หนีเจียเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “ไม่พอหรือเ้าคะ?”
โจวชิงหวานับว่าเป็ผู้มั่งคั่งที่สุดของแคว้นฉีหลาน แม้สิ่งที่นางเสนอให้ควงเยวี่ยโหลว จะเป็การประเมินค่าตอบแทนด้วยตัวเอง แต่ก็มิใช่มูลค่าน้อยๆ เลย
แต่ผลปรากฏว่า ชายผู้นี้ยังคงเฉยชาไม่แยแส... เขา้ามากกว่านี้หรือ?
ควงเหยามองหนีเจียเอ๋อร์ แล้วพูดว่า “หากท่านอาจารย์ของข้าเป็คนเห็นแก่เงิน ด้วยความสามารถของเขา ย่อมมีทรัพย์สมบัติกองเป็ูเาหลายลูก จนทั้งชีวิตนี้ก็ใช้ไม่หมด และคงจะไม่ปลีกวิเวกลงหลักปักฐานในสถานที่อันหนาวเย็นทางตอนเหนือแห่งนี้”
แววตาของควงเยวี่ยโหลวเย็นเยียบ ขณะเอ่ยอย่างแ่เบา “ของตอบแทนที่ข้าพูดถึง ก็คือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในร่างกายของเ้า มิใช่ของเขา!”
หนีเจียเอ๋อร์เงยขึ้นมองใบหน้าที่ถูกปกปิดอยู่ใต้ผ้าคลุม แล้วกล่าวอย่างไม่เข้าใจ “นอกจากเงิน สิ่งที่มีค่าที่สุดของข้าคงจะเป็ชีวิตแล้ว แต่ท่านเพิ่งบอกว่าจะช่วยข้า... ขออภัยที่เจียเอ๋อร์ไม่อาจเข้าใจถ้อยคำอันซับซ้อนที่ท่านกล่าว”
ควงเยวี่ยโหลวแค่นหัวเราะ “ที่เ้ายังอยู่ที่นี่ และพูดคุยกับข้าในตอนนี้ได้ ก็เพราะควงเหยาป้อนยาให้เ้า และยานั่นก็มีฤทธิ์เพียงครึ่งชั่วยาม ข้าสัญญากับควงเหยาแล้วว่าจะช่วยชีวิตคน แต่ก็ช่วยได้แค่คนเดียวเท่านั้น หากจะให้รักษาทั้งสองคน เ้าก็ต้องมอบของตอบแทนมา หากให้มิได้ เช่นนั้นข้าก็ตัดสินใจแล้ว ว่าจะช่วยชีวิตเ้า!”
ควงเหยาตาเบิกกว้าง มองไปยังควงเยวี่ยโหลวด้วยสายตาตื่นตะลึง
… นี่มิใช่การช่วยเหลือ แต่เป็การแลกเปลี่ยน!
เช่นนี้แล้ว ก็ไม่ถือว่าผิดกฎของสำนักอิ้นเสวี่ย...
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หนีเจียเอ๋อร์พลันโกรธจนแทบกระอักเื
ทว่า ถึงโต้เถียงไปก็ไร้ประโยชน์ หญิงสาวจึงกำหมัดแน่น พลางกัดฟันมองอีกฝ่าย แล้วถามย้ำทีละคำ “ท่านพูดว่า จะช่วยพวกเราแค่คนเดียวเท่านั้นหรือ?”
ควงเยวี่ยโหลวพยักหน้าโดยไม่สะทกสะท้าน “ใช่! เพียงคนเดียว”
หนีเจียเอ๋อร์หลับตาลง สูดหายใจลึก แล้วเอื้อมมือไปคว้ากระบี่ที่อยู่ข้างเอวของควงเหยาออกมา หมายจะบั่นคอตัวเอง
ควงเยวี่ยโหลวใช้นิ้วซัดหยกไปกระแทกกระบี่ ทำให้วิถีกระบี่เปลี่ยนทิศ ไปบาดดวงตาของหนีเจียเอ๋อร์แทน
เคร้ง!
