เยว่เฟิงเกอให้ชิงจื่อขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะปาดเนื้อยาออกมาจากหลอดแล้วค่อยๆ ทาลงไปบนใบหน้าของชิงจื่อ
เนื้อยาเพิ่งััถูกผิวหน้าของชิงจื่อ ความรู้สึกเย็นสบายก็ช่วยหยุดยั้งความปวดแสบปวดร้อนบนหน้านางได้ในทันที
ตอนนี้ผิวหน้านางรู้สึกเย็นสบายเป็อย่างยิ่ง
เยว่เฟิงเกอให้ชิงจื่อแบมือทั้งสองข้างออกมา จากนั้นก็ละเลงยาลงบนมือของอีกฝ่ายต่อ
เมื่อทายาให้ชิงจื่อเสร็จแล้ว เยว่เฟิงเกอถึงได้ส่งสัญญาณบอกให้นางนั่งลงข้างๆ
“พระชายา ให้บ่าวยืนดีกว่าเพคะ” ชิงจื่อไม่กล้านั่งหรอก นางเป็แค่สาวใช้ที่แต่งตามเข้ามา จะมีสิทธิ์ไปนั่งข้างพระชายาได้อย่างไร
เมื่อก่อนพระชายาเองก็ไม่เคยให้นางได้นั่งข้างพระองค์มาก่อน
เยว่เฟิงเกอจับชิงจื่อนั่งลงบนเก้าอี้หินข้างกาย “ให้เ้านั่ง เ้าก็นั่ง วันหน้าข้าให้เ้าทำสิ่งใด เ้าเพียงทำไปตามนั้นเป็พอ อย่าได้มากล่าววาจามากความกับข้า”
เมื่อเห็นว่าเยว่เฟิงเกอคล้ายจะโมโหแล้ว ชิงจื่อก็รีบก้มหน้าลงไป ไม่กล้าพูดอะไรอีก
เยว่เฟิงเกอหยิบหม้อไฟกึ่งสำเร็จรูปถ้วยหนึ่งที่ซื้อมาจากเถาเป่ามาวางไว้บนโต๊ะ “วุ่นวายกันมาทั้งบ่ายแล้ว ยังไม่ได้กินอะไรเลย แถมยังดื่มน้ำในสระเข้าไปเต็มท้อง ตอนนี้ท้องข้าถึงเริ่มหิวแล้ว อีกเดี๋ยวเรามากินสิ่งนี้กัน”
“นี่คืออันใดหรือเพคะ?” ชิงจื่อไม่เคยเห็นของสิ่งนี้มาก่อน
นางได้แต่เฝ้ามองเยว่เฟิงเกอเปิดฝาหม้อไฟออกแล้วหยิบของด้านในออกมาทีละชิ้น จากนั้นก็เทน้ำแล้วเติมผักลงไป ชิงจื่อที่มองอยู่เช่นนี้อดไม่ได้ให้รู้สึกตาลายยิ่ง
ครั้งนี้เยว่เฟิงเกอไม่กล้าใส่เครื่องปรุงทั้งหลายที่มาพร้อมกับถ้วยหม้อไฟกึ่งสำเร็จรูปลงไปทั้งหมด เพราะนางกลัวจะเผ็ดตายไปอีกรอบ
“สิ่งนี้เรียกว่า หม้อไฟร้อนเอง อร่อยมากนะ” เยว่เฟิงเกอมือหนึ่งเท้าคาง อีกมือหนึ่งเคาะโต๊ะเบาๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่หม้อไฟตรงหน้าอย่างตาไม่กะพริบ
เพียงไม่นานก็มีควันลอยขึ้นมาจากฝาที่ปิดอยู่
ขณะเดียวกันชิงจื่อที่ไม่เคยได้เปิดหูเปิดตากับสิ่งใหม่ๆ เช่นนี้ก็ถึงกับตื่นตะลึงจนตาลุกวาว
นางยังไม่เคยเห็นสิ่งใดที่สามารถร้อนได้เองโดยไม่ต้องสุมไฟเข้าไปมาก่อนเลย
เพียงไม่นานกลิ่นหอมก็ค่อยๆ ลอยอบอวลขึ้นมา ทำเอาชิงจื่อแทบกลั้นน้ำลายไม่ให้ไหลออกมาไม่ได้
ชั่วชีวิตนี้นางไม่เคยได้กลิ่นอะไรที่หอมชวนกินถึงเพียงนี้มาก่อน
