มู่หรงลวี่กวงหน้าบิดกระตุก! วิชายุทธ์ที่ฝึกปรือได้ยากที่สุดของตำหนักหมาป่าบูรพาก็คือเพลงกระบี่ปราบมาร มันเองไม่ทราบใช้เวลาไปมากมายเท่าใด กว่าจะลับคมสภาวะท่วงท่าจนเหนือกว่าทุกผู้คน
แต่จากที่หวังเค่อพูดออกมา
นี่ก็แค่ชักกระบี่ออก กับเสียบกระบี่กลับเข้าไป? ไอ้หมอนี่ตาบอดหรือไง? ทักษะอันละเอียดอ่อนของเพลงกระบี่ปราบมารไหนเลยจะเรียบง่ายปานนั้น?
“หวังเค่อ อย่าพูดไร้สาระ!”
เฉินเทียนหยวนทนไม่ไหว
ศิษย์ของข้าพูดจาเพ้อเจ้อต่อหน้าคนมากมาย
เ้าเป็ศิษย์ของข้า อาจารย์เองก็ได้รับการนับถือเพราะวิชากระบี่
หากแม้แต่หลักการวิชากระบี่ยังไม่เข้าใจ ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
“เรียบง่ายยิ่ง ท่านอาจารย์
่ที่ผ่านมาศิษย์เองก็ศึกษาเจตกระบี่ที่ท่านทิ้งไว้ให้ ท่ากระบี่ง่ายๆ เช่นนี้
ข้าจะทำไม่ได้ได้ยังไง?” หวังเค่อท่าทางมั่นหน้าเกินล้าน
เฉินเทียนหยวน “…!”
“ดี ดี มา ศิษย์น้องหวัง
ฮ่าฮ่าฮ่า เ้าเข้ามา มาลองดู ให้ข้าได้รู้ว่าเพลงกระบี่ปราบมารนี้ง่ายดายปานไหน!”
มู่หรงลวี่กวงส่งกระบี่ไอธรรมะแก่หวังเค่ออย่างกระตือรือร้น
“หวังเค่อ!”
เฉินเทียนหยวนคิดห้ามปราม
ทว่าหวังเค่อรับกระบี่มาแล้ว
คนตระเตรียมใช้ท่ากระบี่ชักออกและเสียบกลับเข้าไปแล้ว นี่ ท่ากระบี่ให้เ้าใช้ออก
จากนี้ไปข้าไม่ต้องถูกคนทั่วหล้าหัวเราะเยาะหรือไง?
“ท่านประมุข
ศิษย์น้องหวังเค่อเมื่อคิดทดลองกระบี่ ท่านก็อย่าได้ห้ามปราม
พวกเราเชื่อฟังมันเถอะ!” มู่หรงลวี่กวงออกหน้าห้าม
เฉินเทียนหยวนได้แต่มองดูหวังเค่อ
หว่างคิ้วขมวดมุ่น
จางเจิ้งเต้าเองก็ไม่กล้ามองตรงๆ
วิถีกระบี่ของหวังเค่อน่ะหรือ?
จางเจิ้งเต้ายังไม่เคยเห็นมันเหวี่ยงกระบี่มาก่อนด้วยซ้ำ
เหวี่ยงจอบเสียมคงจะมีบ้าง แต่นี่มันคนละอย่าง!
“เมื่อครู่ตอนตรวจสอบไอมารในร่างข้าก็ได้ลองจับด้ามกระบี่ชั่วคราว
ตอนนี้พอต้องลองกระบี่แล้ว ตรงส่วนด้ามนี้เหมือนจะไม่ค่อยแข็งแรงนะ? ดูเหมือนของล้ำค่า ถ้าเกิดพังขึ้นมาจะทำยังไง?” หวังเค่อส่งสายตาไปทางมู่หรงลวี่กวงและพวก
“กระบี่ไอธรรมะไม่มีทางถูกทำลาย
เ้าลองได้อย่างเต็มที่!” มู่หรงลวี่กวงยืนยัน
“จริงนะ?” หวังเค่อท่าทางกังขา
“ถ้าพัง เ้าไม่ต้องชดใช้
ข้ารับผิดชอบเอง!” มู่หรงลวี่กวงเอ่ยเสียงหนักแน่น
“ได้
งั้นข้าจะขอทดลองดูสักทีแล้วกัน ท่าชักกระบี่ของเ้าเมื่อกี้ ข้าจำได้แล้ว!”
