อึดใจเดียวเท่านั้น!
เดิมทีชายสวมชุดเกราะสีทองคิดว่าจะทำให้ถังเหล่ยหลบการโจมตีแล้วจะเก็บเอาทองที่กองอยู่ตรงหน้าหนีไป แต่กลับไม่ได้วางแผนเอาไว้ว่าหากถูกโจมตีกลับจะทำอย่างไร?
ในตอนที่ถังเหล่ยใช้เท้าเตะไปที่กองทองก็ทำให้ทองคำหลายชิ้นกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง ทำให้ทหารที่ล้อมขบวนลำเลียงสินค้าต่างแย่งชิงทองคำโดยไม่สนใจว่าผู้นำของพวกเขาจะต่อสู้แพ้หรือชนะ
ทันทีที่ร่างถังเหล่ยปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของอีกฝ่าย ชายสวมชุดเกราะสีทองก็ตกตะลึงเป็อย่างมาก เขาจึงโบกสะบัดหอกในมืออย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการโจมตีของถังเหล่ย
การโบกกสะบัดหอกไปรอบตัวอย่างต่อเนื่องคือวิธีการป้องกันที่ยอดเยี่ยม ชายสวมชุดเกราะสีทองได้ผ่านสนามรบมามากมายและยังมีทักษะการป้องกันที่เป็เลิศ แต่สิ่งที่เขาทำพลาดไปก็คือเขาประเมินความแข็งแกร่งของถังเหล่ยต่ำเกินไป
ถังเหล่ยทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและพุ่งลงมาด้วยความเร็วสูงสุด เขาโจมตีเข้าใส่ชายสวมชุดเกราะสีทองด้วยพลังมหาศาล ทำให้ร่างของชายสวมชุดเกราะสีทองกระเด็นออกไปหลายสิบวา
สายตาที่ชายสวมชุดเกราะสีทองมองถังเหล่ยเปลี่ยนไปทันที เขาเป็ถึงผู้ทรงยุทธ์ขั้นสี่ และยังฝึกฝนอยู่ในกองทัพมาหลายปีเพียงพลังกายก็มีมากถึงสี่หมื่นจินแล้ว และหอกก็เน้นทักษะที่เรียกว่าสี่ตำลึงแลกพันชั่ง คือทักษะอันลึกลับของวิชาหอก
การโบกสะบัดหอกไปรอบๆ คือทักษะการป้องกันตัวที่ยอดเยี่ยม คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็นช่องทางในการโจมตีได้ แต่ถังเหล่ยสามารถจับจังหวะของปลายหอกและยังโจมตีจนแขนของเขาหักได้อีกด้วย
พลังหกหมื่นหรือเจ็ดหมื่นจิน!
“ระดับเพียงผู้ชำนาญยุทธ์ เหตุใดจึงมีพลังการโจมตีมหาศาลเช่นนี้” ชายสวมชุดเกราะสีทองพึมพำกับตัวเอง
สำหรับถังเหล่ย ทหารกลุ่มนี้เป็เพียงฝูงนกฝูงกาในสายตาของเขาเท่านั้น ถ้าเขาสามารถกำจัดผู้นำของพวกเขาได้ คนที่เหลือก็จะแตกกระจายไปคนละทิศละทางอย่างแน่นอน ที่แย่ไปกว่านั้นทหารเ่าั้กำลังแย่งชิงทองคำกันอยู่ไม่มีใครสนใจการต่อสู้ในครั้งนี้เลยด้วยซ้ำ
กริชสีเงินปรากฏในมือของถังเหล่ยอีกครั้ง ร่างของเขาก็สั่นไหวเล็กน้อย ลมหายใจต่อมาเขาพุ่งตามอีกฝ่ายและปรากฏตัวด้านหน้าชายสวมชุดเกราะสีทองอย่างรวดเร็ว
หอกต้องเว้นระยะห่างหนึ่งหรือสองวาถึงจะสามารถโจมตีหรือแสดงทักษะออกมาได้ หากถูกอีกฝ่ายเข้าประชิดตัวจะทำให้ไม่สามารถโจมตีได้และเสียเปรียบเป็อย่างมาก
ถังเหล่ยจับหอกในมือของชายสวมชุดเกราะสีทองเอาไว้ และออกแรงดึงจนทำให้หอกของเขาตกไปอยู่ในมือของถังเหล่ยทันที
“หนี!” ชายสวมชุดเกราะสีทองะโออกมา สิ่งที่ถังเหล่ยทำในขณะนี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเป็อย่างมาก
