“เชี่ย! อย่างแกเนี่ยนะสง่างาม” ฉินหลางกล่าว “แต่ดูไปแล้วเหมือนนายจะมีประสบการณ์เื่การเปิดบริษัทหาเงินอยู่ไม่น้อยเลย?”
“แน่นอน!” จ้าวเหว่ยเอามือตบหน้าอกตัวเองพลางพูดขึ้น “เหมือนอย่างที่ว่าไม้บรรทัดสั้นยาวไม่เท่ากัน อยู่โรงเรียนคนส่วนมากมักจะใช้คะแนนสอบมาตัดสิน แต่ว่านายรู้รึเปล่า ต่อไปเมื่อเข้าไปในสังคมแล้ว คนเขาไม่ได้ตัดสินกันที่คะแนนสอบอีกแล้ว อยู่ในโรงเรียน นายอาจจะบอกว่าตัวเองเป็นักเรียนดีเด่นมีหน้ามีตามาก แต่เมื่อเข้าไปในสังคม สิ่งที่ใช้ตัดสินคนคนหนึ่งว่าประสบความสำเร็จหรือเปล่าคือบ้านหลังใหญ่ๆ รถหรูๆ กับผู้หญิงที่อยู่ข้างกาย ถ้าตอนนั้นนายยังจะเอาใบเกรดออกมาโชว์ว่านายเรียนดีขนาดไหน มีแต่จะกลายเป็ตัวตลกของคนอื่นๆ สรุปนายเก่งวิชาชีวะมากไม่ใช่เหรอ ส่วนฉันก็เก่งกลอนกับกวี ในด้านการทำธุรกิจก็พอเป็อยู่บ้าง ฉันตกลงกับพ่อฉันแล้ว ถ้าเข้ามหาลัยฉันจะเรียนการเงิน จบเมื่อไหร่ก็เปิดบริษัท จ้างเลขาน่ารักๆ!”
“เปิดบริษัท จ้างเลขาน่ารักๆ บอกตรงๆ ว่าผลาญเงินที่บ้านล่ะสิไม่ว่า” ฉินหลางหัวเราะ จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ “ถ้าเล่นเกมตลอดก็ไม่มีความหมายอะไร นายชอบเปิดบริษัท ทำการค้าไม่ใช่เหรอ ฉันมีโอกาสให้นายพอดีเลย จะได้เป็การช่วยฉันด้วย—ทำแผนการเปิดบริษัทให้ฉันหนึ่งชุด!”
“แผนการ?” เหมือนจ้าวเหว่ยจะไม่ได้สนใจมากนัก
“ไม่ใช่แค่แผนการ เพราะถ้าแผนการนี้ของนายได้มาตรฐานละก็ ฉันจะลงทุนให้นายเอง” ฉินหลางพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่า ก่อนอื่นแผนการของนายจะต้องได้มาตรฐานก่อน”
ก่อนหน้านี้ฉินหลางกำลังคิดถึงคำพูดของวู๋เวินซ๋าง เกี่ยวกับการฟอกขาวให้ฮานซานฉางกับกระทิงอยู่พอดี ถ้าจ้าวเหว่ยมีพร์ด้านการบริหาร จัดการบริษัทจริงๆ ฉินหลางจะได้พิจารณาอย่างจริงจัง อย่างน้อย จ้าวเหว่ยก็เป็คนที่ไว้ใจได้ เพราะถ้าเป็คนที่ไม่ไว้ใจมาบริหารจัดการบริษัท ไม่แน่อาจจะเป็การชักศึกเข้าบ้านก็ได้
แน่นอนว่า ฉินหลางเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจ้าวเหว่ยจะมีความสามารถจริงหรือเปล่า ดังนั้นแผนการนี้ก็คือบททดสอบ
ตอนแรกจ้าวเหว่ยคิดว่าฉินหลางแค่ล้อเล่นกับเขาเท่านั้น แต่หลังจากได้ฟังฉินหลางอธิบายแล้ว จ้าวเหว่ยถึงตระหนักได้ว่าฉินหลางมีแผนการนี้อยู่จริงๆ ดังนั้นจ้าวเหว่ยจึงเอามือตบอกตัวเองเบาๆ พลางรับปากว่า “นายวางใจได้ 3 วัน—ไม่สิ 2 วัน ใช้เวลามากสุด 2 วัน! แล้วฉันจะเอาหนังสือแผนการที่ได้มาตรฐานมาให้นาย!”