หวังเค่อกุมกระบี่ไอธรรมะปราบอธรรมสาวเท้าขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง
ทุกสายตารวมตัวกันจับจ้องไปที่ร่างหวังเค่อ
“ว่าแต่ว่า
เมื่อกี้เ้าเอาเท้าไหนขึ้นก่อนนะ? ซ้ายหรือขวา?” หวังเค่อถามมู่หรงลวี่กวง
มู่หรงลวี่กวง “…!”
“ช่างเถอะ ไม่สำคัญหรอก
จะเอาล่ะนะ! พวกเ้าตั้งตาดูดีๆ!” หวังเค่อลั่นวาจา
ไม่มีใครคิดว่าท่ากระบี่ของหวังเค่อจะออกมาดูดีอย่างแน่นอน
แค่มองดูครั้งเดียวก็ทำได้? อย่างงั้นพวกข้าที่ตรากตรำร่ำเรียนจะนับเป็ตัวอะไร? พวกวิถีกระบี่พิการรึ?
ทุกคนไม่คิดว่าท่ากระบี่หวังเค่อจะออกมารอด
นี่รวมไปถึงเฉินเทียนหยวนและจางเจิ้งเต้าด้วย
เพียงแต่หวังเค่อเมื่อ้าแสดงความน่าสมเพชของตนเองออกมา
เฉินเทียนหยวนก็ห้ามไม่อยู่จริงๆ เฮ้อ! ช่างเถอะ ล้มต่อหน้าคนใน
ยังดีกว่าออกไปสร้างความอุจาดแก่คนนอก
แต่ชั่วเวลานั้นเอง
รอบกายหวังเค่อพลันเรืองรองด้วยรัศมีพลังอันแปลกประหลาด
“ฮ่าห์!”
ใบไม้โดยรอบพลันหมุนวนรอบตัว
ภาพที่ปรากฏนี้ เหมือนจะเคยเห็นมาก่อนนี่ ใช่ไหม?
ทุกคนอ้าปากค้าง
นี่มิใช่พลังแบบเดียวกับที่มู่หรงลวี่กวงเพิ่งแสดงออกมาหรอกหรือ? นี่ก็คือสภาวะของเพลงกระบี่ปราบมาร?
“นี่ นี่เป็ไปได้ยังไง?”
มู่หรงลวี่กวงตาค้าง
แม้สองเท้าของหวังเค่อจะยืนเสมอกัน
แต่พลังที่เปล่งออกมากลับเป็เช่นเดียวกับตนเองเมื่อครู่ เป็ไปได้ยังไง?
หวังเค่อกำลังถ่ายเทพลังสัจปราณขุ่นของมันเข้าสู่กระบี่ไอธรรมะอย่างต่อเนื่อง
ห่างออกไปไม่ไกล
จางเจิ้งเต้าที่มองการเคลื่อนไหวของหวังเค่ออยู่เป็ต้องหน้าเปลี่ยนสีทันที
ท่าชักกระบี่ของมันไม่มีปัญหา
จุดสำคัญคือพลังสัจปราณขุ่นนั่นต่างหาก ถ้าจะปล่อยสัจปราณขุ่นนั่นออกมา
ไม่กลัวทุกคนเป็ลมตายกันหมดพรรค?
หวังเค่อจะเล่นใหญ่เกินไปแล้ว?
