เจิ้งซวี่เหยาเห็นท่าทางร้อนรนของหลิวเสี่ยวหว่านราวกับจะะโตัวลอย จึงรีบปลอบโยนเธอว่า
"ไม่ต้องกังวลนะ เสี่ยวหว่าน ไม่ว่าเื่อะไร เราจะช่วยกันแก้ไขเอง วางใจได้เลย ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย"
หลิวเสี่ยวหว่านมองเข้าไปในดวงตาของเจิ้งซวี่เหยา แววตาคู่นั้นสั่นระริกไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดหวั่นและกังวลใจ เจิ้งซวี่เหยารู้สึกเจ็บแปลบในอก ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างแล่นริ้วผ่านหัวใจ
"อย่ากลัวเลย เสี่ยวหว่าน เดี๋ยวฉันโทรหาหลันเยว่เอง"
เจิ้งซวี่เหยากุมมือของหลิวเสี่ยวหว่านไว้ในมือ ใน่ฤดูร้อนอบอ้าวแบบนี้ มือของเธอกลับเย็นเฉียบและชื้นเหงื่อ บ่งบอกถึงความกังวลที่เธอแบกรับไว้ในขณะนี้
"พวกคุณอย่าเพิ่งขนของลงจากรถ สินค้ามีปัญหา ผมต้องให้หัวหน้ามาตรวจสอบใหม่อีกครั้ง"
เจิ้งซวี่เหยาไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมกับหลิวเสี่ยวหว่าน เขารู้ว่าตอนนี้ทางเดียวที่จะทำให้หลิวเสี่ยวหว่านคลายความกังวลลงได้คือการแก้ไขปัญหาของสินค้าให้ลุล่วง ดังนั้น เขาจึงรีบห้ามคนงานไม่ให้ขนของลงจากรถ
"มีอะไร สินค้าของเราไม่มีปัญหา พวกคุณเซ็นรับของไปแล้วไม่ใช่เหรอ นั่นก็แปลว่าพวกคุณรับสินค้าไปแล้ว ที่เหลือก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว"
คนที่ดูเหมือนจะเป็หัวหน้าที่มากับรถ รีบลงจากรถ เดินตรงไปยังเจิ้งซวี่เหยาเพื่อแย่งเอาใบส่งมอบสินค้าที่เขาเพิ่งเซ็นไป
เจิ้งซวี่เหยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขารีบกำใบส่งมอบสินค้าไว้ในมือแล้วยัดมันลงในกระเป๋ากางเกง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ย
"เหอะๆ ผมไม่เคยเห็นใครกล้าแสดงท่าทางแบบนี้ต่อหน้าผมมาก่อนเลย หวังว่าคุณจะทำแบบนี้ได้จนถึงที่สุดนะ"
"อาจารย์เจิ้ง..."
เมื่อเห็นท่าทางข่มขู่ของคนส่งของ หลิวเสี่ยวหว่านรีบเข้าไปยืนชิดใกล้เจิ้งซวี่เหยา ถึงคนคนนั้นใช้กำลัง เธออาจจะช่วยอะไรอาจารย์เจิ้งไม่ได้มากนัก แต่อย่างน้อยก็อยากให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว ยังไงซะ อาจารย์เจิ้งกำลังช่วยหลันเยว่อยู่
"ไม่เป็ไร ไม่ต้องกังวล พวกเขาไม่กล้าทำอะไรหรอก เธออยู่ตรงนี้กลัวไหม ฉันต้องไปแจ้งข่าวให้หลันเยว่ แล้วก็ไปตามคนมาด้วย"
ตอนที่พูดประโยคสุดท้าย เจิ้งซวี่เหยากระซิบข้างหูหลิวเสี่ยวหว่าน เื่นี้จะปล่อยให้คนร้ายได้ยินไม่ได้
หลิวเสี่ยวหว่านพยักหน้าโดยไม่ลังเล
"ฉันไม่กลัว ไม่ต้องห่วงฉัน อาจารย์เจิ้งรีบไปเถอะ ตรงนี้ฉันจะดูแลเอง"
เจิ้งซวี่เหยาเห็นความเข้มแข็งเกินคาดที่หลิวเสี่ยวหว่านแสดงออกมา แววตาของเขาฉายแววชื่นชม
