"พันกลเม็ดโหดในการลงโทษบุตรสาว?" ซูซานหลางเดินเข้าประตูมาได้ยินคำนี้เข้าพอดี ก็มองไปยังบุตรสาวของตนเอง "ซูเฉียวเยว่ ข้าว่าเ้าคงถูกลงโทษน้อยไปกระมัง"
เฉียวเยว่อยู่ในอ้อมกอดของฮูหยินผู้เฒ่า เอ่ยอย่างลำพอง "พี่หญิง อย่านึกว่าพูดเลียนเสียงท่านพ่อแล้วข้าจะหลงกล จะบอกอะไรให้ ข้าไม่กลัวท่านพ่อสักนิด ฮึฮึ! ถ้าเขามีความสามารถก็ลงโทษข้าต่อเลยสิ"
ซูซานหลางยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มนี้แฝงไปด้วยสายลมเย็นะเื เอ่ยว่า "อ้อ ข้าผู้เป็บิดาไม่เคยรู้เลยว่าเ้า้าเช่นนี้"
พอเฉียวเยว่หันมาเห็นก็รีบหลับตา หลังจากนั้นก็เบิกตากว้างอีกครั้ง "อุ๊ยตายแล้ว"
ทำท่าทางราวกับเห็นผี
ทำเอาทุกคนหัวเราะกันครืน
ซูซานหลางเอ่ยเสียงเข้ม "ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเ้าจะ้าสิ่งเหล่านี้ ชะรอยข้าคงลงโทษเ้าน้อยไปจริงๆ"
เฉียวเยว่ซุกดวงหน้าน้อยกับตัวของฮูหยินผู้เฒ่า พลางพึมพำ "ท่านย่าช่วยข้าด้วย ข้าจะอยู่กับท่าน ท่านพ่อเป็พญามารไปแล้ว"
ฮูหยินผู้เฒ่าฉายแววยิ้ม ตบๆ หลังปลอบประโลม "เฉียวเยว่เด็กดี ย่าไม่ให้บิดารังแกเ้าหรอก"
เฉียวเยว่รีบฉวยโอกาส "เช่นนั้นข้าจะอยู่ที่นี่ ข้าจะอยู่กับท่านย่าหลายๆ วันเลย"
ดวงหน้าเล็กจ้อยเงยขึ้นยิ้มตาหยี "ท่านย่าว่าดีหรือไม่ ดีหรือไม่"
ฮูหยินผู้เฒ่าตอบ "ดีๆๆ เ้าว่าอะไรล้วนดีทั้งสิ้น อยู่เป็เพื่อนย่าดีที่สุด"
เฉียวเยว่ปรบมือด้วยความดีใจ "เยี่ยมไปเลย"
ซูซานหลางรำพึงเบาๆ "ช่างเป็ยายหนูตัวกลมที่ร้ายกาจจริงๆ"
เฉียวเยว่ยิงฟัน
เมื่อเห็นฮูหยินผู้เฒ่าดูเหมือนจะอ่อนเพลีย ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นอำลา
เฉียวเยว่จ้องอิ้งเยว่ตาแป๋ว มือน้อยกวักยิกๆ ราวกับแมวกวักเรียกทรัพย์
พลางเอ่ยว่า "พี่หญิง อย่าลืมส่งขนมมาให้ข้าด้วยเล่า"
ซูซานหลางมองดูรูปร่างของบุตรสาว ก็รู้สึกปวดฟันอยู่บ้าง "พรุ่งนี้ค่อยกิน เย็นแล้วใช่ว่าไม่มีข้าวกินเสียหน่อย จะกินขนมอันใด"
เฉียวเยว่กลับไม่ยอมแพ้ นางหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่าอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ สีหน้าชวนให้คนรู้สึกเวทนาสงสาร
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยปากทันที "เด็กเพียงอยากกินขนมไยต้องมากความ อิ้งเยว่เดี๋ยวให้คนส่งมา คนแก่อย่างข้าก็อยากกินเหมือนกัน"
ซูซานหลางรู้สึกจนปัญญา "ท่านแม่ ท่านให้ท้ายนางเกินไปแล้ว"
ฮูหยินผู้ไม่สนใจเื่เ่าั้ "เ้ารีบไปเถอะ"
ซูซานหลาง "..."
