คลื่นลมสงบลง
เหล่าศิษย์ชั่วคราวที่ลากลับไปตอนแรกนั้น มีบางคนแอบมองสถานการณ์อยู่จากภายนอก เมื่อเห็นแล้วก็รู้สึกเสียดายจนอยากตาย พวกเขาสำเหนียกแล้วว่าตนปล่อยโอกาสทองหลุดลอยไปลับตา แม้เ่ิูจะเอ่ยก่อนหน้านี้ว่ายินดีต้อนรับพวกเขามาเรียนวิทยายุทธ์เสมอ ทว่าเทียบกับหลิงเทียนและอีกสองคนที่อยู่สนับสนุนในยามคับขันไม่หนีไปไหนแล้ว พวกเขาย่อมไม่มีทางได้ความไว้เนื้อเชื่อใจจากเ่ิูอย่างเต็มพิกัดอย่างแน่นอน
และคนที่มิใช่ลูกศิษย์ของทิงเทาซวนนั้นก็นึกอยากเรียนขึ้นมาชนิดรอไม่ไหว
นอกจากทิงเทาซวนแล้ว ทั้งเขตเหนือจะมีโรงศิลปะยุทธ์ใดที่มีเ้านายนั่งร่ำสุราพิงบันได แต่ไล่ทหารกรมสอดแนมกลับได้ในประโยคเดียวกันเล่า?
นี่คงเป็สัญลักษณ์ของภูมิหลังแห่งพลังที่แท้จริง เข้าทิงเทาซวนเท่ากับได้พึ่งพิงภูผาใหญ่ หลังจากนี้ขอเพียงบอกคนอื่นว่าเป็ศิษย์ทิงเทาซวน น่ากลัวว่าจะเดินกวาดเรียบทั้งถนนเขตเหนือได้ ไม่ต้องกลัวว่าพวกกลุ่มอิทธิพลเล็กๆ ในเมืองจะกล้ามาระรานพวกเขา
อาจคิดได้ว่า เื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ย่อมจะแพร่ออกไปอย่างบ้าคลั่ง และเชื่อได้เลยว่าทิงเทาซวนจะไม่มีทางซบเซาอีกเลย
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เหมือนว่าบัตรทองของธุรกิจโรงศิลปะยุทธ์เช่นนี้ จะเป็พลังและภูมิหลังนั่นเอง
และสองสิ่งนี้เ่ิูก็ได้แสดงในสถานการณ์ฉุกละหุกจนเห็นกันทั่ว
“วันนี้ปิดโรงเสีย ให้คนมาซ่อมประตูใหญ่ พรุ่งนี้ค่อยเปิดโรงตามปกติ” เ่ิูสั่งการถังซาน
ถังซานตั้งสติแล้วเดินมาถึงหน้าประตูใหญ่ ประสานมือคารวะคนทุกคนที่ยืนล้อมรอบ เขาะโเสียงดัง “เพื่อนบ้านที่เคารพ สหายผู้ร่วมทางเดียวกันทุกท่าน วันนี้ทิงเทาซวนปิดทำการแล้ว ไม่ต้อนรับใครอีก ทุกท่านแยกย้ายกันเถิด จากพรุ่งนี้เป็ต้นไป ทิงเทาซวนจะเปิดโรงอย่างเป็ทางการ คนที่อยากมาขอเป็ศิษย์ให้มาพรุ่งนี้ตอนสาย...แยกย้าย ทุกคนแยกย้าย”
หมู่ชนค่อยๆ แยกกันไป
เ่ิูเมียงมองไหเหล้าในอก เหลือเหล้าอยู่ไม่กี่หยดเท่านั้น ถึงต้องกอดขึ้นมาดื่มจนเกลี้ยง หลี่ฉือเจินที่นั่งข้างๆ เงียบงันมานานกระแอม เขาว่า “เ้าหนุ่ม ดื่มเหล้าแบบนี้ไม่สู้จะดีต่อร่างกายเท่าไรนะ”
