห็นมดทหารแห่งทะเลทรายย่อมไม่รู้เลยว่าสัตว์ที่มีขนาดเล็กเช่นนี้นั้นมีความน่ากลัวมากเพียงใดหลังจากกลืนน้ำลายลงคอไป เขารู้สึกว่าจำเป็ต้องเล่าให้ฉินโจ้วฟังเกี่ยวกับความโหดร้ายของมดทหารแห่งทะเลทรายนี้เพราะพวกมันน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามเพียงแค่เขาเตรียมอ้าปากพูดแต่ยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา ทันใดนั้นเขาก็เห็นฉินโจ้วตบไปที่สะโพกของอูฐก่อนจะควบทะยานวิ่งออกไปทันที ท่าทีของเขาไม่ต่างจากมอนสเตอร์ทั้งหลายที่เข้าร่วมการวิ่งแข่งในครั้งนี้ที่ดูราวกับเจอภูตผีปีศาจมาอย่างไรอย่างนั้น
มีมอนสเตอร์จำนวนมากมายมหาศาลที่เข้าร่วมการวิ่งแข่งมาราธอนในครั้งนี้กะคร่าวๆ ด้วยสายตาแล้วน่าจะมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนตัวเป็จำนวนที่ยิ่งใหญ่อลังการโดยแท้เนื่องจากทิวทัศน์ในทะเลทรายนั้นกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เมื่อฉินโจ้วใช้ ''เนตรเซียนพญายม'' ก็สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่เื้ัฝูงมอนสเตอร์เหล่านี้ได้อย่างชัดเจนมองดูคล้ายกระแสน้ำสีดำสนิทที่ไหลเชี่ยว เมื่อเพ่งมองเข้าไปใกล้ๆก็จะเห็นว่าพวกมันล้วนเป็มดสีดำ ขนาดตัวใหญ่ราวท่อนแขนเห็นจะได้ มีจำนวนมากมายเหลือคณาจากที่เขาคิดคำนวณคร่าวๆ น่าจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยล้านตัว เป็แถวแนวยาวจากใต้สุดจนถึงเหนือสุดจนคล้ายกับเส้นสีดำที่เชื่อมระหว่างเมืองเอาไว้ที่กำลังพัดพาความตายเข้าสู่ทะเลทราย หมายจะไล่ตามกองทัพมอนสเตอร์เหล่านี้ที่กำลังเคลื่อนมาทางนี้
ฉินโจ้วก็ยังไม่เคยพบเห็นมดมากมายขนาดนี้มาก่อนและไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมีมดอยู่อย่างมหาศาลในโลกแห่งนี้ มดตัวแล้วตัวเล่าวิ่งเชื่อมต่อกันแทบจะเป็สายซ้อนต่อๆ กันไล่ลงไปจนอัดแน่นเป็ชั้นหนา หอกงวงช้างระดับ 62 ที่กำลังวิ่งหนีอยู่รั้งท้ายนั้น ถูกฝูงมดไล่ทันก่อนจะกลายเป็กลุ่มก้อนสีดำ ยังไม่ทันไรสีเริ่มซีดจางลงราวกับถูกคลื่นซัดสาดเพียงสองถึงสามวินาที คลื่นสีดำก็แตกแยกสลายออกเหลือทิ้งไว้เพียงโครงกระดูกขนาดใหญ่สีขาวราวกับหิมะ เปรียบกับถูกซัดสาดลงไปบนเกลียวคลื่นก่อนจะจมลงหายไปในพริบตาหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏขึ้นมาให้เห็นอีกเลย
