อวิ๋นอี้ได้รับการสนับสนุนจากหรงซิว นางเริ่มยุ่งกับงาน ไม่นอนจนตื่นสายอีก ออกจากจวนั้แ่เช้าตรู่ทุกวัน และกลับจวนในเพลามืดค่ำทุกวัน
บางคราหรงซิวก็รอไม่ไหว ต้องไปหานางที่ร้านด้วยตนเอง
ทุกคราที่ไปร้านตัดเสื้อ ไปเมื่อใดก็เจออวิ๋นอี้ที่งานยุ่งมาประมาณสี่ห้าวันแล้ว ร้านตัดเสื้อยังคงเป็เช่นเดิม ซะตากรรมเดียวกัน
มิมีผู้ใดเข้ามา
วันนี้หรงซิวมารับออวิ๋นอี้กลับจวน อดไม่ได้ที่จะถาม “อวิ๋นเออร์ เ้าเข้ามาดูแลกิจการร้านตัดเสื้อหลายวันแล้ว เหตุใดร้านยังเป็เช่นนี้อยู่? "
"ฝ่าาอดทนรอหน่อยเป็หรือไม่เพคะ?" อวิ๋นอี้กลอกตาขาว "แม้จะเป็ฮัวโต [1] ผู้เก่งกาจในการชุบชีวิตคน ยังต้องใช้เวลาเพคะ ฝ่าาทำธุรกิจเป็รถไฟเหาะหรือเพคะ จะให้ขึ้นก็ขึ้น ลงก็ลง?"
"กระไรคือรถไฟเหาะ?" หรงซิวสงสัย
"พูดไปฝ่าาก็ไม่เข้าใจ" อวิ๋นอี้ชะงัก และได้แต่ปัดมือไปมา "เช่นนั้นแหละเพคะ อย่างไรฝ่าารอดูเถิด อีกไม่นานหรอกเพคะ"
พูดตามตรง หรงซิวคิดว่าคำพูดของอวิ๋นอี้อาจจะดูไม่น่าเชื่อถือสักนิด
แต่เพลานี้เขาอยู่ในระยะกระชับความสัมพันธ์กับนาง เขาจะว่ากล่าวนางไปตรงๆ ได้อย่างไร?
แม้ว่าทุกคนจะไม่เชื่อใจนาง แต่หรงซิวในฐานะสวามีของนาง จะต้องให้การสนับสนุนนางอย่างไม่ลังเล
เขาจึงรีบแสร้งทำตัวเอาหน้า "ได้สิ! ข้าเชื่อในตัวอวิ๋นเออร์!"
"......"
อวิ๋นอี้ ริมฝีปากกระตุก ี้เีเกินกว่าจะบอกหรงซิวว่า การให้กำลังใจของเขามันจอมปลอมเพียงไร
ไม่กี่วันหลังจากนั้น นางยังคงยุ่งเช่นเดิม
กู่ซือฝานมาหานางหลายคราแต่ก็ถูกนางปฏิเสธไปทั้งสิ้น
นางกำลังเป็สตรีที่ทำการใหญ่ในราชวงศ์ต้าอวี่ นางจะไปซื้อของ จิบชา นั่งซุบซิบนินทาอยู่กับกู่ซือฝานอยู่ทุกวันได้อย่างไร!
ในที่สุด ครึ่งเดือนหลังจากเข้ามาดำเนินการร้าน อวิ๋นอี้เริ่มลงมือ
ในเช้าตรู่ของคิมหันต์ฤดู แดดอ่อนๆ อบอุ่น สาดลงมาทำให้นางตื่นมาอย่างอารมณ์ดีเพราะวันนี้เป็วันที่จะชุบชีวิตร้านตัดเสื้อ!
