“เหลวไหล เหลวไหลสิ้นดีทหาร! ไปตามเทพแห่งจิตมา!” เง็กเซียนฮ่องเต้ตะคอกเสียงดังลั่นอยู่ในตำหนักกระดิ่งทองหมื่นพันปีมานี้นอกจากที่วานรบุก์[1] ทำให้เขาเสียหน้าแทบสิ้นจนปล่อยฟ้าร้องออกมาครานั้น เหล่าเทพเซียนก็ไม่เคยเห็นเง็กเซียนโกรธขนาดนี้มาก่อน
“ฝ่าาโปรดระงับโทสะ!” เหล่าเทพเซียนเห็นเทพแห่งดาวศุกร์ก้าวขึ้นมาแล้วพูดด้วยเสียงเบาด้วยความจนใจ
จากนั้นไม่นานเทพทหารสี่นายก็จับชายวัยกลางคนที่สวมอาภรณ์สีขาวผู้หนึ่งมายังตำหนักกระดิ่งทองชายผู้นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็ตัวการที่ทำให้เง็กเซียนฮ่องเต้ปล่อยฟ้าร้องออกมาซึ่งก็คือเทพแห่งจิต
“นับั้แ่มีสรวง์มาไม่เคยเกิดเื่ต่ำช้าขนาดนี้มาก่อน เ้าลอบดูเทพเซียนอาบน้ำเทพแห่งจิตเ้าย่อมรู้ความผิดนี้ดี!” เง็กเซียนฮ่องเต้ตวาดเสียงดัง
“เทพแห่งดาวศุกร์ปิดผนึกพลังของเขาให้ข้าที มาถึงนี่แล้วยังบังอาจใช้วิชาอ่านจิตกับข้าอีกตายแล้วไม่แก้[2] เสียจริง” ในขณะที่เง็กเซียนฮ่องเต้กำลังโมโหอยู่นั้นเทพแห่งจิตก็ใช้วิชาอ่านจิตกับเง็กเซียนฮ่องเต้อย่างไม่รู้สถานการณ์ เพราะอยากจะดูว่าตนเองจะสามารถหนีไปจากหายนะครั้งนี้ได้หรือไม่แต่กลับทำให้เง็กเซียนฮ่องเต้มีโทสะเพิ่มขึ้นอย่างทันควัน
“ท่านพี่หงอท่านพี่หงอ ท่านได้ยินแล้วหรือยังเด็กชายที่ท่านเคยช่วยชีวิตที่แม่น้ำทงเทียนระหว่างที่เราเดินทางสู่แดนตะวันตกก็คือเทพแห่งจิต ตอนนี้เขากระทำผิด กำลังถูกสอบสวนอยู่” พุทธพิธีทูต[3] เจอยุทธวิชัยพุทธะ[4] ที่สวนดอกท้อ กล่าวง่ายๆก็คือศิษย์พี่รองบังเอิญเจอศิษย์พี่ใหญ่ที่สวนดอกท้อ
“เทพแห่งจิต?เด็กน้อยผู้นั้นทำผิดอะไรหรือ ข้าเพิ่งได้ยินมาว่าที่์กำลังวุ่นวายกันใหญ่” ซุนหงอคงถามพลางกินลูกท้อ “ต้องให้ข้าออกหน้าปกป้องเขาหรือไม่ฮ่าฮ่า”
“ลอบดูเทพเซียนอาบน้ำหากอยากปกป้องท่านก็ไปปกป้องเองเถอะ” ตือโป๊ยก่ายพูดพลางหัวเราะ “เ้าเด็กนี่ดูเหมือนจะธรรมดา ไม่คิดเลยว่าจะทำเื่เช่นนี้ได้แต่ก็นิสัยต่างกับพี่หงอในครานั้นลิบลับ”
“เ้าหมูเ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” ซุนหงอคงนิ่งอึ้งหรี่ตามองตือโป๊ยก่ายแล้วเอ่ยถาม