เ่ิูยิ้ม “ชะล้างความเศร้าด้วยเหล้าปะไร”
“เ้ามีอะไรน่าเศร้าหรือ?” หลี่ฉือเจินลูบเครายาวสีเงิน เคาะขาตัวเองแล้วเอ่ยพลางยิ้ม “อายุยังน้อย พร์เลิศเลอทุกอย่าง คนเยาว์ต้องมีปณิธาน ไม่กินดื่มเพื่อล้างเศร้า เพื่อวันข้างหน้าจะได้ไร้ขีดจำกัด ไม่รู้มีคนหนุ่มสาวกี่คนที่อิจฉา ไม่รู้ว่าคนชราแก่หงำเหงือกเช่นข้ากี่คนที่อิจฉาหนุ่มสาวเช่นพวกเ้า”
เ่ิูะเิหัวเราะ “ก็ได้ ในเมื่อท่านผู้าุโเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็ไม่ควรหดหู่แล้วสินะ”
หลี่ฉือเจินเองก็หัวเราะบ้าง “แน่นอนว่าไม่ควร”
เ่ิูพยักหน้ารับ หันไปเอ่ยกับถังซานข้างๆ ราวกับไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว “กลับไปใช้คนไปซื้อเหล้าขนานนี้มาเสีย รสชาติดียิ่ง ข้าคิดดีแล้วว่าหลังจากนี้ ถ้ามีใครก็ตามมาทำความลำบากให้ข้า ข้าจะดื่มมันให้เมาแล้วเก็บเสีย ฮ่าๆ กลับกันถ้าตอนนั้นข้าเมาจนไม่รู้เื่ เกิดบ้าคลั่งขึ้นมาได้มีข้ออ้าง”
หลี่ฉือเจินกับถังซานหมดคำจะพูด
“คุณชาย เื่นี้ให้พวกเราพี่น้องทั้งสามไปเองเถอะขอรับ” หลิงเทียนยืนขึ้นอย่างอดไม่ได้ เสนอตัวอย่างองอาจ
ชายหนุ่มอีกคนก็พยักหน้าติดๆ กัน “ขอรับ คุณชาย ให้พวกข้าทำอะไรบ้างเถอะขอรับ อีกทั้งพ่อข้าก็เป็ช่างเครื่องแต่งบ้านใกล้ๆ แถบนี้ด้วย ให้พ่อข้ามาสร้างประตูใหญ่ทองวิบวับให้พวกเราทิงเทาซวนอย่างไร้ค่าใช้จ่ายดีกว่าขอรับ”
เ่ิูอดหัวเราะไม่ได้ “ทองวิบวับก็พอแล้ว เห็นจากก่อนหน้านี้แล้วสร้างอีกสักบานคงดี อุปกรณ์กับค่าฝีมือให้ผู้จัดการถังจ่ายเอาก็พอ...” เอ่ยถึงตอนนี้เ่ิูก็มองถังซานที่ทำหน้าตื่นเต้น เขายิ้ม “ข้าขอบใจมากที่พวกเ้ายังอยู่ หากพวกเ้าเต็มใจ ทิงเทาซวนนี้ก็เป็บ้านหลังที่สองของพวกเ้าแล้ว ต่อจากนี้หากมีเื่อันใดก็ตามแต่ ให้มาหาผู้จัดการถังซานได้ แต่ห้ามนำชื่อทิงเทาซวนไปแอบอ้างหรือหลอกลวงใครเป็อันขาด”
เ่ิูเอ่ยตรงไปตรงมาและชัดเจนยิ่ง
เขารู้ดีว่านี่คือสิ่งที่คนหนุ่มสามคนนี้อยากได้ยินที่สุด ดังนั้นจึงไม่อ้อมค้อมอะไร
กล้าทำใจเพชรยืนหยัดอยู่ที่นี่ในสภาพการณ์เช่นนี้ได้ เ่ิูเองก็ชื่นชมสามคนนี้มาก โดยเฉพาะหลิงเทียน ดูเข้มแข็ง เป็กล้าอ่อนที่ดี
“ขอบพระคุณคุณชาย!”
