ณ วัดร้างชานเมืองแห่งหนึ่ง สายลมเย็นะเืโชยพัดผ่าน
“กงอี่โม่ เ้าคิดว่าเ้าจะหนีไปไหนได้อีก?”
น้ำเสียงทุ้มต่ำเ็าของบุรุษผู้หนึ่งดังลอยมาอย่างช้าๆ น้ำเสียงราวกับมีเม็ดทรายหยาบเสียดสี ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกอึดอัดเป็พิเศษ ทว่าท่าทางกลับสงบนิ่งไม่เร่งร้อน
ลมหนาวโชยผ่าน พัดกระแทกหน้าต่างไม้ในวัดร้างจนเกิดเสียงกระทบเป็ระยะ เงาสีดำประกายเงินย่างก้าวเข้ามาอย่างมั่นคง ชายชุดพลิ้วไหว ้าเป็ภาพปักัเจียวหลงแยกเขี้ยวกางกรงเล็บด้วยไหมสีแดงเข้มตัดขอบสีทอง ราวกับภาพมีชีวิตขณะเคลื่อนไหว
แม้จะเพียงแค่ส่วนเดียวแต่กลับมองเห็นเป็ภาพทั้งหมด ความงดงามเช่นนี้ช่างแปลกแยกจากวัดร้างทรุดโทรมแห่งนี้อย่างสิ้นเชิง
ด้านหลังมีกลุ่มคนสวมชุดเกราะอ่อนสีขาวประกายเงินตามเข้ามา พวกเขาคือหน่วยองครักษ์เยว่หลงที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็อย่างดี มีคนยกเก้าอี้ราชครูตัวหนึ่งวางในวัดอย่างเงียบเชียบ เมื่อบุรุษผู้สง่างามนั้นนั่งลง พวกเขาจึงเริ่มปิดวัดร้างแห่งนี้ทุกทิศทาง ทุกการกระทำไร้สรรพเสียง สะท้อนถึงการไล่ล่า ที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจหลบหนี!
เหล่าทหารผู้ภักดี! เซ่อเจิ้งอ๋อง* ผู้แสนดี!
เสียงไอดังขึ้นเบาๆ สตรีนางหนึ่งคลี่ยิ้มจางๆ นางาเ็สาหัส ลมหายใจติดขัด
สภาพของนางช่างน่าเวทนา หรืออาจกล่าวได้ว่าไม่ว่าใครที่มายืน ณ จุดนี้ต้องมิอาจฝืนมอง เนื่องจากหมดสิ้นหนทางอื่น นางจึงเอ่ยปากให้ผู้ที่พานางหลบหนีมาที่นี่กลับไปก่อน ส่วนนางนั่งอยู่บนพื้นในวัดร้างอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย เพื่อรอการมาถึงของเขา
วิทยายุทธของนางถูกทำลาย ถูกทรมานหักแขนหักขา อยู่ในคุกของเซ่อเจิ้งอ๋องเป็เวลาครึ่งเดือน ต่อมา นางดิ้นรนสุดกำลัง ทั้งติดต่อผู้คนและใช้เงินทองมากมาย สุดท้ายจึงหลบหนีออกมาได้อย่างยากลำบาก แต่คาดไม่ถึงว่ากลับถูกเขาตามไล่ล่าจนเจอ ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้ นางก็ยังคงยิ้มออก ทำให้บุรุษผู้แสนเ็า ซึ่งนั่งอยู่เบื้องหน้าต้องมองมาอย่างไม่อยากเชื่อ
“กงเจวี๋ย หากว่ากันตามจริงแล้ว เ้าควรเรียกข้าว่าเสด็จพี่”
เสียงของนางแหบเครือยิ่งนัก ขณะที่เงยหน้าขึ้น ภายใต้ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาเป็ประกายราวกับดวงดาราคู่นั้นกลับแฝงไปด้วยความเย็นเฉียบและเย้ยหยัน กงเจวี๋ยส่งยิ้มอย่างเ็า ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความประชดประชัน เขาเชิดหน้ามองนางจากมุมสูง เกิดเป็ความสง่างาม ดุดันและเมินเฉย
“เสด็จพี่? ข้ารู้เพียงว่า หากนาง้าให้เ้าตาย เ้าก็จำเป็ต้องตาย”
นางเป็แค่เสด็จพี่ที่ไม่มีสายเืเดียวกันเท่านั้น และต่อให้เป็ฮ่องเต้ เขาก็จะสังหารอย่างไม่ลังเล!
คาดไม่ถึงว่าคำพูดของเขากลับทำให้กงอี่โม่หัวเราะจนหายใจไม่ทัน นางสำลักไปพลาง หายใจไปพลาง ั์ตาสะท้อนประกายขยะแขยง
“ดังนั้น หากนาง้าบุรุษอื่น เ้าก็จะส่งนางไปถึงเตียงของบุรุษผู้นั้นอย่างนั้นหรือ?”