“ครานั้นที่ท่านพี่หงอดูแลสวนลูกท้อเจ็ดนางฟ้ามาเด็ดลูกท้อที่สวน ท่านพี่หงอสะกดให้หยุดนิ่ง เจ็ดนางฟ้าล้วนหยุดนิ่งแต่ก็ไม่เห็นท่านลงไม้ลงมือทำอะไรพวกนาง” ตือโป๊ยก่ายกล่าวอย่างกลับกลอก
“เ้าโง่อยากตายหรือไง!” ซุนหงอคงตะคอกเสียงดังกินลูกท้อไปครึ่งหนึ่งก็โยนทิ้งไปทางตือโป๊ยก่าย
“ท่านพี่หงออย่าถือโทษโกรธผู้น้องเลยผู้น้องไม่กล้ากล่าวล้อเล่น” ตือโป๊ยก่ายรีบร้อนกล่าว “ท่านพี่หงอ เื่นี้ประหลาดนัก ท่านรู้หรือไม่ว่าคนที่เขาลอบดูคือใคร”
“ประหลาด?เง็กเซียนโกรธขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าคนที่เขาลอบดูคือเ้าแม่หวังหมู่ฮ่าฮ่า หากเป็เช่นนั้นก็จะตลกเกินไปกระมัง ฮ่าฮ่า” ซุนหงอคงคิดไปก็ขำขึ้นมา
“ไม่ใช่เ้าแม่หวังหมู่แต่เป็ท่านนั้น” ตือโป๊ยก่ายพูดพลางชี้นิ้วไปทางวังจันทราที่อยู่ด้านนอกสรวง์
“อามิตาพุทธโป๊ยก่าย เราเป็พระ เื่ของ์เราไม่อาจจัดการได้ ไปเถอะไปเถอะข้าจะไปหยอกล้อเล่นกับสิบแปดอรหันต์” ซุนหงอคงนิ่งอึ้งก่อนจะเหาะออกจากสวนลูกท้อไป
“ช่างกล้านักนะบังอาจลอบดูผู้ที่ไม่สมควรมีเื่ด้วยที่สุดใน์ลอบดูเ้าแม่หวังหมู่ท่านพี่หงออาจออกหน้าให้ได้ แต่ลอบดูท่านผู้นี้ใครก็ช่วยเ้าไม่ได้ ขอกุศลด้วยตน[5] เถอะสิ่งที่ข้าพอจะทำได้ก็ทำไปหมดแล้ว” พูดเสร็จตือโป๊ยก่ายก็เด็ดลูกท้อมาผลหนึ่งแล้วเดินออกไปจากสวนลูกท้อด้วยท่าทางมินำพา
“เทพแห่งดาวศุกร์เ้าคิดว่าเทพแห่งจิตกระทำความผิดเช่นนี้ ควรจะจัดการเช่นไร” เง็กเซียนฮ่องเต้วนเวียนอยู่ที่ตำหนักกระดิ่งทองหนึ่งชั่วยาม[6] กว่า ในที่สุดก็วกกลับเข้าสู่ปัญหา มองหน้าถามเทพแห่งดาวศุกร์
ในขณะเดียวกันนั้นเองสายตาของเทพแห่งจิตก็ตกไปอยู่บนร่างของเทพแห่งดาวศุกร์นับั้แ่ตนเข้ามาที่สรวง์ ท่านผู้เฒ่าผู้นี้ก็มอบสิ่งดีๆ แก่เขาไม่น้อยน่าจะพูดแก้ต่างให้ตนบ้างกระมัง
เทพแห่งดาวศุกร์หันศีรษะไปมองเทพแห่งจิตที่นั่งคุกเข่านิ่งไม่กระดิกอยู่บนพื้นเ้าเด็กนี่ปฏิบัติต่อเขาไม่เลวนัก เหล้าสุราที่ตนหมักไว้อย่างดีก็มักจะนำมาให้เขาชิมเป็คนแรกและแน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ตระหนี่ จึงได้มอบยาอายุวัฒนะกลับไปให้ทุกครั้ง