ดวงตาของฉินโจ้วมองเห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งโครงกระดูกสีขาววาววับนั่นต้องเป็หอกงวงช้างอย่างไม่ต้องสงสัยไม่ต่างจากบิ๊กแม็คระดับ 62 ดีๆ นี่เองถูกแทะจนสะอาดเอี่ยมเรี่ยมเร้ภายในไม่ถึงสามวินาที โดยไม่ทิ้งร่องรอยทั้งเืเนื้อหลงเหลือไว้ให้ดูสักนิดสะอาดราวกับถูกฟอกขาวจนขึ้นเงา หอกงวงช้างนั้นไม่มีแม้เวลาที่จะตอบโต้บางทีมันคงรู้อยู่แล้วว่าถึงดิ้นรนไปก็คงเปล่าประโยชน์ผลลัพธ์คงมีอยู่แค่อย่างเดียวเมื่อได้จมอยู่ในคลื่นฝูงมดดำที่ถาโถมนั่นซึ่งก็คือความตาย ตอนลงไปยังเป็ๆ แต่โผล่มาให้เห็นอีกทีก็เหลือแต่กระดูกเสียแล้วเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ผู้ที่ได้พบเห็นต่างก็ต้องตะลึงในความประทับใจจนยากจะลืมฉินโจ้วในเวลานี้สันหลังเย็นวาบยิ่งกว่าถูกลมหนาวจากฤดูหนาวพัดผ่านมาเสียอีก ก่อนจะตัดสินใจหลบหนีไปโดยปราศจากความลังเล
ครานี้ฉินโจ้วสูญเสียความกล้าที่จะต่อสู้กับมอนสเตอร์โดยสิ้นเชิงซึ่งนี่ก็เป็ครั้งแรกที่เขาคิดเช่นนั้น ความน่ากลัวของมดทหารทะเลทรายนั้นไม่ได้อยู่ที่ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวแต่อยู่ที่จำนวนของมัน ซึ่งมีมากมายมหาศาล ถึงแม้ว่า ''ฮั่นป๋า''จะน่าเกรงกลัวมากเพียงใด เขาเองก็ยังกล้าที่จะเผชิญหน้าต่อสู้ แต่สำหรับมดทหารทะเลทรายนั้นต่างออกไปต่อให้โยนม้วนคัมภีร์เวทระดับสูงออกไป ก็คงไม่ต่างจากการเอาไปละลายน้ำทิ้งมันอาจจะสังหารมดทหารทะเลทรายได้สักสิบล้านหรือร้อยล้านตัวบางทีก็อาจมากถึงห้าร้อยล้านตัว แต่สิ่งที่ต้องใช้จ่ายออกไปล่ะ...พวกมันก็แค่มดทหารทะเลทราย สิ่งที่ได้ก็คงจะไร้ค่าสิ้นดีคงมีแต่เวทต้องห้ามในตำนานเท่านั้นที่จะรับมือกับมดทหารในทะเลทรายที่อยู่ตรงหน้านี้ได้
ัตาเดียวตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพบว่าฉินโจ้วนั้นห่างออกไปหลายสิบเมตรแล้วความเร็วในการหลบหนีช่างรวดเร็วยิ่งนัก สมแล้วที่เป็ระดับผู้เชี่ยวชาญเมื่อหันมองดูกองทัพของเหล่ามอนสเตอร์ ก็พบว่าอยู่ห่างออกไปไม่ถึงห้าสิบเมตรแล้วไม่จำเป็ต้องรอฟังคำสั่งแต่อย่างใด อูฐที่เขาขี่อยู่นั้นรีบวิ่งออกไปทันทีด้วยความเร็วสูงสุดดูเหมือนว่าพวกสัตว์นั้นจะรับรู้ถึงอันตรายได้ดีกว่ามนุษย์หลายเท่านัก