เฉียวเยว่หัวเราะคิกคัก
เมื่อคนไปกันหมดแล้ว เฉียวเยว่ก็ขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียง เอ่ยอย่างจริงจัง "ข้าชอบมาหาท่านย่าที่สุด จะได้ไล่ท่านปู่ไปห้องหนังสือดีหรือไม่"
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกปลงอนิจจัง "นี่ไปเรียนมาจากผู้ใดกัน ยายหนูตัวร้าย"
เฉียวเยว่หัวเราะ "ข้าร้ายที่สุด"
ซ้ำยังลำพองใจมากอีกด้วย
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มพลางส่ายหน้า มีเฉียวเยว่อยู่ นางก็รู้สึกอารมณ์ผ่อนคลาย ความวิตกกังวลใดๆ เหมือนจะหายไปสิ้นแล้ว
เฉียวเยว่จะมาอยู่กับนาง นางย่อมยินดี ประการแรกนางชอบเด็กคนนี้ ประการที่สองฟังจากคำพูดของบุตรชาย ครอบครัวของพวกเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ นางไม่อยากให้หลานสาวสุดที่รักต้องแต่งไปสองตระกูลนั้น
ในสายตาคนนอกทั้งสองตระกูลล้วนดีเยี่ยม แต่สำหรับพวกเขาแล้วกลับไม่มีค่าแม้แต่น้อย
"เฉียวเยว่มาอยู่กับย่าหลายๆ วัน จะได้ไม่ต้องถูกบิดาลงโทษบ่อยนัก เด็กน้อยผู้น่าสงสาร"
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างแรง "ดีเ้าค่ะ"
นางดีใจมาก "ข้าจะอยู่กับท่านย่า"
หลังจากนั้นก็ไปกินอิงเถา เพียงแต่ไม่มีผู้ใดเห็นว่าดวงตาของนางมีประกายวาววับ
นางหาใช่เด็กที่แท้จริง ไหนเลยจะไม่รู้ว่าพวกเขาวิตกกังวลกันเื่อะไร
และเพราะความวิตกของผู้ใหญ่ เฉียวเยว่ก็ยินดีที่จะทำตามความ้าของพวกเขา พูดกันตามจริงแล้ว พวกเขาล้วนหวังดีต่อนางทั้งสิ้น
เฉียวเยว่ยกมุมปากเป็รอยยิ้มงามตระการ "ท่านย่า ท่านกินหรือไม่?"
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นแก้มป่องๆ ของนาง ก็หัวเราะ "เ้ากินเถอะ"
...
ระหว่างทางกลับเรือน ไท่ไท่สามเอ่ยว่า "ซานหลาง ไม่รู้ว่าข้าเข้าใจผิดไปเองหรือไม่ ทุกคราที่มาเรือนหลัก ข้ารู้สึกว่าบุตรมักทำตัวเป็เด็ก และไร้เดียงสาเป็พิเศษ"
ซูซานหลางสังเกตเห็นจุดนี้มานานแล้ว ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่มาที่นี่ เฉียวเยว่จะแสดงออกว่าไม่ชอบไท่ไท่สาม แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบจริงๆ เพียงแค่จะช่างฟ้องเป็พิเศษ และทำตัวสนิทสนมใกล้ชิดกับฮูหยินผู้เฒ่า
ไท่ไท่สามก็พบจุดนี้เช่นกัน แต่นางไม่เก็บมาใส่ใจ จะว่าอย่างไรดีล่ะ?