นางทำเื่หลายอย่างเพื่อรอคอยวันนี้ จะล้มเหลวหรือสำเร็จก็อยู่ที่ตรงนี้
ตื่นนอนแต่เช้า อวิ๋นอี้ก็มองออกไปนอกหน้าต่าง โชคดีที่อากาศดี ทำให้อารมณ์ของนางดีไปด้วย
อวิ๋นอี้เรียกให้เซียงเหอมาแต่งหน้า ทนฟังเื่ซุบซิบในเมืองหลวงที่นางเล่าให้ฟัง บอกว่าหลังจากที่ซูเมี่ยวเออร์พักรักษาตัว หญิงสาวผู้นั้นรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ดี จึงขึ้นไปบนเขาเพื่อไหว้พระสวดมนต์
อวิ๋นอี้ฟังแล้วก็หัวเราะเยาะในใจ คนอย่างนางนั่นที่ทำเื่ร้ายไว้มาก ไม่รู้ว่าพระจะอวยพรให้นางได้หรือไม่
อวิ๋นอี้แค่ฟังไว้ ่นี้งานยุ่งและไม่มีเวลาไปสนใจซูเมี่ยวเออร์ ปล่อยให้นางได้โลดเต้นไปก่อนแล้วกัน
เซียงเหอไม่ชอบซูเมี่ยวเออร์เป็อย่างมาก หลังจากรู้ว่าอวิ๋นอี้เป็ผู้บงการเหตุร้ายนั่น นางหัวเราะดีใจหุบปากไม่ได้ตลอดคืน
ตอนนี้ได้ยินว่านางจะไปไหว้พระ อวิ๋นอี้มิได้รู้สึกกระไรมากนัก แต่เซียงเหอกลับโมโหไม่หยุด “ข้าว่านางเรียกร้องความเห็นใจเพคะ! พระชายามิรู้กระไร ่นี้ที่ท่านไม่อยู่เรือน ซูเมี่ยวเออร์ส่งให้คนมาเชิญองค์ชายมิใช่เพียงคราเดียวนะเพคะ"
มีเื่ให้พูดอีกแล้ว!
อวิ๋นอี้ได้กลิ่นเื่ชู้สาว โพล่งถามขึ้น "เชิญหรงซิวไปทำการใด?"
“จะทำการใดได้อีกเล่าเพคะ?” เซียงเหอมองอวิ๋นอี้อย่างไม่พอใจ “ก็คงอยากจะให้ฝ่าาไปปลอบโยนนาง จากนั้นก็ถือโอกาสทำกระไรกับองค์ชาย ซูเมี่ยวเออร์ชอบแผนการเช่นนี้มิใช่หรือเพคะ? เมื่อก่อน ก็นำเื่ปัญหามาแสร้งทำเป็อ่อนแอ ตั้งกี่ปีมาแล้วไม่รู้จักพัฒนาเลยเสียจริง"
"......"
อวิ๋นอี้มองเซียงเหอที่กระตือรือร้น แต่ตนเองกลับไม่รู้จะพูดกระไร
นางเปิดปาก ปลอบนางอย่างงงๆ “นางแสร้งทำก็ปล่อยให้นางทำไป ผู้ใดหลงกลผู้นั้นตาบอด เ้าพูดมาตั้งนานแล้วไม่เห็นจะบอกผลเลย ฝ่าาตอบรับไปเจอซูเมี่ยวเออร์แล้วหรือ?"
“ฝ่าามิได้ไปสิเพคะ!" มีรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของเซียงเหอ "หัวใจของฝ่าาตอนนี้มีแต่พระชายาเพคะ"
อวิ๋นอี้ฟังความหมายนั้นออก ก็คือเมื่อก่อนไม่ได้มีนางอยู่ใช่หรือไม่?