ทั้งกองทัพมอนสเตอร์และกลุ่มหมาป่าทะเลทรายนั้นทั้งคู่ต่างไม่ได้วิ่งรวมกลุ่มเข้าด้วยกัน แต่ก็ยังคงวิ่งหนีกองทัพ มอนสเตอร์อยู่คนละฟากฝั่งถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีการกระทบกระทั่งกันกับฝูงหมาป่าทะเลทรายอยู่เดิมทีฉินโจ้วคิดว่าน่าจะมีการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นแต่ดูเหมือนว่ากลุ่มหมาป่าทะเลทรายนั้นจะมีประสาทััรับรู้ถึงอันตรายได้ดีกว่ามากจึงพากันหันหลังกลับและวิ่งออกไปอย่างเต็มกำลัง ดูจะเร็วกว่าตอนที่ไล่กวดเขามาเสียอีกก็อย่างว่าเวลาที่ต้องวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดนั้น สัญชาตญาณมักจะถูกลับให้อยู่ในสภาพที่เฉียบคมมากที่สุด
ไม่ถึงสองนาที ฉินโจ้วก็ไล่ตามฝูงหมาป่าได้ทันเดิมทีทั้งคู่ต่างก็เป็ศัตรูกัน แต่มาในเวลานี้กลับต้องกลายเป็เพื่อนที่ดีต่อกันเสียอย่างนั้นทั้งคู่ต่างจดจำกันได้เป็อย่างดี แต่พวกเขาไม่มองหน้ากันด้วยซ้ำต่างตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจกองทัพมอนสเตอร์ก็ไล่ตามมาทันพวกเขา ราวกับถูกเกลียวคลื่นม้วนและน้ำทะเลซัดสาดเข้าใส่ชั่วเวลาไม่นานก็ถูกพัดกลืนเข้ามาทั้งฉินโจ้วและฝูงหมาป่าจึงถูกโอบล้อมอย่างช่วยไม่ได้ถูกผลักดันให้วิ่งไปตามกระแสธารา โดยไม่อาจต้านทานไว้ได้ทำให้ฉินโจ้วไม่สามารถเปลี่ยนเส้นทางได้ตามใจนึก จึงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังของมอนสเตอร์อันมากมายมหาศาลนี้
เหล่าสิงโต เสือ เสือดาววัวกระทิง หมูป่า และสัตว์อื่นๆ อีกมากมายต่างวิ่งหนีกันอย่างจ้าละหวั่นกลิ่นตัวที่เหม็นลอยคลุ้งขึ้นดูเหมือนพวกมันจะไม่ได้ผ่านน้ำมาหลายปีดีดัก กลิ่นนั้นโชยผ่านจมูกของฉินโจ้วจนทำให้เขาแทบหายใจไม่ออกพวกหนูที่มีร่างกายและขาที่เล็กสั้น อีกทั้งวิ่งได้ไม่รวดเร็ว แต่ทว่าพวกมันฉลาดมากจึงพากันะโงับเข้ากับหางม้า และกัดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ไม่ว่าพวกม้าจะไปที่ใดพวกมันก็จะไปที่นั่นด้วย เมื่อเทียบกับเหล่ามอนสเตอร์ที่ต้องตายเพราะคมเขี้ยวของมดทหารแห่งทะเลทรายเ่าั้ก็ถือได้ว่าพวกหนูมันฉลาดพอสมควร
นอกจากนี้ยังมีมอนสเตอร์อีกประเภทหนึ่งที่มีเพียงแค่ขาเดียวรูปร่างดูไปก็คล้ายกับกระต่ายอยู่บ้าง แต่หูของมันค่อนข้างสั้นกว่า ถึงแม้ว่ามันจะมีเพียงแค่ขาเดียวแต่พวกมันนั้นกลับไม่ได้วิ่ง มันใช้การะโแทน และดูเหมือนว่าพวกมันจะสามารถะโได้สูงและไกลอีกด้วยซึ่งความเร็วดังกล่าวก็เป็รองเพียงม้าเท่านั้นถือได้ว่าเป็มอนสเตอร์ที่โชคดีชนิดหนึ่งที่ยังคงไม่ถูกฆ่าเลย