“ท่านเทพแห่งดาวศุกร์ท่านเมามากแล้ว นี่ก็ดึกมากแล้วข้าขอตัวกลับก่อน แล้วจะหาเวลาว่างมาพบท่านอีกไม่เช่นนั้นจะออกประตู์ทางทิศใต้ไม่ได้” ครึ่งปีก่อนเทพแห่งจิตมามอบสุราแก่เทพแห่งดาวศุกร์อยู่เป็เพื่อนเทพแห่งดาวศุกร์ที่ดื่มมากไปหน่อย เทพแห่งดาวศุกร์มีดีทุกอย่างทว่านิสัยการดื่มโดยปกติแล้ว ดื่มไปหน่อยเดียวก็มักจะพูดจาเลอะเทอะก่อเื่วุ่นวายไม่น้อย
“ประเดี๋ยวนำป้ายคำสั่งของข้าออกประตู์ทางทิศใต้ข้าจะคอยดูซิว่าจะมีใครกล้าขวางเ้า เอ้าดื่ม! เ้าเด็กน้อย กล่าวตามตรงสุราของเ้าไม่เลวนักอร่อยกว่าสุราในงานเลี้ยงดอกท้อ์เสียอีก เรามาดื่มกันต่อเถอะ” เทพแห่งดาวศุกร์กล่าวพึมพำต่อ
“ท่านเทพดื่มต่อไม่ได้จริงๆ ท่านก็รู้ หากบังเอิญเจอแม่ทัพใหญ่แห่งสรวง์[7] เข้า ข้าก็กลับไม่ได้แล้ว” เทพแห่งจิตกล่าวเสียงเบา
“เทพเอ้อร์หลางเ้าจะกลัวเขาไปใย ผู้อื่นไม่รู้เบื้องลึกของเขา แต่ข้ารู้เขาเป็ลูกชายของน้องสาวเง็กเซียนฮ่องเต้กับบัณฑิตมนุษย์แซ่หยางผู้หนึ่งหากครานั้นไม่ได้ข้าร้องขอเอาไว้ เง็กเซียนฮ่องเต้ไม่มีทางให้เขาขึ้น์หรอกตามหลักแล้วเขาควรเรียกข้าว่าท่านปู่ด้วยซ้ำ ใช่ ควรเรียกข้าว่าท่านปู่” เทพแห่งดาวศุกร์กล่าวเสียงดังลั่น
“ท่านเทพท่านเทพผู้เป็สหายสนิทของข้า ได้โปรดเบาเสียงหน่อย ท่านไม่กลัวแต่ข้ากลัวอย่าว่าแต่เทพเอ้อร์หลางเลยแม้แต่สุนัขเทพข้างกายเขาข้าก็สู้ไม่ไหว” เทพแห่งจิตรีบปิดปากเทพแห่งดาวศุกร์ทันที
“น่าเบื่อน่าเบื่อจริงๆ ไม่ดื่มแล้ว เ้ากลับไปเถอะ หากเจอเทพเอ้อร์หลางแล้วเขากล้าขวางเ้าก็นำชื่อข้าไปอ้างได้” พูดจบเทพแห่งดาวศุกร์ก็สลบไสลไป
วันนั้นเทพแห่งจิตกลับไปยังจวนของตนอย่างปลอดภัยทว่าในวันที่สอง หลังจากที่เทพแห่งดาวศุกร์สร่างเมาแล้ว เขาก็ใช้คันฉ่องย้อนเวลาดูสภาพเมาเละของตนในหนึ่งวันก่อน ในใจเกิดความกริ่งเกรง จึงไปหาเทพแห่งจิตด้วยตนเอง และบอกกับเขาว่าห้ามเล่าคำพูดตอนเมาให้ผู้อื่นรู้โดยเด็ดขาด