“ท่านประมุข
ข้าว่าท่านถอยออกมาไกลๆ หน่อยดีกว่า!” จางเจิ้งเต้าพูดจาแปลกๆ ออกมา
“ทำไม?” เฉินเทียนหยวนมองอย่างกังขา
จางเจิ้งเต้าเป็อะไรอีก? เมื่อตะกี้ยังไม่เห็นท่ากระบี่ของหวังเค่ออยู่ในสายตา
ไฉนจู่ๆ ตอนนี้มาบอกให้ถอยห่าง คิดว่าข้าจะโดนลูกหลงหรือไง?
“ถอยออกมาดีที่สุด
ทุกคนถอยออกมาหน่อยเถอะ จริงๆ นะ ข้าหวังดีต่อพวกเ้า!” จางเจิ้งเต้าพยายามชักจูงจากก้นบึ้งของจิตใจ
ข้าไม่กลัวพลังของมันทำร้ายพวกท่านาเ็
แต่กลัวว่าพวกท่านจะต้านทานกลิ่นไข่เน่ามรณะของมันไม่ไหว
ชื่อเสียงหวังเค่อจากบริษัทเสินหวังจะมาพังทลายจนหมดแบบนี้ไม่ได้
ข้ายัง้าเงินอยู่นะ
โชคร้ายที่ไม่มีใครสนใจรับฟัง
ทั้งหมดยังคงมองดูหวังเค่อที่รวบรวมพลังสภาวะ
สภาวะท่ากระบี่
เรียกได้ว่าไม่ต่างจากมู่หรงลวี่กวงเมื่อก่อนหน้าเลย
จากนั้น
หวังเค่อพลันลืมตาทั้งสองก่อนชักกระบี่ออก
ชิ้ง!
แสงสีขาวเจิดจ้าเสียดแทงั์ตาทุกผู้คน
ตูมมมม!
เสียงดังลั่นคราหนึ่ง
รอยกรีดยาวสิบจั้งสายหนึ่งผ่าแยกพื้นออกตรงหน้าของหวังเค่อ
“เพลงกระบี่ปราบมาร?” มู่หรงลวี่กวงอุทานลั่น
ขณะที่มันเอ่ยวาจา
กระบี่ของหวังเค่อก็กลับเข้าสู่ฝักเรียบร้อยแล้ว
นั่นคือรอยแยกลึกครึ่งจั้ง
นับว่าห่างไกลจากรอยแยกไร้ก้นของมู่หรงลวี่กวงเมื่อก่อนหน้านี้
แต่แม้จะไม่ทรงอานุภาพทำลายล้างเท่า แต่ท่ากระบี่ยังถูกต้องไม่ผิดเพี้ยน
แม้แต่มู่หรงลวี่กวงเองยังหลุดปากยอมรับเองว่านี่คือเพลงกระบี่ปราบมาร? จะผิดพลาดไปได้อย่างไร?
“ศิษย์น้องหวัง
เ้าก็เป็เพลงกระบี่ปราบมาร? งั้นก็หมดปัญหาแล้ว
ฮ่าฮ่าฮ่า!” เถี่ยหลิวหยุนหัวเราะ
“เป็ไปไม่ได้ เป็ไปไม่ได้
ข้าใช้เวลาฝึกปรือเพลงกระบี่ปราบมารมาตั้งเท่าไร
เ้าแค่เห็นครั้งเดียวจะทำได้ยังไง? เป็ไปไม่ได้
เ้าไปแอบฝึกมาก่อนหน้านี้หลายปีแล้วสินะ ใช่มั้ย?!” มู่หรงลวี่กวงร่ำร้อง
“ศิษย์พี่ใหญ่
ท่านมองผิดไปหรือไม่? ถึงท่ากระบี่ของหวังเค่อจะดูเหมือนท่าน
แต่อานุภาพด้อยกว่ามหาศาล ดูรอยแยกที่ท่านผ่าออกมาสิ ทั้งพลังน่าเกรงขาม
ทั้งยังเสียดสีจนเกิดเพลิงไหม้ ลึกไม่เห็นก้น แต่กระบี่ของหวังเค่อลึกแค่ครึ่งจั้ง
แถมยังไม่มีไฟด้วย!” ศิษย์คนหนึ่งพูดอย่างไม่อยากเชื่อ
“พรึบ!”
