สำนักจินิถูกจัดให้เป็สำนักใฝ่คุณธรรมอันดับหนึ่ง ในแต่ละครั้งที่เปิดรับสมัครลูกศิษย์ใหม่ ต่างมีคนอยากเข้าเป็ส่วนหนึ่งของสำนักจินิไม่ต่ำกว่าพันคน ทว่าทางสำนักจินิกลับเปิดรับแค่เพียงยี่สิบคนเท่านั้น ทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการแข่งขันกันขึ้น
แต่ละคนจึงล้วนงัดความสามารถที่มีออกมา เพื่อนำพาให้ตนได้เป็ส่วนหนึ่งของสำนักจินิ เพราะถ้าพลาดโอกาสครั้งนี้ไปแล้ว กว่าสำนักจินิจะเปิดรับลูกศิษย์ใหม่อีกครั้งก็อีกสามปีข้างหน้า การแข่งขันเพื่อคว้าชัยชนะจึงยิ่งพุ่งทะยานขึ้นสูงจนน่ากลัว
เจียงซีซวนได้ยินเื่เล่าบวกกับเหตุการณ์ตรงหน้า ทำให้นางต้องยืนมองด้วยความประหลาดใจ บุรุษสตรีในลานกว้างกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ชนิดที่ว่าถ้าใครแพ้อาจหมายถึงชีวิตก็เป็ได้ นางไม่คิดว่าการแข่งขันเพื่อเข้าเป็ลูกศิษย์ในสำนักจะยากถึงเพียงนี้
"ศิษย์น้องเจียง เหตุใดถึงทำสีหน้าเช่นนั้นเล่า"
"ศิษย์พี่ไช่ ตอนปีที่ศิษย์พี่เข้ามา มีคัดเลือกการต่อสู้กันรุนแรงแบบนี้ไหมเ้าคะ" นิ้วเรียวชี้ให้เห็นถึงการต่อสู้ตรงหน้า ที่เริ่มมีคนเืตกยางออกจนต้องรีบหามลงมารักษากันแล้ว
"แน่นอน ครั้งนี้ยังถือว่าน้อยไป ปีของข้ามีคนพลาดถึงขั้นเสียชีวิต หลังจากนั้นถึงมีกฎห้ามใช้อาวุธ ให้ใช้ได้เพียงกำลังเท่านั้น เพื่อลดความรุนแรงลง"
สิ่งที่ได้ยินยิ่งทำให้ซีซวนมึนงงเข้าไปอีก ดูเหมือนว่าทุกปีที่มีการคัดเลือกรับลูกศิษย์ใหม่ จะเต็มไปด้วยผู้คนมากความสามารถในแต่ละแขนง และยังมีการต่อสู้แข่งขันกันอย่างดุเดือดดั่งที่นางเห็นตรงหน้า
แล้วเหตุใดกัน คนอย่างนางที่ไม่ว่าเื่ใดก็ล้วนไร้ความสามารถ ถึงผ่านเข้ามาเป็ลูกศิษย์สำนักจินิได้อย่างง่ายดายเล่า
และเพราะเข้ามาได้ง่าย ๆ นางจึงไม่เคยได้ยินว่ามีการคัดเลือกแบบนี้มาก่อน
ตอนนั้นนางแค่ได้รับจดหมายเชิญให้เข้าเป็ลูกศิษย์ของสำนักจินิ บิดามารดาเห็นว่าดี และคนที่ถือจดหมายเชิญมาก็เป็บุคคลที่น่าเชื่อถือ ทั้งยังไว้วางใจได้ พวกท่านทั้งสองจึงส่งเสริม สุดท้ายนางเลยได้มายืนอยู่ตรงนี้
แล้วการคัดเลือกตรงหน้านี่มันอันใดกัน
"ศิษย์น้องเจียง มายืนทำอะไรตรงนี้ เมื่อครู่ข้าได้ยินศิษย์พี่ลู่เรียกหาเ้าอยู่ ไม่รีบไป ประเดี๋ยวก็ถูกดุอีก"
แค่ได้ยินว่าศิษย์พี่ลู่เรียกหา สองเท้าคู่เล็กของร่างบางก็รีบออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต จนศิษย์พี่สองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังได้แต่หัวเราะขบขัน เพราะเป็ภาพคุ้นตาที่เห็นเป็ประจำ ยามที่ศิษย์น้องหญิงรู้ว่าศิษย์พี่ร่วมอาจารย์ผู้นั้นเรียกหา
แต่การมีศิษย์น้องเจียงเข้ามา ทำให้ทุกคนในสำนักจินิค้นพบว่า ศิษย์พี่ลู่ที่มักสงบเยือกเย็น บนใบหน้าหล่อเหลาที่นิ่งเฉยจนดูคล้ายเป็คนไม่สนใจโลก ยังสามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้หลากหลายเหมือนกัน