ก่อนหน้านี้เจิ้งซวี่เหยาคิดว่าที่หลิวเสี่ยวหว่านหน้าซีดเผือดเพราะความกลัวเสียอีก ตอนนี้เขาถึงเข้าใจว่าเสี่ยวหว่านแค่เป็ห่วงเครื่องจักรชุดนี้ของหลันเยว่ เธอไม่ได้กลัวคนส่งของพวกนี้ ท่าทางของหลิวเสี่ยวหว่านในแบบนี้ทำให้เจิ้งซวี่เหยารู้สึกแตกต่างออกไป
ในสายตาและในใจของเขา ผู้หญิงทุกคนล้วนอ่อนแอและไม่ประสีประสา เขาเคยคิดว่าการได้พบกับหมี่หลันเยว่คือข้อยกเว้นเสียแล้ว แต่ไม่นึกว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าก็สามารถลบล้างความเชื่อมั่นเดิมๆ ของเขาได้เหมือนกัน ความเด็ดเดี่ยวที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหมี่หลันเยว่ ทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไป
"ดี งั้นเธอก็รออยู่ที่นี่ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็ไม่ต้องสนใจ เธอห้ามพวกเขาไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้น แค่รออยู่ในบริเวณนี้ก็พอ เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา"
ถ้าไม่จำเป็ต้องไปตามคนมา เขาคงอยากอยู่ตรงนี้เอง แล้วให้เสี่ยวหว่านไปโทรหาหลันเยว่
เจิ้งซวี่เหยากุมมือหลิวเสี่ยวหว่านอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยมือออก ในขณะนั้นฝ่ามือของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ จากมือของหลิวเสี่ยวหว่าน เขาแบมือออก มองร่องรอยนั้นจางหายไปในอุณหภูมิสูงถึงสามสิบองศา
ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง จากนั้นเจิ้งซวี่เหยาก็ไม่รอช้ารีบหันหลังวิ่งกลับไปยังบ้านของตนเอง ส่วนหลิวเสี่ยวหว่านก็ถอยกลับเข้าไปในบริเวณบ้าน คนที่เป็หัวหน้าก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ตอนที่เขาออกมา หัวหน้าของเขาสั่งแค่ให้รีบส่งสินค้าให้เสร็จสิ้น ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรเพิ่มเติม ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์
"คุณผู้หญิงครับ พวกเราแค่ทำตามคำสั่งของโรงงาน มาส่งสินค้าเท่านั้นเอง พวกคุณทำแบบนี้ก็เกินไปหน่อยแล้ว ถ้าสินค้ามีปัญหาจริงๆ ก็ไปคุยกับหัวหน้าโรงงานของพวกเราสิครับ พวกเราแค่มีหน้าที่ส่งของเท่านั้น"
เมื่อเห็นว่าเหลือแค่หลิวเสี่ยวหว่านคนเดียว คนที่รับผิดชอบในการส่งของก็เปลี่ยนกลยุทธ์ ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจเป็มากที่ไม่ได้เก็บเอกสารคืนมาหลังจากที่หลิวเสี่ยวหว่านเซ็นเอกสาร แต่ก็เป็แค่ความคิดของเขาเท่านั้น ถ้ายังขนส่งสินค้าไม่เสร็จ เจิ้งซวี่เหยาก็คงไม่คืนเอกสารให้เขา
"ไม่ต้องพูดอะไรกับฉัน เพราะตอนนี้ฉันก็ไม่ได้คุยกับพวกคุณสักหน่อย ฉันก็เหมือนกับพวกคุณ แค่เป็คนรับสินค้าเท่านั้น พวกคุณตัดสินใจอะไรไม่ได้ ฉันก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้เหมือนกัน เพราะงั้นก็รอให้คนที่ตัดสินใจได้ของพวกเรามาก็แล้วกัน เธอสั่งยังไงก็ว่าตามนั้น บางทีเธอมาก็อาจจะให้พวกคุณขนของออกไปเลยก็ได้ ใช่ไหมคะ?"
