"เอิ่ม..." หยางเฉินรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที ถ้ารู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเขาน่าจะเลือกข้อสอบภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสตามที่เขียนระบุในประวัติส่วนตัว
"มันเป็งานอดิเรกของผมน่ะ ผมค่อนข้างจะมีทักษะด้านภาษาต่างประเทศ"
"โอ้ว คุณมีทักษะอื่นๆ อีกงั้นหรือ" หลินรั่วซีถามพลางกอดอกอย่างคาดคั้น
หยางเฉินเกาจมูก เขาเขินที่จะกล่าวว่าความจริงแล้วเขามีทักษะมากมาย และสิ่งที่เขาถนัดที่สุดคือวิวาทฆ่าคน นอกจากนี้เขายังสามารถขับเครื่องบิน รถถังหรือแม้กระทั่งยิงปืน แต่เขาไม่อาจพูดออกไปได้ ได้แต่ส่ายหน้าแล้วตอบว่า
"ไม่แล้วล่ะ สมองผมไม่ได้มีพื้นที่ขนาดนั้น ขออภัยเป็อย่างสูง ภรรยาที่รักของผม"
"ฉันไม่อนุญาตให้นายเรียกชื่อนั้น!" เป็อีกครั้งที่เธอขมวดคิ้วด้วยความโกรธ "หยางเฉินไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม ตอนนี้นายเป็ลูกน้องของฉันแล้ว เราจำเป็ต้องคุยกันให้เคลียร์"
"ไม่ใช่ว่าคุณจะไล่ผมออกหรอกนะ" หยางเฉินกล่าวอย่างหดหู่ และยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้
"นี่ ที่รัก... เอ่อ... บอสหลิน ผมพยายามหางานอย่างหนักกว่าจะได้งานที่ตรงตามที่คุณ้า งานในออฟฟิศที่สง่างามดุจปุยฝ้าย คุณคงจะไม่โหดร้ายกับผมนักใช่ไหม ถึงแม้ว่าผมค่อนข้างหน้าตาดีก็เถอะ คุณคงคิดว่าอาจเกิดอันตรายกับลูกน้องของคุณ บอกไว้เลยนะเทพบุตรอย่างผมไม่ใช่เสือผู้หญิง ดอกไม้ป่าน่ะไม่หอมหวนเท่าดอกไม้บ้านหรอก คุณว่าไหม..."
"หยุดพูดได้แล้ว!" หลินรั่วซีไม่อาจทนได้อีกต่อไป เธอกระแทกมือบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง พร้อมเม้มริมฝีปากบาง ชายผู้นี้ไร้ซึ่งอีคิวเอามากๆ นี่หรือคือคนที่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก หรือว่าคนอเมริกันจะเป็แบบนี้กัน?
หยางเฉินพยายามกลั้นเสียงหัวเราะอย่างยิ่งยวด เขาคิดว่าทุกครั้งที่เห็นภรรยาหัวเสียนั้น มันช่างน่าดูเสียเหลือเกิน
แน่นอนว่าหลินรั่วซีเปรียบเสมือนดอกบัวอันเลอค่า แต่เธอไม่มีความอ่อนโยนเอาเสียเลย ธรรมชาติของเธอนั้นสูงส่ง มั่นใจในตัวเอง แต่ยังมีด้านที่เหมือนเด็กไร้เดียงสา นั่นเป็สิ่งที่น่าสนใจเป็ที่สุด
ไม่นานนักหลินรั่วซีก็ใจเย็นลง หลังจากส่งสายตาเจตนาฆ่ามายังหยางเฉินเมื่อครู่
"หยางเฉิน ขณะที่เราอยู่ในบริษัท เราต้องปฏิบัติตามกฎสามข้อด้วย"
"เอาล่ะ ตราบเท่าที่คุณไม่ไล่ผมพอก็เป็พอ ผมยอมรับทุกอย่าง" หยางเฉินกล่าว และไม่้าโต้เถียงอีกต่อไป
"ข้อแรก ไม่อนุญาตให้เรียกฉันด้วยชื่อที่น่าขยะแขยงพวกนั้น นายต้องเรียกฉันว่า ‘บอสหลิน’ หรือไม่ก็ ‘ซีอีโอ’ แบบคนอื่นๆ ข้อสอง นายต้องไม่ทะเล่อทะล่าเข้ามาในห้องฉัน และขณะอยู่ในที่สาธารณะ นายต้องรักษาระยะห่าง ข้อสาม นายต้องไม่บอกใครว่าเราแต่งงานกัน ข้อสี่..."