“ได้ งั้นฉันไม่รบกวนนายแล้ว” ฉินหลางดูเวลาพลางกล่าว “ฉันไปติวที่ห้องสมุดก่อนนะ”
“พักบ้างล่ะ อย่าล้มลงใน ‘สุสาน’ นั้นนะ” จ้าวเหว่ยล้อเล่น
“เป็ห่วงตัวเองเถอะ คุณชายตำ!” ฉินหลางเตรียมหนังสือเรียน แล้วเดินออกจากหอพัก
เวลาประมาณ 2 ทุ่ม 50 นาที ฉินหลางก็มาถึงห้องติวหนังสือที่อยู่ชั้นสามของอาคารห้องสมุด
ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาสอบเข้ามหาลัยเข้าไปทุกที ที่ ‘สุสานที่ไฟไม่มีวันดับ’ นี่ก็มีผู้คนแวะเวียนมามากขึ้นตามไปด้วย ยังดีที่ฉินหลางใช้หนังสือสองเล่มจองที่นั่งไว้ก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นเวลานี้เขาอาจจะหาที่นั่งไม่ได้แล้ว
เพียงแต่ตอนที่ฉินหลางมาถึงห้องสมุด ที่นั่งของเขาถูกชาย หญิงคู่หนึ่งยึดไปแล้ว และที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ หนังสือหนึ่งที่เขาใช้จองโต๊ะไว้ถูกทิ้งอยู่บนพื้น อีกเล่มหนึ่งตอนนี้อยู่ใต้เท้าผู้ชายคนนั้น
ในขณะที่ตอนนี้ชายหญิงคู่นี้กำลังหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน นี่มันไม่ใช่ติวหนังสือแล้ว เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้เห็นที่นี่เป็ที่จีบกัน แต่ก็ต้องโทษตัวฉินหลางเองด้วย เลือกที่นั่งที่ติดหน้าต่าง ซึ่งมันเป็ที่ที่เหมาะที่จะใช้จีบกันที่สุดจริงๆ
“นี่ เพื่อนนักเรียน—”
ฉินหลางเดินไปถึงข้างที่นั่ง ตบไหล่ผู้ชายคนดังกล่าวเบาๆ “ที่ตรงนี้ฉันจองไว้ก่อนแล้ว”
อยู่ต่อหน้าผู้หญิง ไม่มีผู้ชายคนไหนจะไม่อยากโชว์ความแข็งแกร่งของตัวเอง ผู้ชายคนนั้นตาขวางใส่ฉินหลาง สบถด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหด “ที่ที่นายจองไว้? นายมีหลักฐานอะไร?”
ฉินหลางใช้นิ้วชี้ไปยังหนังสือที่อยู่ใต้เท้าของชายคนดังกล่าว
ใครจะรู้ว่า ผู้ชายคนนั้นกลับใช้เท้าถีบหนังสือ หนังสือเล่มนั้นไถลไปกับพื้นอย่างลวกๆ ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าไปหยุดอยู่ที่เท้าของใคร
“ครั้งหน้าถ้ายังจะจองที่นั่งอีก ทางที่ดีเช็ดตาให้สว่างหน่อย!” ชายดังกล่าวขู่ฉินหลางอีกหนึ่งคำ
ทันใดนั้นสีหน้าฉินหลางเปลี่ยนเป็เคร่งขรึม ตอนแรกเขาคิดว่าไม่อยากจะลงไม้ลงมือกับเด็กนักเรียนในโรงเรียน แต่เห็นได้ชัดว่าคนตรงหน้าไม่ได้เห็นเขาเป็เพื่อนนักเรียน
“เชี่ย! ตาหมาๆ ของแกบอดหรือไงวะ! ที่นั่งของพี่ฉินแกยังกล้าแย่ง—”
ในตอนนี้มีเงาคนคนหนึ่งรีบพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นหยิบหนังสือบนโต๊ะ ตบหน้าผู้ชายคนนั้นแรงๆ สองที
ฉินหลางหันไปดู คนที่พุ่งมา ‘ออกตัวแทน’ เขาก็คือจ้าวกวงนั่นเอง และด้านหลังจ้าวกวงยังมีผู้ชายที่รูปร่างกำยำพอๆ กันตามมาด้วย ดูท่าแล้วน่าจะเป็เพื่อนในทีมบาสเกตบอลของจ้าวกวง
ตอนแรกชายที่โดนตบเดือดมาก แต่เมื่อเขาเห็นว่าคนที่ตบเขาคือจ้าวกวง ก็เย็นลงอย่างกะทันหัน ชายคนนี้ไม่รู้จักฉินหลาง แต่กลับรู้จักจ้าวกวง ที่เป็ระดับ ‘อันธพาลประจำโรงเรียน’ หลังจากที่โดนตบแล้ว ชายคนดังกล่าวก็รีบพูดขึ้น “พี่จ้าว…ขอโทษ…ผม…”
“แม่ม ขอโทษพี่ฉิน!” จ้าวกวงจ้องชายคนดังกล่าวตาเขม็ง
“พอเถอะจ้าวกวง อย่ารบกวนคนอื่นเขาติวหนังสือเลยนะ” ฉินหลางหันไปพูดกับชายที่โดนตบ “ไปเก็บหนังสือของฉันมา เื่นี้ก็จบแค่นี้”
ชายที่โดนตบพยักหน้ารัวๆ รีบไปเก็บหนังสือเรียนกลับมาให้ฉินหลางอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขารีบลากเพื่อนสาวของตัวเองหนีไปอย่างรวดเร็ว
“จ้าวกวง ขอบใจนะ” ฉินหลางกล่าวขอบคุณจ้าวกวง
“ยินดีครับ พี่ฉิน งั้นผมไปก่อนนะครับ” จ้าวกวงพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย
เมื่อเดินออกห่างแล้ว ชายที่อยู่ข้างจ้าวกวงพูดขึ้น “จ้าวกวง เ้าคนเมื่อกี้หยิ่งผยองไปไหม?”