นางไม่ได้พูดเื่นี้ต่อ ตั้งใจให้เซียงเหอแต่งตัวให้เสร็จเสียที
ใบหน้าของสตรีในกระจกนั้นสดใสและงดงาม โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น ที่ราวกับแฝงไปด้วยถ้อยความลึกซึ้ง
งดงามเสียจริง
แม้แต่อวิ๋นอี้เองก็ยังต้องชมเชยความงามอย่างหลงตัวเองว่านางช่างดูดีนัก
เมื่อเสร็จแล้ว เซียงเหอก็อดไม่ได้ที่จะพูดชม อวิ๋นอี้แทบจะยกหางลอยไปด้วย
เมื่อมองดูพระอาทิตย์ก็เกือบจะไม่ทันเวลาที่ร้านตัดเสื้อจะเปิดใหม่แล้ว นางรีบบอกลาเซียงเหอและรีบออกไป
คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอหรงซิวที่ประตูจวน
ทำไมเขาถึงยังอยู่ในจวนในเพลานี้? มิใช่ว่าควรจะไปทำงานแล้วหรือ?
อวิ๋นอี้ไม่ได้สังเกต ว่าตอนที่หรงซิวมองนาง ดวงตาของเขาแฝงไปด้วยความลึกซึ้ง นางรีบร้อนวิ่งไปเข้าไปในอ้อมแขนของเขา มองขึ้นสบตาและพูดอย่างสงสัยว่า "ทำงานเสร็จแล้วหรือเพคะ?"
"ใช่" หรงซิวพูด "วันนี้เสร็จเร็วนัก เมื่อคืนเ้าไม่ได้บอกหรือว่าจะเปิดร้านวันนี้? ข้าจะไปกับเ้า"
สายตาของเขาหนักแน่น มือที่โอบเอวของนางอยู่ๆ ก็จับแรงขึ้นราวกับว่าเขาจะตัดมันทิ้งหากอวิ๋นอี้ไม่ยอมให้ไปด้วย
ภายใต้การบีบคั้นของชายหนุ่ม นางรีบพยักหน้า "ไปเพคะ ไปกันเถิด!"
ทั้งสองคนขึ้นรถม้าและมาถึงร้านตัดเสื้อในเวลาอันสั้น
ก่อนที่จะเข้าไปใกล้ จากไกลๆ ก็มองเห็นร้านที่ดูเงียบเหงามาตลอดนั้น เพลานี้ ในสามชั้นนอกสามชั้น [2] กลับเต็มไปด้วยผู้คน
แววตาของหรงซิวแสดงถึงความประหลาดใจ เขามองดูสตรีตัวเล็กข้างๆ นางเอามือไพล่หลังแล้วเดินไปมาเดินไปในร้าน
เขาตามเข้าไปอย่างใกล้ชิด ทั้งสองเข้าไปทางประตูข้าง จ่างกุ้ยก็เข้ามาต้อนรับพวกเขาทันใด
อย่างที่คาดหมาย ลู่จงเฉิงก็อยู่ด้วย
หรงซิวหน้านิ่งพยักหน้าให้ลู่จงเฉิงในแบบฉบับบุรุษ ถือว่าเป็การทักทายกันแล้ว
อวิ๋นอี้ไม่สนใจความคิดเล็กคิดน้อยระหว่างพวกบุรุษ ตอนนี้ใจนางเต็มไปด้วยพิธีเปิดร้านที่ครึกครื้น
เมื่อพูดคุยทักทายกันเสร็จ อวิ๋นอี้ก็กลับเข้าไปในห้อง พูดคุยกับบุรุษสตรี ที่จ้างมาอีกครา หลังจากแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ก็สั่งให้พนักงานเข้าที่และเตรียมเปิดร้าน
ประทัดถูกจุดขึ้น เสียงฆ้องและกลองที่บรรเลงขึ้นมาพร้อมกัน
ผู้ชมอุทานใ ทันใดนั้น ประตูที่ปิดอยู่ของร้านก็ถูกเปิดจากด้านใน เสียงประทัดก็ดังก้อง เพลงไพเราะเสนาะหู ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นเพิ่งจะเคยเห็นเป็คราแรก เปิดกิจการกลับมีการเป่าแตรตีกลอง ทุกคนเกิดความอยากรู้อยากเห็น ต่างพากันเงยคอมองเข้าไปข้างใน
อวิ๋นอี้กับหรงซิวและผู้อื่นในห้องบนชั้นสอง มองลงไปทางหน้าต่าง ก็เห็นปฏิกิริยาของคนทุกคน
เมื่อคนเริ่มมีความสนใจ งานถึงจะเริ่มได้
ในขณะที่ทุกคนกำลังตั้งตารอ ดนตรีที่สนุกสนานก็หยุดลง ทุกคนมองหน้ากัน สงสัยว่าเกิดกระไรขึ้น
ในตอนที่งุนงงกันอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีสตรีที่รูปร่างและใบหน้างดงามเดินออกมาจากร้าน
สตรีผู้นั้นสวมเสื้อผ้าสีแดงสว่างสดใส ในขณะที่นางเดิน ชายเสื้อผ้าของนางก็ปลิวไสวราวกับเทพธิดา
บุรุษหลายคนในฝูงชน เบิกตากว้างด้วยความใ
สาวงาม!