หลิวเสี่ยวหว่านก็เล่นละครปาหี่กับคนผู้นี้เหมือนกัน ยังไงซะตอนนี้ต้องหาวิธีประคับประคองสถานการณ์ไว้ก่อน เมื่อครู่ที่เธอใก็เป็เพราะพบว่าสินค้ามีปัญหา เธอใจนขาดสติไปชั่วขณะ ตอนนี้อารมณ์ของเธอเริ่มมั่นคงขึ้นแล้ว และเริ่มรู้สึกว่าเมื่อกี้เธอแสดงท่าทีอ่อนแอเกินไป
ตอนนี้ต้องใจเย็นๆ จะดีกว่า ถ้าเมื่อกี้เธอแอบบอกเื่นี้กับเจิ้งซวี่เหยา แล้วให้เขาแอบแจ้งเื่นี้ให้หมี่หลันเยว่ทราบ บางทีก็คงไม่มีบรรยากาศตึงเครียดอย่างเมื่อกี้ เื่นี้สามารถแก้ไขได้อย่างรอบคอบกว่านี้ แต่เป็เพราะเธอใจร้อนเกินไป
คนที่นำพนักงานคนอื่นๆ มาส่งของรู้สึกว่าเื่ราวไม่ดีั้แ่ตอนที่หลิวเสี่ยวหว่านวิ่งออกมาด้วยท่าทางตื่นตระหนก แต่เขาไม่รู้ว่าสินค้าชุดนี้มีปัญหาอะไร ดังนั้นจึงคิดแค่ว่าจะเอาใบรับสินค้าและขนสินค้าให้เสร็จเื่ ตอนนี้ดูเหมือนว่าถ้าไม่แข็งข้อก็คงแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้ง่ายๆ
"คุณผู้หญิง ผมว่ารีบรับสินค้าไป แล้วเอาใบส่งมอบสินค้ามาให้ผม เื่ของเราวันนี้ก็ถือว่าจบไป เ้าของโรงงานของพวกเรามีเส้นมีสาย ถ้าพวกคุณไม่รีบรับสินค้า ผมรับรองได้เลยว่าคุณไม่มีทางได้ดีแน่"
"ในเมื่อสั่งซื้อสินค้าของเราไปแล้ว ก็รับไปตามตรงเถอะ อย่าทำเื่ที่ไม่เข้าท่าแบบนี้เลย พวกคุณกำลังรอทำงานอยู่ใช่ไหม ตอนนี้แค่รับสินค้า แต่ถ้าพวกคุณก่อเื่อะไรขึ้นมา ก็คงไม่ได้แค่รับสินค้าแล้ว อาจจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับโรงงานของพวกเราด้วย สินค้าดีๆ แบบนี้ แต่พวกคุณบอกว่าไม่ได้มาตรฐาน นั่นคือการละเมิดสิทธิ์ในชื่อเสียงของสินค้าของพวกเรา"
สมกับเป็คนที่ถูกส่งมาส่งของจริงๆ ทั้งขู่ทั้งปลอบ ถ้าเปลี่ยนเป็เด็กผู้หญิงขี้ขลาด อาจจะโดนขู่จนกลัวไปแล้ว แต่ยังไงซะหลิวเสี่ยวหว่านก็ดูแลโรงงานมาหลายปี พบเจอกับผู้มีอำนาจและผู้มีอิทธิพลมาก็มาก การข่มขู่ระดับนี้เธอไม่ได้หวาดกลัวอะไรนัก
แต่เธอก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมีเื่กับใคร ดังนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร เธอก็แค่ทำเป็ไม่ได้ยิน ทำตัวเป็คนขี้กลัว แค่รอให้หลันเยว่กลับมา พอพวกเขากลับมาทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา
ถึงหลันเยว่จะอายุน้อยกว่าเธอ แต่หลิวเสี่ยวหว่านก็มีความมั่นใจในตัวหมี่หลันเยว่อย่างเต็มเปี่ยม ในความทรงจำของหลิวเสี่ยวหว่าน ไม่มีเื่อะไรที่หมี่หลันเยว่แก้ไขไม่ได้ ใน่หลายปีที่ผ่านมาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเจอปัญหา แต่หมี่หลันเยว่ก็คลี่คลายมันได้อย่างง่ายดาย ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
ด้วยความคิดแบบนี้ หลิวเสี่ยวหว่านจึงแค่ขดตัวอยู่ในบริเวณบ้าน ไม่ว่าชายที่มาส่งของจะพูดจาหว่านล้อมหรือข่มขู่ เธอก็ไม่สนใจสักอย่าง แค่ยืนเขย่งเท้ามองออกไปนอกประตู หวังว่าเจิ้งซวี่เหยาจะกลับมาเร็วๆ เอาข่าวที่ทำให้เธอสบายใจกลับมา
"อาจารย์เจิ้ง..."
ในที่สุดก็เห็นเจิ้งซวี่เหยาวิ่งกลับมา หลิวเสี่ยวหว่านแทบอยากจะพุ่งเข้าไปหา เธอรู้ว่าตอนนี้เธอ้าหลักยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างมาก ใน่เวลาที่หมี่หลันเยว่ไม่อยู่ เจิ้งซวี่เหยาคือที่พึ่งของเธอ
"อาจารย์เจิ้ง..."
