หลิวเต้าเซียงนั่งอยู่ห่างๆ โดยก้มศีรษะเล็กน้อย ดูจากท่าทีของหลิวต้าฟู่แล้ว คงเกี่ยวกับคำพูดก่อนหน้านี้ของหลี่เจิ้ง
ไม่ว่าเขาจะจัดการอย่างไร นางก็คิดไว้แล้วว่าจะต้องแก้แค้นด้วยตัวเองให้ได้
ฮึ ตบหน้าก็ต้องตบด้วยมือตนเอง เพี๊ยะๆๆ เอาให้สาแก่ใจ!
“ท่านย่า หมอที่มาจากเมืองหลวงบอกแล้วว่า ปัญหาเกิดจากอาหารที่ท่านย่าให้”
ถึงไม่มีปัญหา นางก็จะทำให้มันมีปัญหา
การพูดเป็ศิลปะอย่างหนึ่ง
เดิมทีหลิวต้าฟู่ยังคงหวั่นไหว ขณะนี้ได้เอนไปทางหลิวซานกุ้ยเป็ที่เรียบร้อย
หลิวฉีซื่อลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้และเหลือบมองหลิวเต้าเซียงด้วยความไม่พอใจ “อะไรกัน เ้าไม่ชอบใจหรือ? ฮึ พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก คลอดแต่ตัวอะไรออกมาไม่รู้ หอบสินสอดจากบ้านข้าไป แล้วยังกล้าวางหลุมพรางเงียบๆ เ้าคิดว่าข้าเล่นขี้ดินขี้โคลนโตมาหรือ อีกอย่าง หากไม่ใช่เพราะสินเ้าสาวของบ้านแม่ข้า พวกเ้าจะมีชีวิตที่ดีแบบนี้หรือ ช่างเป็พวกมีความสุขแล้วยังไม่รู้จักพอใจ ไม่ลองหันไปดูรอบข้างที่เขากินได้แค่รำข้าวกับผักดอง ตาเฒ่า เ้าลองคิดอย่างมีศีลธรรมดูว่า ข้าทำไม่ดีกับครอบครัวซานกุ้ยตรงไหน”
หลิวฉีซื่อเป็คนฉลาด นางไม่มีทางพูดต่อประเด็นของหลิวเต้าเซียง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางให้นางทำให้เปิดประเด็นได้ กระนั้นจึงวกหัวข้อมาที่จางกุ้ยฮัว
ในสายตาของนาง หลิวต้าฟู่ บุตรชายและหลานชายเป็คนของบ้านตนเอง แต่ลูกสะใภ้นั้นเป็ของบ้านคนอื่น
ดังนั้นนางจึงหันหัวหอกไปทางจางกุ้ยฮัว ซึ่งเื่นี้ก็ไม่ทำให้หลิวต้าฟู่ปริปาก
หลิวเต้าเซียงไม่้าให้หลิวฉีซื่อเปลี่ยนหัวข้อ เพราะหากยืดเยื้อไปก็คงไม่จบไม่สิ้น
นางหันไปดึงชายเสื้อของหลิวซานกุ้ยเบาๆ “ท่านพ่อ! ท่านย่าด่าแม่ข้าอีกแล้ว ทั้งที่แม่ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าจำได้ว่าทุกๆ วันท่านแม่ตื่นขึ้นมาเช้าตรู่เพื่อทำงานบ้าน เื่ในบ้านก็มีแม่กับพวกข้าเป็คนทำ เวลาที่งานไร่นายุ่ง ท่านแม่ยังต้องไปทำงานกับท่านพ่อ ส่วนงานในบ้านก็มีข้ากับพี่สาวช่วยกันดูแล ท่านพ่อ ท่านไม่รู้หรอกว่า ข้าทำไม่ไหวจริงๆ ลำพังกวาดบ้านข้าก็ต้องใช้เวลามากมาย อาเล็กยังชอบมาด่าว่าข้าี้เี เพราะท่านพี่บอกว่าข้าเด็กเกินไป ถือไม้กวาดไม่ไหว”
ไม่มีการะโออกมาต่อว่าหลิวฉีซื่อ และไม่มีการติเตียนถึงความใจร้ายของนางแบบตรงไปตรงมา
แต่คำพูดของหลิวเต้าเซียงเหมือนกำลังตบหน้านาง บอกว่าดีกับครอบครัวสาม แล้วเหตุใดต้องจิกหัวใช้คนในครอบครัวนั้นเหมือนคนใช้ด้วย