กระบี่หล่นพื้น หญิงสาวกรีดร้องด้วยความเ็ปอย่างแสนสาหัส
ควงเยวี่ยโหลวคิดไม่ถึง ว่านางจะใจเด็ดถึงเพียงนี้ แม้แต่เขา ที่ได้รับการยกย่องให้เป็ยอดฝีมือ ก็ยังรู้สึกละอายจนนิ้วมือสั่น
เขารีบอุ้มหนีเจียเอ๋อร์กลับขึ้นไปนอนบนเตียง พลางใช้ฝ่ามือกดตรงบริเวณดวงตา เพื่อหยุดเืไม่ให้ไหลออกมา ขณะเอ่ย “ไปเอากล่องยามา เร็ว!”
ควงเหยาตัวสั่น พอได้สติ ก็รีบพุ่งไปคว้ากล่องยาที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาทันที
หนีเจียเอ๋อร์ข่มความเ็ป และคว้ามือของควงเยวี่ยโหลวเอาไว้ “ไม่ว่าอย่างไร ท่านก็ต้องช่วยเขา!”
โจวชิงหวาต้องเสียสละเพื่อตนมาหลายต่อหลายครั้ง ดังนั้น วันนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นางก็ต้องช่วยเขาให้ได้...
แม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของตัวเองก็ตาม!
ควงเยวี่ยโหลวนิ่งงัน มองมือบอบบางสองข้างที่จับมือของเขาแน่น
“ในเมื่อเ้ายอมจ่ายด้วยสิ่งที่มีค่าที่สุดของตัวเองเช่นนี้ ข้าก็จะลองพิจารณาดู”
หนีเจียเอ๋อร์ลดมือลง แทบไม่มีเรี่ยวแรงจะเปล่งเสียง จากนั้นก็สลบไป เพราะทนความเ็ปไม่ไหว
เมื่อหญิงสาวหมดสติรับรู้ไปแล้ว คิ้วของควงเหยาก็ยิ่งขมวดแน่น ขณะถามเสียงต่ำ “ท่านอาจารย์ ตาของนางจะบอดหรือไม่ขอรับ?”
ควงเยวี่ยโหลวส่ายหน้า “แผลลึกเกินไป ตอนนี้ยังไม่มีวิธีรักษา”
ในเมื่ออาจารย์กล่าวว่าไร้หนทางรักษา ก็แปลว่านางจะต้องตาบอดไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ?
ควงเหยาถอนหายใจด้วยความเสียดาย ไม่รู้ว่าเมื่อนางตื่นขึ้นมา จะทุกข์ใจมากเพียงใด
หลังจากทำความสะอาดาแแล้ว ควงเยวี่ยโหลวก็พันผ้าปิดแผลเอาไว้ ก่อนใช้เข็มแทงลงไปบนร่างหญิงสาว เพื่อกระตุ้นเส้นลมปราณ ที่าเ็จากการฝืนคุกเข่ากลางหิมะมานานเกินไป จนอาจจะกลายเป็โรคเรื้อรัง
กระทั่งเห็นว่าอีกฝ่ายพ้นขีดอันตรายแล้ว ควงเยวี่ยโหลวจึงปรับท่าทางให้หนีเจียเอ๋อร์ได้นอนพักผ่อนอย่างสบายกาย พร้อมทั้งห่มผ้าให้ และสั่งว่า “ควงเหยา เ้าพาพี่ชายของนางไปที่ห้องน้ำแข็ง”
“ขอรับ ท่านอาจารย์” ควงเหยาเก็บกล่องยากลับเข้าที่ ก่อนเดินผละไป
หลังจากล้างมือสามครั้ง และใช้ผ้าเช็ดจนแห้งสนิทแล้ว ควงเยวี่ยโหลวก็ลุกขึ้น เดินตรงไปยังห้องน้ำแข็งใต้ดิน
ไม่นานนัก ควงเหยาก็พาโจวชิงหวาที่หมดสติไปนอนบนเตียงน้ำแข็ง และผละออกมารอรับคำสั่ง
ควงเยวี่ยโหลวก้าวมานั่งบนเตียงน้ำแข็ง ขณะตรวจสอบอาการต้องพิษของโจวชิงหวา พลางพูดเบาๆ “เ้าไม่ต้องทำอะไรแล้ว คอยดูนางให้ดี เมื่อใดที่นางตื่นค่อยพามาหาข้า”
“ศิษย์ทราบแล้ว!” ควงเหยาก้าวไปได้สองก้าวก็หยุดชะงัก ทำท่าจะหันหลังกลับมาเพราะรู้สึกไม่สบายใจ ทั้งยังละอายยิ่งนักที่ตัวเองไม่กล้าเอ่ยปากถาม ด้วยเกรงว่าจะเป็การบีบบังคับให้อาจารย์ช่วยชีวิตคน
ควงเยวี่ยโหลวจึงชำเลืองมอง “มีเื่อะไร?”