“พวกข้าจะไม่มีวันทำให้คุณชายเสียหน้าแน่ขอรับ”
สามคนเมื่อได้ยินคำเ่ิูก็แทบจะโดดเป็นกยูง พวกเขารีบทุบอกยืนยันอย่างรีบลน
เมื่อทั้งสามจากไป เ่ิูก็กวักมือเรียกถังซานแล้วสั่ง “กฎระเบียบทุกข้อของทิงเทาซวนให้ยึดตามก่อนหน้านี้ ค่าเรียนห้ามปรับเพิ่ม เ้ารีบไปหาอาจารย์สอนวิทยายุทธ์มาโดยเร็ว ลำพังอาจารย์โจวคนเดียวคงหัวหมุนแน่ ศิษย์ชั่วคราวที่ออกไปวันนี้ให้กลับมาได้ แต่พวกอาจารย์ที่เนี่ยอิ่นพาไป หากกลับมาอีกก็อย่ารับไว้”
ถังซานพยักหน้าเป็เชิงว่าจดจำไว้แล้ว
ตอนที่กำลังพูดกันอยู่นั้นเอง เสียวฉ่าวกับอาจารย์แซ่โจวคนนั้นก็กลับมาจากซื้อของแล้ว ระหว่างทางกลับได้ยินแต่เื่ที่เกิดขึ้นที่นี่ เสียวฉ่าวเห็นเ่ิูเข้าก็วิ่งรี่เข้าหาอ้อมอกเ่ิู ทั้งเรียกและะโด้วยอารมณ์
อาจารย์โจวเป็อาจารย์สอนวิทยายุทธ์อายุห้าสิบกว่าๆ นามว่าโจวปั่ง เท้าซ้ายพิการ เดินกะโผลกกะเผลกเข้ามา พลังน่าจะสักประมาณอาณาพิภพขั้นสี่ ท่าทีซื่อตรงไร้เล่ห์เหลี่ยม ถังซานได้แนะนำไปก่อนหน้านี้แล้ว ว่าโจวปั่งเคยเป็ผู้คุ้มกันของหน่วยคุ้มกันของตระกูลหนึ่ง จากนั้นก็ได้เจอพวกปล้นม้าระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ตอนกำลังต่อสู้เกิดได้แผลมาที่ตาตุ่ม กลายเป็สาเหตุของโรคเรื้อรัง พลังลดฮวบฮาบ จึงจำใจต้องออกจากหน่วยคุ้มกัน มาได้งานที่ทิงเทาซวนประมาณสามปีกว่า มิใช่คนสนิทของเนี่ยอิ่น ไม่เคยถูกไหว้วานหนักๆ ดังนั้นจึงไม่ได้ติดตามเนี่ยอิ่นไป
เ่ิูยิ้มพลางทักทายโจวปั่ง ขอบคุณที่ไม่หนีหายไปไหนตอนวิกฤติ
ท่าทางเช่นนั้นทำให้โจวปั่งซึ่งเคยเก้อตื้นตันนัก หน้าถึงได้สั่น อาจารย์วิทยายุทธ์วัยกลางคนผู้นี้ช่างซื่อและเป็ธรรมชาตินัก
เ่ิูเดินสำรวจไปทั่ว
เทียบกับสี่ปีก่อนหน้าแล้ว ทิงเทาซวนไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก สิ่งของมากมายยังคงวางไว้ที่เดิมเช่นตอนพ่อแม่ยังคงอยู่ หลังเนี่ยอิ่นฮุบทิงเทาซวนไป ก็มิได้ลงทุนลงแรงอะไรมากมาย เป็เพราะเขาไม่นึกว่าโรงศิลปะยุทธ์นี้จะมีทางก้าวหน้าอะไรมากมายนั่นเอง ถึงได้เหมือนผีดูดเืสูบโลหิตของโรงศิลปะยุทธ์ รอจนวันที่ธุรกิจยากจะดำเนินไปต่อ ถึงจะคิดขายที่ดินผืนนี้เอาเงินเข้ากระเป๋าแล้วชิ่งหนี
นับั้แ่เดินออกมาจากโถงของทิงเทาซวน หลี่ฉือเจินก็มิได้ไปไหน
เด็กหญิงนามว่าจั้วชิงชิง ในที่สุดก็วางกล่องยาหนักๆ นั่นลงเสียที นางนั่งคุยกลั้วหัวเราะกับเสียวฉ่าวอยู่บนบันได เพราะอายุไม่ต่างกันมากถึงได้ชวนกันเล่นนู่นนี่ได้ เข้ากันได้ดีเป็ปี่เป็ขลุ่ย
เ่ิูใจเต้น เขานึกอะไรออกอีกอย่าง เด็กหนุ่มเดินไปนั่งอยู่ข้างแพทย์ชราแล้วถาม “ท่านหมอหลี่ ท่านสนใจจะมาเป็หมอที่ทิงเทาซวนไหม?”