“เื่ที่เทพแห่งจิตลอบดูครานี้ไม่ใหญ่ไม่เล็ก ในกฎแห่ง์ไม่มีวิธีลงโทษชัดเจน” เทพแห่งดาวศุกร์กล่าวเสียงค่อย “ไม่ทราบว่าครั้งนี้เขาลอบดูผู้ใดหรือ” เทพแห่งดาวศุกร์นึกคิดหากเป็เทพเซียนธรรมดาก็ปล่อยเลยตามเลย ลดพลังชีวิตเทพแห่งจิตไปสักหมื่นปีหากเป็บุคคลสำคัญ เช่นนั้นก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วน”
“ผู้ที่เขาลอบดูคือเทพธิดาฉางเอ๋อ!” เง็กเซียนฮ่องเต้ตะคอกเสียงดัง กลุ่มผู้ที่ไม่รู้เื่รู้ราวที่อยู่ด้านล่างก็พลันเข้าใจเทพธิดาฉางเอ๋อคือใครน่ะหรือแรกไปถึงวังแห่งจันทราครานั้นก็มีข่าวลือแพร่ไปทั่วว่าเง็กเซียน… อะแฮ่ม เื่นี้พูดเพ้อเจ้อไปไม่ได้ เดี๋ยวจะโดนตัดหัวเอา
“ฝ่าาโปรดระงับโทสะเทพแห่งจิตทำผิดใหญ่หลวงเช่นนี้ สมควรตัดหัว สมควรตัดหัว” เทพแห่งดาวศุกร์กล่าวเสียงดัง ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่าทำไมเง็กเซียนฮ่องเต้ถึงมีโทสะขนาดนี้คราก่อนนั้นแม่ทัพเทียนเผิงถูกไล่ให้ไปเกิดในภพเดรัจฉานนั้นเหตุก็เพราะล่วงเกินเทพธิดาฉางเอ๋อเข้าจึงต้องไปจุติเป็สุกร
“ขุนนางทุกท่านอาจจะมีความเห็นอื่นที่แตกต่าง ลองมาฟังกันสักหน่อย” เมื่อเง็กเซียนฮ่องเต้ฟังคำพูดของเทพแห่งดาวศุกร์จบก็ดูพึงพอใจพยักหน้าเบาๆ พลางพูดยิ้มๆ
“ฝ่าานี่เป็ความผิดครั้งแรกของเทพแห่งจิต เขาขึ้น์มาได้นานกี่วันเชียว อีกอย่างในกฎแห่ง์ก็ไม่มีบทลงโทษตัดหัวผู้ลักลอบดูสักหน่อยหากตัดสินเช่นนี้ยากจะเลี่ยงคำครหา หม่อมฉันคิดว่าให้เขาไปจุติในแดนมนุษย์อย่างแม่ทัพเทียนเผิงในปีนั้นเถิด” ทุกคนไม่ได้เสนอความเห็นคัดค้านใน่ขณะที่เง็กเซียนฮ่องเต้เตรียมจะลงโทษปะาเทพแห่งจิตเ้าแม่หวังหมู่ที่อยู่ข้างกายก็ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น
“หวังหมู่กล่าวได้ถูกต้องเช่นนั้นก็เนรเทศให้เขาไปยังแดนมนุษย์เถอะ” พูดจบเง็กเซียนฮ่องเต้ก็หมุนพระองค์ออกจากตำหนักกระดิ่งทองไป
เทพแห่งจิตมองเ้าแม่หวังหมู่ที่อยู่้าไม่ไกลนักใบหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง เมื่อก่อนตนเองฝึกฝนวิชาอยู่หมื่นปีจึงจะได้มาเกิดเป็เซียนหากถูกตัดหัวที่ประตู์ทางทิศใต้ เกรงว่าแม้แต่ปิงเจี่ย[8] ก็ไม่มีโอกาสจะได้เป็ ถึงจะถูกเนรเทศไปยังแดนมนุษย์ก็เนรเทศไปสิ อย่างน้อยก็รักษาชีวิตน้อยๆ เอาไว้ได้