เมื่อเห็นเจิ้งซวี่เหยาเข้ามาในบริเวณบ้าน หลิวเสี่ยวหว่านก็รีบเข้าไปต้อนรับ แต่กลับไม่รู้ว่าจะถามยังไงดี เมื่อเห็นเขาวิ่งจนเหงื่อท่วมตัว เธอก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ยื่นมือไปช่วยเขาเช็ด แต่กลับชะงักเมื่อแตะโดนหน้าผาก
"เช็ดเหงื่อก่อนเถอะค่ะ อาจารย์เจิ้ง"
หลิวเสี่ยวหว่านก็รู้สึกตัวว่าตนเองเสียมารยาทเกินไป ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้น การกระทำของเธอค่อนข้างฉาบฉวย ดังนั้น พอเธอรีบรู้ตัวและยัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือของเจิ้งซวี่เหยา
ในใจของเจิ้งซวี่เหยาแวบความเสียดายขึ้นมา เขาคิดว่าจะได้รับการดูแลจากเสี่ยวหว่านเสียอีก แต่สาวน้อยกลับเปลี่ยนใจกะทันหัน ไม่ยอมลงมือเอง ยังไงซะ การได้ถือผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือ เจิ้งซวี่เหยาก็มีความสุขมาก การเดินทางของเขาในครั้งนี้ไม่ได้สูญเปล่า สาวน้อยกระตือรือร้นกับเขามากกว่าเดิม
"ไม่ต้องกังวลนะ เสี่ยวหว่าน หลันเยว่กับคนอื่นๆ กำลังจะกลับมาแล้ว เพื่อนของฉันก็กำลังจะมาถึงเหมือนกัน พวกเรารออีกหน่อย ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย"
เจิ้งซวี่เหยาเช็ดเหงื่อพลางปลอบโยนหลิวเสี่ยวหว่าน เขาจินตนาการได้ว่าสาวน้อยจะต้องตื่นเต้นและหวาดกลัวขนาดไหนตอนที่อยู่คนเดียวเมื่อกี้
"ฉันวางใจในตัวอาจารย์ ขอบคุณนะคะ อาจารย์เจิ้ง"
หลิวเสี่ยวหว่านพูดขอบคุณอย่างจริงจัง ทำให้เจิ้งซวี่เหยารู้สึกกระอักกระอ่วน เดิมทีเขารู้สึกว่าการช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้เป็สิ่งที่เขาควรทำอยู่แล้ว แต่พอถูกหลิวเสี่ยวหว่านขอบคุณแบบนี้ เขากลับรู้สึกเหมือนเป็คนนอก
"เสี่ยวหว่าน ถึงฉันจะเป็อาจารย์ของพวกเขา แต่ฉันก็ถือว่าพวกเขาเป็เพื่อน ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก แล้วก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าอาจารย์เจิ้งเหมือนกับพวกเขา เรียกชื่อฉันก็ได้ หรือไม่ก็เรียกฉันว่าพี่เจิ้งก็ได้"
หลิวเสี่ยวหว่านก็ไม่ใช่คนเื่มาก เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เรียก ‘พี่เจิ้ง’ เจิ้งซวี่เหยาถึงยิ้มออกมาได้ คำว่า ‘พี่เจิ้ง’ นี้ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก ฟังดูสนิทสนมกว่าการเรียกอาจารย์มาก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หลันเยว่จะเรียกเขาว่าพี่ชายได้สักที
"พวกคุณ้าอะไรกันแน่ รีบๆ แก้ปัญหาให้มันจบๆ ไป ผมยังต้องกลับโรงงานนะ ไม่มีเวลามาเสียเวลากับพวกคุณหรอก"
การพูดคุยของทั้งสองถูกขัดจังหวะ แน่นอนว่าเป็เสียงของคนที่มาส่งของ แต่ในเมื่อหลันเยว่ยังไม่กลับมา เจิ้งซวี่เหยาและหลิวเสี่ยวหว่านจึงไม่ได้สนใจเขา
"พี่เสี่ยวหว่าน อาจารย์เจิ้ง เกิดอะไรขึ้น เครื่องจักรเป็อะไรเหรอคะ?"
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน หมี่หลันเยว่นำหมี่หลันหยางและเฉียนหย่งจิ้นกลับมา หลิวเสี่ยวหว่านรีบเข้าไปต้อนรับ จับมือหมี่หลันเยว่ไว้แน่น
"หลันเยว่ สินค้าชุดนี้เป็ผลิตภัณฑ์เก่าของโรงงานต้าอี๋ ไม่สามารถรองรับการผลิตของเราได้เลย ฉันคงโดนโรงงานพวกนั้นหลอกแล้วมั้ง นี่น่าจะเป็สินค้าเก่า ไม่เหมาะกับการใช้งานของพวกเราเลย"
เมื่อเห็นหลันเยว่กลับมา หลิวเสี่ยวหว่านก็รีบอธิบายสถานการณ์ให้เธอเข้าใจอย่างชัดเจน