เพราะซานหลางก็เคยทำเช่นนี้มาก่อน
เพียงแต่เฉียวเยว่ยังเล็กมาก ด้วยความที่นางยังเด็ก จึงไม่มีคนรู้สึกว่านางจงใจ
แต่คนเป็บิดามารดาจะเพิกเฉยได้อย่างไร
"ถึงว่าเด็กคนนี้เฉลียวฉลาด นางต้องดูมาจากการแสดงออกของข้าแน่ๆ เ้าควรรู้ว่า เมื่อนางแสดงท่าทีเช่นนี้ ท่านแม่ก็จะไม่ทำให้เ้าลำบากใจ มีแต่จะสงสารด้วยซ้ำ" ซูซานหลางกล่าว
อายุยังน้อยก็ใช้กลอุบายแล้ว
ไท่ไท่สามเข้าใจจุดนี้ นางทุบซานหลางไปทีหนึ่ง เอ่ยว่า "ก็เรียนรู้มาจากท่านทั้งนั้น แต่ละคนเลียนแบบแต่เื่ไม่ดี"
ซูซานหลางคว้ามือของไท่ไท่สาม พลางหยอกเย้า "ข้าเพียงใช้วิธีเรียบง่ายให้เ้าไม่ต้องลำบากเท่านั้นเอง"
อิ้งเยว่เดินตามหลังพวกเขาสองคน รู้สึกว่าบิดากับมารดาแสดงความรักต่อกันมากเกินไปแล้ว จึงเปรยว่า "พวกท่านใคร่ครวญสักหน่อยดีหรือไม่ว่าข้ายังอยู่?"
"เวลานี้ ผู้เป็บุตรสาวก็ควรเป็ฝ่ายหลบเลี่ยงไปเองมิใช่หรือ มาทำให้ข้ากับมารดาเ้าเสียเวลาพลอดรักกัน ไม่กตัญญูจริงๆ" ซูซานหลางเอ่ย
อิ้งเยว่ค่อนขอด "ข้ารู้สึกว่าพวกท่านสมควรถูกยายหนูน้อยหัวไวเฉียวเยว่จัดการแล้ว"
ซูซานหลางไม่นำพาแม้แต่น้อย เอ่ยอย่างเป็ธรรมชาติ "ข้ากับมารดาเ้ามีเื่ต้องคุยกัน เ้าไปจัดการเื่การบ้านของน้องชายดีกว่า"
"เช่นนี้จะดีหรือเ้าคะ?" อิ้งเยว่เอ่ยถาม
"รีบไป"
อิ้งเยว่มองอย่างอึ้งๆ ก่อนจะหมุนตัวไป
"ท่านนี่ก็จริงๆ เลยนะ" ไท่ไท่สามอดว่าไม่ได้
ซูซานหลางหัวเราะ
เขาจูงมือไท่ไท่สามไปนั่งในสวนดอกไม้ แล้วเอ่ยว่า "เ้าดูสิ พระจันทร์วันนี้งดงามยิ่งนัก"
ไท่ไท่สามอมยิ้ม "จริงด้วยสิ"
นางถามเสียงเบา "เฉียวเยว่ซุกซนเพียงนี้ คงไม่ไปก่อเื่ที่เรือนของท่านแม่กระมัง?"