ควงเหยามุ่นคิ้ว พลางถาม “อาจารย์ เขาาเ็เพราะถูกเว่ยฉีหลานทำร้าย หากช่วยเขา เราจะมีปัญหาหรือไม่? นี่อาจจะเป็การสร้างปัญหาใหญ่ให้กับสำนักของเราในอนาคตได้ เช่นนี้แล้ว พวกเราจะเป็อย่างไรหรือขอรับ?”
ควงเยวี่ยโหลวตอบเสียงเบา “ ที่ข้าตั้งกฎขึ้นมา ก็เพราะไม่อยากจะเอาปัญหาของคนอื่นเข้ามาในสำนัก แต่เื่ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ต้องรอดูกันต่อไป...”
เมื่อนึกถึงข้อห้ามในสำนักอิ้นเสวี่ยที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ควงเหยาก็ยิ่งรู้สึกละอายใจจนต้องก้มศีรษะลง “ท่านอาจารย์ ศิษย์ขออภัยด้วย!”
ควงเหยาโค้งคำนับขอโทษควงเยวี่ยโหลว ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “ไม่มีอะไรแล้ว ศิษย์ขอตัว”
ชายหนุ่มเดินออกจากห้องใต้ดิน ตรงไปยังโรงครัว เพื่อสั่งให้ทำอาหารเบาๆ สำหรับผู้ป่วย จากนั้นก็หยิบตำราแพทย์ขึ้นมาอ่าน ระหว่างรอให้หนีเจียเอ๋อร์ฟื้นอยู่ข้างหน้าต่าง เขานั่งเฝ้านางอย่างเงียบงัน จนกระทั่งได้ยินเสียงขยับตัว
ควงเหยาจึงเดินไปที่เตียง และคว้ามือหญิงสาวเอาไว้ “แผลยังไม่หาย เ้าอย่าเพิ่งลุกขึ้นจะดีกว่า”
หนีเจียเอ๋อร์แตะผ้าพันแผลที่ปิดดวงตาของตน จำได้ว่านางตั้งใจจะใช้กระบี่บั่นคอตัวเอง แต่ควงเยวี่ยโหลวช่วยเบี่ยงวิถีกระบี่ออกไป จึงทำให้มันมาบาดโดนดวงตาจนกลายเป็แผลฉกรรจ์แทน
แม้จะเศร้า แต่อย่างไรก็รอดชีวิตมาได้ สิ่งที่สูญเสียไป ก็มีแค่ดวงตาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ทว่า หญิงสาวไม่คิดจะกล่าวโทษใคร และทำใจยอมรับได้อย่างรวดเร็ว
จากนั้น หนีเจียเอ๋อร์ก็หันไปถามอีกฝ่าย “ท่านควงเหยา พี่ชายของข้าเป็อย่างไรบ้าง?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้