ตอนนี้เอง
เพลิงอัคคีลูกใหญ่พลันลุกโหมขึ้นจากรอยแยกครึ่งจั้งของหวังเค่อ
ทุกคนเงียบกริบ
มองดูรอยกรีดลึกครึ่งจั้งของหวังเค่อด้วยสายตาพิศวง
ไฟติดแล้ว?
ทำไมกัน? ไม่น่าใช่
ศิษย์พี่ใหญ่ตัดผ่ารอยแยกจนไฟลุก นั่นเป็พลังมหาศาล
แรงเสียดสีสร้างความร้อนจนเกิดไฟ แต่รอยแยกของเ้าแค่ครึ่งจั้ง
ยังจะมีแรงเสียดสีผายลมอันใดได้ ดินยังไม่เปลี่ยนสีเลยด้วยซ้ำ? นี่ นี่มันผิดหลักการชัดๆ !
“ฟู่ว!”
หวังเค่อผ่อนลมหายใจยาวเหยียด
สาเหตุที่ไฟลุกเป็เพราะปราณกระบี่แฝงไว้ด้วยสัจปราณขุ่น
เมื่อสัจปราณขุ่นถ่ายเทลงสู่รอยตัด เดิมทีสมควรแตกตัวฟุ้งกระจายออกมา
หวังเค่อเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอาจารย์ของตนก็ดูอยู่ หากนี่รมควันผู้คนจนขาดใจตาย
เช่นนั้นคงอับอายไม่อาจสู้หน้าใครอีก
ทว่า หวังเค่อไม่ได้สังเกตว่ารอยตัดของตนเองพาดผ่านรอยตัดของมู่หรงลวี่กวงด้วย
เพลิงที่ลุกไหม้ในรอยแยกของมู่หรงลวี่กวงไม่ต่างจากไม้ขีดไฟ
ส่งผลให้สัจปราณขุ่นลุกไหม้ขึ้นมา ช่างประจวบเหมาะยิ่ง
เมื่อไฟลุกขึ้นมาแล้วก็ไม่ต้องกังวลเื่กลิ่นแล้ว
หวังเค่อถอนใจโล่งอก
ส่วนฝูงชนที่รายล้อมเนิ่นนานยังไม่อาจเข้าใจ
นี่
รอยกระบี่ลึกครึ่งจั้งก็มีปัญญาสร้างไฟได้? ทำไมกัน?
เ้าหวังเค่อคนนี้ทำไมถึงประหลาดทุกตรงเช่นนี้
ครานี้ก็ไม่มีข้อกังขาแล้วว่าที่มันชักออกมาไม่ใช่เพลงกระบี่ปราบมาร
ทักษะยุทธ์ของตำหนักหมาป่าบูรพา
หวังเค่อเองก็สามารถ! แต่ เพราะอะไรกัน?
มีเพียงเฉินเทียนหยวนที่ดวงตาสาดประกายวาบ
คล้ายคาดเดาอันใดออก หากตอนนี้อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย
มันจึงอดกลั้นเอาไว้ไม่เปิดเผยออกมา
“เห็นรึยัง เห็นกันรึยัง
ศิษย์น้องหวังเค่อเองก็เป็เพลงกระบี่ปราบมาร
ย่อมต้องมีคุณสมบัติเป็เ้าตำหนักหมาป่าบูรพาด้วย!” ศิษย์พี่รองเถี่ยหลิวหยุนะโขึ้นมา
“ใช่แล้ว
ศิษย์พี่รองบอกว่าหวังเค่อทำได้มันก็ทำได้
พวกเราทั้งหมดสนับสนุนหวังเค่อเป็เ้าตำหนักหมาป่าบูรพา!” ทันใดนั้น
ฝูงชนก็พากันะโโดยพร้อมเพรียง
“ระดับพลังฝีมือของมันอ่อนด้อยเกินไป
ต่อให้ใช้กระบี่ไอธรรมะ พลังที่เปล่งออกมายังไม่สู้ศิษย์พี่ใหญ่!”