หลี่ฉือเจินเหลือบมองเขา
เ่ิูเสริม “ศิษย์ที่นี่มีโอกาสได้แผลตอนฝึกยุทธ์ง่ายมาก ศิษย์บางพวกไม่ค่อยมีสมาธิ คิดไปเองว่าไม่จำเป็ต้องเคร่งเครียด จะเป็อาการเรื้อรังได้ง่าย ทำร้ายร่างกายเป็ที่ยิ่งนัก หากมีหมอผู้มากประสบการณ์มานั่งตรวจที่นี่ ข้าคิดว่าคงหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนั้นได้มากที่สุดแล้วล่ะ”
หลี่ฉือเจินได้ฟังแล้วก็เผยยิ้ม ดวงตาใต้คิ้วขาวนั้นมีแววเฉียบแหลมดั่งอ่านความคิดเขาได้หมดเปลือก “คุณชายเย่ ต้องเป็เพราะเห็นคนแก่น่าอดสูเช่นข้า อยู่กับหลานสาวตัวเล็กในโลกีย์แห่งนี้ พึ่งพิงต่อสู้กันอย่างยากแค้น ท่านคงสมเพชคนแก่เช่นข้า อยากช่วยข้า ถึงพูดขึ้นมาใช่หรือไม่?”
เ่ิูส่งเสียงเฮยๆ “ในเมื่อท่านคิดเช่นนี้แล้ว ผู้าุโอย่าหาว่าข้าละลาบละล้วงเลยเถอะ อีกอย่าง ข้าเห็นว่าชิงชิงกับเสียวฉ่าวเข้ากันได้ดี ถึงได้คิดเช่นนี้ เสียวฉ่าวเด็กคนนี้ ชีวิตลำบากนัก เสียพ่อไปั้แ่เด็ก ตัวคนเดียวไม่มีเพื่อนเล่น น้อยนักที่ข้าจะเห็นนางเล่นกับใครอย่างสุขใจเพียงนี้ ให้พวกนางได้เรียนวิทยายุทธ์ เล่นชวนหัวกันไป มิใช่เื่ดีต่อพวกนางทั้งคู่หรือท่าน?”