ซูซานหลางเอ่ยอย่างปลงตก "เ้าช่างไม่รู้จักบุตรสาวของตนเองเสียเลย นางใช่คนโง่หรือ" จากนั้นก็เอ่ยอย่างภาคภูมิใจ "บุตรสาวของข้าซูซานหลางย่อมเก่งที่สุด อิ้งเยว่เฉลียวฉลาดอย่างเปิดเผย เฉียวเยว่เฉลียวฉลาดแบบงำประกาย แต่กระจ่างใจทุกอย่าง ข้าว่าครั้งนี้นางจงใจ"
ช่างเป็บิดาที่รู้ใจบุตรสาวโดยแท้
เพียงแต่ทุกครั้งที่นึกถึงความเฉลียวฉลาดของเ้าตัวน้อย ซูซานหลางก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ
ทว่าบุตรสาวทั้งสองของเขาหาใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน และเขาก็เคยชินเสียแล้ว
"จะว่าไปก็แปลก ไม่เห็นท่านวิตกถึงอิ้งเยว่เยี่ยงนี้บ้าง เห็นห่วงแต่เฉียวเยว่อยู่คนเดียว มิน่าเ้าตัวน้อยฉีอันของเราถึงเพียรเฝ้าอิจฉาริษยาทั้งวัน"
ไท่ไท่สามแกล้งหยอก
ซูซานหลางแค่นเสียงหึ "จริงๆ เลย บุตรสาวสองคนของข้าล้วนฉลาดปราดเปรื่อง เหตุใดบุตรชายถึงสามัญยิ่งนัก? ต้องเป็เพราะเหมือนเ้าแน่ๆ ดังคำว่าบุตรชายเหมือนมารดา บุตรสาวเหมือนบิดา"
ไท่ไท่สามทุบเขาอีกครั้ง "ท่านนี่พูดจาเพ้อเจ้อ"
สองสามีภรรยาหยอกเอินกันอย่างรักใคร่ แต่กลับไม่เห็นเงาร่างหนึ่งซึ่งแอบดูด้วยความเคืองแค้นและริษยาอยู่ไม่ไกลนัก
วันรุ่งขึ้น
วันนี้เป็วันที่รัชทายาทกับิ่จื้อรุ่ยเดินทางมาศึกษาที่จวน ทุกห้าวันพวกเขาจะมาครั้งหนึ่ง มิได้มาทุกวัน
นอกเสียจากซูซานหลางมีธุระ มิเช่นนั้นก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
รัชทายาทกับิ่จื้อรุ่ยพบกันก่อนที่หน้าประตูตอนเช้า
ิ่จื่อรุ่ยเม้มปาก ท่าทางเ็าอย่างยิ่ง "ถวายบังคมรัชทายาท"
รัชทายาทกลับทอยิ้มอย่างอ่อนโยน เอ่ยว่า "จื้อรุ่ย่นี้ทบทวนการเรียนเป็อย่างไรบ้าง"
จื่อรุ่ยเน้นด้านการฝึกยุทธ์เป็หลัก แม้ว่าจะมาศึกษาวิชาอื่น แต่ก็มักจะด้อยกว่าหลายส่วน หนำซ้ำอาจารย์ซูก็เข้มงวดมาก ด้วยเหตุนี้จื้อรุ่ยจึงมักถูกตำหนิอยู่เสมอ ไม่ว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวจะเป็เช่นไร ในด้านวิชาความรู้อาจารย์ซูก็มิเคยหย่อนยานแม้แต่กระผีกเดียว
จื้อรุ่ยเอ่ยอย่างไม่นำพา "ก็อย่างนั้นเอง" คล้ายว่าใจไม่อยู่กับเนื้อตัว
รัชทายาทย่อมทราบว่าเขาเป็ห่วงเฉียวเยว่ นึกถึงตรงนี้ก็กล่าวว่า "ตามหลักแล้วเฉียวเยว่น่าจะได้รับการปล่อยตัวั้แ่เมื่อวาน เ้าไม่ต้องกังวล อาจารย์เป็ผู้ใหญ่ ย่อมจะรู้หนักเบา เฉียวเยว่เป็ไข่มุกในอุ้งมือของอาจารย์ ท่านตระหนักได้อยู่แล้วว่าสิ่งใดดีต่อเฉียวเยว่ที่สุด"
ิ่จื้อรุ่ยคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ก่อนเอ่ยว่า "ข้าไม่ได้เอ่ยถึงนางเสียหน่อย"