จางกุ้ยฮัวย้อนนึกถึงเื่ราวในอดีต นางรู้สึกหดหู่ใจแต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ เพราะหลายปีที่ถูกหลิวฉีซื่อข่มเหงรังแก นางร้องไห้มามากพอแล้ว
“ท่านพ่อ พ่อแท้ๆ ของข้าจากไปเร็วนัก ตอนที่ท่านพ่อกับท่านแม่ส่งคนมาสู่ขอ ข้าจำได้ว่า แม่ข้าพูดถึงเื่นี้ พ่อข้าจากไป มีเพียงข้ากับน้องชายที่ยังเล็ก อาศัยท่านแม่ข้าเลี้ยงดูเพียงลำพัง นี่ก็ยากลำบากมากแล้ว ตอนนั้นบ้านข้าเป็เช่นนี้ไม่ผิด แต่ว่าน้องชายข้าได้ดีแล้ว หลายวันก่อนได้ไหว้วานให้คนนำจดหมายและเงินหนึ่งร้อยตำลึงเป็สินเ้าสาวมา เงินหนึ่งร้อยตำลึงได้แจ้งลงบันทึกกับหน่วยงานราชการแล้ว”
จางกุ้ยฮัวไม่ค่อยเข้าใจเื่ที่ซับซ้อนมากนัก แต่ในจดหมายของจางอวี้เต๋อได้ระบุถึงเื่นี้จริงๆ
“อืม ได้ข่าวน้องเ้าแล้วหรือ? เขาเป็เด็กดี” หลิวต้าฟู่รู้สึกดีกับจางอวี้เต๋ออยู่บ้าง
หลังจากได้ยินว่าจางอวี้เต๋อได้ดีแล้วไม่ลืมพี่สาว ก็ยิ่งทำให้เขาพอใจกับการกระทำของจางอวี้เต๋อนัก
“ในเมื่อเป็สินเ้าสาว เช่นนั้นพวกเ้าก็อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย หากเป็ไปได้ ก็ซื้อที่นาไว้หน่อยก็ไม่เลว เกษตรกรอย่างเราอยู่ใกลู้เาก็หากินกับูเา อยู่ใกล้น้ำก็หากินกับน้ำ ในมือมีที่นาไว้บ้างก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องห่วงเื่อดมื้อกินมื้อ”
หลิวต้าฟู่วิเคราะห์แทนจางกุ้ยฮัวจากใจจริง ดังนั้นเขาจึงพูดแบบนี้
หลิวเสี่ยวหลันจับจ้องเงินหนึ่งร้อยตำลึงของจางกุ้ยฮัวอยู่ตลอด นางอิจฉายิ่งนัก เพราะนางรู้ดีว่า แม้นางจะออกเรือนแต่หลิวฉีซื่อก็คงไม่มีทางให้เงินสินเ้าสาวมากขนาดนั้น พอตอนนี้ได้ยินหลิวต้าฟู่พูดถึงเื่นี้ จึงอาศัยจังหวะเอ่ยขึ้นต่อ “ท่านพ่อ แม้ว่าพี่สะใภ้สามจะซื้อที่นา แต่ก็ควรเอาเงินตอบแทนท่านพ่อท่านแม่บ้างสิ”
หลิวต้าฟู่รู้สึกอายเล็กน้อย เงินสินเ้าสาวที่บ้านแม่ของลูกสะใภ้ให้แก่ลูกสะใภ้ เขาที่เป็พ่อสามีจะกล้ารับได้อย่างไร อีกอย่างหากครอบครัวเ้าสามได้ดี เขาไม่มีทางไม่ตอบแทนบุญคุณอยู่แล้ว
หลิวต้าฟู่ยอมถอยให้ เพียงเพราะว่าหลิวฉีซื่อนั้นเคี่ยวเข็ญเกินไป!
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะตาบอดและอ่านเื่ราวไม่ออก
“แม่เ้าสอนเ้าอย่างไรกัน? หากคำพูดนี้แพร่ออกไป เ้าอย่าได้คิดว่าจะมีคนมาสู่ขอ” เขาสูบยาสูบแล้วเอามาเคาะกับขาเก้าอี้เต็มแรง “บ้านเรายากจนถึงขั้นต้องไปเอาเงินสินเ้าสาวของพี่สะใภ้สามเ้าเลยหรือ?”