จนทุกคนต่างลงความเห็นกันว่า หากอยากได้รอยยิ้มอ่อนโยนจากศิษย์พี่ลู่ สิ่งเดียวที่ต้องทำคือหยิบพกศิษย์น้องเจียงไปด้วยทุกครั้ง
หญิงสาวรีบจนลืมแม้กระทั่งว่าตนเองใช้วิชาตัวเบาได้ เมื่อมาถึงหน้าเรือนไม้ที่เงียบสงบ จึงมีแต่เสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของนางดังก้องให้ได้ยิน
มือเรียวยกเช็ดกรอบใบหน้าที่เปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ ทั้งที่ตอนนี้บรรยากาศรอบด้านเริ่มมีหิมะขาวปกคลุม แต่นางกลับยังรู้สึกร้อนอบอ้าว กระทั่งแผ่นหลังบางยังรู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นไหลเปียก
"ศิษย์น้องเล็กไปที่ใดมา ศิษย์พี่ใหญ่เรียกหาตั้งนานแล้ว"
ซีซวนอยากจะตอบกลับศิษย์พี่ร่วมอาจารย์ แต่ติดตรงที่นางยังเหนื่อยหอบเกินกว่าจะเปล่งเสียงเป็คำออกมาได้ มือเรียวจึงทำได้แต่โบกไปมา บวกกับชี้ไปทิศทางลานหน้าสำนัก
"ไปดูคัดเลือกศิษย์ใหม่มาหรือ เป็อย่างไร รู้ผลหรือยัง"
"ยะ ยังเ้าค่ะ"
"อย่างนั้นหรือ ปีนี้ก็ยังคัดเลือกกันดุเดือดเหมือนเดิมสินะ"
"ศิษย์พี่ใหญ่อยู่ที่ไหนเ้าคะ" ซีซวนไม่มีเวลาคุยกับอีกฝ่ายมากนักหลังนางปรับลมหายใจได้คงที่ เพราะตอนนี้จิตใจกำลังกระวนกระวาย ไม่รู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่เรียกหานางั้แ่เมื่อใด
แล้วตอนนี้เขากำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ไหนกัน
"เออ จริงด้วย ศิษย์พี่ใหญ่บอกว่าถ้าเ้ากลับมาให้รีบไปหาที่เรือนนอน รีบไปหาเถอะ ข้าไม่ชวนคุยแล้ว" เยว่หว่านรีบชี้ทางให้กับศิษย์น้องคนเล็ก เพราะศิษย์พี่ใหญ่เรียกหาั้แ่ยามซื่อ แต่นี่เข้ายามเว่ยแล้วศิษย์น้องเล็กเพิ่งจะกลับ อารมณ์ศิษย์พี่ใหญ่คงกำลังคุกรุ่นอยู่เป็แน่
คล้อยหลังร่างบางวิ่งหายไปทางเรือนด้านหลัง เยว่หว่านก็รีบจัดการให้ตนเองหายไปด้วยเช่นกัน เพราะนางยังไม่อยากถูกลูกหลงจากความอารมณ์ที่ไม่คงที่ของศิษย์พี่ใหญ่ไปด้วยอีกคน
เรือนรวมว่าเงียบสงบแล้ว เรือนนอนของศิษย์เอกที่ถูกแยกออกมาเป็ส่วนตัวให้ในกรณีพิเศษ ยิ่งเงียบจนดูน่าวังเวงเพิ่มขึ้นอีกเป็เท่าตัว ทำให้ร่างบางที่พยายามก้าวเท้าเดินเบาขนาดไหน ก็ยังได้ยินเสียงฝีเท้าของนางอยู่ดี
"จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม"
ซีซวนอดใเสียงทุ้มต่ำที่ดังออกมาจากข้างในไม่ได้ สมแล้วที่คนเล่าลือกันว่าศิษย์พี่ใหญ่มีหูทิพย์ ขนาดนางยังไม่ได้ส่งเสียงอันใด เขาก็สามารถรับรู้ได้แล้วว่าเป็นาง
หญิงสาวมองสำรวจหาต้นต่อของเสียงทั่วห้อง จนกระทั่งพบกับร่างสูงโปร่งที่ยืนเอามือไพล่หลังหันหน้ามองออกไปทางนอกหน้าต่าง ทำให้นางอดเคลิบเคลิ้มกับรูปลักษ์สง่างามของชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้