แต่ที่ทำให้ฉินโจ้วรู้สึกงุนงงสงสัยนั่นก็คือเหล่ากิ้งก่าทะเลทรายก็อยู่ในกลุ่มมอนสเตอร์ที่กำลังหลบหนีด้วยพวกมันมีขนาดตัวที่ใหญ่พอสมควร ลำตัวยาวมากกว่าสิบเมตรและแถมยังวิ่งเร็วมากอีกด้วย ถึงแม้ว่าพวกมันจะตัวใหญ่ แต่มีความสามารถในการขุดดินได้เป็อย่างดีสามารถขุดหลุมลึกกว่าสิบเมตรเพื่อหลับนอนได้อย่างสบาย แต่พวกมันก็ยังคงถูกไล่ล่าโดยเหล่ามดทหารแห่งทะเลทรายนี่ไม่ใช่หมายถึงมดทหารทะเลทรายสามารถขุดดินลงไปกินได้เลยอย่างนั้นหรือ โชคยังดีที่พวกมันไม่มีปีกจึงไม่สามารถบินได้ไม่อย่างนั้นแล้วการวิ่งมาราธอนครั้งนี้คงไม่ต้องวิ่งหนีกัน
ดูเหมือนว่าัตาเดียวจะหายตัวไปสักพักแล้วฉินโจ้วเหลียวมองซ้ายมองขวาก่อนจะพบว่าชายคนดังกล่าวนั้นอยู่เยื้องไปด้านหลังทางซ้ายมือของเขาราว 30 เมตร เขาเองไม่แน่ใจว่าเป็เพราะถูกเบียดจากฝูงมอนสเตอร์หรือว่าเขาตั้งใจจะหลบหนีออกไปทางนั้นเพื่อหนีจากการควบคุมของฉินโจ้ว ซึ่งเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือ การรักษาชีวิตของตนเองให้รอดปลอดภัยต่างหาก
ยามที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตเฉกเช่นการวิ่งมาราธอนในครั้งนี้ทำให้เห็นว่ามอนสเตอร์เหล่านี้ไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่อยู่รอบตัวเลยสักนิดเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนขวางทางพวกมันอยู่ พวกมันก็จะเริ่มการโจมตีเข้าใส่อย่างรุนแรงที่สุดโดยไม่มีความหวาดกลัวปรากฏขึ้นให้เห็นเลยแม้แต่น้อย มันไม่สนใจด้วยว่าจะเป็มอนสเตอร์ชนิดใดที่ขวางทางอยู่ซึ่งเื่นี้ฉินโจ้วได้เห็นกับตาอยู่หลายครั้งหลายครา ที่จำได้ฝังใจที่สุดก็คงจะเป็แกะหกขาซึ่งเป็ประเภทที่เขาไม่รู้จัก รู้เพียงแต่ว่าพวกมันวิ่งเร็วมากตอนที่เกิดเหตุบังเอิญว่ามีเสืออยู่ด้านหน้าพอดีพวกมันมุดหัวก้มต่ำสอดเขาทะลวงเข้าสู่ประตูหลังของเสือตัวดังกล่าวก่อนจะสะบัดหัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว เสือที่มีขนาดลำตัวใหญ่กว่าถึงสองเท่าลอยละลิ่วปลิวข้ามหัวของมันไปตกลงสู่กองทัพมอนสเตอร์ที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะจมหายไปในทันที
ในกองทัพมอนสเตอร์เหล่านี้โลหิตบานสะพรั่งออกเป็ดอกไม้อยู่เนืองๆ ก่อนจะจางหายไปในพริบตาซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ เหล่ามอนสเตอร์ที่าเ็นั้นมีจุดจบที่รออยู่เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือ... ความตาย