“พี่สามฝ่าาให้พวกเราโยนเทพแห่งจิตไปยังแดนมนุษย์เช่นนั้นในกงล้อวัฏสงสารควรจะไปภพไหนดี” เทพทหารที่จับตัวเทพแห่งพลังจิตไว้พูดด้วยเสียงค่อย
“เหมือนว่าเมื่อครู่เ้าแม่หวังหมู่บอกว่าให้เหมือนกับแม่ทัพเทียนเผิงครานั้นเช่นนั้นก็คงเป็ภพเดรัจฉานกระมัง” หัวหน้าเทพทหารกล่าวขึ้น
“ทุกท่านช้าก่อนข้ามีเื่อยากจะกล่าวกับเทพแห่งจิตสักหน่อย” ทั้งสี่คนถูกขวางไว้ผู้มาเยือนก็คือหนึ่งในกลุ่มดาวทั้งยี่สิบสี่ คั่งจินหลง[9]
“ใต้เท้าคั่งจินหลงเทพแห่งจิตผู้นี้กระทำผิดไม่น้อย ท่านอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย” หัวหน้าเทพทหารกล่าวเสียงค่อย
“วันก่อนดื่มสุราท่านหนึ่งเหยือกวันนี้คืนไมตรีท่านหนึ่งครา” คั่งจินหลงเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้ม “เมื่อครู่ได้ยินที่พวกท่านพูด ฝ่าาแค่ให้เนรเทศเทพแห่งจิตไปยังแดนมนุษย์ข้าคิดว่าในกงล้อวัฏสงสาร ภพมนุษย์เหมาะสมกับเขามากกว่า แม้เ้าแม่หวังหมู่จะกล่าวถึงแม่ทัพเทียนเผิงแต่ก็ไม่ได้กล่าวว่าให้เทพแห่งจิตไปภพเดรัจฉานหรอกกระมัง ทุกท่านโปรดตระหนักให้ดีเป็บ่าวรับใช้ในสรวง์ไม่ง่ายนัก อย่าโยนชีวิตทิ้งเพราะเื่นี้เสียจะดีกว่า”
“คือว่า...” ทั้งสี่ฟังคำพูดขอคั่งจินหลงจบ ในใจก็พลันนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตำหนักกระดิ่งทองเมื่อครู่ทั้งหมด
[1] ตามตำนานเมื่อซุนหงอคงฝึกวิชาสำเร็จแล้วเกิดความลำพองใจจึงไปอาละวาดอวดวิชาตามที่ต่าง ๆ ไปแม้กระทั่งบน์ทำให้เกิดเื่วุ่นวายตามมา
[2] อุปมาว่าถึงตายไปก็ไม่แก้ไขปรับปรุงยังคงดื้อด้านหัวแข็ง
[3] เป็ตำแหน่งที่ตือโป๊ยก่ายได้รับแต่งตั้งภายหลังผลบุญครบถ้วน
[4] เป็หนึ่งในฉายาของซุนหงอคง
[5] อุปมาว่าจงสร้างบุญกุศลด้วยตนเอง
[6] หน่วยนับเวลาในอดีตของจีน หนึ่งชั่วยามเท่ากับสองชั่วโมงในเวลาปัจจุบัน
[7] เทพเอ้อหลางหรือที่คนไทยรู้จักกันในนามหยี่หลองจิ้นกุ้น
[8] หมายถึงนักพรตที่ตายจากอาวุธจากนั้นก็ถือโอกาสนี้สละร่างไต่เต้าเป็เซียน
[9] เทพัทอง