คำพูดของนางทำให้กงเจวี๋ยมองด้วยประกายเย็นเฉียบ ราวกับมีความเย็นแผ่กระจายปกคลุม ทำให้ผู้อื่นที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่างไม่กล้าหายใจแรง กงอี่โม่เห็นเพียงกงเจวี๋ยสะบัดมืออย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นนางก็ถูกพลังเข้าจู่โจมอย่างฉับพลัน จนร่างของนางกระเด็นไปอีกทางพร้อมกับกระอักเืออกมากองโต
“ไม่เจียมตัว”
ตอนนี้ กงอี่โม่ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ขอเพียงแค่เขาสะบัดมือเพียงเล็กน้อยก็สามารถดับชีวิตนางได้อย่างง่ายดาย
เจ็บ เจ็บไปทั้งร่าง! กงอี่โม่ทราบเป็อย่างดี นางาเ็สาหัสเช่นนี้ ถึงแม้กงเจวี๋ยไม่ตามมา นางก็ไม่มีทางรอดชีวิต
เพียงแต่ นางเจ็บใจ นางยอมไม่ได้จริงๆ
นางเช็ดโลหิตตรงมุมปาก กล่าวอย่างโกรธแค้น
“ทำไม? ข้าพูดผิดตรงไหน? บางครั้งข้าก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเ้าชอบนางจริงๆ หรือเปล่า? ข้ารู้เพียงแค่ว่า ข้าชอบกงเช่อ และข้าไม่มีทางยอมให้เขามีสตรีอื่น!”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ นางก็หดตัวลงอย่างไร้เรี่ยวแรงโดยไม่จำเป็ต้องรอให้กงเจวี๋ยะเิพลังสังหาร ราวกับว่าพลังชีวิตของนางหดหายไปเพียงแค่เอ่ยถึงบุรุษผู้นั้น
นางฝืนหัวเราะเล็กน้อยและเงียบลงอย่างกะทันหัน แต่กลับเกิดเป็เสียงสะท้อนในวัดร้างแห่งนี้ ทำให้บรรยากาศดูวังเวงเป็พิเศษ
เมื่อผ่านไปชั่วครู่นางจึงรำพึงกับตนเอง “บางที นี่จึงเป็สาเหตุที่ทำให้ข้าต้องมีจุดจบเช่นนี้ ส่วนเ้ากลับยังคงมีชีวิตสุขสบาย แต่ก่อนข้าเคยได้ยินคนกล่าวไว้ว่า ความรักขั้นสุดยอดก็คือการยอมให้อีกฝ่ายสมปรารถนา”
ทว่าขณะที่เอ่ยคำว่าสมปรารถนานี้ นางกลับรู้สึกขยะแขยงยิ่งกว่าเดิม!
นางมีวรยุทธ์สูงส่ง เดิมทีควรมีชีวิตสุขสบาย ทว่าเพื่อบุรุษผู้นั้น นางเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนสกุลเพื่อแต่งงานกับเขา! เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนเขาแล้ว นางต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ขัดต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของนาง แล้วยังต้องนำเทคโนโลยีมากมายที่ไม่ได้อยู่ในยุคสมัยนี้ออกมาใช้ เกิดเป็โศกนาฏกรรมนองเืนับไม่ถ้วน จนกลายเป็สภาพน่าอเนจอนาถ!
นางช่วยอีกฝ่ายสังหารผู้คน บุกฝ่าอันตราย ยอมทำสิ่งเหล่านี้ด้วยความเต็มใจ! แต่คาดไม่ถึงว่าเมื่ออีกฝ่ายบรรลุเป้าหมายแล้วกลับผลักไสนางให้พ้นทาง แล้วยังกล่าวว่า... นางเสนอหน้าทำสิ่งเหล่านี้ด้วยตนเอง กล่าวว่านางเป็อสรพิษ ทำแต่เื่ชั่วร้ายเลวทราม ที่ผ่านมาผู้ที่เขารักมาตลอดคือสตรีแสนดีอีกนางหนึ่ง!
น่าขัน ช่างน่าขันยิ่งนัก นางกลายเป็คนเช่นนี้เพื่อใครกัน? นางไม่เคยคิดสังหารใคร นางก็เคยเป็สตรีแสนดีคนหนึ่งเช่นกัน!
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังจำได้ว่าตอนที่กงเช่อกอดสตรีนางนั้น เขาใช้น้ำเสียงอ่อนโยนกล่าวกับอีกฝ่าย
“หลันเอ๋อร์ช่วยข้ามามากมาย ทั้งยังอ่อนโยนจิตใจดี เป็สตรีที่ข้ารักที่สุด! ก่อนหน้านี้เ้าวางแผนทำร้ายหลันเอ๋อร์นับไม่ถ้วน แล้วยังทำให้นางต้องเสียบุตรไป หากเ้ารู้ตัว ขอให้ถอดตำแหน่งตัวเอง แล้วข้าจะไม่เอาความกับเ้า และมอบตำแหน่งกุ้ยเฟยให้”
ฮ่องเต้ทรงอานุภาพ! ฮองเฮาถูกปลดออก แล้วยังได้รับพระราชทานตำแหน่งพระชายากุ้ยเฟย
แต่น่าเสียดาย เขาประเมินกงอี่โม่ผิดไป และประเมินซูเมี่ยวหลันสตรีอ่อนโยนแสนดีผู้นั้นผิดไป เมื่อได้ยินว่าหลังจากใส่ร้ายป้ายสีกงอี่โม่มากมายขนาดนี้ กงเช่อยังคงพระราชทานตำแหน่งกุ้ยเฟยให้เช่นนี้ ซูเมี่ยวหลันจึงเกิดความคิด้าสังหารอีกฝ่ายทิ้ง!