ปากไม่ตรงกับใจเช่นนี้ รัชทายาทย่อมเห็นอยู่ในสายตา
เขายกยิ้มเล็กน้อย "ใช่ เป็ข้าเองที่ห่วงใยนาง นางอายุน้อยแค่นี้ก็ถูกกักบริเวณเสียแล้ว ไม่รู้ว่าวันนี้จะได้พบหรือเปล่า"
ทุกครั้งที่พวกเขามา เฉียวเยว่ก็จะหาสารพัดเหตุผลแล่นมาหาเสมอ ช่างซุกซนยิ่งนัก
ิ่จื่อรุ่นแค่นเสียงหึ ไม่กล่าวอันใด
เพียงแต่ครั้งนี้ทั้งสองก็ต้องผิดหวัง จนถึงตอนเย็นที่ต้องกลับ เฉียวเยว่ก็ไม่ออกมาปรากฏตัว อย่าว่าแต่ิ่จื้อรุ่ย รัชทายาทเองก็นึกเคลือบแคลงสงสัยเช่นกัน เพียงแต่ไม่แสดงออกเท่านั้น
กลับเป็ฉีอันที่วิ่งมาส่งพวกเขา เขาก็เป็เด็กน้อยหุ่นจ้ำม่ำคนหนึ่ง
"เสด็จพี่รัชทายาท พี่ชายิ่ ข้าดีที่สุดใช่หรือไม่ พวกท่านดูสิ ข้ามาส่งพวกท่านด้วย" เขาชูดอกไม้สองดอกในมือ แล้วส่งให้คนละหนึ่งดอก
ิ่จื้อรุ่ยหัวเราะเยาะ "สำเนียงมารดา [1]"
เสี่ยวฉีอันไม่เข้าใจ เขาทำตาปริบๆ พลางเอ่ยถาม "อันใดคือสำเนียงมารดา ข้าพูดสำเนียงเหมือนกับมารดาของข้าหรือ? มารดาข้าอ่อนโยนที่สุด ดียิ่ง ดียิ่ง เฉียวเฉียวรู้เข้าต้องอิจฉาแน่นอน"
แม้ว่าจะคลานออกมาจากร่างของมารดาช้ากว่าเฉียวเยว่เล็กน้อย แต่เสี่ยวฉีอันก็ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่จะเรียกเฉียวเยว่ว่าพี่สาว เขาไม่เรียกคนโง่ว่าพี่สาวหรอกนะ!
ิ่จื้อรุ่ย "..."
คำกล่าวนี้ชวนให้คนยากจะยอมรับได้จริงๆ
"ฉีอัน ดอกไม้มีไว้มอบให้กับสตรี ขอบใจเ้ามากที่มีน้ำใจมอบดอกไม้ให้พวกเรา แต่คราวหน้าไม่ต้องเอามาให้แล้วก็ได้" รัชทายาทยิ้มน้อยๆ
เสี่ยวฉีอันเอียงคออย่างไม่เข้าใจนัก "แต่ว่านี่เป็ของที่พี่สาวมอบให้ท่านนะ"
ทุกคนต่างตกตะลึง
"เฉียวเยว่?" รัชทายาทเอ่ยถาม
เสี่ยวฉีอันรีบส่ายหน้า "ไม่ใช่ ไม่ใช่ เป็พี่หญิงสี่ พี่หญิงสี่มอบให้เสด็จพี่รัชทายาท ข้ารู้สึกว่าเมื่อเสด็จพี่รัชทายาทมีแล้ว แต่พี่ชายิ่ยังไม่มี น่าสงสาร ก็เลยไปเด็ดอีกดอกมาให้ พี่ชายิ่ ท่านดีใจหรือไม่?"
ิ่จื้อรุ่ย "เหอะๆ ข้าขอบใจเ้าจริงๆ"
เสี่ยวฉีอันยืดอก "ไม่ต้องขอบคุณขอรับ"
รัชทายาททำสีหน้าจริงจัง "ดอกไม้หอมมาก แต่วันหลังฉีอันอย่าทำเช่นนี้อีก"
เสี่ยวฉีอันไม่เข้าใจ "เพราะเหตุใดเล่า? ทีเฉียวเฉียวเด็ดดอกไม้ให้ท่าน ท่านยังมีความสุขรับไว้เลยนี่"
น้ำเสียงเต็มไปด้วยการตัดพ้อ
"คุณสมบัติต่างกัน หากถูกอาจารย์รู้เข้า คนที่จะต้องรับโทษครั้งต่อไปก็คือเ้าแล้ว" รัชทายาทกล่าว
"ถูกข้ารู้อันใดหรือ?" ซูซานหลางเดินออกมาจากประตู
...
[1] สำเนียงมารดา เป็คำเรียกผู้ชายที่มักทำตัวตุ้งติ้งเหมือนผู้หญิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้