เสียงกรีดร้องระงมดังขึ้นเป็ระยะๆทุกเสียงที่ดังขึ้นก็คือ ความตายของมอนสเตอร์ ในสภาพการณ์เช่นนี้การเสียชีวิตคงเป็เื่น่าอนาถยิ่งนักไม่ว่าจะถูกย่ำยีจนกลายเป็โคลนเนื้อ หรือถูกกินทั้งเืและเนื้อก็ตามทีทางเลือกที่มีคงมีเหลือแค่เพียงอย่างเดียว ไม่อาจมีทางเลือกอื่นใดได้อีก
ฉินโจ้วใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อบังคับทิศทางอูฐเอาไว้ไม่ให้เฉียดเข้าใกล้มอนสเตอร์บ้าพลังพวกนั้น เพราะเป็สิ่งที่อันตรายอย่างยิ่งเพียงแค่ัักับมอนสเตอร์เ่าั้แม้เพียงนิดเดียวอูฐของเขาก็คงจะาเ็หนักแน่นอนซึ่งคงไม่ดีแน่ถ้าจะให้เขาวิ่งหนีด้วยสองเท้าของเขาเอง
ประกายแสงจากสายฟ้าสว่างวาบขึ้น ''ไท่อี่เทพสายฟ้า''พุ่งตรงเข้าใส่ศีรษะของลูกม้าหมอกเพลิง ก่อนจะะเิออกเป็เศษเนื้อ ร่างของมันอ่อนยวบและล้มลงกับพื้นเพียงแค่พริบตาเดียวมอนสเตอร์ก็แปรสภาพกลายเป็โคลนเนื้อลูกม้าหมอกเพลิงดูเหมือนจะรนหาที่ มีที่ทางเดินดีๆ ไม่ชอบกลับหาเื่มางับขาของฉินโจ้ว เขาอุตส่าห์เก็บมือเก็บเท้าไว้อย่างดีแล้วเป็แค่ลูกม้าเลยถูกจัดการไปซะ...
ตูม!!
สิ้นเสียงะเิ แมงป่องแดงเพลิงก็ถูกฆ่าตายก่อนจะหายไปในกระแสน้ำเพียงชั่วพริบตาจากนั้นก็มีการะเิขึ้นอีกครา งูจงอางสี่ตาก็ตายลง เสียงะเิยังคงดังขึ้นเรื่อยๆก่อนที่หนูดินดำจะถูกฆ่าไปด้วย
ทันใดนั้นเองฉินโจ้วได้พบกับบางสิ่งที่น่าสนใจในเวลานี้การสังหารมอนสเตอร์นั้นดูเหมือนจะง่ายดายคล้ายกับการเกี่ยวข้าวในทุ่งนา พวกมอนสเตอร์ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้เลยด้วยการโจมตีของเขาอย่างแม่นยำเพียงครั้งเดียวโดยเลือก เฉพาะมอนสเตอร์ที่มีพลังป้องกันต่ำ ด้วยความรุนแรงของ ‘ไท่อี่เทพสายฟ้า’ แม้แต่มอนสเตอร์ระดับเลเวล 60ขึ้นไป ก็ถูกสังหารภายในครั้งเดียว
เหงื่อเริ่มไหลรินโทรมกาย ฉินโจ้วไม่มีแม้เวลาที่จะจัดการกับมันถึงแม้ว่ามอนสเตอร์จะไม่สามารถป้องกันตัวได้ก็จริง แต่ภายในสภาวะแวดล้อมเช่นนี้ ก็ไม่ใช่เื่ง่ายนักที่จะเข้าโจมตีให้พวกมันตายได้ง่ายๆซึ่งก็เป็เื่ที่ท้าทายเขาอยู่ไม่น้อย เพราะถ้าไม่สามารถปลิดชีพได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็คงไม่มีโอกาสที่จะโจมตีครั้งถัดไป ฉินโจ้วนั้นไม่ชอบการทำเื่ที่ไร้ประโยชน์
บึ้ม...