เขาเคยพบเจอกับศิษย์จากตระกูลใหญ่อยู่บ่อยครั้งและรู้ว่าพวกเขาเ่าั้บ่มเพาะด้วยทรัพยากรที่ดีั้แ่เด็ก แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์มากมาย แต่ในขณะนี้อาวุธคู่กายของเขาถูก่ชิงไปแล้ว ทันทีที่หอกของเขาถูกถังเหล่ยแย่งชิงไป เขาก็หันหลังกลับและวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
ถังเหล่ยเห็นชายสวมชุดเกราะสีทองวิ่งหนีห่างออกไป เขาจึงซัดหอกไปยังอีกฝ่ายทันที การเป็ถึงผู้ทรงยุทธขั้นสี่ทำให้เขาสามารถหลบหอกที่พุ่งมาด้านหลังได้ทันเวลา หอกพุ่งผ่านไปตกในระยะไกล เขาจึงรู้สึกโล่งใจ แต่กลับรู้สึกเย็นวูบวาบที่แผ่นหลัง ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกเ็ปขึ้นมาเล็กน้อยจึงก้มลงมองดูที่หน้าอก เขาพบว่ามีกริชสีเงินแทงทะลุออกมา
ถังเหล่ยที่ตามมาภายหลังดึงกริชออก สายตาจ้องมองไปยังแหวนมิติบนนิ้วของอีกฝ่าย จากนั้นจึงใช้กริชสีเงินตัดนิ้วและเก็บเอาแหวนมิติกลับมาทันที
ทหารหลายร้อยคนที่อยู่รอบบริเวณต่างตกตะลึงและรู้สึกหวาดกลัวเป็อย่างมาก พวกเขาคาดไม่ถึงว่าผู้นำของตัวเองจะกลายเป็ศพในไม่กี่ลมหายใจ พวกเขาที่เหลือเป็เพียงระดับผู้ชำนาญยุทธ์เท่านั้น
ทหารนับร้อยคนถืออาวุธอยู่ในมือแต่กลับไม่มีใครกล้าลงมือ พวกเขาหนีทหารเพราะความกลัวตายทั้งสิ้นและในขณะนี้ผู้นำของพวกเขาก็กลายเป็ศพไปแล้ว ไม่มีความจำเป็ใดๆ ที่พวกเขาจะเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง
ถ้ากล้าหาญไม่กลัวตายจะหนีทหารเพื่ออะไรกัน!
ขณะที่กองกำลังทหารกำลังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ต่อหน้าถังเหล่ย กลับมีแสงไฟอยู่ที่เนินทรายด้านหลังของพวกเขา ทันทีที่ทหารเ่าั้เห็นก็วิ่งหนีราวกับว่าเทพมรณะได้มาถึงแล้ว
ถังเหล่ยจ้องมองไปบนเนินทรายด้านหลังเห็นชายสวมชุดเกราะสีทอง พร้อมกับหอกในมือ ชายคนนั้นอายุประมาณยี่สิบห้าปี คล้ายกันกับคนที่เขาสังหารไปเมื่อครู่
“ไล่ตามไป ห้ามปล่อยให้รอดแม้แต่คนเดียว!” ชายหนุ่มสะบัดหอกและออกคำสั่งให้กองทหารที่ติดตามมา ไล่ล่าเหล่าทหารหนีทัพ
ทหารม้าหลายร้อยนายพุ่งออกมาจากด้านหลังของชายหนุ่มและไล่ล่าทหารหนีทัพที่กำลังวิ่งหนีด้วยความดุร้าย แต่ชายสวมชุดเกราะสีทองที่เป็ผู้นำกลับนิ่งเฉยและจ้องมายังขบวนลำเลียงสินค้า
“พวกเ้าเป็ใครกัน?” ชายสวมชุดเกราะสีทองะโจากเนินทรายที่อยู่ไกลๆ
“เรียนใต้เท้า ข้าน้อยคือขบวนลำเลียงสินค้าจากจักรวรรดิเทียนอวี่ ขนส่งวัตถุดิบสมุนไพร” ผู้นำซางรีบตอบกลับ
จักรวรรดิซือฉีทำาตลอดทั้งปี ยาคือสิ่งที่พวกเขา้ามากที่สุด ชายหนุ่มพยักหน้าไม่ได้กล่าวอะไรต่อ จากนั้นหันมามองถังเหล่ยอีกครั้ง