ดังนั้น เมื่อลอบวางแผนจนกงอี่โม่ถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นแล้ว นางจึงบอกให้ผู้มีอำนาจและฝีมือยอดเยี่ยม อีกทั้งยังหลงใหลนางไม่เสื่อมคลายอย่างกงเจวี๋ยมาสังหารนาง! ทว่าห้ามสังหารนางให้ตายในทันที แต่ต้องทำให้นางทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสแล้วปล่อยให้สิ้นใจ!
ช่างเป็สตรีอ่อนโยนจิตใจดีเสียจริง!
กงอี่โม่มองมือของตนอย่างอดไม่ได้ นิ้วมือของนางถูกลงโทษอย่างหนักจนหักครบทุกนิ้ว ส่วนเท้าที่ห่อหุ้มด้วยรองเท้าฟางปรากฏอยู่เพียงแค่ครึ่งเดียว แม้กระทั่งนิ้วเท้าก็มีโลหิตสีดำเข้มซึมออกมาเพราะถูกหักจนไม่เหลือดี
บนร่างของนางนั้นนอกจากมีรอยแส้ รอยนาบด้วยของร้อนแล้ว นางยังถูกลงโทษปะาชีวิตด้วยวิธีหลิงฉือ** ถูกเฉือนถึงหนึ่งร้อยแปดมีด! แทบไม่เหลือลมหายใจอีกแล้ว แต่นางดิ้นรนด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย เพราะนางไม่้าตายอยู่ในมือของกงเจวี๋ย!
นางไม่้าให้ใครเจอตัวนาง นาง้าให้ซูเมี่ยวหลันนอนไม่หลับ! แต่น่าเสียดาย นางจะต่อกรกับผู้ที่ได้ฉายาว่าฮ่องเต้ในเงามืดอย่างเซ่อเจิ้งอ๋องได้อย่างไร?
“พูดพอหรือยัง? หากพูดพอแล้ว เ้าก็ไปตายเสียเถอะ”
กงเจวี๋ยส่งยิ้มที่แฝงไปด้วยความเ็า มืออันงดงามสะบัดขึ้น กระบี่ด้านหลังหลุดออกจากฝักพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว เพื่อตัดสินความเป็ความตายของนาง
เมื่อเห็นว่าไม่มีหนทางหลบหนีอีกต่อไป กงอี่โม่ฝืนยิ้มออกมาและมองภาพดอกบัวซึ่งอยู่บนนิ้วมือของนางอย่างไม่รู้ตัว นางแค้นใจ นางทะลุมิติมาที่นี่ มีช่องว่างมิติเวลา ทว่าช่องว่างนี้กลับไม่สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตใดๆ ได้แม้แต่ชิ้นเดียว มิฉะนั้น นางคงไม่มีทางตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
นางเคยคิดว่า ผู้ที่ได้ช่องว่างมิติเวลาและมีวรยุทธ์เช่นนางจะต้องเป็สตรีทรงเกียรติเป็ที่โปรดปราน แต่คาดไม่ถึงว่าผู้ที่ได้บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดทั้งสองคนในเวลานี้กลับเป็ซูเมี่ยวหลัน
น่าเสียดาย นางทำทุกอย่างมากมายขนาดนี้ แต่กลับเป็การช่วยเหลือคนอื่นเท่านั้น สุดท้ายนางต้องตายด้วยสภาพน่าอนาถ นางยอมไม่ได้จริงๆ
จนกระทั่งกระบี่แทงทะลุลำคอของกงอี่โม่ มุมปากของกงเจวี๋ยจึงมีรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้น
เช่นนี้ หลันเอ๋อร์ก็คงดีใจแล้วใช่ไหม?
โลหิตไหลทะลักออกมา
่เวลาสุดท้าย ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของกงอี่โม่คือท่านั่งอย่างมีเมตตาของพระโพธิสัตว์แต่กลับส่งยิ้มให้นางอย่างสังเวช
หากชาติภพหน้ามีจริง นางจะไม่รักใครอีกแล้ว
* เซ่อเจิ้งอ๋อง (摄政王) คือ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
** หลิงฉือ (凌迟) เป็วิธีการปะาชีวิตที่โเี้ที่สุด เป็การค่อยๆ เฉือนเนื้อทีละส่วนจนกระทั่งนักโทษตายเพราะความเ็ปทรมาน