ร่างสูงอยู่ในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ แม้จะมองไม่เห็นใบหน้า แต่เส้นผมดำยาวที่ถูกมัดรวมขึ้นสูง ทำให้ซีซวนได้เห็นส้นกรามคมได้รูปชัดเจน
ลำคอขาวระหงที่ไร้ปกเสื้อปิดบัง เผยผิวเนียนละเอียดดุจหิมะที่กำลังล่วงหล่น สองบ่ากว้างดูองอาจสมชายชาตรี แผ่นหลังหนาสง่าผ่าเผยน่าเกรงขาม แต่กลับมี่เอวบางคอดสมส่วนน่าหลงใหล
โดยเฉพาะฝ่ามือเรียวสวยที่จับซ่อนทับเข้าหากัน ไม่ว่าผู้ใดหากถูกจับัั ย่อมต้องยอมศิโรราบแต่โดยดี แค่เพียงมองก็พาลให้ซีซวนคิดไปไกล จนรู้สึกชาวาบหวิวไปทั้งกาย
ั้แ่เกิดมาสิบแปดปี นางยังไม่เคยพบเจอบุรุษใด สมบูรณ์แบบเท่าศิษย์พี่ใหญ่มาก่อน
"มองพอหรือยัง"
ทันทีที่ร่างสูงโปร่งหันกลับมา ทำให้แผ่นหลังเขาถูกแสงตะวันตกกระทบ ดวงหน้าหล่อเหลาดูเปล่งประกาย แม้ริมฝีปากจะไม่ได้คลี่รอยยิ้มอบอุ่น แต่กลับทำให้หญิงสาวรู้สึกลุ่มหลงเคลิ้มฝัน กระทั่งเขาเดินเข้ามาใกล้ นางถึงได้ฟื้นสติคืนกลับมา
"ศะ ศิษย์พี่เรียกหาซวนเอ๋อร์หรือเ้าคะ"
"เ้าหายไปไหนมา เมื่อเช้าข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าห้ามไปไหน ตื่นมาต้องได้เห็นหน้าเ้า"
ซีซวนจำประโยคที่เขาพูดได้ดี แต่ปรกติเวลาตื่นของชายหนุ่มมักเป็ปลายยามซื่อ นางจึงฉวยโอกาสที่เขายังไม่ตื่น ไปดูการคัดเลือกลูกศิษย์ใหม่ของสำนัก ที่นางเพิ่งจะเคยได้เห็นเป็ครั้งแรก
แต่ไม่คิดว่าการคัดเลือกจะน่าสนใจจนเผลอลืมเวลา ทั้งเขายังตื่นเร็วกว่าปรกติ ทำให้ประจวบเหมาะจนกลายเป็นางหายไปนานเสียได้
"ไปอาบน้ำ ได้เวลาฝึกบำเพียรคู่แล้ว"
“.....”
***************************************
ยามซื่อ (巳:sì) เริ่มนับั้แ่เวลา 09.00 – 11.00 น.
ยามเว่ย (未:wèi) เริ่มนับั้แ่เวลา 13.00 – 15.00 น.
*************************
สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่า
นิยาย "ศิษย์พี่ที่รัก วิชานี้ช่างเหนื่อยยิ่งนัก" มี e-book แล้วนะคะ
ในเล่มจะมีทั้งหมด 28 ตอนจบ กับอีก 3 ตอนพิเศษค่ะ
1 ตอนพิเศษเป็ของคู่หลัก ศิษย์พี่ใหญ่กับซวนซวน ส่วนอีก 2 ตอนเป็ของ ศิษย์พี่คนงามจินเหมยฮัวกับศิษย์น้องเล็กซ่งเป่ยหยวนค่ะ
ฝากกดเข้าชั้นรัว ๆ ด้วยนะคะ มีราคาโปรโมชั่นอยู่ด้วยน้า
ส่วนในแอพยังเปิดให้อ่านฟรีถึงตอนจบเหมือนเดิมค่า
สามารถเสิร์จจากชื่อนิยาย "ศิษย์พี่ที่รัก วิชานี้ช่างเหนื่อยยิ่งนัก" หรือชื่อนักเขียน Hawthorn ได้เลยค่ะ
มีทั้งในระบบ Meb , ปิ่นโตบุ๊ค , ห้องสมุด สามารถเลือกช่องทางที่สะดวกในการซื้ออ่านได้เลยนะคะ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับนักอ่านที่คอยสนับสนุนนักเขียนตัวอ้วนกลมคนนี้ตลอดมานะคะ
เลิฟ เลิฟ ><
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้