มีสาวงาม!
ขณะที่พวกเขากำลังจะดูต่อไป สตรีที่งามราวกับนางฟ้าก็กลับหลังเดินจากไป แต่หลังจากที่สตรีคนแรกหายตัวไป สตรีอีกนางหนึ่งก็ออกมาจากร้าน
ที่ต่างไปก็คือ พวกนางสวมเสื้อผ้าไม่เหมือนกัน
หรงซิวกับลู่จงเฉิงไม่เข้าใจเสียจริง ว่าสตรีเดินไปเดินมาเพื่อกระไร
เสียงของอวิ๋นอี้ดังขึ้นในเวลาที่เหมาะสม “นี่เรียกว่าเดินแบบ เอ่อ... พูดง่ายๆ คือโฆษณาเสื้อผ้าที่มีในร้าน พวกท่านรู้หรือไม่ว่าโฆษณาหมายถึงกระไร? ก็คือเผยแพร่ออกไปเพคะ ให้ทุกคนรู้จักเสื้อผ้าในร้าน เมื่อสวมใส่บนเรือนร่าง ทำให้ทุกคนมีความอยากซื้อ”
ยิ่งใช้เวลาร่วมกับอวิ๋นอี้นาน หรงซิวไม่แปลกใจเลย ที่มีคำพูดแปลกๆ ที่เขาฟังไม่เข้าใจจากปากนาง
แต่โชคดีที่เขาแข็งแกร่งพอที่จะเข้าใจความหมายของนางได้อย่างปาฏิหาริย์
ในเพลานี้ กลุ่มคนด้านล่างที่เดิมเป็สตรีที่เดินอยู่ ก็เปลี่ยนเป็บุรุษ
บุรุษทุกคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สง่างามและภูมิฐาน ภายใต้แววตาและเสียงอุทาน พวกเขาเดินไปมากันอย่างงามสง่า
สตรีหลายคนตรงนั้นหน้าแดงเพราะบุรุษที่เดินแบบอยู่นั้นรูปงามเกินไปนัก
ต้องบอกว่างานเปิดกิจการที่ไม่เหมือนผู้ใดนี้ประสบความสำเร็จได้อย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่านางแบบนายแบบทั้งหมดจะเสร็จสิ้นการแสดงของพวกเขาแล้ว ฝูงชนที่แออัดไม่เพียงไม่ออกจากสถานที่เท่านั้น แต่ยังมีผู้คนมากมายจากรอบๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
อวิ๋นอี้ยิ้มอย่างมั่นใจ นางปรบมือ จ่างกุ้ยได้รับสัญญาณแล้ว ก็รีบเดินไปที่ประตู
มิได้เจอผู้คนมากมายขนาดนี้มาสองเดือนแล้ว จ่างกุ้ยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
แต่ไม่ว่าจะประหม่าเพียงใด ก็ต้องกัดฟันสู้
ดังนั้นเขาจึงยืดตัวตรง สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดกับฝูงชนด้วยเสียงเต็มเปี่ยมว่า “ทุกท่านขอรับ วันนี้ร้านของเราเปิดกิจการแล้ว หวังว่าทุกท่านที่มีเงินจะช่วยอุดหนุนเรา ท่านที่ไม่มีเงินช่วยบอกต่อ ร้านของเราขายเสื้อผ้าทุกชนิด รูปแบบแปลกใหม่ คุณภาพคุ้มราคา เสื้อผ้าที่เหล่าสตรีบุรุษใส่กันเมื่อสักครู่ ร้านของเราก็มีขายขอรับ”