เขาพูดออกมาเองก็รู้สึกขายขี้หน้าเอง และโมโหหลิวฉีซื่อที่ตามใจบุตรสาวจนนิสัยเสีย
จางกุ้ยฮัวที่ก่อนหน้านี้ยังเดาทางหลิวต้าฟู่ไม่ถูก ตอนนี้ถึงเพิ่งเข้าใจว่า พ่อสามีกำลังทวงความเป็ธรรมให้ตนเองอยู่หรือ?
“ท่านพ่อ แม้ว่าข้ากับซานกุ้ยจะแยกออกไป แต่ทุกเทศกาลพวกข้าก็จะยังตอบแทนท่านพ่อท่านแม่อยู่ดี”
นางไม่ได้พูดถึงเื่ที่ร่างหนังสือแยกครอบครัว ซึ่งระบุว่าทุกปีต้องตอบแทนหลิวต้าฟู่กับหลิวฉีซื่อด้วยเงินสองตำลึง
เงินสองตำลึงสำหรับครอบครัวที่เพิ่งแยกออกไปด้วยความยากจนอย่างหลิวซานกุ้ยแล้ว นับว่าเป็เงินจำนวนไม่น้อยทีเดียว
“เด็กดี เื่สินเ้าสาว เ้าจัดการเอาเองเถิด ตระกูลหลิวของเรายังไม่ยากจนถึงขั้นต้องเอาเงินสินเ้าสาวของลูกสะใภ้มากินข้าวหรอกนะ”
หลังจากที่หลิวต้าฟู่ปลอบโยนจางกุ้ยฮัวด้วยคําพูดดีๆ จากนั้นหันไปเอ่ยกับหลิวฉีซื่อ “เ้ายังไม่ยอมรับอีกหรือว่าเ้าเป็คนก่อเื่นั้น?”
สิ่งที่ขาดไปในประโยคนี้คือคำว่า จงใจ
เมื่อหลิวฉีซื่อไม่้าตอบคำถามของเขา ก็มักจะเบนหน้าหนี
ดวงตาที่ดุร้ายของหลิวฉีซื่อทิ่มแทงใส่จางกุ้ยฮัวอย่างดุเดือด เชอะ! นึกว่าตนเองเป็ใคร นาง้าให้ทั้งครอบครัวนี้หายสาบสูญไปให้หมด
“ฮึ เ้าคงเห็นว่าข้าแก่หงำเหงือกแล้วสินะ เื่ที่เ้าทำไว้ในอดีต ลืมไปแล้วหรือ?”
หลิวต้าฟู่เงยหน้าขึ้นมองนาง “ฉีหรุ่ยเอ๋อร์ อย่าพูดเื่ไร้สาระ เหตุการณ์ในอดีตข้าได้อธิบายไปหมดแล้ว เ้าไม่ต้องจงใจพูดไปเลยเถิด อีกอย่าง ใครกันที่ยั่วยุให้เ้าทำเื่เช่นนี้? ตระกูลหลิวแม้จะเป็ครอบครัวธรรมดา แต่ไม่มีใครมีความคิดสกปรกเช่นนี้”
เมื่อหลิวฉีซื่อเห็นเขาเป็เช่นนี้ ก็ยิ่งไม่อยากทำตามเขา จึงแผดเสียงสูง “ฮึ ข้าว่าเ้ามีแผนในใจ คิดว่าข้าหลอกง่ายหรือ?”
หลิวต้าฟู่เห็นว่านางไม่สํานึกผิดและพูดอย่างผิดหวัง “เสียงเบาหน่อย เ้าไม่ยอมรับก็แปลว่าเ้าไม่ได้เป็คนทำหรืออย่างไร? เ้าคิดว่าคนทั้งบ้านโง่เง่ากันหมดหรือ? นับแต่บ้านเรามีคนรับใช้เพิ่มมาสองคน นางเด็กสองคนนี้ยังมีชีวิตดีกว่าครอบครัวลูกสามเสียอีก เ้าช่างทำได้ลงคอ!”
