บทที่ 87 เื้ัของเย่หรง
“นายนี่มันไม่มีความรับผิดชอบจริงๆ”
หลิวฉิงลอยอยู่ข้างๆ เย่จื่อเฉินพร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้ารังเกียจ
เย่จื่อเฉินเคาะก้นบุหรี่ในมือลงที่เขี่ยบุหรี่บนถังขยะที่อยู่ข้างๆ บิดี้เีแล้วเคาะไปที่ศีรษะเล็กๆ ของเธอ
“เธอจะไปรู้อะไร”
เย่หรงเป็แม่แท้ๆ ของเขา คนเป็ลูกชายอย่างเขาจะไม่เข้าใจได้ยังไง
ในสถานการณ์แบบนี้ ปล่อยให้เซียวอี้เหม่ยกับแม่เขาคุยกันตามลำพังถึงจะเป็วิธีการจัดการที่ดีที่สุดแล้ว ถ้าเขาอยู่ด้วยก็รังแต่จะทำให้สถานการณ์มันอึดอัดกว่าเดิม
“เชอะ จะสร้างภาพอะไรอีก”
หลิวฉิงเบ้ปาใส่หลังเย่จื่อเฉิน ก่อนจะลอยตามไปหยุดอยู่ข้างเขาอีกครั้ง
เย่จื่อเฉินยืนเท้าเอวมองถนนเส้นเล็กที่ราดด้วยก้อนกรวดทอดยาวออกไปไม่มีที่สิ้นสุด เสี่ยวไป๋ที่เห็นทีว่าต้องไล่ออกจากบ้านไปจริงๆ แล้วล่ะ
ไม่ยอมอยู่เฝ้าบ้านดีๆ เอาแต่ออกไปวิ่งเล่นข้างนอก
คิดในใจว่าเดี๋ยวพอจับเสี่ยวไป๋ได้จะต้องจัดการมันหน่อยแล้ว แต่ทันใดนั้น หัวของสุนัขพุดเดิ้ลท่าทางเย่อหยิ่งตัวหนึ่ง ตามด้วยสุนัขฝูงหนึ่งที่รูปร่างสูงใหญ่กว่าตัวมันเองก็ได้โผล่ออกมาจากข้างทาง
เมื่อเพ่งดูดีๆ ก็เห็นว่าหมาพุดเดิ้ลตัวนั้น ถ้าไม่ใช่เสี่ยวไป๋แล้วจะเป็หมาตัวไหนไปได้อีก
“เสี่ยวไป๋”
เย่จื่อเฉินะโเรียก เ้าหมาพุดเดิ้ลที่อยู่ตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นเต้นทันที ก่อนจะแลบลิ้นวิ่งเข้ามาหา
“เ้านาย กลับมาได้สักที หลายวันมานี้ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว”
เสี่ยวไป๋แลบลิ้น ศีรษะเล็กถูไถขากางเกงเย่จื่อเฉินไม่หยุด
เพียะ!
เย่จื่อเฉินยกมือขึ้นตบหัวเสี่ยวไป๋ แรงตบนี้ถึงขนาดทำให้เสี่ยวไป๋ตีลังกากลับหลังเลยทีเดียว
สุนัขที่ตามหลังเสี่ยวไป๋มาเห่าหอนขึ้น ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาเย่จื่อเฉิน
เสี่ยวไป๋รีบะโพลิกตัวขึ้นมาคั่นกลาง แล้วเห่าใส่สุนัขฝูงนั้น
“พวกมันพูดว่าอะไร?”
ในตอนนี้ล่ามหลิวฉิงจำเป็ต้องลงสนามแล้ว หลิวฉิงเลิกคิ้ว แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ดูเหมือนว่าหมาพวกนั้นจะเป็ลูกน้องที่เสี่ยวไปรับเอาไว้นะ เสี่ยวไป๋กำลังสั่งสอนพวกมันอยู่”
เป็อย่างที่คาดเอาไว้เลย ไม่นาน เสี่ยวไป๋ก็วิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามาถูไถขากางเกงของเย่จื่อเฉิน
สุนัขกลุ่มนั้นที่แสดงท่าทีดุร้ายต่อเขา ตอนนี้กลายเป็นั่งแลบลิ้นยาว มองตรงมาที่เขาเหมือนสุนัขพันธุ์ปั๊ก
ปึก
เย่จื่อเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม พร้อมยกเท้าขึ้นเตะตัวเสี่ยวไป๋
“ใช้ได้นี่ ใช้ชีวิตได้สบายดีนี่ รู้จักหาลูกน้องแล้ว”
“เพื่อการบริการเ้านาย”
เสี่ยวไป๋ยกอุ้งเท้าขึ้นมาเหมือนกับจะแสดงความเคารพ แต่เท้าสุนัขอย่างมันยกขึ้นมาไม่ได้ จึงทำได้เพียงท่าทางตลกแบบนี้
เย่จื่อเฉินจะพาเสี่ยวไป๋กลับบ้าน ก่อนกลับเสี่ยวไป๋ก็ยังไม่ลืมที่จะบอกให้ลูกน้องที่อยู่กับมันทั้งหมดแยกย้ายกันกลับบ้านไปด้วย
“แม่ครับ ผมหาเสี่ยวไป๋เจอแล้ว”
เย่จื่อเฉินเดินตามเสี่ยวไป๋กลับมาที่บ้าน
เย่หรงถอนหายใจออกมาอย่างระอาหลังจากที่เห็นเย่จื่อเฉิน ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะคุยกันไปได้มากแล้ว
“ลูกนะลูก”
แม่ของเย่จื่อเฉินส่ายหน้า ก่อนจะลุกออกจากโซฟาแล้วเดินไปห้องครัว
เย่จื่อเฉินรีบนั่งลงบนโซฟา ใบหน้าของเซียวอี้เหม่ยยังคงมีริ้วสีแดงอยู่จางๆ ราวกับว่ายังออกมาจากการพูดคุยกันสองคนเมื่อครู่นี้ไม่ได้
“แม่พูดอะไรกับคุณบ้าง?”