เนื่องจากถังเหล่ยสังหารผู้นำทหารหนีทัพไปได้ไม่นานจึงยังไม่ได้ขยับตัวไปไหน ดังนั้นศพของผู้นำทหารหนีทัพจึงกองอยู่แทบเท้าของเขา อีกฝ่ายมองถังเหล่ย ถังเหล่ยก็มองอีกฝ่ายเช่นกัน สัตว์อสูรที่ชายชุดเกราะทองกำลังขี่คือสัตว์อสูรระดับหนึ่งขั้นสูงสุด แม้ว่าสัตว์อสูรที่เขาขี่จะไม่ได้หายากแต่ชายสวมชุดเกราะสีทองนั้นเป็ถึงผู้ทรงยุทธ์ขั้นแปด
กองทัพที่นำโดยชายสวมชุดเกราะสีทองล้วนมีม้าขี่ หมายความว่ากองกำลังของอีกฝ่ายต้องมีสถานะสูงมากอย่างแน่นอน ถ้าต่อสู้กันถังเหล่ยคาดว่าเขาคงยากจะเอาชีวิตรอด
แต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่มองถังเหล่ยกับศพที่พื้น ใบหน้าของชายผู้นั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ทั้งสองฝ่ายล้วนนิ่งเงียบ จนทหารที่ไล่สังหารทหารหนีทัพเมื่อครู่กลับมา
“ท่านแม่ทัพทหารหนีทัพถูกสังหารหมดแล้ว แต่ไม่เจอตัวผู้นำของพวกมัน เกรงว่ามันคงหนีไปแล้ว” ทหารระดับผู้ทรงยุทธ์คนหนึ่งรายงานกับชายหนุ่มผู้เป็แม่ทัพ
“ศพของมันกองอยู่ตรงนั้น” ชายสวมชุดเกราะสีทองมองถังเหล่ย ทหารที่อยู่ด้านข้างจึงมองไปทางถังเหล่ย และเห็นศพของผู้นำทหารหนีทัพที่กองอยู่แทบเท้า
“ภารกิจเสร็จสิ้น เตรียมตัวเดินทัพกลับได้” ชายชุดเกราะสีทองโบกมือ ออกคำสั่งให้ทหารหลายร้อยนายตั้งขบวนเตรียมตัวเดินทางกลับ ก่อนที่พวกเขาจะจากไปชายสามชุดเกราะสีทองได้หันกลับมาและถามว่า
“สินค้าเหล่านี้จะถูกส่งไปที่ใด?”
“เรียนใต้เท้า สินค้าเหล่านี้จะถูกส่งไปยังเขตไป๋เหอ!”
“ข้าจะซื้อสินค้าของเ้า และจ่ายมากกว่าสองเท่า เ้าคิดว่าดีหรือไม่?” ชายหนุ่มกล่าว
“เอ่อ...” ผู้นำซางมึนงง เหตุใดแม่ทัพจึง้าซื้อสินค้าของเขา และยินดีจ่ายสูงกว่าราคาปกติ
“หากพวกเ้าตกลงแล้วก็ติดตามพวกข้ามาได้เลย ทหารของข้าจะคุ้มกันความปลอดภัยให้กับพวกเ้า เมื่อถึงที่หมายก็รับเงินและจากไปให้เร็ว” ชายหนุ่มกล่าวอย่างตรงไปตรงมาพร้อมกับส่งสัญญาณให้ทหารยี่สิบคนลงจากม้า และล้อมขบวนลำเลียงสินค้าเอาไว้
ผู้นำซางไม่มีทางเลือกต่อให้อีกฝ่ายปล้นชิงเขาจะทำอะไรได้ แม้ว่าเขาจะมีความหวาดกลัวอยู่ภายในใจ แต่ข้อเสนอของอีกฝ่ายก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกัน
“ข้า้าให้หนุ่มน้อยคนนี้ไปกับเราด้วย ข้าอยากให้หนุ่มน้อยคนนี้ไปยืนยันกับท่านพ่อของข้าว่าผู้นำทหารหนีทัพได้กลายเป็ศพไปแล้ว” ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มจริงใจออกมาแต่ไม่เปิดโอกาสให้มีใครปฏิเสธคำสั่งของเขา
ถังเหล่ยลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ไม่ได้กล่าวปฏิเสธ เขาเดาว่าชายผู้สูงส่งคนนี้จะไม่ลงมือทำสิ่งเลวร้ายอย่างแน่นอน นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขายอมไปกับกองทัพของอีกฝ่าย
“ขอบคุณ!” ชายหนุ่มมองมาที่ถังเหล่ยอีกครั้งและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
……….