"เดี๋ยวๆ ไม่ใช่สามข้อหรือยังไงกัน ทำไมมีข้อที่สี่เพิ่มมาอีก?" หยางเฉินยกมือประท้วง
"ปัง!" หลินรั่วซีตบโต๊ะด้วยสองมือ ถลึงตาใส่
"ถ้าฉันบอกว่าหลายข้อก็ต้องหลายข้อ ไม่อนุญาตให้นายโต้แย้งฉัน!"
"เอ่อ… ครับ" หยางเฉินฝืนยิ้ม
"ข้อที่สี่ ขณะที่นายทำงานอยู่ที่นี่ ฉันจะดูพฤติกรรมของนายเป็พิเศษ นายจะต้องไม่ทำลายสภาพที่เป็อยู่ตอนนี้ และตราบใดที่นายทำหน้าที่ของนาย ฉันจะไม่ไล่นายออก แม้ว่านายจะเอ้อระเหยไปที่ไหน ตราบใดที่นายไม่ก่อปัญหาฉันก็จะไม่ไล่นายออก ข้อที่ห้า..."
หลังจากฟังหลินรั่วซีพล่ามนานกว่าสิบนาที หยางเฉินเริ่มกลั้นหาวหวอดใหญ่เอาไว้ไม่อยู่ จนเธอเกือบจะพูดจบ
"บอสหลิน คุณพูดจบแล้วใช่ไหม? งั้นผมไปแล้วนะ" หยางเฉินรีบกล่าว เขากลัวหลินรั่วซีจะโกรธและเพิ่มกฎไปมากกว่านี้ เพราะเพียงแค่นี้เขาก็ลืมไปแล้วว่ามันมีกี่ข้อกันแน่
หลินรั่วซีครุ่นคิดสักพักก็พยักหน้า
"วันนี้พอแค่นี้ก่อน นายต้องทำตามที่ฉันบอกไปทุกข้อ ฉันไม่สนว่านายจะไปทำอะไรข้างนอกนั่น ขอแค่นายไม่ก่อเื่เป็พอ แน่นอนว่าเรามีสัญญาไม่ระรานกัน แต่เมื่อนายอยู่ในนี้ นายก็ต้องทำตามกฎ"
"ครับ... ครับ..." หยางเฉินลุกขึ้นอย่างว่องไวพร้อมจากไปอย่างเสือชีต้าห์
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์สีฟ้าดังขึ้น หลินรั่วซีเอื้อมมือไปกดปุ่มรับสายทันที
"บอสหลิน ผู้จัดการทั่วไปซูจื้อหง เชิญบอสไปดินเนอร์กับเขาที่โรงแรมบูเบย์ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงานออทั่มแฟชั่นโชว์"
เมื่อได้ยินชื่อซูจื้อหง คิ้วของหลินรั่วซีขมวดเข้าหากันอย่างเห็นได้ชัด
"วูหยู ยกเลิกได้หรือไม่?"
วูหยูลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าว "บอสหลิน คุณปฏิเสธไปสามครั้งแล้วนะคะ งานออทั่มแฟชั่นโชว์ครั้งนี้เราจำเป็ต้องได้รับการสนับสนุนจาก บริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตงหัวนะคะ ถ้าเรายกเลิกอีกครั้งเกรงว่า..."
"ก็ได้ ฉันเข้าใจ" หลินรั่วซีเม้มปากแน่น "ช่วยจองที่ให้ฉันด้วยสองที่"
"บอสหลิน คุณจะให้ฉันไปกับคุณด้วยหรือคะ?"