หลี่ฉือเจินพยักหน้าพลางตอบ “เช่นนั้นข้าก็ขอบพระคุณคุณชายเย่ยิ่ง”
เ่ิูยินดีนัก
หลี่ฉือเจินรับปากง่ายกว่าที่เขาคิดไว้นัก
ไม่รู้เพราะเหตุใด เ่ิูถึงได้รู้สึกว่าผู้ชราผมขาวโพลนหน้าแดงผู้นี้มีกลิ่นอายความเรียบง่าย ั์ตาชาญฉลาดสองข้างนั้นราวกับมองโลกได้ทะลุปรุโปร่ง อุปนิสัยดั่งคนจากโลกอันแรมไกล เป็ผู้เฒ่าที่มีเื่ราว
ทั้งสองคนคุยกันอยู่พักหนึ่ง
หัวข้อคุยก็เริ่มเปลี่ยนไปทางยาวิเศษ
เ่ิูค้นพบเื่น่าใว่าหลี่ฉือเจินมีความรู้ที่เคยอ่านผ่านมากว้างมาก โดยเฉพาะเื่การวิจัยเกี่ยวกับยาขนานดี การจำแนก วิธีใช้ สรรพคุณและอื่นๆ หยิบมาผสมกันเรื่อยเปื่อยเหมือนเป็สมบัติของตัวเอง หลายเื่ที่แม้แต่คัมภีร์ลับแห่งหอสมุดของสำนักกวางขาวยังยากจะมองเห็น
ชายชราที่แตกฉานในศาสตร์การแพทย์
เ่ิูประเมินในใจ
ยามนี้ ข้างกายกลับมีเสียงกุกกักๆ ดังมา
เ่ิูหันหน้ามอง อดจะทะมึนไม่ได้ ไม่รู้เมื่อไรที่เ้าหัวโตหมาบื้อโผล่หัวออกมาจากตัวเขา ะโเข้าไหเหล้าข้างกาย ยกเหล้าหอมหวานซดจนหมดเกลี้ยง ตอนนี้กำลังแลบลิ้นเลียก้นไหสั่นๆ ท่าทางเหมือนจะยังไม่เต็มอิ่ม
เวลาล่วงเลยมาถึงยามเย็น
โคมไฟในทิงเทาซวนสว่างขึ้น
ชายหนุ่มก่อนหน้านี้ได้พาบิดาที่เป็ช่างฝีมือชั้นยอดเข้ามา ใช้แรงงานช่างคนหนุ่มหลายคนรีบเร่งทำงาน ประตูใหญ่ของทิงเทาซวนถึงได้ตระหง่านขึ้นอีกหน ยังคงเป็ไม้หลิวดำสนิท เช่นเดียวกันกับของเก่า
เ่ิูให้ถังซานจัดโต๊ะเลี้ยงขอบคุณเหล่าช่าง
หลี่ฉือเจินเองก็อยู่กินข้าวเย็นที่นี่ด้วย
เ้าหัวโตกลายเป็หนึ่งในจุดสนใจของโต๊ะ เหตุก็เพราะ...เ้าตัวนี้กินเยอะจัดน่ะสิ ของอะไรก็ตามที่อยู่ตรงหน้ามัน ล้วนถูกสวาปามจนหมดเกลี้ยงในเวลาไม่ถึงสามอึดใจ หากมิใช่เพราะรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูตัวเล็กน่ารักแล้ว ทุกคนย่อมจะสงสัยว่าเ้าหมาตัวนี้จะกินจุจนเขมือบคนทั้งโต๊ะลงกระเพาะหรือเปล่า!
เ่ิูหมดคำพูดกับหมาตัวนี้จริงๆ
กินเยอะเกิน
กินเท่าไรก็ไม่อิ่ม
าามารเย่มองอาหารที่หายไปไม่หยุด กุมอกซึ่งเจ็บเล็กน้อยไว้ เริ่มครุ่นคิดอย่างจริงจัง ว่าหากเป็เช่นนี้ต่อไป ตนต้องถูกหมาตัวนี้ทำให้จนกรอบเป็แน่ ควรจะหาที่ดีๆ ปล่อยเ้าหมากินจุที่ดูไม่มีพลังยุทธ์ใดนอกจากบ้องแบ๊วทิ้งที่ไหนดี
รอจนพลบค่ำ เ่ิูก็ลาจากทิงเทาซวน
สองวันต่อมา เ่ิูล้วนจมจิตอยู่กับการฝึกที่คฤหาสน์
วันที่สาม
เ่ิูออกจากคฤหาสน์มาเงียบๆ คนเดียว เด็กหนุ่มเดินตรงสู่ทิศใต้
เขาอยากไปเจอหวังเยี่ยน ถามทุกอย่างให้รู้เื่
ถึงเวลาที่นัดกันไว้แล้ว
----------
กลับเข้าสู่่ปกติ หลังไปปรับภาษาให้โอเคขึ้นใน่บทแรกๆที่ยังไม่ค่อยเข้าที่ตามที่บอกไป ต่อจากนี้มาลุยกันต่อดีกว่า ่นี้ผู้แปลฟิตเสียด้วย
ตอนหน้าาามารจะได้เจอโลลิน้อยหรือไม่...มีใครหน้าไหนมารังควานอีกไหม มาลุ้นกัน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้