“แหงสิ จะไม่ให้เขาหยิ่งผยองได้ยังไง รู้เื่ที่วันนี้ไช่เว้ยตงโดนตบไหมครับ? เขานั่นแหละที่เป็คนตบ! แล้วที่สำคัญ คนที่บ้านไช่เว้ยตงไม่กล้าว่าอะไรสักอย่าง! อยู่นอกโรงเรียน คนระดับพี่ผมยาวกับพี่ฮาน เจอเขายังต้องเรียกเขาว่าพี่เลย” จ้าวกวงสบถ
“เก๋าขนาดนั้นเลย?”
“เพราะฉะนั้น ต่อไปตอนอยู่ในโรงเรียน ห้ามทำให้เขาโมโหเป็อันขาด! ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าเพื่อนอย่างผมไม่เตือน!” จ้าวกวงกล่าวเตือน
“รู้แล้ว ได้ยินนายพูดแบบนี้ คนนี้พวกเราไม่กล้าไปมีเื่ด้วยหรอก…”
เพียงไม่นานทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ
ผ่านไป 10 นาที เถารั่วเซียงก็เข้ามาในห้องติว และดึงดูดสายตาของผู้ชายจำนวนมากทันทีที่มาถึง
จ้าวกวงก็เป็หนึ่งในนั้น เห็นเถารั่วเซียงเดินไปยังที่นั่งตรงหน้าฉินหลาง จ้าวกวงถอนหายใจโดยไม่ได้ตั้งใจ “พี่ฉินนี่เก๋าจริงๆ คนที่สามารถให้อาจารย์เถามาติวตัวต่อตัวได้ ก็คงมีเขาคนเดียวแล้วแหละ!”
เมื่อนั่งลงแล้ว เถารั่วเซียงก็เริ่มติวให้เขาทันที
แม้ฉินหลางจะมาที่นี่ด้วยความหวังที่จะได้จู๋จี๋กับเธอ แต่เขารู้ดีว่าเถารั่วเซียงเป็คนยังไง เข้าใจว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่มาล้อเล่น ดังนั้นเขาจึงตั้งใจฟังเถารั่วเซียงบรรยาย ตั้งใจเรียนรู้
ไอคิวฉินหลางไม่ได้ต่ำั้แ่แรกแล้ว เมื่อก่อนที่เขาเกรดไม่ดี ก็เป็เพราะเขาไม่อยากเรียนเท่านั้น ตอนนี้ได้เถารั่วเซียงมาติวให้ด้วยตัวเอง ความกระตือรือร้นของฉินหลางเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเป็สิบเท่า ร้อยเท่า แน่นอนว่าผลการเรียนก็จะต้องดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอยู่แล้ว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
สี่ทุ่ม ห้าทุ่ม เที่ยงคืน…
คนใน ‘สุสานที่ไฟไม่มีวันดับ’ น้อยลงเรื่อยๆ
แม้ที่นี่จะได้ชื่อว่าเป็ที่ที่ไฟไม่มีวันดับ แต่ก็เป็ไปไม่ได้ที่นักเรียนจะไม่ต้องพักผ่อน ดังนั้นเมื่อเลยเที่ยงคืนไปแล้ว คนในห้องติวจึงค่อยๆ น้อยลงเรื่อยๆ
ตอนประมาณเที่ยงคืนครึ่ง ฉินหลางหันไปพูดกับเถารั่วเซียงว่า “อาจารย์เถาครับ คุณควรจะกลับไปพักผ่อนได้แล้ว ผมไปส่งคุณนะ”
“ไม่ต้อง ฉันกลับไปเองได้” ทันทีที่เถารั่วเซียงยืนขึ้นก็เตรียมจะจากไปเลย
ฉินหลางอึ้งไปเล็กน้อย เมื่อก่อนเขาจะเป็คนไปส่งเถารั่วเซียงตลอดนี่นา ต่อให้ระยะทางไม่ไกลมาก แต่ก็เป็่เวลาที่มีความสุข และยังช่วยให้ระยะห่างของเขากับเถารั่วเซียงน้อยลงได้อีกด้วย
แต่วันนี้ทำไมเถารั่วเซียงต้องปฏิเสธเขาด้วย? หรือว่าเป็เพราะเื่ของรั่วปิน?
ดวงความรักดีเกินไป แม้แต่์ก็ยังอิจฉาจริงๆ ด้วย
เถารั่วเซียงก้าวออกจากห้องติวไป เขามองตามหลังเธอจนเดินหายไปบนระเบียง ทันใดนั้นฉินหลางก็ตามออกไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้