"เปล่า" หลินรั่วซีชี้ไปที่หยางเฉิน ซึ่งพยายามจะออกจากห้อง "ฉันจะขับรถไปเอง คุณกลับบ้านได้เลย"
"ค่ะบอสหลิน..." วูหยูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ด้วยหน้าที่แล้วเธอไม่มีสิทธิถามอะไร
หลังจากจบการสนทนา หยางเฉินผู้พยายามหลบหนีออกจากห้อง หันหัวกลับมาพร้อมหัวเราะลั่น
"บอสหลิน คุณจะให้ผมไปจริงๆ หรือ ถ้าจำไม่ผิดโรงแรมบูเบย์เป็โรงแรมระดับห้าดาว แล้วดูสภาพผมสิมันเหมาะกับที่นั่นงั้นหรือ? นอกจากนี้ผมยังไม่รู้เื่ธุรกิจอะไรนั่นอีก"
หลินรั่วซียิ้มเ็ากล่าวว่า
"นายคิดว่าฉันจะพานายไปงั้นหรือ นายมีดีแค่ทำให้เสียหน้ากับพูดจ้อไม่หยุด ยังไงก็ตามเราแต่งงานกันแล้ว นายต้องให้ซูจื้อหงออกห่างจากฉันไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ทำให้เขายอมแพ้ได้ยิ่งดี"
"ผมอัดเขาให้น่วมได้ไหม?" หยางเฉินค่อนข้างใจร้อน "ผมแค่สับเขาเป็ชิ้นๆ แล้วโยนให้หมากินแค่นั้นเอง"
"ไม่ได้! นายแค่ต้องไม่ให้เขาเข้ามาใกล้ฉัน ธุรกิจเราต้องดำเนินต่อไป" หลินรั่วซีพูดช้าๆ ทว่าชัดเจนทุกถ้อยคำ
หยางเฉินสูดหายใจมองหลินรั่วซีด้วยสายตาแปลกประหลาด "บอสหลิน คุณจ้างสามีหรือนักแสดงรางวัลออสก้ากันแน่?"
"เราตกลงกันแล้ว เมื่ออยู่ในบริษัทนายต้องทำตามหน้าที่ของนาย ถ้านายเป็ผู้ชายจริงๆ ล่ะก็ นายต้องรักษาคำพูด" หลินรั่วซีรู้ถึงความเป็สุภาพบุรุษแปลกๆ ของหยางเฉิน เธอคิดในใจอย่างช่วยไม่ได้และดีใจกับชัยชนะเล็กๆ ในครั้งนี้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วดั่งลูกธนู หยางเฉินเดินกลับไปแผนกพีอาร์ หญิงสาวในแผนกต่างอยากรู้ว่าทำไมซีอีโอของพวกเธอถึงเรียกหยางเฉินเข้าไปหาจนกระทั่งเวลาเลิกงาน
ตลอด่บ่ายที่ผ่านมาโม่เชี่ยนนีอารมณ์คุกรุ่นไปด้วยความโกรธ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมซีอีโอที่เธอเคารพถึงไม่ทำตามคำขอของเธอ แม้กระทั่งเชิญหยางเฉินเข้าพบเป็การส่วนตัว หรือหยางเฉินจะมีเื้ัไม่ธรรมดา คำถามเหล่านี้ค้างคาอยู่ในใจ เป็เหตุให้เธอกระวนกระวายจนไม่อาจนอนหลับ
หลังจากหยางเฉินปฏิเสธงานเลี้ยงต้อนรับของหญิงสาวในแผนกแล้ว เขาแอบปลีกตัวไปที่ลานจอดรถพิเศษของซีอีโอ
หลินรั่วซีนั่งอยู่ในรถเบนท์ลี่ย์ของเธอ พร้อมกับมุ่งหน้าตรงไปยังโรงแรมบูเบย์
่เวลาค่ำคืนในเมืองจงไห่นี้ สายโทรศัพท์ดังขึ้นเป็สายของซูจื้อหง หนึ่งชายหนึ่งหญิง ต่างรู้ความคิดของอีกฝ่าย ชายหนุ่มและภรรยาของเขาแสดงออกถึงความรักซึ่งกันและกันในทันที