เสียงะเิทุ้มต่ำดังขึ้น กิ้งก่าทะเลทรายก็หยุดชะงักลงสมองของมันะเิออก ยังคงเป็การโจมตีของฉินโจ้วที่ดูเหมือนจะเอาเปรียบมอนสเตอร์ตัวอื่นๆด้วยการใช้ไท่อี่เทพสายฟ้าซึ่งทำให้ฉินโจ้วถึงกับพูดไม่ออกสำหรับมอนสเตอร์ที่มีพลังป้องกันสูงอย่างกิ้งก่าทะเลทรายนั้นถ้าไม่ใช่การโจมตีภายใน คงจะเป็เื่ยากที่จะจัดการได้ภายในครั้งเดียวถ้าเขาใช้การโจมตีจากภายนอกแล้ว คงต้องใช้ไท่อี่เทพสายฟ้าไปไม่ต่ำกว่าสามถึงห้าครั้งเป็แน่
กิ้งก่าทะเลทรายถูกสังหารภายในการโจมตีครั้งเดียวร่างของมันม้วนกลิ้งไปกับพื้นทราย ิัที่แข็งแกร่งดังหินผาก็เริ่มขาดวิ่นก่อนจะกลายเป็รูพรุนทีละน้อย ซึ่งไม่รู้ว่าเป็ฝีมือของมอนสเตอร์ชนิดใด
ทันใดนั้นร่างของเขาก็กะพริบวูบฉินโจ้วพุ่งออกจากอูฐ ก่อนจะร่อนลงบนหลังของเสือดำลายพราง ซึ่งมันสนใจเพียงแค่เื่วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเท่านั้นไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำว่ามีบางคนอยู่บนหลังของมันอูฐตัวนั้นในที่สุดก็วิ่งมาถึงจุดจบของชีวิต ก่อนจะถูกกลืนหายไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากมันวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่จนเกินขีดจำกัดเป็เวลานาน ฉินโจ้วได้แต่ทอดถอนใจเพราะนี่เป็อูฐตัวแรกที่เขาเคยได้ขี่ ถึงแม้ว่าจะขโมยมาก็ตาม แต่เขาก็ยังคงสงสารมันอยู่ดีซึ่งเป็ที่น่าเสียดายที่ไม่สามารถรักษาชีวิตของมันเอาไว้ได้
เสียงะเิดังก้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง คล้ายกับ้าจะแก้แค้นให้กับอูฐอย่างไรอย่างนั้นประสาทรับรู้ของฉินโจ้วเริ่มเฉียบคมมากยิ่งขึ้นเขาเริ่มจับััเกี่ยวกับช่องโหว่ของการป้องกันของมอนสเตอร์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆหลังจากไท่อี่เทพสายฟ้าได้ถูกปล่อยออกไป และพุ่งตรงไปยังตำแหน่งนั้นโดยใช้เวลาไม่นานตามมาด้วยเสียงะเิดังขึ้น ก่อนที่มอนสเตอร์จะถูกฆ่าตายไม่มีตัวไหนเหลือรอดชีวิตเลย
พวกมันล้วนเป็มอนสเตอร์ระดับสูงกว่า60 ทั้งสิ้น ซึ่งให้ค่าประสบการณ์สูงล้ำยิ่งเขาสังหารได้มากเท่าไรก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้นเวลานี้ประกายแสงสายฟ้าถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามืออย่างต่อเนื่องเนื่องจากเสือดำลายพรางนั้นเป็มอนสเตอร์ที่วิ่งอยู่แถวหน้าทำให้ฉินโจ้วสามารถหาจุดอ่อนของมอนสเตอร์ที่วิ่งตามหลังมาได้อย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็ต้องกังวลว่าจะทำให้เขาาเ็หรือล้มตาย
จากนั้นไม่นานจู่ๆ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มรอบๆบริเวณกลายเป็สีเทา โดยที่ไม่มีทั้งฝุ่น ควัน หรือทรายปรากฏให้เห็น คล้ายกับมีทรายจำนวนมากไหลขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ราวกับจะมีพายุทรายเกิดขึ้นแต่อย่างไรก็ตามฉินโจ้วก็ไม่ได้ใส่ใจกับเื่นี้เท่าใดนัก หลังจากเหลือบมองอีกครั้งเขาก็มุ่งเป้ากลับมาสังหารมอนสเตอร์ทั้งหลายต่อไป