“ที่จริงก็ไม่ได้คุยอะไรมากหรอก ก็แค่ชมว่าเธอเป็เด็กดี”
“งั้นเหรอ สมกับเป็แม่แท้ๆ เลย”
...
หลังมื้อค่ำผ่านไป เซียวอี้เหม่ยก็ไม่ได้อยู่ค้างที่นี่ แต่กลับไปที่บ้านของตัวเอง
อันที่จริงเย่จื่อเฉินอยากให้เธออยู่ค้างที่นี่ แต่ก็จนปัญญาเพราะเซียวอี้เหม่ยยืนยันว่าจะกลับเขาจึงไม่ได้รั้งไว้
ตกกลางคืน
เย่จื่อเฉินนั่งดูรายการวาไรตี้อยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้าน ส่วนเถียนเถียนก็เล่นกับเสี่ยวไป๋อยู่สักพักก็เหนื่อย จึงให้แม่ของเย่จื่อเฉินพาเข้านอน
เพียงครู่เดียว เย่หรงที่สวมชุดนอนก็เดินออกมานั่งลงข้างเย่จื่อเฉิน
“จื่อเฉิน ลูกบอกแม่มาเลยนะว่าผู้หญิงที่ชื่อเซียวอี้เหม่ยคนนั้นกับลูก…”
สุดท้ายถ้าเื่จะเกิดมันก็ต้องเกิด เย่จื่อเฉินเลียริมฝีปากพยักหน้ารับ โดยไม่ได้พูดอะไร
“แล้วแม่หนูซูเหยียนคนนั้นล่ะจะทำยังไง แม่ดูออกว่าเขาก็ชอบลูกมากเหมือนกัน”
“ผมรู้”
“ลูกจะเอายังไง ปล่อยพวกเขาสองคนไปเหรอ?”
เย่จื่อเฉินลังเลอยู่นาน รอยยิ้มจนปัญญาปรากฏขึ้นบนใบหน้าแล้วพูดขึ้น
“แม่ครับ ถ้าผมบอกว่าผมไม่อยากปล่อยใครไปเลย แม่จะคิดว่าลูกชายอย่างผมเลวมากไหม?”
“จะไปคิดแบบนั้นได้ยังไง ลูกเป็ลูกชายแม่ คนเป็แม่จะบอกว่าลูกไม่ดีได้ยังไง” เย่หรงยกมือขึ้นลูบผมเย่จื่อเฉินแล้วพูด
เย่จื่อเฉินส่ายหน้า
“รู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็แบบนี้” แม่ของเย่จื่อเฉินถอนหายใจแ่เบา แล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ลูกก็โตแล้ว แม่ก็เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับลูกมากไม่ได้ แต่ขอบอกไว้อย่างหนึ่ง อย่าทำลายความจริงใจของผู้หญิงสองคนนี้ที่มีต่อลูกนะ อย่าทำเหมือนพ่อ…”
“พ่อผมเขาทำไมครับ?”
สีหน้าของเย่จื่อเฉินเปลี่ยนไปทันที เย่หรงหยุดพูด ก่อนจะลุกออกจากโซฟา
“ปล่อยให้เถียนเถียนอยู่ในห้องคนเดียว แม่ไม่ค่อยสบายใจเลย แม่ไปดีกว่า ลูกก็รีบพักผ่อนเข้าล่ะ”
“แม่ครับ สรุปว่าพ่อผมเขา…”
ปัง!
สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงประตูที่ปิดลงอย่างไร้ความปรานี
เย่จื่อเฉินนั่งแผ่อยู่บนโซฟา เลิกคิ้วจุดบุหรี่ให้กับตัวเอง
ั้แ่เด็กเย่จื่อเฉินก็ไม่เคยรู้เลยว่าพ่อของเขาคือใคร ั้แ่ไหนแต่ไรมาแม่เป็คนเลี้ยงเขามาตลอด อีกทั้งเขาก็ใช้แซ่ตามแม่ของเขา
ถึงจะบอกว่าผ่านไปหลายปีแล้ว เื่ที่เขาอยากรู้ว่าพ่อของเขาเป็ใครก็จางหายไป
แต่มันก็เป็เพราะว่าประโยคที่แม่เขาพูดขึ้นเมื่อครู่นี้ มันสามารถดึงความสนใจของเย่จื่อเฉินเอาไว้ได้
นึกย้อนกลับไปที่น้ำเสียงของแม่และความคลุมเครือในประโยค…
หรือว่าผู้ชายคนนั้นจะรังแกแม่?
กรอด
พอคิดมาถึงตรงนี้ กำปั้นของเย่จื่อเฉินก็กำขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ถ้าเป็แบบนี้จริงๆ เขาจะให้ผู้ชายคนนั้นชดใช้แน่
สามวันผ่านไป
“พี่ไห่ ไม่ต้องยิ่งใหญ่ขนาดนี้ก็ได้มั้ง”
เมื่อมองไปที่ปอร์เช่ 918 คันใหม่เอี่ยม เย่จื่อเฉินก็อดยิ้มเจื่อนออกมาไม่ได้
ก่อนหน้านี้เขาแค่พลั้งปากบอกเซียวไห่ว่าเขาจะต้องไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นมอปลายกับซูเหยียน และดูเหมือนว่าที่นั่นจะมีเศรษฐีอยู่ ถึงตอนนั้นตนก็ว่าจะยืมรถเขามาใช้สักคนหนึ่ง
แต่เขากลับเอาปอร์เช่ 918 มาให้เขาอีกคัน โดยที่ไม่พูดพร่ำทำเพลงเลย
“ใหญ่อะไรกัน ก็เดิมทีคันนี้มันก็เป็รถนายอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง? ก่อนหน้านี้ที่โชว์รูมก็ให้ฉันไปรับ แต่ว่าฉันก็ไม่ว่างเลย”
เซียวไห่หัวเราะเบาๆ
“ก็ไม่เห็นถึงขั้นต้องเปิดรุ่น 918 เลยนี่ มันดูโปรไฟล์สูงเกิน พี่มีรถตั้งหลายคัน ให้ผมยืมออดี้ BMW หรืออะไรสักอย่างก็พอแล้ว”
เย่จื่อเฉินยิ้มเจื่อน แต่เซียวไห่กลับว่าให้เขาถึงความถ่อมตัวนั้น
“เด็กเกินไป ใสซื่อเกินไป นายคิดว่ามันคืองานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนเก่าที่ไปพูดพล่ามกันอย่างเดียวจริงๆ น่ะเหรอ? ทำไมเพื่อนเก่าถึงได้จัดงานเลี้ยง พูดให้ชัดๆ ก็คือคนเก่งไปโอ้อวดต่อหน้าคนไม่เก่ง ส่วนคนไม่เก่งก็ทำเป็เจียมเนื้อเจียมตัวต่อหน้าคนเก่ง มันคือการใส่หน้ากากเข้าหากัน”
“ถึงนายจะไม่ใช่เพื่อนเก่าของพวกซูเหยียน แต่นายอย่าลืมสถานะตัวเองสิ แฟนนะ คุณหนูซูเหยียนเป็ถึงหลานหัวแก้วหัวแหวนของคุณซู ถ้านายทำตัวต้อยต่ำเกินไป แบบนั้นคุณหนูซูเหยียนจะไม่ขายหน้าเอาเหรอ”
น้ำเสียงของเซียวไห่บ่งชี้ไปยังตัวบุคคล เย่จื่อเฉินถอนหายใจแ่เบาคิดจะบอกเื่ราวบางอย่างให้เซียวไห่ได้รู้
แต่พอเห็นท่าทางฉุนเฉียวของอีกฝ่าย ก็กลืนคำพูดนั้นลงไป
“โอเค เข้าใจแล้ว”
“รู้อยู่แล้วแหละว่าเด็กอย่างนายต้องมองได้ทะลุปรุโปร่ง”
เซียวไห่หัวเราะพร้อมกับตบไหล่เย่จื่อเฉิน ท่าทางตื่นเต้นนั้นเหมือนกับว่าเขาคือคนที่ไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นเสียเอง
เย่จื่อเฉินทำได้แค่ส่งยิ้มแห้งให้
ต่อให้เขาขับปอร์เช่ 918 ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ขับรถเข้าไปในห้องส่วนตัวไม่ได้สักหน่อย จะมารู้จักว่าใครเป็ใครได้ยังไง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้