“เกี่ยวอะไรกับเด็กรับใช้สองคน ข้าว่าเ้าไม่ต้องโยงไปเื่คนอื่น” ขณะที่หลิวฉีซื่อพูดก็มองไปทางหลิวซานกุ้ย
ความหมายของนางชัดเจนว่า กำลังสงสัยสองสามีภรรยาว่าไปฟ้องอะไรต่อหน้าหลิวต้าฟู่หรือไม่
“ท่านย่า ท่านจ้องพ่อกับแม่ข้าด้วยเหตุใด คงไม่ได้จะโทษพ่อแม่ข้าหรอกนะ?” หลิวเต้าเซียงแอบเบะปาก
จะเติมไฟอีกดีหรือไม่?
โอกาสนั้นหายาก เอาเป็ว่าตัดสินใจตามนี้
“ท่านปู่ ตอนนั้นท่านพ่อข้าร้องโอดครวญจะเป็จะตาย ส่วนแม่ข้าก็สลบไป ข้าก็แค่เด็กคนหนึ่งใจนทำอะไม่ถูก แต่ดีที่ได้ป้าหลี่กับหลี่เจิ้งช่วยกันพาพ่อแม่ไปส่งที่ตำบล ตอนนั้นคนในหมู่บ้านก็ใจดีบอกว่าจะไปตามหาท่านย่าที่บ้านของเ้าของที่หมู่บ้านข้างๆ แต่ว่า พ่อแม่ข้าไปตำบลถึงสามวัน วันนี้กลับมา กลับไม่ได้ยินคำเป็ห่วงเป็ใยจากท่านย่าแม้แต่คำเดียว ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ลานบ้าน ยังบอกอีกว่า เหตุใดพ่อแม่ข้ายังไม่ตายอีกด้วย”
ไม่ว่าปู่กับย่าจะเถียงอะไรกัน ก็ไม่เป็อุปสรรคต่อการเติมไฟของนาง
ก่อนหน้านี้ที่หลิวฉีซื่อพูดคุยกับหลิวเต้าเซียงในลานบ้าน ทุกคนในครอบครัวก็เห็นหมด
“อะไรนะ? ฉีหรุ่ยเอ๋อร์ เ้ามันผู้หญิงงูพิษ!”
ในที่สุดหลิวต้าฟู่ก็โกรธเป็ฟืนเป็ไฟ!
หลิวซานกุ้ยมองพ่อของเขาด้วยความตื้นตันใจ ที่แท้พ่อก็ไม่ได้เกลียดขี้หน้าเขา อย่างน้อยก็ยังมีพ่อที่เป็ห่วงในความรู้สึกของเขาอยู่บ้าง
“หลิวเต้าเซียง นางเด็กอัปรีย์ ผายลมอะไรกัน ข้าเคยไปพูดอะไรแบบนั้นั้แ่เมื่อไร ดูสิว่าข้าจะฉีกปากเน่าๆ ของเ้าอย่างไร!”
ไฟโมโหของหลิวฉีซื่อลุกโชน นางเคยชินกับการที่ทุกอย่างได้ดั่งใจ จึงไม่อาจทนกับการท้าทายจากผู้อื่น
คําพูดของหลิวเต้าเซียงะเิความโกรธในใจของหลิวต้าฟู่ได้สำเร็จ ขณะนั้นหลิวฉีซื่อก็วิ่งไปหาหลิวเต้าเซียง
หลิวต้าฟู่ยกแขนข้างที่ถือปล้องยาสูบทองแดงเก้าไฟขึ้นมาขวางโดยไม่ต้องคิด
หลิวฉีซื่อมองไปที่สามีด้วยความขยะแขยง ชายคนนี้กินของนาง อาศัยบ้านของนาง ใช้ของนาง หลายปีมานี้เขากลับไม่สำนึกถึงบุญคุณแม้แต่น้อย
“เอามือออกไป!”
หลิวฉีซื่อได้รับการเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมมาั้แ่เด็ก นิสัยคุณหนูในหลายปีมานี้จึงยิ่งทวีคูณขึ้นเพราะการตามใจของหลิวต้าฟู่
พอถูกนางตะคอกใส่เช่นนี้ หลิวเต้าเซียงจับสังเกตได้อย่างละเอียดอ่อนว่า หลิวต้าฟู่มีท่าทีแ่ลง
ไม่ได้ มีลมตะวันออกพัดมาแล้วไม่ใช้ให้เป็โอกาส นั่นคือคนโง่!