จ่างกุ้ยชำเลืองมองดูคนล่างเวที สังเกตเห็นว่าหลายคนเริ่มพูดคุยกันแล้ว แต่ที่น่าแปลกคือแม้จะพูดเื่ใช้เงิน แต่กลับไม่มีคนทยอยหายออกไปเลย
ราวกับได้รับกำลังใจ จ่างกุ้ยยังคงพยายามต่อไปและพูดว่า “เปิดร้านสามวันแรก เพื่อเป็การขอบพระคุณทุกท่าน เลือกซื้อเสื้อผ้าสองชุดจากทางร้านลดทันทีร้อยละยี่สิบ ซื้อครบหนึ่งตำลึงแถมเสื้ออีกหนึ่งชุดขอรับ ซื้อมากได้มาก พวกท่านไม่มีขาดทุนขอรับ ร้านเราซื้อขายสุจริต รอกระไรอยู่เล่าขอรับ เลือกซื้อเสื้อผ้าให้ญาติ ให้เพื่อน ให้ผู้สูงอายุ รีบใช้โอกาสนี้เลยขอรับ!”
หลังจากเ้าของร้านพูดจบ ก็ลงจากเวทีด้วยความเคารพ ตามด้วยกลุ่มเหล่าบุรุษสตรีที่ได้รับการว่าจ้างมา
ผู้คนต่างมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทั้งมีคนเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มคนเ่าั้ด้วย ในที่สุดผู้คนมากมายพวกนั้นก็เข้าไปอัดแน่นกันอยู่ในร้าน ร้านที่เดิมไม่ได้เล็ก กลับมีคนเข้ามาจนเต็ม
เมื่อเห็นเช่นนั้น อวิ๋นอี้ถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นางเป็นักวางแผนการตลาดอันดับต้นๆ ในชาติที่แล้ว ประสบความสำเร็จมามากมาย หลังจากที่มีชื่อเสียง และประสบความสำเร็จอีก ไม่ได้รู้สึกประหม่าหรือตื่นเต้นกระไร
แต่ตอนนี้ ความรู้สึกคุ้นเคยกลับมาแล้ว ความรู้สึกพอใจในความสำเร็จทำให้นางมีความสุขและตื่นเต้น
เดิมทียังกังวลว่ากลยุทธ์นางจะไม่มีประโยชน์ในยุคสมัยและสถานที่เช่นนี้เสียอีก
ตอนนี้ดูเหมือนว่า จิตใจของมนุษย์จะคล้ายๆ กันหมด ตราบใดที่สินค้าและร้านค้าถูกทำให้ดูดี พวกเขาก็เต็มใจที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อมัน
วันนี้เป็วันที่ไม่ปกติ
อวิ๋นอี้และหรงซิวรออยู่ในร้านตัดเสื้อั้แ่เช้าจรดค่ำ
เมื่อจ่างกุ้ยส่งแขกคนสุดท้ายออกไป ลู่จงเฉิงก็สั่งให้เ้าของร้านคิดบัญชี
ตอนไม่คิดยังไม่รู้ แต่พอคิดดีแล้วก็ต้องตกตะลึง ในเวลาเพียงวันเดียว พวกเขาขายได้ห้าร้อยตำลึง
เชิงอรรถ
[1] ฮัวโต 华佗 เป็หมอที่เก่งกาจในวรรณกรรมจีนเื่สามก๊ก
[2] ในสามชั้นนอกสามชั้น 里三层外三层 หมายถึง คนแออัด