“ผายลม
พวกเราแข่งกันที่พลังฝีมือหรือไง? หากเทียบวัดพลังฝีมือ
นั่นอยู่ที่เงื่อนไขข้อแรก คือต้องเป็ทารกแกนิญญา ไม่ว่าใครก็ไม่มีคุณสมบัตินี้
เพราะงั้นอย่าเอาเื่ระดับพลังมาพูดดีกว่า หวังเค่อเปี่ยมคุณธรรม
เทียบกับพลังฝีมือแล้วนี่จึงสำคัญยิ่งกว่า!” เถี่ยหลิวหยุนช่วยหวังเค่อโต้
ทั้งสองฝ่ายพากันทุ่มเถียงอยู่ชั่วขณะ
ทว่ามู่หรงลวี่กวงจู่ๆ
ก็จ้องมองหวังเค่อเบิกตากว้าง ชี้ไปยังกระบี่ไอธรรมะก่อนจะเปิดปาก “ไหม้แล้ว
ไหม้แล้ว?”
หวังเค่อก้มมองดู กลายเป็ว่าฝักกระบี่กำลังพ่นควันคุกรุ่นอยู่
ชายหนุ่มดึงกระบี่ออกมาจากฝักทันควัน
ก็พลันมองเห็นท่อนกลางของคมกระบี่ด้านหนึ่งกำลังติดไฟ
ณ จุดนี้ หวังเค่อรู้แล้ว
ก่อนหน้านี้ที่ตนเองถ่ายเทพลังสัจปราณขุ่นเข้าไปในตัวกระบี่
คาดว่าตรงส่วนกลางของกระบี่มีการสลักอักขระค่ายกลพิเศษอันใดที่มีคุณสมบัติกักเก็บพลังปราณเอาไว้
พลังสัจปราณขุ่นของตนเองคงไหลบ่าเข้าไปเสียเป็ส่วนใหญ่
มิเช่นนั้นเมื่อครู่คงไม่เหลืออานุภาพเท่าขี้มด
ท่อนกระบี่นี้อัดแน่นด้วยสัจปราณขุ่น
หวังเค่อกำลังคิดหาวิธีดึงกลับมา
กลายเป็ว่าไฟบนพื้นเองก็ลามมาถึงใต้เท้าของหวังเค่อ
สะเก็ดไฟลูกหนึ่งดันสะกิดโดนเพลิงบนกระบี่ในมือของหวังเค่อขึ้นมา
กระบี่ไอธรรมะไหม้แล้ว?
สายตาทุกคู่เบิกจ้องไปยังกระบี่ในมือของหวังเค่อ
“เป็ไปไม่ได้ กระบี่ไอธรรมะ
วารีอัคคีไม่อาจกล้ำกราย จะไหม้ได้ยังไง? ทำไมจู่ๆ
ถึงติดไฟขึ้นมาได้?” มู่หรงลวี่กวงเบิกตาจนแทบถลน
“ขะ ข้า…!” หวังเค่อติดอ่าง
จะบอกยังไง? สัจปราณขุ่นของตนเองทำไมเวลาคับขันต้องทำเื่ผีสางขึ้นมาทุกที?
ตอนนี้กระบี่ไหม้แล้ว? ทำยังไงดี?
เพียงชั่วขณะ
ท่อนกระบี่ที่ติดไฟก็เริ่มร้อนลวกจนแดงฉานดั่งเหล็กร้อน คล้ายกำลังจะละลาย
ละลาย ละลายเป็เหล็กหลอมของจริง
จากที่เห็น กระบี่ไอธรรมะอันเที่ยงตรง
เริ่มโค้งงอลง อีกด้านหนึ่งถึงกับไหลงอลงด้านข้างไปแล้ว
งอแล้ว?
ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ทุกคนเบิกตากว้าง
มองดูกระบี่โบราณล้ำค่าของพรรคเทพหมาป่า์
นี่เป็ครั้งแรกในชีวิตที่พวกมันพบเห็นกระบี่ถูกเผาจนผิดรูป
แม้แต่เฉินเทียนหยวนเองยังคาดไม่ถึง
“เร็ว! เอามานี่!”