นางออกแรงหยิกน่องตนเองอย่างแรง แล้วบีบน้ำตา ไม่ง่ายเลยกว่าจะเค้นน้ำตาออกมาได้ จากนั้นก็เปล่งเสียงดัง “ท่านปู่ ท่านดูสิ ท่านย่าไม่เพียงแค่อยากฆ่าพ่อแม่ข้าให้ตาย แล้วตอนนี้ยังคิดจะตีข้าให้ตาย ฮือๆ ท่านพ่อ ข้ากลัว ฮือๆ...”
หลิวซานกุ้ยและภรรยานั้นทะนุถนอมบุตรสาวคนรองเป็ที่สุด
เมื่อได้ยินนางร้องไห้สะอึกสะอื้น หัวใจถึงกับสลาย หลิวซานกุ้ยคว้านางมาไว้ในอ้อมกอด
“เด็กดี ไม่ต้องร้อง พ่อไม่ปล่อยให้ท่านย่าเ้ารังแกเ้าได้อีกแล้ว” ตอนนี้ในสายตาของหลิวซานกุ้ยมีเพียงบุตรสาวของเขา
“ฮือๆ ท่านพ่อ ข้ากลัวเหลือเกิน ก่อนหน้านี้อาเล็กก็ชอบตีพี่สาวข้าเช่นนี้ บอกว่าท่านย่าสอนนางเอง เพราะพวกข้าเกิดมาเป็พวกชั้นต่ำ ท่านพ่อ อะไรคือพวกชั้นต่ำหรือ?”
หลิวเต้าเซียงแอบหลอกด่าหลิวฉีซื่ออีกครั้ง
นางอยู่ในอ้อมแขนของหลิวซานกุ้ย แล้วแอบมองไปที่หลิวต้าฟู่และหลิวฉีซื่อเงียบๆ
ใบหน้าของทั้งสองคนนั้นดําเหมือนก้นหม้อ
ฮ่าๆๆ ดูสิว่าทั้งสองคนจะตบตีกันอย่างไร
หลิวเต้าเซียงกำลังหัวเราะอย่างมีชัย
“ท่านพ่อ ทำอะไร?” จู่ๆ หลิวเสี่ยวหลันก็กรีดร้อง
เพี๊ยะ! หลิวต้าฟู่ฟาดฝ่ามือลงไปที่ใบหน้าด้านซ้ายของหลิวฉีซื่ออย่างเต็มแรง ทันใดนั้นก็บวมเป่งเป็ซาลาเปา!
หลิวฉีซื่อตกตะลึง และทั้งห้องก็มองกันอย่างงุนงง!
ไม่มีใครคาดคิดว่าเวลาที่หลิวต้าฟู่ลงมือจะเด็ดขาดเพียงนี้
ผ่านไปชั่วครู่ ในห้องก็มีเสียงสั่นคลอนของหลิววั่งกุ้ยดังขึ้น “ท่าน ท่านพ่อ ท่าน... ท่านกล้า ตีท่านแม่...ได้อย่างไร!”
เด็กน้อยที่น่าสงสารพบเจอกับเหตุการณ์นี้เป็หนแรก ถึงกับใจนทำอะไรไม่ถูก!
ปีที่แล้วหลิวต้าฟู่ก็ตบหลิวฉีซื่อ แต่ก็เพียงเสแสร้งทำไปอย่างนั้น แต่ใครจะคาดคิดว่า หนนี้หลิวต้าฟู่ลงมือเด็ดขาด คราวนี้เขาโหดกับหลิวฉีซื่ออย่างแท้จริง
เมื่อมองไปที่ใบหน้าบวมแดงของหลิวฉีซื่อ หลิวเต้าเซียงสูดหายใจลึก มองดูรอยนิ้วมือทั้งห้าแล้ว นางรู้สึกเจ็บแทน
ขณะนี้หลิวฉีซื่อโมโหจนปอดแทบะเิ นางยกมือขึ้นััใบหน้า ส่วนอีกข้างชี้ไปทางหลิวต้าฟู่ “เ้า เ้า…เ้ากล้าตบข้าหรือ เ้าลืมไปแล้วหรือว่าพี่ชายข้าคือใคร?”
พี่ชายของนางเป็หัวหน้าพ่อบ้านของจวนตระกูลหวงเชียว
-----