ห่างออกไปราวหนึ่งลี้ คลื่นสีดำยังคงแผ่กระจายอยู่อย่างต่อเนื่องไม่ต่างจากกระแสน้ำที่ไหลบ่าอย่างไร้ที่สิ้นสุด คล้ายกับว่า้าจะเขมือบกลืนทุกสิ่งทั่วทั้งทะเลทรายนั่นก็คือมดทหารแห่งทะเลทราย เท่าที่มองเห็นพวกมันเป็สีดำ ล้วนแต่เป็มดทั้งสิ้น จำนวนที่มีก็มากมายเหลือคณานับเหล่ามอนสเตอร์ก็ยังถูกจับกินอย่างต่อเนื่องซึ่งพวกมันทำได้เพียงแค่ส่งเสียงร้องอย่างโหยหวนออกมาเท่านั้นมอนสเตอร์หลายตัวเริ่มรับรู้ว่าอันตรายมาถึงชีวิตแล้ว จึงปลดปล่อยทักษะเฉพาะตัวที่แข็งแกร่งออกมาเพียงชั่วพริบตาก็สังหารมดทหารแห่งทะเลทรายได้นับร้อยนับพันแต่ก็ดูเหมือนจะมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะไม่กี่อึดใจต่อมาฝูงมดทหารแห่งทะเลทรายก็จะกรูกันเข้ามาเพิ่มไม่ต่างจากคลื่นที่ถาโถมเข้าใส่เพียงแค่ถูกมดกัด ต่อให้ร่างกายใหญ่โตเพียงใดก็อยู่ได้ไม่เกินสามวินาที
เพราะนี่คือมดทหารแห่งทะเลทรายสิ่งที่น่าหวาดกลัวมากที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดในทะเลทรายแห่งนี้พวกมันไม่มีศัตรูโดยธรรมชาติ พวกมันกินทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า และยังมีจำนวนมากมายมหาศาลถึงแม้จะเป็เพียงมอนสเตอร์ระดับต่ำ แต่ก็ทำให้มอนสเตอร์ในตำนานอย่างเช่นัถึงกับหวาดกลัวจนต้องหนีไปนี่ถือได้ว่าเป็สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความน่ากลัวได้เป็อย่างดี
ติ๊ง! ระบบแจ้งเตือน : ขอแสดงความยินดีด้วยผู้เล่นเมามายซบตักสาวงามได้เลื่อนระดับขึ้นหนึ่งขั้น เลเวล 61 หวังว่าผู้เล่นจะพยายามต่อไปไม่ท้อถอย มุ่งสู่ความรุ่งโรจน์
เพิ่มระดับแล้ว... ในที่สุดเลเวลก็เพิ่มสักที
หลังจากที่ระดับ 60 แล้ว ได้ผ่านศึกาหลายต่อหลายครั้งในที่สุดก็ได้รับค่าประสบการณ์มากพอที่จะเพิ่มระดับได้
คงต้องขอบคุณเื่ราวต่างๆ ที่ได้พานพบมาจนทำให้มายืนถึงจุดๆ นี้ได้ กว่าจะได้พานพบอีกครั้งคงต้องมีเป็พันปีขึ้นไป ดูท่าว่ากว่าจะได้เพิ่มระดับเลเวลอีกครั้งคงต้องใช้เวลาอีกนานโขเลยทีเดียว
"เอ่อ... นั่นมัน?"
ฉินโจ้วค่อนข้างประหลาดใจเบื้องหน้ามีผู้เล่นอยู่จำนวนหนึ่ง มีทั้งชายและหญิง ทั้งเด็กและคนแก่ รวมๆ กันแล้วมากกว่า50 คน แต่ที่ฉินโจ้วประหลาดใจมากนั้นไม่ใช่เพราะเื่นี้แต่พวกเขาล้วนวิ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง มายังทิศทางที่เขาอยู่ต่างหากท่าทางเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันมาก ราวกับต้องวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด ในระหว่างที่วิ่งไปนั้นก็เหลียวหลังกลับไปมองเป็ระยะรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้มันช่างคลับคล้ายคลับคลากับตอนที่กองทัพมอนสเตอร์ที่น่าประหลาดนั่น
ฉินโจ้วเกิดความรู้สึกว่า เหมือนประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย(อีกแล้ว...)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้