แม้ในใจจะไม่พอใจแต่เบื้องหน้าหลินเซวียนก็เค้นรอยยิ้มออกมาพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจว่า “ไม่เป็ไรครับเป็เพราะผมไม่ทันสังเกตว่าเขาเมาอยู่ เลยมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่เกินจำเป็ไป”
“ฮ่าฮ่า ประธานหลินช่างเป็คนใจกว้างผมชื่นชมคนหนุ่มสาวที่รู้ผิดแล้วรู้จักแก้ไขแบบนี้จริงๆ ” หลังได้รับคำขอโทษจากหลินเซวียนกู้ฝูเซิ่งก็คลายมือที่จับไหล่เขาไว้ แล้วทำท่าทางตบบ่าเขาพร้อมกล่าวชื่นชมยกเหล้าขึ้นมาสองแก้ว ยื่นให้เขาหนึ่งแก้วแล้วพูดว่า “มา ดื่มกันสักแก้ว” เมื่อเห็นกู้หลานอันรับแก้วไปแล้วกู้ฝูเซิ่งก็หันกลับไปมองบรรดาไทยมุงแล้วกล่าวว่า “ทุกท่านจะมารวมกันอยู่ตรงนี้ทำไมครับ? แค่เื่เข้าใจผิดให้ทุกท่านขำขันกันรีบใช้เวลานี้มาดื่มอย่างมีความสุขกันเถอะ”
หลังหลินเซวียนรับแก้วไปฝูงชนร่วมสรรเสริญกู้ฝูเซิ่งแล้วก็พากันแยกย้ายกันไปเรียบร้อยกู้ฝูเซิ่งและหลินเซวียนดื่มไปคนละแก้ว ทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้สายตาของอันนาเธอจัดการยกย่องหลินเซวียนโดยพาเขาไปแนะนำให้บรรดาสมาชิกในบ้านได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามเพื่อช่วยสนับสนุนเขา
เนื่องจากเหตุการณ์ความวุ่นวายนี้ทำให้สติการรับรู้ของกู้หลานอันดีขึ้นมาบ้างเขาหรี่ตามองพ่อและหลินเซวียนเดินจากไป ยักไหล่ แล้วแสร้งทำท่าทางเหมือนเมามากขึ้นกอดแขนของเจาเยี่ยแล้วพูดอย่างหยอกเย้าว่า “เจาเจา คนที่รบกวนพวกเราก็ไปกันหมดแล้วพวกเรามาต่อกันเถอะ” พูดจบ ทำปากยื่นพร้อมจะโน้มตัวเข้าไป อันนาเห็นแล้วรู้สึกตื่นเต้นและไม่ได้มีความคิดจะหยุดเขา เจาเยี่ยขมวดคิ้วจนเป็ปม สะบัดเขาออกอย่างแรงพูดทิ้งไว้ว่า “อย่าตั้งชื่อเล่นให้ฉันส่งเดช อยู่ห่างๆ จากฉันหน่อย” แล้วหมุนตัวกลับออกไปกู้หลานอันที่ถูกสะบัดจนโซซัดโซเซล้มลงกับพื้น เห็นท่าทางของเขาก็รีบตรงเข้าไปกอดขาเจาเยี่ยไว้ “เจาเจานายไม่รักฉันแล้วจริงๆ เหรอ? นายจะไปไหน? อะไรคืออยู่ห่างๆ จากนายนายเบื่อฉันแล้วเหรอ?”
เนื่องจากการทะเลาะอย่างอึกทึกครึกโครมของกู้หลานอันและหลินเซวียนเมื่อครู่ทำให้ความสนใจของฝูงชนรอบข้างมีทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจที่จะมองมาทางนี้ตอนนี้กู้หลานอันเอะอะขึ้นมาอีก เริ่มมีท่าทีของการชุมนุมอีกแล้วอันนาถอนหายใจอย่างเสียดาย ก้าวไปตบบ่ากู้หลานอันกล่าวว่า “ใครเขาเคยรักลูกเมื่อไรกันลุกขึ้นเร็ว อย่าทำอะไรน่าขายหน้าตรงนี้”
“ไม่ ผมลุกขึ้นเจาเยี่ยก็จะฉวยโอกาสรีบหนีไปน่ะสิ” กู้หลานอันตอบปฏิเสธท่าเดียวกอดขาเจาเยี่ยด้วยมือที่แน่นแล้วแน่นอีก เงยหน้ามองเขาด้วยความเสียใจแต่เขากลับใจนรู้สึกตัวสั่นกับสีหน้าของเจาเยี่ย ที่เหมือนอยากจะฆ่าคนแล้ว
“ลูกจะลุกไม่ลุกไม่ลุกแม่จะได้หาคนมาตีให้สลบ” อันนาข่มขู่ ลอบถอนหายใจ ลูกแม่ถึงแม้การตามจีบแบบไม่ลดละจะเป็วิธีที่ดีในการตามจีบสะใภ้ก็เถอะ แต่ว่าเราต้องให้ความสำคัญกับโอกาสและต้องดูสีหน้าด้วยนะ ลูกไม่ได้ดูสีหน้าภรรยาลูกเลยเหรอว่าน่ากลัวขนาดไหนแล้ว? ยังจะกอดอยู่อีกระวังคราวหลังมันจะให้ผลตรงข้าม เมื่อเขาเห็นลูกเมื่อไรก็รีบถอยหนีล่ะจะได้ร้องไห้น้ำตาตก
“ไม่ต้องครับผมลุกขึ้นก็ได้” อำนาจการบังคับของอันนา ทำให้กู้หลานอันยอมปล่อยมือจากเจาเยี่ยยันตัวเองลุกขึ้น รู้สึกผิดจนไม่กล้ามองไปที่เจาเยี่ยจึงได้แต่มองไปที่อันนาด้วยความขุ่นเคือง
เมื่อหลุดพ้นจากพันธนาการของกู้หลานอันเจาเยี่ยดึงขาแล้วก็เดินจากไปเลย แต่ก้าวเท้าได้เพียงก้าวเดียวก็ถูกจับจากด้านหลังเขาหันกลับอย่างนุ่มนวลเพื่อให้หลุดพ้น เห็นเป็อันนาจึงพยายามอดทนอดกลั้นควบคุมอารมณ์ให้เป็ปกติรอจนเธอเอ่ยปาก
“เจาเยี่ยหลานอันเมามากแล้ว ให้เขากลับห้องคนเดียวฉันไม่วางใจ แล้วก็แบกเขาไม่ไหวด้วยเธอจะช่วยส่งเขากลับห้องให้หน่อยได้ไหม?” แม้ปากกำลังพูดเพื่อสอบถามความคิดเห็นขณะเดียวกันอันนากลับผลักกู้หลานอันมาถึงข้างกายของเจาเยี่ยแล้วได้ยินคำพูดของอันนา กู้หลานอันดวงตาเป็ประกายรีบทำท่าทางเซไปเซมาเหมือนอยากจะล้ม
“ไม่ได้ครับ ผมไม่รู้ว่าห้องเขาอยู่ตรงไหน” เจาเยี่ยปฏิเสธอย่างสุภาพ
“ไม่เป็ไรเดี๋ยวฉันบอกให้ ห้องเขาต้องออกไปทางประตูด้านนอกเลียบบันไดทางซ้ายไป ชั้นสองห้องในสุด ” อันนาแสร้งทำเป็ฟังไม่ออกถึงน้ำเสียงของเขาบอกตำแหน่งห้องของกู้หลานอันให้เขาด้วยความตื่นเต้น