และเมื่อเยว่เฟิงเกอเปิดฝาออก ผักและเนื้อที่อยู่ด้านในก็สุกพอดี
เยว่เฟิงเกอแสดงท่าทีบอกให้ชิงจื่อหยิบตะเกียบขึ้นมา ชิ่งจื่อจึงคีบถู่โต้ว [1] แผ่นหนึ่งขึ้นมาแล้วไม่รอช้านำมาใส่ปากตน
นางเคี้ยวไปพลางปากก็ยังอดเอ่ยชมไปพลางไม่ได้ “พระชายา ถู่โต้วนี่อร่อยยิ่งนัก นี่คือถู่โต้วที่อร่อยที่สุดที่บ่าวเคยกินมาในชีวิตนี้เลยเพคะ”
“ถ้าอร่อยก็ต้องกินเยอะๆ” เยว่เฟิงเกอหยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มกินหม้อไฟตรงหน้าบ้าง
ทางด้านนี้สองนายบ่าวกำลังดื่มด่ำกับอาหารรสเลิศ แต่สถานการณ์ทางด้านฉินหว่านกลับวุ่นวายไก่บินเตลิดหมาวิ่งพล่าน [2]
หลังฉินหว่านกลับมาถึงเรือนหว่านหนิง นางก็อาละวาดจนข้าวของในห้องแตกกระจาย ทำให้สาวใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูพากันใจนต้องก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้าเอ่ยวาจา
เฉี่ยวอวี้ที่เดิมก็าเ็อยู่แล้ว ยามนี้กำลังคุกเข่าก้มหน้าสำนึกผิดอยู่ต่อหน้าฉินหว่าน
“นายหญิง เป็บ่าวที่ผิดเองเ้าค่ะ บ่าวสมควรตาย”
ปากเฉี่ยวอวี้พูดเช่นนี้ แต่ในใจนางอยากจะด่ามารดามันเถิดนัก
นางาเ็ถึงเพียงนี้แล้ว เ้านายของตนกลับทำราวกับมองไม่เห็น ไม่แม้แต่จะเรียกหมอในจวนให้มาช่วยรักษา เหตุใดเ้านายของนางถึงได้แล้งน้ำใจนัก
“หึ เ้าสมควรตายจริงๆ เป็เพราะแผนการบ้าๆ ของเ้า บอกข้าว่าอะไรนะ หลอกเยว่เฟิงเกอไปที่สระบัว จากนั้นค่อยเตะนางลงไป นางต้องตายแน่ เ้าดูสิ นางตายหรือยัง ตอนนี้นางยังอยู่ดีอยู่เลย มิหนำซ้ำยังมีแรงมาบีบคอข้า เตะข้าตกสระบัวด้วย”
ฉินหว่านยิ่งพูดยิ่งโมโห จนถึงตอนนี้คอนางยังมีรอยช้ำอยู่เลย ขณะที่ร่างกายของนางเองก็เหม็นคลุ้งไปหมด ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ก็อาบน้ำแล้ว
เฉี่ยวอวี้ไม่กล้าพูดอะไรอีก นางทำเพียงโขกศีรษะสำนึกผิดอย่างเอาเป็เอาตาย
ฉินหว่านเตะเฉี่ยวอวี้ออกไป “ไสหัวไป อย่ามาอยู่ขวางหูขวางตาข้า”
เฉี่ยวอวี้ตะเกียกตะกายคลานลุกขึ้น ก่อนจะก้มหน้าแล้วถอยออกไป
ไม่มีใครเห็นว่าในดวงตานางมีประกายดำมืดวาบผ่าน
และเมื่อเดินพ้นเรือนหว่านหนิง เฉี่ยวอวี้ถึงได้หันศีรษะกลับไป ถลึงตามองประตูเรือนอย่างดุร้าย สุดท้ายก็หมุนกายจากไป
เชิงอรรถ
[1] ถู่โต้ว(土豆)มันฝรั่ง
[2] ไก่บินเตลิดหมาวิ่งพล่าน(鸡飞狗跳)หมายถึงเหตุการณ์อันวุ่นวาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้