มู่หรงลวี่กวงยื่นมือออกคว้าไปทันที
มู่หรงลวี่กวงยึดติดกับตำแหน่งเ้าตำหนักหมาป่าบูรพาปานไหน? ที่มันฝึกฝนเพลงกระบี่ปราบมารมาเนิ่นนานถือเป็หลักฐานยืนยัน
วันนี้ สัญลักษณ์ของเ้าตำหนักหมาป่าบูรพากำลังหลอมละลาย? ได้ยังไง?
แล้วข้าจะเป็เ้าตำหนักหมาป่าบูรพายังไง?
มู่หรงลวี่กวงแตกตื่นยิ่งกว่าเฉินเทียนหยวน
มันกระชากกระบี่ออกจากมือของหวังเค่อ
ตูมม!
นี่เรียกว่าฟางเส้นสุดท้ายที่พาหลังอูฐหักลงโดยแท้
ทันทีที่มู่หรงลวี่กวงออกแรง กระบี่ที่กำลังติดไฟพลันะเิตูมตามออกมา
กลุ่มเพลิงโหมลุกไหม้ะเิออก
ส่วนหวังเค่อและมู่หรงลวี่กวงต่างก็ถูกกระแทกถอยไปคนละก้าว
ทันทีที่ยืนหยัดมั่น เพลิงก็มอดดับไปแล้ว
หวังเค่อถือกระบี่ไอธรรมะอยู่ครึ่งหนึ่ง
มู่หรงลวี่กวงเองก็ถือไว้ครึ่งหนึ่ง
กระบี่ไอธรรมะ…ะเิขาดกลางแล้ว?
สัญลักษณ์แสดงตำแหน่งผู้นำเ้าตำหนักหมาป่าบูรพา
หักแล้ว?
บรรยากาศกลายเป็เงียบสงัดลงในพริบตา!
ภายในจัตุรัสตอนนี้แม้เสียงเข็มตกยังได้ยิน
นี่รวมถึงเฉินเทียนหยวนที่ยืนอึ้งอ้าปากค้าง เกิดอะไรขึ้น?
หนึ่งในสมบัติโบราณสุดล้ำค่าของพรรคเทพหมาป่า์
ไม่ได้ถูกทำลายลงในการศึกกับมารร้าย แต่ถูกคนของตนจุดะเิจนขาดกลางต่อหน้าต่อตา?
เฉินเทียนหยวนอ้าปากค้าง
หากไม่อาจหาคำพูดใด
ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ทั้งหมดขยี้ตา
ไม่นาน แต่ละคนก็เบนสายตามามองหวังเค่อด้วยไฟโทสะท่วมฟ้า
มู่หรงลวี่กวงคลั่งไปแล้ว
กระบี่ไอธรรมะพังแล้ว แล้วตำแหน่งเ้าตำหนักจะทำยังไง? ข้าไม่มีสัญลักษณ์ยืนยันแล้ว
หน้าผากหวังเค่อผุดเหงื่อเย็นเม็ดโป้งเป็สายฝน
นี่ ใครจะรู้ล่ะว่าพลังของสัจปราณขุ่นจะร้ายกาจปานนี้
ขนาดกระบี่ไอธรรมะยังโดนเผาละลาย?
ข้าต้องเป็คนรับผิดชอบงั้นเหรอ ไม่ ไม่!
“ศิษย์พี่ใหญ่
ท่านพูดเองนะว่าถ้ากระบี่เป็อะไรไป ข้าไม่ต้องรับผิดชอบ ท่านจะเป็คนรับเอง
ทุกคนเองก็ได้ยิน ห้ามปฏิเสธนะ!” หวังเค่อะโก้องใส่หน้ามู่หรงลวี่กวง
มู่หรงลวี่กวง “…!”
สีหน้าของมันม่วงคล้ำ เมื่อกี้
ข้าก็พูดออกไปแบบนั้นจริงๆ?
